ถนนสู่อาณาจักร – ตอนที่ 204 การต่อสู้แห่งที่ราบตะวันตก

ถนนสู่อาณาจักร

204 การต่อสู้แห่งที่ราบตะวันตก

 

 

–มุมมองบุคคลที่สาม–

ช่วงหลังฤดูร้อน ทื่ราบตะวันตกบริเวณกลาง

ที่ราบตะวันตกได้รับสภาพอากาศความร้อนแรงมากและขึ้นอยู่กับวันมันก็มีระดับความชื้นอันไม่น่าพึงพอใจด้วย อย่างไรก็ตาม ลมแรงที่พัดมาจากทะเลทำให้มันทนได้มากกว่าในวันนี้

นี่จริงเป็นพิเศษสำหรับทหารผู้กำลังยืนภายใต้ตะวันจ้าในเกราะเหล็ก ผู้คิดว่าลมนั้นเหมือนลมหายใจของนางฟ้า

「ถ้าอย่างนั้นในที่สุดพวกเขาก็อยู่ที่นี่……」

ชื่อของชายผู้พึมพำเบาๆคือ อิแวน กัลเช็นโก้ ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพสหพันธรัฐมาอยู่ที่นี่

เขาอายุมากกว่า 50 เล็กน้อยและผมสีขาวในหัวค่อนข้างโดดเด่น

อย่างไรก็ตาม พลังวิญญาณอันเอ่อล้นของเขาแค่จากการนั่งอย่างเงียบๆไม่ได้เป็นของผู้ชายผู้เหนื่อยหน่ายกับชีวิต

ทหารผ่านศึกคนนี้แพร่รังสีอากาศแห่งศักดิ์ศรีหนึ่งระดับเหนือพวกผู้ชายร่างแข็งแรงและพร้อมแล้วผู้เรียงแถวกันรอบเขา

「ท่าน! คนโง่มาแล้ว」

ที่ราบตะวันตกกางออกไปต่อหน้าต่อตาเขาและทั้งกองทัพจักรวรรดิการ์แลนด์ที่กำลังขยับมาให้เห็นขณะเขาตั้งใจมองเส้นขอบฟ้าโดยไม่ถูกขัดขวาง

「ฉันว่าการเตรียมการสกัดกั้นเสร็จแล้วใช่ไหม?」

「แน่นอนครับ ผู้บัญชาการ ท่านผู้นำกัลเช็นโก เหล่าทหารใต้บัญชาท่านทำการเตรียมการสู้ศึกป้องกันแล้ว」

「อุมุ…… พวกเขาฝึกมาดี」

กองทัพสหพันธรัฐนั้นอยู่ใต้การควบคุมของรัฐบาลแห่งราชวงศ์และส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยทหารจากกองทัพแห่งรัฐบาลรัฐและขุนนางรอบๆเขต ด้วยข้อยกเว้นกับเหล่าชั้นสูงที่คุ้มกันเมืองหลวง

ปรกติแล้ว แค่รวมกองทัพของเหล่าบริวารจะไม่เป็นกองกำลังทหารที่ดี

อย่างไรก็ตามกองกำลังรัฐและกองทัพของบริวารก่อตั้งด้วยความคิดว่าพวกเขาจะสู้และฝึกด้วยกันเป็นกองทัพสหพันธรัฐระหว่างเวลาสงครามตั้งแต่แรก

พื้นฐานหลักๆแล้วกองทัพนั้นต่างกันกับการจับๆทหารมารวมกัน

「กองกำลัง 800 000…… แต่จากอะไรที่ฉันเห็น กองกำลังศัตรูใหญ่กว่านั้นด้วยซ้ำ」

กองทัพ 800 000 คนของกองทัพสหพันธรัฐได้ตั้งแคมป์ในกลางที่ราบกลางอันเติมเต็มด้วยความว่างเปล่าที่มีแต่ทุ่งหญ้า แต่ศัตรูเดินทัพช้าๆมาสู่พวกเขาปรากฏว่ามีจำนวนมากกว่า

「จากรายงานของสายลับของเรา มันดูเหมือนพวกเขาได้เคลื่อนทัพมากกว่า 2 ล้านคนครั้งนี้」

อย่างที่คาด แม้แต่กัลเช็นโก้ก็ถอนหายใจกับความเป็นจริง

「พวกเขารวบรวมทั้งหมด 2 ล้านคนอยู่ในที่เดียวในเวลาเดียวกัน…… ช่างโง่เขลา」

「คนเหล่านั้นจากการ์แลนด์มันแค่คนป่าเถื่อนหัวรุนแรง เราไม่เข้าใจพวกเขาถ้าใช้ความรู้สึกของเรา」

ในสงคราม มีเวลาเมื่อจำนวนสำคัญกว่าคุณภาพ

แต่ นั่นมีขีดจำกัดด้วย

ถ้าคนหนึ่งหาอาหารและน้ำ ยาและห้องน้ำสะอาด ได้อย่างไม่จำกัด ถ้าอย่างนั้นกองทัพ 2 ล้านจะสามารถแสดงความแข็งแกร่งอันไม่มีคู่แข่ง

แต่ในความเป็นจริงอะไรแบบนั้นเป็นไปไม่ได้ การรักษา 800 000 คนที่สหพันธรัฐารวมที่นี่บวกกับกลุ่มโจมตีด้านข้างฝั่งละ 100 000…… รวมกัน 1 ล้าน ต้องการเคลื่อนที่รถม้าและแรงงานจำนวนมากเพื่อเตรียมเสบียงที่เก็บมาเป็นภูเขา

「ยิ่งมากไปกว่านั้นเมื่อพวกเขาเป็นกองทัพฝ่ายบุกและฝ่ายโจมตี ไม่มีทางที่พวกเขาเก็บเสบียงได้」

「ปรกติมันจะเป็นการกระทำมาตรฐานที่จะแบ่งกองทัพเป็นจำนวนแสนสู่กองทัพพื้นที่หลายกอง」

คนของกัลเช็นโก้มีพรสวรรค์มากพอนำกองทัพของตัวเอง

นั่นทำไมพวกเขาไม่กลัวกองทัพผู้จะทิ้งเสบียงเหมือนไม่มีอะไรมากเกินไป

「แต่มันอาจค่อนข้างมีปัญหาถ้าพวกเขาแยกออกและเดินหน้าจากฝั่งตะวันตกสู่ฝั่งตะวันออกของที่ราบตะวันตก」

มันเพราะกองทัพจักรวรรดิกำลังเข้าหาเป็นกลุ่มเดียวจนกัลเช็นโก้เน้นกองทัพอยู่ที่เดียวได้

ถ้ากองทัพที่กำลังเดินหน้ากระจายออกไป จะมีพวกเขาวิ่งไปทั่วมากกว่าและความเป็นไปได้ว่าพวกเขาบางคนอาจซึมผ่านรอยแยกนั้นน่ารำคาญ

「อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับจำนวน มันแค่เป็นแรงกดดันที่ท่วมท้นเรา และในกรณีนั้น เราแค่ต้องทำงานร่วมกันระหว่างถอยอย่างช้าๆ ที่ราบนั้นก็กางไปหลังเรา มันไม่เหมือนว่าเราถูกกันโดยกำแพง」

ถ้าความสงบถูกรักษาระหว่างถอย คนที่จะทำตัวเองเเหนื่อยก่อนจะเป็นฝั่งจักรวรรดิอย่างไม่ต้องสงสัย

ประเด็นเรื่องจำนวน ประเด็นเรื่องเสบียง แต่ละอย่างเหล่านั้นสหพันธรัฐอยู่ในความได้เปรียบ

「เพราะทั้งหมดเราก็มีเส้นทางทะเลสำหรับการขนส่ง」

「อุมุ ฉันอาจเป็นมือใหม่กับการต่อสู้บนน้ำแต่กองเรือจักรวรรดิแค่ประกอบไปด้วยเรือใหญ่และกลยุทธ์ของพวกเขาพื้นฐานเหมือนของโจรสลัด」

เพราะจักรวรรดิก็ทำการโจมตีไม่ทันตั้งตัวระหว่างสงครามกับพวกเขาครั้งที่แล้ว มันอาจเป็นความเสียเปรียบชั่วคราวสำหรับสหพันธรัฐบนบก

เพื่อพลิกนั่นกลับ ชัยชนะการต่อสู้ทางน้ำนั้นจำเป็น แต่ไม่เหมือนการต่อสู้บนบกที่คนหนึ่งสสามารถชนะได้โดยการรวบรวมจำนวน ในการต่อสู้ของกองเรือ ทักษะของลูกเรือและกลยุทธ์ที่คิดมาอย่างดีคือสิ่งสำคัญที่สุด

แม้ว่า การมีแค่ขนาดเท่านั้นทำให้เรือไม่ใช่อะไรนอกเหนือไปจากเป้าขยับได้

เรือจักรวรรดิจมสู่พื้นดินระหว่างยังมีทหารและเสบียงอัดแน่นและจากนั้นจักรวรรดิพ่ายแพ้แม้แต่บนบกหลังจากนั้นไม่นาน

「เพราะนั่น คนเหล่านั้นในทัพเรือทำหัวโตกันใหญ่ไม่กี่ปี่ที่ผ่านมา มาตีพวกเขาให้แตกพ่ายบนบกเถอะ」

「ผมเห็นด้วย ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว เราพร้อม……」

「ประจำการปืนใหญ่รวม 80 กระบอก รวมกันน 500 ต่อเหล่า ทั้งสองอย่างถูกติดตั้งโดยไม่มีความซับซ้อน」

「ฟุมุ…… ดี」

จนถึงตอนนี้ ปืนใหญ่ทำได้แค่ถูกใช้ในการต่อสู้ล้อมเมืองนอกเหนือจากสถานการณ์หนึ่งแต่ตอนนี้พวกมันกำลังถูกเรียงสำหรับการต่อสู้บนบกขนาดใหญ่

กัลเช็นโก้เป็นคนแรกที่สนับสนุนและรู้ว่าระยะและพลังการทำลายของปืนใหญ่นั้นพอสำหรับถูกใช้บนบก

ซึ่งคือทำไมที่ปืนใหญ่ส่วนใหญ่ที่สหพันธรัฐมีได้ถูกรวมมาไว้ที่นี่

「แต่จริงๆฉันอยากรวมมากกว่านี้สองเท่า แต่สุดท้ายทัพเรือนำพวกมันไปบ้าง」

「มันช่วยไม่ได้ คนเหล่านั้นในเมืองสีขาวส่วนใหญ่หัวดื้อยึดติดอยู่กับการใช้ปืนใหญ่ไม่ในการล้อมเมืองก็การต่อสู้ทางน้ำ」

กัลเช็นโก้ส่งเสียงทางจมูก

「จริงจังนะ พวกเขายิ่งดื้อมากกว่าฉันที่อายุ 50 ขึ้น…… หัวพวกเขาจริงๆแล้วถูกใช้เป็นกระสุนสำหรับปืนใหญ่ของเราได้เลย」

เสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมาจากคนเหล่านั้นที่ฐาน

ศัตรูนั้นมีจำนวนที่ยิ่งใหญ่ กระนั้นไม่มีพวกเขาสักคนรู้สึกไปในแง่ลบ

กองทัพของสหพันธรัฐ ไม่มีใครเทียบในทั้งทวีป มีความแข็งแกร่ง 1 ล้านคนและกำลังถูกนำโดยนายพลมากประสบการณ์ผู้ยิ่งใหญ่

ทำไมพวกเขาจะมีเหตุผลที่ต้องรู้สึกประหม่าหรือกลัว

ในท้ายที่สุด ระยะระหว่างสองกองทัพใกล้เข้ามาและทหารเริ่มเดินกันไปกลับและยิ่งมากขึ้นในฝั่งของพวกเขาแต่ละคน

การเดินทัพของกองทัพจักรวรรดิชช้าลงอย่างเห็นได้ชัด

พร้อมด้วยแต่ละคนกับลังยุ่งกับการเปลี่ยนขบวนแถว มันแค่เรื่องของเวลาก่อนกองทัพเปลี่ยนสู่การโจมตี

กัลเช็นโกชักดาบ ณ เอวเขาและประกาศอย่างสบายๆ

「สุภาพบุรุษ มันได้เวลาสงครามแล้ว มาเตะหัวของหมาป่าจักรวรรดิป่าเถื่อนเหล่านี้แและจุดไฟใส่หางมันเถอะ」

「「「โอออ้!」」」

กองทัพจักรวรรดิทำการเคลื่อนไหว

ทหารอยู่ในขบวนแแถวแนวตั้งแยกออกและจัดใหม่เป็นแถวแนวนอนแถวเดียว

คนหนึ่งเรียกการเคลื่อนไหวเหล่านั้นว่าสวยงามไม่ได้แม้ว่าจะแค่เยินยอ ขณะกองทัพกลายเป็นเหมือนก้อนของคนและเดินหน้าระหว่างที่ทุกคนขยับไปขยยับมา

แต่ถึงอย่างไร แถวแนวนอนที่แยกออกประกอบไปด้วยคน 200 000 คน และฝีเท้าของพวกเขาทำให้พื้นสั่นไหวตรงที่พลธนูอยู่เพราะยิงไม่ได้จากระยะไกล

สิ่งลึกลับคือไม่มีพลธนูหรือทหารม้าให้เห็น

ทหารทั้งหมดถูกหุ้มอยู่ในชุดเกราะสีเงินและพวกเขากำลังเคลื่อนที่มาข้างหน้าดั่งพวกเขาถูกขับไล่โดยบางอย่าง

กองทัพสหพันธรัฐรีบตอบโต้และจัดแถวแนวนอนของตัวเอง ไม่เหมือนฝั่งตรงข้าม กองทัพสหพันธรัฐเป็นระเบียบโดยไม่มีแม้แต่ลูกธนูหนึ่งดอกอยู่ไม่ถูกที่แม้จากการตรวจสอบใกล้ แค่คนหนึ่งจะสามารถตัดสินทักษะและการบัญชาการกองทัพที่เหนือกว่าได้ในทันที

「หืมมม……」

กระนั้นกัลเช็นโก้ดูมีปัญหา

「ท่านผู้นำ นั่นคือ…… พวกเขาก็」

「ถ้าอย่างนั้นคนป่าเถื่อนเหล่านี้เหมือนคนทั่วไปด้วยเหรอ?」

หลังแถวเดี่ยวของกองทัพจักรวรรดิ ปืนใหญ่ซึ่งปรากฏว่าเหมาะสำหรับการต่อสู้บนสนาม ถูกเห็นได้ว่ากำลังถูกลากโดยรถเกวียน

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัลเช็นโก้ไม่เสียความมั่นใจไป

「ไม่มีความจำเป็นต้องกังวล เทคโนโลยีจักรวรรดินั้นด้อยกว่าเรา ดังนั้นระยะและความแม่นยำของปืนใหญ่เราควรเหนือกว่า มาขยี้พวกเขาด้วยปืนใหญ่ของเราก่อนเราเข้าระยะของศัตรูเถอะ」

「จากอะไรที่ผมเห็นได้ พวกเขามีพวกมันคร่าวๆแค่ 100 กระบอก ระหว่างเรามีปืนใหญ่แบบใหญ่อยู่กกับที่ฝั่งเรา ถ้ามันการเป็นการยิงกัน ผู้ชนะถูกตัดสินได้ในทันที」

ดั่งกลัวคำเหล่านั้น ปืนใหญ่จักรวรรดิหยุดเคลื่อนไหว

คนเหล่านั้นรอบๆกัลเช็นโก้กลั้นหัวเราะไม่ไหว

「ฮ่าฮ่าฮ่า มันเหมือนทัพเรือของพวกเขาทุกอย่าง พวกเขาเลียนแบบโครงสร้างแต่ภายในนั้นไม่มีตัวตน ที่ระยะนั้น พวกเขาแค่ยิงพวกเดียวกันเอง」

「มันดูเหมือนปืนใหญ่ของพวกเขาจงใจยิงทำความเคารพฉลอง」

บรรยากาศในฐานผ่อนคลายกับภาพของกลยุทธ์ห่วยแตก

ตัวกัลเช็นโก้เองก็พยักหน้าเห็นด้วย พูดว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะแพ้คนโง่เท่านี้

อย่างไรก็ตามบรรยากาศนั้นไม่อยู่นาน

ทันทีเมื่อพลปืนใหญ่ของสหพันธรัฐกำลังจะเตรียมการ กองทัพจักรวรรดิปล่อยเสียงคำรามต่อสู้พร้อมๆกัน

「ศัตรู…… พวกเขาพุ่งเข้าตี! พวกเขาทำการบุกโจมตีเต็มกำลัง! ทั้งแถวกำลังเข้ามาใส่เรา!!」

「เหลวไหล! พวกเขาส่งทหาราบมาข้างหน้ากระทันหันเรอะ!?」

ไม่มีขบวนแถวที่พบได้ที่ไหนสักแห่งแบบทหารศัตรูผู้กระจัดกระจายกันและพุ่งมาข้างหน้าระหว่างตะโกน

คน 200 000 คน ไม่ได้เดินหน้าเป็นระเบียบเรียบร้อยแต่อยู่ในสภาพคลุ้มคลั่ง

「พวกเขาเป็นเผ่าคนป่าเถื่อนเหรอไง!? เออออ้ อย่าให้พวกเขาทำให้หวั่นไหว เราไม่มีเจตนาทำตามความเร็วของพว

กเขา! ยิงพวกเขาทันทีเมื่อพวกเขาเข้าระยะ! พลธนูและพลปืนใหญ่ พร้อมการเตรียมในระเบียบ!」

ทหารสหพันธรัฐตกอกตกใจเล็กน้อยแต่รีบนำความสงบกลับมาออย่างรวดเร็ว

และจากนั้นพลปืนใหญ่ถือไม้ติดไฟของพวกเขาและจุดเข้าสู่กระบอกปืนของแต่ละคน

「……ยิง!」

มีเสียงระเบิดก้องดังแรงมาก

มันดังพอกลบการตะโกนกับสียงฝีเท้าและแม้แต่เรียกการร้องออกมาจากฝั่งสหพันธรัฐ

ไม่นานหลังจากนั้น มันทั้งหมดเปลี่ยนเป็นเสียงร้องแห่งความตายอันทุกข์ทรมาน

ฝนของลูกบอลเหล็กขยี้ทหารรจักรวรรดิสู่ก้อนเนื้ออย่างไร้ปรานี

คนที่ถูกยิงโดนตรงๆถูกเป่าไปเป็นชิ้นๆ ระหว่างคนที่ถูกสาดด้วยเศษกระสุนและเศษหินนั้นถูกฉีกเป็นชิ้นๆ

คนไม่กี่ร้อยตายโดยไม่รู้ว่าพวกเขาตายด้วยซ้ำ และหลายคนมากกว่านั้นหลายเท่าตายหลังจากได้รับความเจ็บปวดสุดขีด

มันเหมือนนรกบนดินของจริง

「ช่างน่ากลัว…… ใครจะคิดว่ายิงชุดเดียวจากปืนใหญ่ทั้งหมดนั้นจะสร้างความเสียหายมากเท่านี้……」

「อะไรที่น่าเสียดายคือเราแสดงให้พวกหัวทึบเหล่านั้นในเมืองสีขาวเห็นไม่ได้ หรือพวกเขาอาจจะหัวแยก」

มันก็มีความนิ่งหลังจากการยิงปืนใหญ่ขณะที่ฉากของการทำลายล้างกำลังเกิดขึ้น ซึ่งทำให้กำลังใจทหารเสียหายได้มากกว่าจำนวนผู้ตาย

เสียงคำรามแห่งสงครามจากกองทัพจักรวรรดิเงียบงันและทหารเริ่มหันหลังตามๆกัน

อะไรที่พวกเขาพบในกลุ่มของกองทัพจักรวรรดิคือปืนใหญ่ซึ่งหยุดอยู่แถวหน้า

「「「อุ…… อุโออออออ้—!!」」」

「เป็นไปไม่ได้! พวกเขามันคนป่าเถื่อนหรือ…… ไม่ พวกเขาบ้าไปแล้วหรือไง!?」

กองทัพจักรวรรดิทำการบุกต่อ

พวกเขาเดินหน้าสู่ข้างหน้า เหยียบย่ำซากของพวกพ้อง

「ระยะระหว่างการยิงมันนานเกินไป พลธนูควรยิงไม่หยุด พลหอก อยู่ในขบวนแถวป้องกัน!」

ในพริบตา ท้องฟ้าถูกเติมเต็มด้วยลูกธนู ปืนใหญ่ซึ่งเตรียมการแล้วก็ยิงและฉากนรกคล้ายกันเกิดขึ้น

พลธนูของจักรวรรดิผู้ยิงกลับได้ไม่ได้มีทหารม้าที่จะชิดระยะอย่างรวดเร็วและพวกเขาจึงถูกกำจัดอยู่ฝ่ายเดียว

สนามรบเปลี่ยนเป็นฉากจากนรกพร้อมกับมีแค่ศพของทหารจักรวรรดิเรียงกันอยู่บนพื้น แต่ถึงอย่างนั้นขาของพวกเขาไม่ยอมแพ้

พวกเขาตะโกนต่อไปและบุกอย่างตั้งใจ พยายามชิดระยะห่างมากที่สุด

「……ท่านผู้นำศัตรูปรากฏว่าเน้นอยู่กับกองกำลัง 10 000 คนของเหล่าที่สามข้างหน้า」

「ทำบางอย่างไม่ปรกติ…… มันทำให้พวกเขาเหมือนสัตว์ป่าด้วย ไม่ใช่เหรอ!?」

สหพันธรัฐนั้นแข็งแกร่ง 800 000 คน แต่พวกเขาไม่ทำอะไรบางอย่างโง่เขลาเหมือนเรียงหน่วยของพวกเขาเป็นแถว มีแค่สองเหล่าประกอบไปด้วยคน 200 000 คนถูกส่งออกไปข้างหน้าและมันดูเหมือนศัตรูเน้นการโจมตีไปที่ฝั่งเดียว

มันดูเหมือนเร็วเกินไปจากมุมมองจักรวรรดิที่จะเผชิญหน้าเพื่อตีขบวนแถวหาความช่วยเหลือ

ในอดีต จักรวรรดิไม่เคยสู้ในแบบที่เคารพชีวิตทหาร พวกเขากวาดไถตามไปตามทางโดยใช้ความได้เปรียบทางจำนวนที่เหนือกว่าเต็มที่แทน

แต่แม้จะว่าอย่างนั้น พวกเขาจะไม่สู้ในวิธีอุกอาจเช่นนี้

「ไม่ว่ากรณีไหน มันไม่เปลี่ยนอะไรที่เราต้องทำ เราจะใช้ปืนใหญ่และลูกกธนูเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้พวกเขา ตอนนี้ พวกเขาแค่ตื่นเต้นกับช่วงเวลา เมื่อพวกเขาได้รับผู้เสียชีวิตไม่กี่คน พวกเขาจะกลับไปมีสติ…… เมื่อนั่นเกิดขึ้น จำนวนทหารผู้หนีควรเพิ่มขึ้น」

กัลเช็นโก้พูดอย่างทรงพลังดั่งเกลี้ยกล่อมตัวเอง

ณ เวลาเดียวกัน เสียงแกร๊งจากเหล็กก้องกังวาน

ในที่สุดทั้งสองกองทัพก็ปะทะกัน

ในการต่อสู้ตอนเริ่มต้น มีแรงกดดันแปลกมาจากตรงกลางที่ดันสู่ปีกซ้ายและปีกขวาของสหพันธรัฐ

「ศัตรูแค่พยายามตีฝ่า ถอยระหว่างขับไล่พวกเขา!」

แม้อย่างนั้นผู้บัญชาการของสหพันธรัฐไม่ตื่นตกใจ กองทัพสหพันธรัฐรักษาระเบียบระหว่างโจมตีทหารจักรวรรดิผู้เหวี่ยงดาบไปทั่วอย่างบ้าคลั่งสวนไป

「กองทหารที่สามถอยทัพ! หน่วยปืนธนู ยิงผ่านช่อง! หน่วยพลธนูที่สอง ใช้การยิงมุมสูงเพื่อก่อกวนแถวหลังศัตรู」

「กองทหารที่สองยืนประจำที่และอย่าให้ขบวนแถวเสียหาย!」

ทหารจักรวรรดิดันมาข้างหน้าเหมือนน้ำท่วมระหว่างกองทัพสหพันธรัฐขวางเส้นทางเหมือนหินยักษ์

หลังจากถอยทัพถึงจุดหนึ่ง แรงส่งหายไปและในท้ายที่สุดพวกเขาหยุดเคลื่อนไหว

「เดินไปข้างหน้า! พวกเขาไม่มีโล่หรือเกราะ!」

เมื่อเทียบกับเกราะที่ทำงานได้กระนั้นสวยงามของสหพันธรัฐ ทหารกองทัพจักรวรรดิหลักๆแล้วในเกราะโซ่และในหมู่พวกเขาเหล่านั้นบางคนมีแม้แต่เกราะหนังสกปรก

ทหารจักรวรรดิมีอาวุธอยู่หลายแบบจากดาบสู่กระบอง แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่มีโล่

「จัดการนี่เหมือนขับไล่คนป่าเถื่อน! แทง!」

พลหอกสามารถจัดแถวตัวเองได้แม้ว่ามีความสับสนและจากนั้นดันปลายของอาวุธพวกเขาออกไปพร้อมๆกัน

「ว้าาา!」 「กิย้าาา!」

ปลายหอกคมกริบโดนในที่อื่นนอกจากหน้าและช่องว่างระหว่างเกราะของพวกเขา แต่เกราะหยาบๆกันการโจมตีไม่ได้อย่างสมบูรณ์และทหารจักรวรรดิเริ่มล้มลงทีละคนตามๆกัน

ทหารศัตรูผู้กลัวถอยหลังจากเห็นป่าของหอกแทงออกมาหน้าพวกเขา แค่ถูกยิงอย่างไร้ปรานีโดยลูกดอกปืนธนู

「ชิดระยะ! ยกเว้นว่าทำำการต่อสู้ระยะประชิด ดาบจะไม่ไปถึงพวกเขา!」

เคารพการตะโกนบัญชาการของผู้บัญชาการจักรวรรดิ ทหารลดระยะระหว่างพวกเขาและกองทัพสหพันธรัฐ แต่การป้องกันนั้นตั้งขึ้นแล้ว

ก่อนทหารจักรวรรดิไปถึงเป้าหมายที่ต้องการได้ ปืนธนูและหอกจัดการพวกเขา และมากกว่านั้น ทหารราบติดอาวุธหนักกันทางของพวกเขาอย่างสมบูรณ์

「บัดซบ! รับนี่ ไอ้บัดซบ!」

「ทหารราบหนักเหล่าแรก เดินหน้า! ดันศัตรูกลับไป」

การโจมตีจากทหารจักรวรรดิผ่านเกราะหรือการป้องกันแข็งของทหารราบหนักของสหพันธรัฐไม่ได้

ในทางกลับกัน สหพันธรัฐเมินอุปกรณ์กระจอกของทหารจักรวรรดิและกำจัดทหารสำเร็จหลังจากทหารใช้หอก, ดาบ, และปืนธนู

ทหารจักรวรรดิเกือบสิบคนถูกกำจัดสำหรับแต่ละคนของทหารสหพันธรัฐที่ถูกกำจัด

กระแสของการต่อสู้เปลี่ยนอย่างสมบูรณ์จากอะไรที่มันเริ่มที่ตอนนี้สหพันธรัฐสู้ด้วยความได้เปรียบทุกด้าน

「จงใจเย็น! ศัตรูแค่ตะโกนเพื่อการแสดง ไม่มีความจำเป็นที่ต้องกลัว!」

「「โออออออ้–!!」」

ครั้งนี้ เสียงคำรามต่อสู้ขึ้นมาจากฝั่งสหพันธรัฐและทหารบนปีกขวาเริ่มทำการโจมตีสวนอันดุเดือด

ตอนนี้ที่ผลกระทบจากฝั่งจักรวรรดินั้นหายไปแล้ว สหพันธรัฐยืนเหนือในแง่ของระดับทักษะและคุณภาพอุปกรณ์

แม้แต่จำนวนที่ได้เปรียบของจักรวรรดิก็สูญเปล่าเมื่อทหารมากมายอยู่เฉยๆหลังแถวการต่อสู้ของพวกเขากลายมากองๆกันเป็นลูกบอล ทำให้จำนวนจริงของทหารสู้กันในจำนวนเท่ากันกับสหพันธรัฐ

ปีกซ้ายของจักรวรรดิยั้งสหพันธรัฐไว้ไม่ได้แล้วและเริ่มถูกดันถอยกลับ ในท้ายที่สุดกลับไปไกลกว่าจุดที่ทั้งสองปะทะกันด้วยซ้ำ

ทั้งส่วนกลางและปีกขวาหวั่นไหวและถอยทัพระหว่างเดินไปพร้อมกันกับซ้าย

「ฮึ่ม สงครามไม่ใช่บางอย่างที่คนหนึ่งชนะได้ถ้าคนนั้นทำรีบๆ หน่วยทหารม้า อ้อมพวกเขา พลธนู อย่าให้แนวหลังศัตรูพักและยิงต่อไป」

กัลเช็นโก้กำลังดูสภาพของการต่อสู้และรู้สึกถึงการทำลายล้างศัตรูนี้ค่อนข้างชัด

เมื่อขาของหมูป่าที่พุ่งเข้ามาหยุดลง ไม่มีทางที่มันจะชนะสิงโตได้

ทหารม้าที่อ้อมในท้ายที่สุดอ้อมได้เพื่อข่มขู่ปีกของศัตรู และด้วยนั่น ชะตากองทัพจักรวรรดิถูกผนึกแล้ว

「ปีกซ้ายศัตรูแตก!!」

คนดูต้นทางจากยอดหอสังเกตุการร้อง

ปีกขวา หรือปีกซ้ายของจักรวรรดิ เป็นฝั่งที่ถูกดันมากที่สุด ดังนั้นมันคาดแล้สวว่าจักรวรรดิจะแตกพ่ายตรงนั้นและทหารจะเริ่มหนี

ในสถานการณ์นี้ ฉีกหนึ่งปีกหมายถึงการแตกพ่ายของทั้งหน่วย

ทหารแถวหน้าส่วนหนึ่งเปลี่ยนสู่การไล่ตามหลังผู้หนีแล้ว

「ไล่ตามพวกเขา! อย่างน้อยเราควรทำให้แนวหน้าของพวกเขาถูกทำลายให้แน่นอน!」

ทหารสหพันธรัฐฟันเข้าลึกใส่หลังของทหารจักรวรรดิผู้กำลังหนี

「คิ่ย้าาาาาาา!!」

「อะไร-!?」

ทหารแข็งนิ่งด้วยสัญชาตญาณหลังจากได้ยินเสียงร้องแหลมสูง

เมืองทหารจักรวรรดิล้มลงสู่พื้นพร้อมมือจับหลังที่อาบเลือด ผิวเข้มและผมดำถูกเปิดเผยอยู่ข้างใต้หมวกเกราะที่หลวม

「ผู้หญิง หือ…… กุก!」

ดาบถูกแทงเข้าสู่สีข้างของทหารที่กำลังยืน และเขาเข้าร่วมกับผู้หญิงที่ล้มสู่พื้น ทรุดล้มลงไร้การเคลื่อนไหวข้างเธอ

「ยังมีผู้ชายลงหลักอยู่! ไล่เหยียบย่ำพวกมัน!」

ปีกซ้ายของจักรวรรดิแตกพ่ายอย่างสมบูรณ์และกระจายตัวไปทิศทางต่างกันอย่างช้าๆ

และจากนั้น เสียงเปลี่ยนเป็นสายฟ้าฟาดของปืนใหญ่

「เป็นไปไม่ได้! ใครเป็นไอ้บ้าผู้ยิงปืนใหญ่ระหว่างการต่อสู้ระยะประชิดวะ!!」

หนึ่งในเจ้าหน้าที่ทหารตะโกนอย่างดัง

มันไม่ใช่สถานการณ์ที่เหมาะสำหรับปืนใหญ่ตอนนี้ที่ทั้งสองมิตรและศัตรูปะทะในการต่อสู้ระยะประชิด

คนดูต้นทางทำการรายงานปฏิเสธความคิดแรก

「มันคือศัตรู…… พลปืนใหญ่ศัตรู…… พลปืนใหญ่ศัตรูบนปีกซ้าย……?」

「หือ? ยิงพลาดด้วยอุบัติเหตุเหรอ!?」

「พิจารณาศัตรูนี้ นั่นเป็นไปได้……?」

อย่างไรก็ตาม คนดูต้นทางตอบต่างออกไป

「ไม่ใช่อย่างนั้น! กองทัพจักรวรรดิ…… กำลังยิงพวกเดียวกัน…… ใส่พวกเดียวกันที่กำลังหนี!」

「ไม่มีทาง…… ยิง…… พวกเดียวกัน……?」

กัลเช็นโก้และเจ้าหน้าที่ทหารกลายเป็นไร้คำพูด

พวกเขาตามตรรกะหลังเจตนายิงพวกเดียวกันไม่ได้

「ศัตรู ปีกซ้าย…… การหนีหยุด พวกเขามุ่งหน้ามาหาเราอีกครั้ง」

กัลเช็นโกส่ายหัวของเขาดั่งว่าเขาเชื่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นไม่ได้

มันไม่ใช่หน้าตาสับสนที่ปรากฏบนหน้าของเขา แต่เป็นหน้าตาโมโหแทน

มาจากความภาคภูมิใจที่เขามีในฐานะทหารมากประสบการณ์ผู้ปกป้องประเทศมาหลายปี

พวกเดียวกันคือพวกเดียวกันแม้ว่าพวกเขาเป็นพลทหาร เขาเข้าใจว่ามีเวลาที่กลยุทธ์ต้องการใช้เบี้ยไว้เสียสละและเขาก็เข้าใจว่ามีเวลาที่ทหารสู้โดยรู้ว่าพวกเขาจะถูกกวาดล้างด้วย

แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เจตนายิงพวกเดียวกันเอง

สำหรับทหาร นั่นคือสิ่งต้องห้ามที่สุด

「ถ้าอย่างนั้นนี่คือทำไมปืนใหญ่ของพวกเขาไม่ออกมาตั้งแต่เริ่ม…… พวกเขาเล็งพวกเดียวกันเองตั้งแต่แรกเหรอ!?」

ปีกขวาของสหพันธรัฐคิดว่าพวกเขาชนะแล้วและแต่โดนแรงส่งที่คืนชีพเต็มกำลังจากการพุ่งเข้าตีอย่างบ้าคลั่งและเริ่มถอยทัพอีกครั้ง

「การเคลื่อนไหวถูกพบในฐานศัตรู! หน่วยใหม่กำลังถูกส่งออกมา…… อุปกรณ์และขบวนแถวพวกเขาต่างออกไป!」

กัลเช็นโก้ขึ้นหลังม้าและตะโกน

「หน่วยเมื่อกี้เป็นแค่เบี้ยสังเวย! กองทัพหลักศัตรูกำลังมา อย่าแพ้ให้กับกลยุทธ์เลวทรามแบบนี้ เขาใจมั้ย!! แสดงให้พวกเขาเห็นถึงความภูมิใจของสหพันธรัฐ!」

การตะโกนของเขาลอยไปสู่ทหารทั้งหมดและลบความสับสนและความตกตะลึงของพวกเขา

หน่วยสำรองของกองทัพหลักของสหพันธรัฐถูกส่งออกไปในการเตรียมการสำหรับศัตรูใหม่

การต่อสู้กำลังจะมาถึงช่วงสำคัญ

 

 

กองทัพจักรวรรดิการ์แลนด์ ฐาน

「ทหารทาส 200 000 คนถูกดันกลับ」

แซพเนสมองดูสีหน้าของชายผู้คุกเข่าหน้าเขาและหัวเราะหลังจากได้ยินรายงาน

「ดูเหมือนเป็นอย่างนั้น ฉันไม่คิดว่าทหารทาสจะสามารถกำจัดพวกเขาได้อยู่ดี」

กำลังเห็นความรู้สึกโล่งใจผ่านมาสู่หน้าลูกน้องเขา เขามอบคำสั่งใหญ่ซึ่งเทียบได้กับตัวใหญ่โตของเขา

「ให้ทหารทาสโจมตีต่อไป! ทำให้พวกเขาสู้จนกว่าคนสุดท้ายล้มตาย!」

ทหารทาสเป็นชื่อของทหารผู้ถูกเกณฑ์จากบริวารจักรวรรดิ

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ใช่แค่บริวารจักรวรรดิ เพราะคนเหล่านั้นผู้ยังคงอยู่ใต้การควบคุมของจักรวรรดิถูกพิจารณาได้ว่าเป็นบริวารและจะถ๋กปฏิบัติเป็นมนุษย์ตราบใดที่พวกเขาฟังอย่างเชื่อฟัง

ทหารผู้ถูกเกณฑ์จะทำเป็นกองทัพใต้กองทัพบริวารของจักรวรรดิและยอมรับการถูกใช้เป็นกองทัพชาติ แต่พวกเขาก็ได้โอกาสได้รับรางวัลและเลื่อนขั้นได้ขึ้นอยู่กับความสำเร็จในสนามรบด้วย

ทหารทาสคือคนผู้ต่อต้านจักรวรรดิจนถึงนาทีสุดท้าย ชะตาของคนเหล่านั้นผู้มีอำนาจและถูกขยี้

พวกเขาจะถูกจับเป็นกองทัพโดยไม่มีขบวนแถวหรือระเบียบโดยเฉพาะ พึ่งพาจำนวนเพื่อต่อสู้ศัตร

อย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์มันจะเป็นผู้เสียชีวิตจำนวนมหาศาล แต่นั่นไม่สำคัญเลยสักนิด

พวกเขาไม่ได้ถูกพิจารณาเป็นทหาร พวกเขามีตัวตนเพื่ออยู่ในฐานะเบี้ยสังเวยไว้โยนใส่ศัตรูแทน

แน่นอน พวกเขาไม่ได้แค่ถูกอนุญาตให้สู้ หน่วยหนึ่งของทหารกันชนถูกส่งออกไปจากประเทศหรือรวมกันจากบริวารจักรวรรดิจะยืนอยู่ข้างหลัง คอยจับตามองและโจมตีถ้ามีทาสคนใดขัดคำสั่งหรือพยายามหนี

「พวกทาสอย่างแก คิดเสียว่านี่เป็นโอกาสสำหรับพวกต่ำช้าอย่างแกและครอบครัวแกที่จะได้เป็นมนุษย์!」

ทาสถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายและถูกบังคับให้ใช้ชีวิตลำบากโดยชนชั้นปกครองระหว่างเวลาสงครามและเวลาสันติ

ภาษีหนักและสภาพพื้นที่ย่ำแย่เทียบไม่ได้กับบริวารจักรวรรดิและการปฏิบัติแบบใช้อำนาจโดยไม่คำนึงถึงจิตใจโดยยามเมืองและลอร์ดศักดินาก็ถูกทนเอาด้วย

ทางเดียวเท่านั้นที่จะปล่อยตัวเองจากตำแหน่งนั้นคือการกลายเป็นทหารทาส, สู้, และรอดชีวิต

ทหารทาสถูกปฏิบัติเป็นเบี้ยสังเวยแต่หลังจากสู้และรอดชีวิตสองการต่อสู้ คนนั้นและครอบครัวของพวกเขาจะถูกปฏิบัติเป็นบริวารปรกติของจักรวรรดิ

อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาวิ่งหนีหรือกบฏ ทั้งครอบครัวจะถูกสังหารหมู่หรือขายเป็นทาสที่ความโชคร้ายยิ่งมากกว่านั้นรอพวกเขาอยู่

เสียงคำรามของปืนใหญ่ก้องสะท้อนและทหารทาสผู้กำลังหนีวิ่งสู่แถวการต่อสู้ของสหพันธรัฐอีกครั้ง

แซพเนสมองลงไปจากหอสังเกตุการณ์และพยักหน้า ดูเหมือนพอใจกับอะไรที่เขาเห็น

「อุมุ พวกสหพันธรัฐเหล่านั้นกำลังยุ่งอยู่กับทหารทาส」

「ผู้บัญชาการสูงสุด แต่การต่อสู้โดยรวมค่อนข้างถูกตัดสินแล้ว พวกเขาจะทนได้ไม่นานไปกว่าครึ่งชั่วโมง」

「นั่นฉันรู้ หน่วยที่ถูกส่งไปที่ทะเลและภูเขาเป็นยังไงบ้าง?」

「มันดูเหมือนจักรวรรดิก็ส่งหน่วยออกมาด้วย พวกเขาแต่ละหน่วยปะทะกับศัตรูและผู้ชนะยังไม่ได้ถูกกำหนด」

แซพเนสยิ้มมุมปากเล็กน้อยและหายใจออก

「ฉันแน่ใจว่ามันจะไม่ง่ายที่จะกำจัดพวกเขา สหพันธรัฐทนทานเมื่อพวกเขาทำการป้องกัน ดังนั้นมันดูเหมือนทางเลือกเดียวของเราเท่านั้นคือฝ่าตรงกลาง」

「ถ้าอย่างนั้น-……」

「ใช่ รอจนกว่าทหารทาสเกือบถูกกวาดล้างหมดแล้ว จากนั้นส่งเหล่ากองทัพที่สองถึงหกออกไป สั่งการเหล่ากองทัพที่เจ็ดของสเตชิน่าเพื่อสนับสนุนการโจมตีเมื่อโอกาสมาถึง…… ปืนใหญ่ของสหพันธรัฐนั้นทรงพลังมากกว่าของเรา นำการต่อสู้สู่การต่อสู้ระยะประชิดทันที」

ด้วยแค่คำสั่งการนั้น แซพเนสสามารถทำให้ทหารเกือบ 1 ล้านคนขยับไปมาและเปลี่ยนขบวนแถว

ทหารเหล่านี้กำลังใส่เกราะน่าประทับใจและอาวุธและโล่ที่ขัดเงา…… อุปกรณ์ของพวกเขาต่างจากทหารทาสเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง พูดอีกอย่างนี่คือกองทัพจักรวรรดิของจริง

「ผู้ช่วย…… มันจวนได้เวลา การขยายเหล่าบริวารเป็นการต่อสู้พร้อมผลลัพธ์อันถูกกำหนดไว้แล้ว…… มันได้เวลาสู้ของจริงแล้วตอนนี้」

ทุกอย่างนั้นสำหรับช่วงเวลานี้จากการหนีอย่างน่าขายหน้าก่อนหน้าถึงการที่กองทัพนี้เสริมกำลังต่อไปบนคำสั่งของจักรพรรดิ

ทักษะที่ด้อยกว่าของพวกเขานั้นสูงขึ้นและอุปกรณ์ก็มีพร้อม

ปกครองประเทศเล็กๆบางประเทศนั้นแค่ความบันเทิงพิเศษ ทุกอย่างมีเป้าหายเพื่อยิงสหพันธรัฐโอลก้าให้ร่วง

「ใช่ เมื่อเราชนะการต่อสู้นี้และจากนั้นทำการโจมตีบนเมืองสีขาว ชื่อของท่านผู้นำแซพเนสผู้ยิ่งใหญ่จะถูกแกะสลักอยู่ในประวัติศาสตร์」

「เมื่อนั่นเกิดขึ้น ฉันจะคุยกับผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมเรื่องชีวประวัติของฉัน」

แซพเนสหัวเราะ จากนั้นจ้องแคมป์ของศัตรู

การต่อสู้กระจายออกไปจากจุดจบเส้นขอบฟ้าหนึ่งถึงอีกจุดจบหนึ่ง

เป็นผู้บัญชาการสูงสุด นี่คือมากที่สุดที่เขาทำได้ในแง่ของการขึ้นนำ ทั้งหมดที่เหลือนั้นคือพึ่งพาเหล่านายพลหลากหลายให้พวกเขาทำหน้าที่สำเร็จ

「ฟุฟุฟุ แต่ด้วยการพูดนั่น มันไม่เหมือนผลลัพธ์ของการต่อสู้นี้มีความสำคัญใดๆ…… ถูกมั้ย เซกริต?」

แซพเนสพึมพำชื่อของสหายระหว่างกำลังมองตะวันตกที่ทะเลอยู่

 

 

กองทัพสหพันธรัฐ

ทหารทาส 200 000 คนถูกกำจัดไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ดังนั้นที่เหลือนั้นแตกพ่ายไปอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นหน่วยดีๆได้ ทันทีเมื่อทหารสหพันธรัฐกำลังจะตะโกนยินดีมีความสุข ภาพของเหล่ากองทัพห้าเหล่า คร่าวๆจำนวนหนึ่งล้าน เข้ามาในสายตา

แม้อย่างนั้น ทหารไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นที่จะเข้าสู่การต่อสู้อีกครั้งหลังจากชนะหนึ่งการต่อสู้ แค่เน้นอยยู่กับการจัดระเบียบแถวต่อสู้ของพวกเขาใหม่

「แถวพวกเขาไร้ที่ติพวกเขาอยู่ในการเดินขาพร้อมกันด้วยเหมือนกัน คนเหล่านี้ต่างจากคนที่เราสู้อย่างสิ้นเชิง!」

「ถ้าอย่างนั้นคนเหล่านี้คือทหาสทาสในข่าวลือ…… อย่าคิดว่าศัตรูต่อไปเหล่านี้อยู่ด้วยกันกับคนอื่น พวกเขาเก่ง!」

ปืนใหญ่กระบอกใหญ่เปลี่ยนมุมยิงอย่างช้าๆ

「ถ้าอย่างนั้นพวกเขาเอาทหารม้ามาสู้กับเรา พวกเขาต้องอยากรีบเข้ามาก่อนเรายิงดีๆได้」

「เพราะทั้งหมดเราให้พวกเขาเห็นปืนใหญ่ก่อนหน้า」

กัลเช็นโก้ถอนหายใจ เมื่อรู้ว่ากลุ่มแรกที่ถูกส่งมาสู้พวกเขาเป็นแค่การหยั่งเชิง

แต่ปืนใหญ่ยังไม่ได้หมดค่าลงไป

พลปืนใหญ่ถูกสั่งให้ยิงตามสบาย ดังนั้นปืนใหญ่กระบอกใหญ่เป่าควันและยิงทุกครั้งที่คำสั่งการถูกมอบ ส่งลูกบอลเหล็กหนักใส่ศัตรู

พลธนูก็ทำตามและยิงธนูลงศัตรูเป็นฝน

หลังจากยิงเป็นสิบๆลูกทำเนื้อสับมนุษย์และม้า ขบวนแถวของกองทัพจักรวรรดิเปิดออก

ทหารม้าถูกส่งออกมาทันทีในบริเวณกว้างเพื่อลดความเสียหายที่ทำจากปืนใหญ่

「……ถ้าอย่างนั้นเราคาดหวังให้พวกเขาทำตัวโง่ไม่ได้ พวกเขามาพร้อมแผนการอย่างดี」

ด้วยศัตรูที่กระจายออกมาก ปืนใหญ่จะไม่มีประสิทธิภาพ

ในความเป็นจริง ด้วยทหารม้าเป็นแนวหน้า พวกเขาน่าจะเข้าปะทะกับแนวหน้าพวกเดียวกันก่อนการยิงสองหรือสามครั้งได้

「แต่……  เรารู้อยู่แล้วว่านี่จะเกิดขึ้น」

กัลเช็นโก้, ผู้ช่วยของเขา, และเจ้าหน้าที่ทหารในฐานทั้งหมดยิ้มมุมปาก

จุดที่ดวงตาพวกเขาทั้งหมดอยู่ ณ ปืนใหญ่อยู่กับที่อันกำลังยิงอย่างดุร้าย และปืนใหญ่สนาม 500 กระบอกที่ยังไม่ได้ยิงที่กำลังจ้องศัตรู้แม้เป้าหมายอยู่ในระยะ

「ศัตรูกำลังเข้ามา!」

「ฟุฟุฟุ นายพลก็ค่อนข้างรู้ด้วยเหมือนกัน อย่างที่คาดกับผู้บัญชาการสหพันธรัฐ」

ทหารม้าการ์แลนด์เพิ่มความเร็วของพวกเขามากขึ้น

ทหารม้าที่ถูกส่งออกมาไม่ควรสามารถฝ่าขบวนแถวป้องกันสหพันธรัฐได้

แต่ถ้าพวกเขาเข้าใกล้และการต่อสู้ถูกเปลี่ยนเป็นระยะประชิด ปืนใหญ่จะไม่สามารถยิงดีๆได้

นั่นเมื่อทหารราบจะดันไปข้างหน้าและใช้จำนวนเพื่อท่วมท้น

「บุกกกกกก—!!」

ในท้ายที่สุด ทหารม้าการ์แลนด์ชักดาบของพวกเขา ทำการบุกครั้งสุดท้ายระหว่างตะโกน

「ยิง!!」

ณ เสี้ยววินาทีสุดท้ายที่เป็นไปได้ ปืนใหญ่สนามสหพันธรัฐยิงที่ระยะใกล้สุดขีด

มันทันทีเมื่อจมูกศัตรูกำลังจะมาโดนของจริง ระยะที่คนหนึ่งจะคิดว่าปืนใหญ่เกือบไร้ประโยชน์

แต่อะไรที่เกิดขึ้นนั้นเป็นพายุกรรโชกแห่งความตาย ทหารม้าจักรวรรดิระเบิด กระจายเลือดและไส้ออกไปทั้งม้าทั้งคนขี่ไปทุกที่ก่อนล้มลงไปสู่พื้นดิน

อะไรที่ออกมาจากปืนใหญ่สนามไม่ใช่ลูกบอลเหล็ก

อัดแน่นอยู่ข้างในปากกระบอกเป็นวัตถุเหมือนลูกปัดเหล็กเล็กๆนับไม่ถ้วน ซึ่งกลายเป็นการยิงวัตถุบินแบบกระจาย

มันอาจไม่ได้ทรงพลังและระยะค่อนข้างใกล้  แต่ไม่มีโอกาสหนีเมื่อมันยิงสู่คนหนึ่ง

มันไม่สำคัญว่ามันว่าเป็นลูกกลมเหล็กใหญ่ที่ทำลายร่างหรือกระสุนเล็กๆที่แยกหัวของคนออก ผลลัพธ์นั้นเหมือนกัน

「น-นั่นอะไร!? เกิดอะไรขึ้นเมื่อกี้นี้!?」

「ปืนใหญ่!? แต่ไม่มีลูกปืนใหญ่ถูกยิงออกมา!」

「ไม่ว่ามันคืออะไร  แค่เน้นกับการตั้งแถวใหม่ จากนั้นบุกพวกเขาอีกครั้ง……」

ไม่มีทั้งกัลเช็นโก้หรือนายพลโง่พอที่จะอนุญาตให้กองทัพจักรวรรดิที่กำลังสับสนทำนั่น

「ขยี้พวกเขา!!」 「ตอนนี้เป็นโอกาสอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว!」

ทหารม้าสหพันธรัฐกระโดดผ่านช่องว่างในแถวต่อสู้และโจมตีสวนทหารม้าจักรวรรดิผู้กำลังหยุดกลางการโจมตี

อะไรๆกลายเป็นวุ่นวายและทหารม้าสหพันธรัฐฝ่าทหารม้าจักรวรรดิเพื่อพุ่งไปข้างหน้าสู่ทหารราบจักรวรรดิที่กำลังเข้าหาจากแนวหลังด้วยเหมือนกัน

「ทำไมทหารม้าศัตรูเข้ามาใส่เรา!?」

「เกิดอะไรขึ้นกับแนวหน้า!? ทหารม้าของเราไปไหน!?」

「ด้วยฝุ่นทั้งหมดนั่น ฉันเห็นข้างหน้าไม่ได้……」

เพราะทหารม้าจักรวรรดิรีบไปข้างหน้าอย่างดุร้าย หมอกควันถูกเตะขึ้นมาหลังพวกเขา หมายถึงทหารราบที่เดินหน้าติดหลังพวกเขาเห็นข้างหน้าพวกเขาได้ไม่ชัด

มันเป็น ณ ตอนนั้นอีกที่เกราะสีขาวของทหารม้าสหพันธรัฐระเบิดเข้ามาให้เห็นโดยเสียงของทรัมเป็ต

「ขบวนแถวต่อต้านทหารม้า! เร็วๆเข้า!」 

「ร-เราจะทำมันไม่ทัน…… อุว้า–!!」

ทหารล้มไปสู่พื้นในสภาพของความตื่นตกใจขณะพวกเขาพุ่งในการจะโจมตีเพียงแค่รับการโจมตีสวนของศัตรูเต็มกำลังโดยไม่สามารถตอบสนองได้ตามนั้น

หอกและปืนธนูจากบนหลังม้าจัดการทหารจักรวรรดิผู้ลนลานทีละคนตามๆกัน

การต่อสู้นี้กลายเป็นเหมือนการต่อสู้กับทหารทาสทุกอย่าง เป็นกิจกรรมฝ่ายเดียว

「เราฝังเข้าไปในแคมป์ศัตรู เราควรทำต่อไปและ-……」

「ไม่! เปลี่ยนเส้นทางและพุ่งเข้าตีซ้ำหลังจากถอยกลับ!」

อย่างไรก็ตาม ความพยายามอันดุร้ายของทหารม้าไม่ได้ตัดสินการต่อสู้

จักรวรรดิส่งแค่ห้าเหล่าในการโจมตีนี้ แต่ละเหล่ามีคนหลายแสนคน

แต่เพราะกระเป๋าตุงของจักรวรรดิ กองทัพพวกเขาอ่อนและแพ้กับทหารม้าหมื่นคนที่นี่และจะตัดสินผลลัธ์ของการต่อสู้ทันที

ส่วนหนึ่งของทหารม้าสหพันธรัฐซึ่งตัดเข้าไปสู่คมป์ศัตรูถูกล้อมและถูกกวาดล้างอย่างรวดเร็ว

「เราขาดปัจจัยกำหนดผล…… ทหารม้าจักรวรรดิในแนวหลังควรฟื้นตัวจากความสับสนทั้งหมดไม่นานนี้ด้วยเหมือนกัน เราน่าจะถอนตัวก่อนเราโดนตีขนาบ」

ผู้บัญชาการของทหารม้าทำการตัดสินใจรวดเร็วและผู้บัญชาการแต่ละคนหยุดการพุ่งเข้าตี

ณ ทันใดนั้นเอง การตะโกนสามารถได้ยินมาจากข้างหลัง

「นั่นอะไร?」

「ทหารม้าศัตรู…… ถูกกวาดล้าง! พวกเขาเป็นพวกเดียวกัน! เหล่ากองทัพพวกเดียวกันทั้งหมดกำลังเข้ามา」

หลังจากดวงตาของผู้บัญชาการทหารม้าเปิดกว้าง เขายิ้มอย่างไร้ความกลัว

「การต่อสู้เพิ่งเริ่มต้นขึ้น…… ท่านผู้นำกัลเช็นโก้คือบุคคลผู้กล้าหาญและน่าจะพยายามเพื่อเอาชนะการต่อสู้ เมื่อเขาทำได้ มันจะเป็นเรื่องต่างออกไป」

หน่วยทหารม้าหยุดถอยทัพและทำการเคลื่อนไหวสู่ด้านข้างศัตรูแทน

ทุกคนในกองทัพสหพันธรัฐจากผู้บัญชาการถึงพลทหารรู้สึกได้ผ่านผิวหนังพวกเขา – นี่คือช่วงเวลาตัดสิน

「ท่านผู้นำกัลเช็นโก้! มันไม่ทำก็ตายแล้วตอนนี้!」

「ฉันรู้ ……ฉันจะไม่พูดมากไปส่งข้อความสู่นายพล บอกพวกเขาให้โจมตีเต็มกำลัง」

อะไรๆนั้นไปได้ดีกว่าคาด จากการทำลายล้างการบุกของศัตรูด้วยปืนใหญ่สู่กลยุทธ์ตีฝ่าทหารม้าพวกเขา ไม่ได้แค่เนื่องจากทหารม้าศัตรูพ่ายแพ้ แต่เพราะการโจมตีไม่ทันตั้งตัวซึ่งก่อกวนแนวหลังศัตรูด้วยเหมือนกัน

 มันเป็นเพียงแค่ครึ่งวันตั้งแต่การต่อสู้เริ่มต้นแต่ไม่มีสถานการ์หรือจังหวะไหนดีไปกว่านี้สำหรับการโจมตีเต็มกำลังแล้ว

ไม่สำคัญว่ากองทัพใหญ่อัดแน่นประกอบไปด้วยคนอาจจะเกือบล้านหรือไม่ มันยังใช้เวลาพอสมควรเพื่อร่วมมือกันและสื่อสารกัน

นั่นที่ความต่างในระดับทักษะจะแสดงออกมาอย่างชัดเจนที่สุด

ทั้งการโจมตีเต็มกำลังและป้องกันเพื่อรับมือกับการโจมตีเต็มกำลังต้องการเคลื่อนไหวหลายส่วนภายในทั้งกองทัพ

「ทหารจักรวรรดิดูเหมือนฝึกมาดีกว่าก่อนหน้า……. แต่คุณภาพของทหารเรายังดูเหมือนสูงกว่า」

「แน่นอน เราเพราะทั้งหมดแข็งแกร่งที่สุดในทวีป」

หลังจากเตรียมการเสร็จ สหพันธรัฐทั้งกองทัพในแต่ละเหล่าของเขา เข้าหาทหารจักรวรรดิหนึ่งล้านคนผู้หวั่นไหวโดยทหารม้า

การต่อสู้เกิดขึ้น ณ เวลาเดียวกันในบริเวณกว้างนั้นดุร้ายสุดขีด แต่ในที่สุดสหพันธรัฐดันแนวหน้าช้าๆ

จักรวรรดิยังคงมีสำรองอยู่ใกล้กับหนึ่งล้าน แต่การโยนพวกเขาในฝูงเล่นๆจะไม่มีความหมายถ้าสุดท้ายพวกเขาสับสน

ถ้าทหารหนึ่งล้านคนถูกใช้ คำสั่งซับซ้อนจะไม่มีผล มันจะดีที่สุดที่จะปล่อยให้ผู้บัญชาการหน่วยเล็กกว่าใช้วิจารณญาณของพวกเขา อย่างไรก็ตามสหพันธรัฐยังคงอยู่ในการนำเมื่อมันเป็นคุณภาพของผู้บัญชาการ

การต่อสู้เกิดขึ้นผ่านกลางวันและกลางคืนและเกิดไปต่อหลายวัน ที่สหพันธรัฐสามารถเดินหน้าการต่อสู้ไปทางพวกเขาได้เปรียบจากผลลัพธ์ของการโจมตีเต็มกำลังเมื่อสองวันแรก

ไม่มีกองทัพจักรวรรดิไหนแตกพ่าย แต่พวกเขาถูกบังคับให้อยู่ในการป้องกันแม้ว่าเป็นฝ่ายบุกและถูกดันถอยไปอย่างช้าๆ

สภาพของการต่อสู้เปลี่ยนบนตอนเช้าของวันที่สาม เมื่อกองกำลังชั้นสูงส่วนใหญ่ของกองทัพชาติจักรวรรดิเข้าสู่แนวหน้า

เหล่าแรกที่มีทหาร 200 000 คนสามารถสู้กับสหพันธรัฐได้ในแง่ของอุปกรณ์และทักษะ สนับสนุนแถวต่อสู้อย่างถูกต้อง

ด้วยการสู้ที่ถูกนำมาสู่การกินกันไม่ลง จักรวรรดิสามารถใจเย็นและรวมกลุ่มใหม่

เมื่อนั่นเกิดขึ้น ความต่างในกำลังของทหารชัดเจนขึ้น

การต่อสู้ดำเนินจากกินกันไม่ลงถึงจักรวรรดิกลายเป็นได้เปรียบ และสหพันธรัญกลายเป็นฝั่งที่ต้องถอยทัพ

บนวันที่สี่ สหพันธรัฐรับรู้ความเสียเปรียบของพวกเขาและสู้ด้วยเจตนาถอยทัพ

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้แค่วิ่งในความตื่นตกใจ

อาวุธสุดยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิคือฝูงคนจำนวนมหาศาล แต่จุดอ่อนพวกเขาก็อยู่ในกองทัพมหาศาลนี้ด้วย ขณะที่ปัญหาของการเติมเสียงกองกำลังของพวกเขากลายเป็นชัดเจน

ดังนั้น กองทัพสหพันธรัฐตัดสินใจที่จะสู้และถอยทัพระหว่างรอให้จักรวรรดิทำตัวเองเหนื่อย

ขณะสหพันธรัฐเคลื่อนที่ถอยกลับ พวกเขาแค่ต้องรับเสบียงที่เหลือ ณ แต่ละฐานที่พวกเขาผ่าน ทิ้งความว่างเปล่าไว้ให้กองทัพจักรวรรดิ

ในอดีต ทีราบตะวันตกเป็นเวทีของการต่อสู้มากมายและดังนั้นไม่มีเมืองใหญ่หรือภูมิภาคผลิตข้าวอยู่ใกล้ๆสักนิดเลย หมายถึงเสบียงไม่มากถูกหาได้

สหพันธรัฐไม่เคยเสียความสงบระหว่างต่อสู้ ค่อยๆคลานไปข้างหลังช้าๆเหมือนเต่าสามวัน

มันเป็นเช้าววันที่เจ็ดเมื่อรายงานตัดสินเข้ามา

「ถ้าอย่างนั้น มาเริ่มสภาสงคราม」

「อุมุ…… ทุกคน พวกนายทำได้ดี」

กัลเช็นโก้มองไปรอบๆสู่เหล่านายพลที่เขารวมและพยักหน้า

「จำนวนลูกธนูที่มาจะฝั่งศัตรูลดลง ถ้าเราทำต่อไปที่ความเร็วนี้ ศัตรูจะทำตัวเองเหนื่อยน่าจะในอีกสองหรือสามวัน เราแค่ต้องทนอีกนิดนานกว่านี้」

「ครับท่าน! ยังไงก็ตาม ท่านผู้นำ ศัตรูทรงพลังมากกว่าที่เราคิด」

กัลเช็นโก้พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ

「ใช่ โดยเฉพาะกองทัพสีแดงของศัตรู」

「จากรายงานจากสายลับของเรา เห็นได้ชัดว่านั่นคือกลุ่มฝีมือสูงที่สุดของกลุ่มศัตรู เหล่ากองทัพที่หนึ่ง」

หนึ่งในผู้บัญชาการเหล่าพูดเบาๆในน้ำเสียงรำคาญ

「กองทัพเรามีผู้เสียชีวิต 80% นั่นเพราะพวกเขา ฉันคิดว่าเราทำเหลือเฟือเพื่ออหยุดการบุกของพวกเขาแล้วด้วย……」

「ที่นายพูด แน่นอนมันนอกเหนือความคาดเดาของเราที่เขามีผู้ใช้เวทมนตร์ร้อยคนอยู่บนฝั่งพวกเขาด้วย ยังไงก็ตาม ถ้าเราไม่คิดว่าพวกเขาเป็นนักเวทย์หรืออะไรก็ช่าง มันไม่ได้ต่างจากมีปืนใหญ่หนึ่งหรือสองกระบอก พวกเขาจะไม่ทำเราไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว」

กัลเช็นโก้มองทุกคนและจากนั้นขึ้นเสียง

「เราสู้หนักเนื่องเหตุการณ์คาดไม่ถึง แต่เส้นทางสู่ชัยชนะนอนรออยู่หน้าเรา อะไรที่รอเราอยู่เป็นแค่การสู้วัดความอดทน โจมตีสวนเมื่อศัตรูแสดงสัญญาณว่าเหนื่อย! การถอยทัพอันล่าช้านี้ไม่มีอะไร ถ้านี่อยู่ได้เดือนหนึ่ง เราจะยังอยู่ทิศเหนือของที่ราบตะวันตก เราแค่ต้องสู้พวกเขาอย่างช้าๆ」

เหล่านายพลก็เห็นด้วยและแม้แต่รู้สึกผ่อนคลายพอเพื่อยิ้มเล็กน้อย

「แต่ถ้าเราไม่รีบ ทัพเรือจะไม่ข้ามไปก่อนเราทำเหรอ? ถ้าพวกทัพเรือระดมยิงเมืองหลวงศัตรูและทำให้พวกเขายอมแพ้ มันจะทำให้เราดูเหมือนคนโง่โดยสิ้นเชิง」

「นั่นถูกต้อง ฉันหวังว่าจักรพรรดิการ์แลนด์ผู้ยิ่งใหญ่นั้นเป็นชายกล้าหาญ」

รอยยิ้มมุมปากนิดๆของทุกคนเปลี่ยนเข้าสู่รอยยิ้มของแท้

และจากนั้น ทหารวิ่งมาหาพวกเขาระหว่างตะโกน

หนึ่งในเหล่านายพลตะโกนใส่เขาที่ทำอะไรบางอย่างกระทันหัน

「ไอ้บัดซบ! มีแค่นายพลและคนเหนือกว่านายพลเท่านั้นเข้าที่นี่ได้……」

「สาส์นด่วนจากโดลฟี่」

ผู้ส่งสาส์นไม่สนใจคำพูดที่ส่งตรงไปที่เขาและทำต่อไป เพราะเขามีหน้าที่ต้องรายงานผู้บัญชาการสูงสุดตรงๆโดยไม่สนเวลาและสถานที่เมื่อสาส์นเป็นสาส์นด่วน

「โดลฟี่……?」 「อาา มันเป็นเมืองที่ถูกกำหนดให้เป็นท่าเรือหลักสำหรับกองเรือทัพเรือ ……มันมีอะไร?」

ผู้ส่งสาส์นหายใจเข้าลึกสองครั้งเพื่อทำให้เขาใจเย็นลงก่อนพูดออกไปอีกครั้ง

「รายงานจากฐานกองเรือทัพเรือโดลฟี่มีตามนี้! ห้าวันก่อน กองเรือรับความพ่ายแพ้อย่างหนักจากการสู้กับจักรวรรดิและถอยทัพสู่ท่าเรือในทางเหนือ การควบคุมทะเลเปิดของที่ราบตะวันตกได้ตกไปสู่มือศัตรู เส้นทางเสบียงทางทะเลหยุดลงอย่างสมบูรณ์และกองเรือศัตรูกำลังส่งทหารสู่เหนือของที่ราบตะวันตก! มันเป็นไปได้สำหรับทุกเหล่าทัพของทิศตะวันตกจะถูกล้อม! ได้โปรดถอยทัพทันที ผมย้ำ!」

ไม่มีใครสักคนในฐานตอนนี้พูดอะไรสักอย่างได้

นายพลผู้กำลังจะนั่งบนเก้าอี้แข็งนิ่งอย่างไม่มั่นคงในท่านั่งไปลุกครึ่งทาง

「ทัพเรือ…… แพ้…… พวกเขาแพ้ได้ยังไง…… พวกเขาแพ้หนักแค่ไหน!?」

กัลเช็นโก้จับทหาร

「ผ-ผมไม่รู้อะไรสักอย่างนอกจากอะไรที่ผมถูกบอกให้รายงาน!」

กัลเช็นโก้คลายมือของเขาและปล่อยผู้ชายไป

แน่นอน ไม่มีทางที่ผู้ส่งสาส์นจะมีความรู้ดีเกี่ยวกับอะไรอื่น

「ท-ท่านผู้นำ……」

「รอข่าวมากกว่านี้ ด้วยบางอย่างแบบนี้ มันควรถูกส่งสัยว่าเป็นการสมคบคิดตราบใดที่มีแค่หนึ่งสาส์น」

แต่หน้าของนายพลกลายเป็นซีด และแม้แต่กัลเช็นโก้ก็มีสีหน้าแบบเดียวกันแม้ว่าเป็นคนผู้เพิ่งพูดเสร็จ

พวกเขาทั้งหมดรู้อย่างดีว่าเครือข่ายการสื่อสารของพวกเขาไม่ได้แย่ขนาดนั้น

ตราบใดที่ผู้ส่งสาส์นเป็นตัวจริง ถ้าอย่างนั้นรายงานก็ของจริงด้วย

นี่คือบางอย่างที่จะมีผลต่อการต่อสู้ทั้งหมดและค่อนข้างเป็นไปได้ว่าทั้งชาติ

กัลเช็นโก้ผู้มากความสามารถและตัดสินใจเก่งไม่รู้ว่าต้องทำอะไร

「สำหรับตอนนี้…… แค่สำหรับตอนนี้ให้ทหารเตรียมตัวเคลื่อนที่ อย่าลืมกลุ่มที่ส่งออกไปอื่นๆ และจากนั้นส่งหน่วยสอดแนมสู่ชายฝั่งทิศเหนือ มากที่สุดเท่าที่ทำได้」

「ตามประสงค์ครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะเตรียมอพยพทันที!」

ไม่มีใครชี้อความผิดออกไปว่ามันเป็นจาก ‘เคลื่อนที่’ เป็น ‘ถอยทัพ’

ไม่มีจุดหมายที่จะแยกแยะระหว่างทั้งสองแล้ว

ข่าวที่ตามมาซึ่งมาถึงภายหลังคืนนั้นประกาศความเป็นจริงอันน่าผิดหวังมากกว่า

「เรือประจันบาน 20 ลำและขนาดใหญ่ 200 ลำ!? พวกกเขาเสียมากเท่านั้นในครั้งเดียวเหรอ? เกิดอะไรขึ้นบนโลกนี้!?」

ผู้ส่งสาส์นส่ายหัวเพื่อบ่งบอกว่าเขาไม่รู้

「พวกเขาพูดว่ากองเรือทัพเรือจะอพยพสู่ทิศเหนือชั่วคราวและเสริมกำลังกองกำลังโจมตีของเขา……」

「เสริมกำลังกองกำลัง!? สร้างใหม่ ถูกมั้ย!? เสียไปมากเท่านั้นหมายถึงกองเรือทัพเรือถูกกวาดล้างอย่างเห็นได้ชัด……! บริเวณตกเป็นของศัตรูแล้วตอนนี้!」

กัลเช็นโก้เรียกเจ้าหน้าที่ทหารของเขาทันที

มันเป็นตอนเที่ยงคืน แต่ไม่มีไอ้บ้าคนไหนจะหลับที่เวลาแบบนี้

「สุภาพบุรุษ ฉันเสียใจที่ต้องพูดว่ามันกลายไปเป็นความเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะสู้บนที่ราบตะวันตกต่อ」

ตราบใดที่ทะเลถูกควบคุมโดยศัตรู จักรวรรดิจะไม่ได้เป็นแค่คนเดียวเท่านั้นผู้พบว่ามันยากที่จะเติมเสบียงพรุ่งนี้ ทุกเหล่าทัพของทั้งที่ราบตะวันตกจะอยู่ในปัญหา

ไม่เพียงแค่นั้นจักรวรรดิสามารถส่งกองกำลังจากข้างหลังได้อย่างอิสระ

「เราจะถอยทัพ….. และจากนั้นเจอกับศัตรูในสหพันธรัฐ」

เจ้าหน้าที่ทหารทั้งหมดจับหัวในความทุกข์

ถอยทัพหมายถึงพวกเขาจะปล่อยให้ศัตรูต่างชาติรุกรานโอลก้าดินแดนที่ไม่เคยแปดเปื้อนและศักดิ์สิทธิ์

สำหรับทหาร ไม่มีความอับอายหรือขายหน้าไปมากกว่านั้น

「สุภาพบุรุษ ฉันเข้าใจว่านายรู้สึกอย่างไร แม้แต่ฉัน…… ก็รู้สึกเหมือนอยากพลิกโต๊ะนี่และจุดไฟใส่เต็นท์ซะ แต่นี่คือบางอย่างที่เราต้องทำ กองกำลังสหพันธรัฐอีกหนึ่งล้านแห่งทุกเหล่าทัพในตะวันตกยังอยู่ในระหว่างฝึกและจัดระเบียบตัวพวกเขาเอง และถ้าเราถูกกวาดล้างที่นี่…… นั่นจะผนึกชะตาของดินแดนแม่ของเรา」

กัลเช็นโก้ชักมีดจากเอวเขาและแทงสู่โต๊ะด้วยกำลัง

「แจ้งกองทัพทั้งหมด! ปลุกทหารทั้งหมด ตอนนี้เราจะถอยทัพสู่ทิศเหนือ! เมื่อศัตรูรู้เกี่ยวกับนี่ พวกเขาจะพยายามสุดตัวในการไล่ล่าเรา เราจะอัดปืนใหญ่ที่เคลื่อนไหวยากด้วยดินปืนและทำลายพวกมัน และขนของมากที่สุดบนรถเกวียนและทหารม้า!」

คบเพลิงติดที่นั่นที่นี่ทำให้พื้นที่ตั้งแคมป์ดำส่วางและทหารรีบเตรียมการอพยพภายในแสงส่องอุ่นๆ

「ผู้บัญชาการ ท่าน! ถ้าพูดตรงๆ…… เราจะวิ่งหนีกับศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเราแล้วเหรอ?」

「ฉันก็ไม่เข้าใจ! มีคำสั่งจากผู้บัญชาการสูงสุดไม่ต้องเถียง!」

「ต-แต่……. ถ้าเราถอยทัพไกลกว่านี้ ชาติของเรา-……」

「ฉันบอกให้นายหุบปาก!!」

กองทัพกัลเช็นโก้แห่งที่ราบตะวันตกถูกนำไปสู่ทิศเหนือ

จักรวรรดิไล่ตามอย่างดุร้ายดั่งรอคอยช่วงเวลานี้ และแม้แต่ผู้บัญชาการผู้มีทักษะของสหพันธรัฐสู้เหมือนชีวิตขึ้นอยู่กับมัน พวกเขาได้รับผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แค่เกือบหนีการกวาดล้างอย่างสมบูรณ์ไม่ได้

ในชุดของการต่อสู่ สหพันธรัฐเสียคนไป 300 000 คน ระหว่างจักรวรรดิเสียไปประมาณ 500 000 คน

ผู้เสียชีวิตของจักรวรรดิส่วนใหญ่เป็นทาสทหารผู้ถูกทิ้งในฐานะเบี้ยสังเวย แต่แม้ว่าแยกพวกเขาออกไป มันพูดได้ว่าสหพันธรัฐได้สู้อย่างดีแล้ว

แต่กระนั้น มันเป็นความพ่ายแพ้ของสหพันธรัฐ

ตอนนี้สนามรบจะเปลี่ยนสู่ดินแดนภายในสหพันธรัฐโอลก้า

 

 

–มุมมองเอเกอร์–

ราเฟน

「ใช่โยให้การแต่งงานของลอร์ดศักดินาซามะ!」

「ไชโยสำหรับเมียคนที่สี่, ห้า, และหก」

「ไชโยให้เจี๊ยวใหญ่」

「อออุ หนูไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงจาการถูกเรียกที่หก」

「อ่ะฮ่าฮ๋า…… รู้เลยหมายถึงอะไร」

「พี่ดีใจที่ในที่สุดเราก็อยู่ด้วยกัน ถ้ามิตี้ไม่ได้พูดขึ้นมา พี่ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น」

ผมมีตี้และมาเรียอยู่ในแต่ละแขนและแคทเธอรีนกอดอกผมขณะผมยืนในลานกลางของเมือง

แคทเธอรีนเป็นอดีตลูกสาวของขุนนางกบฏดังนั้นมันไม่ดีสำหรับเธอที่จะแสดงหน้าให้เห็นเยอะๆตอนนี้ที่ขุนนางคนนั้นตายแล้ว

นั่นทำไมผมให้เธอซ่อนอยู่ในผ้าคลุมผมเพื่อที่หน้าเธอจะไม่ถูกเห็น

คนอยู่อาศัยทั้งหมดรวมกันที่นี่สำหรับการแต่งงานของผม…… จริงๆแล้ว พวกเขาไม่ได้ทำ

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเทศกาลเก็บเกี่ยว ดังนั้นผู้คนจะมาและมาออกกันแถวลานแม้ว่าผมไม่ทำอะไรสักอย่าง

เหล้าก็เกี่ยวด้วยดังนั้นพลเมืองทำการแต่งงานของผมสู่เรื่องใหญ่และฉลองมัน

「เพราะมันค่อนข้างกระทันหัน นี่จะเป็นแค่การประกาศ พี่จะให้แหวนถูกทำขึ้นมาภายหลัง…… และมาจัดพิธีเรียบง่ายด้วยเหมือนกันเถอะ」

พวกเธอทั้งสามคนบอกผมว่ามันไม่ได้จำเป็น แต่ผมแน่ใจว่าจริงๆแล้วพวกเธออยากได้มันมากๆ

อย่างน้อยผมให้แหวนพวกเธอได้แล้วแลกเปลี่ยนคำสาบานในวิหาร

「ยินดีด้วยสำหรับการแต่งงาน~!」

「ท่านมีเมียหกคนแล้วตอนนี้ดังนั้นมันได้เวลาควบคุมความอยากของท่านแล้ว…… คิ่ย้าา!」

เซเลสติน่าและโมนิก้า ผู้ยังคงอยู่กับเรา ก็ยินดีด้วยกับเรา

อุ้ยย ไม่ดี มือผมเพิ่งไปดึงกางเกงในโมนิก้าอัตโนมัติ

「ให้ถายเถอะ วันไปวนกลับเมียใหม่และจับตูดผู้หญิงอีกคน……」

「เขาลามกจนจริงๆแล้วมันทำให้ฉันยิ้มแทน」

มิตี้และมาเรียยิ้มมุมปากขณะพวกเธอรั้งแขนผม

มันดูเหมือนพวกเธอโกรธนิดหน่อย

「พี่ผิด พี่ผิด ในกรณีนั้นทำไมพี่ไม่มอบความรักให้หนูสองอย่างเหลือเฟือล่ะวันนี้ พอจนพวกหนูไม่ถืออะไรแบบนั้น」

สาวๆแก้มแดง

แคทเธอรีนเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นผู้กำลังหอบดังนั้นเธอต้องคิดบางอย่างต่างออกไปแน่ๆ

「ได้เลยถ้าอย่างนั้น ฉันจะสร้างความรักกับผู้หญิงของฉันแล้วตอนนี้ พวกเจ้าทั้นหมด มีความสุขกับวันสุดท้ายของเทศกาลเก็บเกี่ยว」

ผู้คนโห่ร้องยินดีและตะโกนเพื่อความสุข

「น่าทึ่ง สามคนครั้งเดียวเลย」

「เจ้าโง่ ลอร์ดศักดินาซามะคือผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ผู้โอบกอดผู้หญิงยี่สิบคนในเวลาเดียวกัน」

「แต่ลอร์ดศักดินาซามะเหลือเชื่อเลย ถูกมั้ย? สาวบอบบางอย่างนั้นจะเป็นอะไรมั้ย?」

「พวกเธออยู่กับเขาตลอดเวลานี้แล้ว ไม่ใช่เหรอไง? พวกเธอน่าจะบานแล้วแหละ และตูดก็บานด้วยมั้ง」

「ฉันอยากให้ลอร์ดศักดินาซามะซั่มฉันจนกว่าฉันจะพังด้วย ฉันแน่ใจว่ามันรู้สึกสุดยอด」

「ฉันไม่คิดว่านั่นคือบางอย่างที่เธออยากบอกหน้าฉันในฐานะคนรักของเธอ」

ผมเดินไปกับสาวๆรอบแขนผมระหว่างพวกเขาพูดอะไรก็ตามที่เขาชอบเกี่ยวกับผม

ฟุฟุฟุ ผมตกใจเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ของสหพันธรัฐจากรายงานเมื่อเช้าวันนี้ แต่มันจะไม่มีอิทธิพลให้กับการที่ผมจะเขมือบผู้หญิง

มันจะกลายเป็นความรักจริงจังกับคุณนายของผมทั้งวัน

เจี๊ยวของผมค่อนข้างแข็งแค่จากการกำลังคิดเกี่ยวกับการทักทายเมียใหม่ของผม

มิตี้และมาเรียน่าจะสลบครั้งสองครั้ง

แคทเธอรีนอาจสามารถตามไหว แต่ความหิวทางเพศของผมเพิ่มขึ้นหลังๆดังนั้นผมอาจได้เห็นเธอขอร้องในน้ำตา

ผมสงสัยว่าผมควรเรียงพวกเธอสามคนเป็นแถวไหม

หรือผมนำเธอวางทีละคนซ้อนกันดี?

ไม่ โอบกอดคนหนึ่งระหว่างอีกสองคนเลียไข่และตูดผมก็ฟังดูดีด้วย

「ฟุ่ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! เจี๊ยวของพี่แข็งจากแค่ฝันเดียว」

「โฮฮฮฮ่ มันเป็นฝันแบบไหน?」

「แน่นอนมันเกี่ยวกับผู้หญิง! สร้างความรักให้แด่ผู้หญิงที่รักในรูปแแบบใดก็ตามที่หวัง…… นั่นเป็นฝันของผู้ชายไม่ว่าหน้าไหน!」

「นายชอบสาวๆขนาดนั้น?」

「มันโดยไม่ต้องพูดด้วยซ้ำ การกระแทกเจี๊ยวสู่สาวและจากนั้นเทน้ำเชื้อข้างใน นั่นคือทำไมผู้ชายถึงเกิดมา」

「ถ้านายทำอย่างนั้น พวกเธอจะท้อง」

「ถ้าพวกเธอท้อง ฉันจะเลี้ยงพวกเธอและรักพวกเธอ มันไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด」

「นั่นรวมถึงลูกของเหล่าขุนนาง…… และแม้แต่นักเรียนหญิงจากสถาบันศึกษาแห่งราชวงศ์ด้วยเหรอ?」

「แน่นอน แต่มันยากที่จะทิ้งผูัฝึกสอนที่สุกงอม ทั้งคุณนายอายุน้อยและอายุมากนั้นเป็นผู้หญิงมหัศจรรย์」

หลังจากพูดทั้งหมดนั่น ผมรับรู้ว่าผมไม่ได้คุยกับเสียงข้างในหัวของผม

อืม ผมสงสัยว่าเสียงที่คุ้นเคยนี้เป็นของใคร

「ขอบคุณที่ทำให้ฉันกระจ่างด้วยปรัชญาคนดีของนาย ฉันมีหลายอย่างที่ฉันอยากพูดกับนายด้วย」

มันคืออีริช ผู้ผมคิดว่าอยู่ในเมืองหลวง

ผมขยี้ตาและมองอีกครั้ง แต่อีริชยังอยู่ที่นั่น

「อ่ะนี่」

มิตี้เช็ดหน้าของผมด้วยผ้าเช็ดหน้า

ผมมองอีกครั้งและมันยังคงเป็นอีริช

เส้นเลือดปูดบนหัวของเขา

「โอ้ฉัน ทำไมนายมาที่ดินแดนฉันล่ะขออีกครั้ง?」

「นายไม่รู้เหรอ?」

ผมไม่รู้สักนิดเลย

「มันเกี่ยวกับสถาบันศึกษาแห่งราชวงศ์」

「อยากให้ฉันสอนอีกครั้งเหรอ? แต่มีผู้คนในดินแดนของฉันผู้ต้องการฉัน……」

อีริชยังคงไร้สีหน้าขณะเขารีดเสียงดัง

「ไอ้บ้า! ฉันจะไม่มีวันให้นายเป็นผู้ฝึกสอนอีกแล้ว! ฉันมีบางอย่างเพื่อคุยกับนาย ดังนั้นนำฉันไปคฤหาสน์ของนาย!」

มันดูเหมือนเขาโกรธ

ผมสงสัยว่าทำไม ผมทำหลายอย่างดังนั้นผมไม่รู้

「แต่ฉันกำลังคิดว่าจะทำให้ผู้หญิงเหล่านี้เป็นภรรยาของฉันโดยการมีเซ็กส์กับพวกเธอวันนี้」

ผมว่าผมได้ยินบางอย่างหักในหัวของอีริช

「ไอ้คนบ้ากามบัดซบ! แกทำนักเรียนสิบหรือยี่สิบคนท้องแล้วและนั่นยังไม่พอสำหรับแกเหรอไง!? แค่หุบปากและนำทางฉัน!」

น้ำเสียงของเขากลับสู้แบบวันทหารรับจ้างของเรา…… ไม่ มันแม้แต่แย่กว่านั้น

นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เขารังแกผมแบบนี้

ดังนั้นเขาโมโหเกี่ยวกับอะไรที่เกิดขึ้นในสถาบันศึกษาแห่งราชวงศ์ มันดูเหมือนผมยังไม่เป็นอะไรกับเรื่องอื่นๆ

ก่อนผมรู้ตัว แคทเธอรีนวิ่งหนีไปแล้ว

แต่อีริชไม่ควรจำหน้าเธอได้อยู่ดี

ผมเดาว่าผมต้องเลื่อนเวลาการผลิตทารกไว้เมื่อตอนผมกลับบ้าน

ผมจะขอโทษพวกเธออย่างตั้งใจและกลับบ้านคืนนี้

สร้างความรักใต้แสงจันทราไม่ไดฟังดูแย่เกินไปด้วย

 

 

–มุมมองบุคคลที่สาม–

เรื่องราวข้างเคียง: สวนกุหลาบ

「ฮ่าา……」

อดีตราชินีมเหสีแห่งเทรีย มาเซลีนและลูกสาวของเธอสามคนใช้ชีวิตอยู่ในมุมหนึ่งของคฤหาสน์และไม่ได้ออกไปข้างนอกบ่อยครั้ง

คำว่าข้างนอกของพวกเธอคือสวนกุหลาบอันถูกสร้างเพื่อพวกเธอโดยตรงข้างคฤหาสน์ แต่มันไม่เหมือนว่าพวกเธอถูกขังอยู่ที่บ้านหรืออะไรสักอย่าง

ในความเป็นจริง ผู้ชายผู้ช่วยชีวิตพวกเธอชวนพวกเธอไปกินอาหารกับเขาหรือเที่ยวชมเมืองกับเขาบ่อยครั้ง

มาร์เซลีนปฏิเสธข้อเสนอเหล่านั้นหลายครั้ง

เธอไม่ได้ไม่ชอบเขาเป็นพิเศษ มันอาจดูเหมือนวิธีปฏิบัติกับผู้ชายผู้เธอและลูกสาวของเธอติดหนี้ชีวิตอย่างโหดร้ายแบบนี้แทน

ปัญหาคือเจตนาร้ายที่เวียนวนจากคนอื่นๆทุกคน

พลเมืองของเทรียมากมายรวมกันมาเป็นจำนวนคนในราเฟน

ถ้าไปยังอดีตมากกว่านี้ พวกเขาเป็นอดีตพลเมืองของอาร์คแลนด์ก่อนเทรียถูกยึดครองดินแดนและทำให้ผู้คนมากมายวิ่งหนีจากกฎที่โหดร้าย

เพราะกระแสเหตุการณ์นั้น พวกเขาหลายคนสูญเสียครอบครัว, เพื่อน, และคนรัก

ความโมโหและความแค้นของพวกเขาถูกส่งไปยังอดีตราชินีมเหสีและลูกสาวสามคนของเธอ

ถ้านายท่านของคฤหาสน์ไม่ได้ไปรอบๆและควบคุมความคิดร้ายที่แยกไม่ออกที่ออกมาจากเหล่าคนรับใช้ พวกเธอสี่คนจะถูกขยี้โดยมันไปแล้วตอนนี้

ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเธอไม่รู้ว่าคำก่นด่าหรือการรังแกแบบไหนจะบินมาใส่พวกเธอถ้าพวกเธอเดินไปทั่วเมือง

การใช้ชีวิตส่วนใหญ่ใต้หลังคาของวังหลวง มาร์เซลีนไม่ได้คิดว่าเธอและลูกสาวเธอทนทั้งหมดนั่นได้

ด้วยการพูดนั่น มันไม่ได้น่าเสียดายที่พวกเธอถูกนำมาสู่ราเฟน

ถ้าลอร์ดศักดินาไม่นำพวกเธอเข้าใต้การดูแลของเขา เธอและลูกสาวเธอจะถูกประหารด้วยกับกับสามีของเธอ

เขาประกาศความต้องการทำให้พวกเธอเป็นผู้หญิงของเขาอย่างเปิดเผยและใช้นั่นเป็นเหตุผลที่เลี้ยงคนทั้งหมดสี่คน

การแลกเปลี่ยนคำพูดอันเลี่ยงไม่ได้ส่วนใหญ่นั้นกับนายท่านของคฤหาสน์

ผู้ชายพยายามเพื่อจะคุยกับมาร์เซลีนและคนอื่นๆเกี่ยกับอะไรหลายๆอย่าง

เพราะเธอไม่ได้มีคนอื่นผู้เธอพูดด้วยได้อย่างไร้กังวลแบบเขา

มาร์เซลีนกลายเป็นพึ่งพาเขาากขึ้นอย่างช้าๆบนผู้ชายคนเดียวเท่านั้นผู้เธอพูดด้วยได้

「เหมือนที่เขาพูดทุกอย่างเมื่อเขานำเราเข้ามา วัตถุประสงค์เดียวเท่านั้นของเขาคือการได้ร่างกายลูกสาวของฉัน……. หรืออาจจะไม่ใช่มั้ง」

ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาจะกระทำชำเราพวกเธอบนวันแรก

เพราะทั้งหมดการต่อต้านจะไม่ถูกยกโทษให้

「แต่ฉันรู้ว่าเขารักผู้หญิง……」

มันโดยไม่ต้องพูดว่าผู้ชายนั้นเจ้าชู้อย่างไม่มีใครเทียบ

ตัวเธอเองได้รับรู้เหตุการณ์นับไม่ถ้วนที่เขาสร้างความรักกับคนรักและคนรับใช้ของเขาในบริเวณที่แอบซ่อนหรือในห้องเปล่า และเขาเลี้ยงผู้หญิงเป็นโหลๆถ้าให้เริ่มพูด

「ไม่มีพวกเธอสักคนดูเหมือนไม่ชอบเขา」

แม่บ้านถูกจับกดในโรงเก็บของ, สาวชาวเมืองถูกกระทำชำเราระหว่างกำลังยืน, โสเภณีที่เขาชอบเรียกสู่ห้องว่างผู้ร้องครางขณะเขาสนองความต้องการของเขา – พวกเธอทั้งหมดมีความสุขกับการโยกสะโพกของพวกเธอ

เธอไม่เคยเห็นเขาใช้อำนาจของเขาเพื่อที่เขาจะข่มขืนพวกเธอได้

「เขาแม้แต่ต้องการฉันเมื่อฉันเปลี่ยนเป็น 46 ปีนี้ เขาคิดอะไรอยู่?」

ผู้ชายทำการเชิญชวนหลายครั้งจนคนหนึ่งกลายเป็นของเขา

แน่นอนเขาจะจูบคนนั้นและจับนมหรือก้นเธอถ้าเธอปล่อยให้มีช่องว่างให้เขา

การลูบสัมผัสนุ่มของเขาแรงขึ้นและแรงขึ้นจนกว่าในที่สุดเขาก็ทำจนเธออยู่ในกางเกงในและเกี่ยวเธอ

「แต่ถ้าเธอพูดว่าไม่…… อืม แค่ทำหน้าไม่พอใจจะทำให้เขาหยุดทันที」

เขาจะหยุดการรุกและยิ้มระหว่างขอโทษ พูดว่าเขาทำมันเพราะคนนั้นน่าดึงดูดใจเท่านั้น

มาร์เซลีนเพิ่งกำลังจะ 46 และแม้ว่าอยู่ ณ อายุที่เธอลืมเกี่ยวกับอะไรๆเหมือนความใคร่ เธอยังคงเป็นผู้หญิงและการถูกต้องการไม่ได้เป็นความรู้สึกที่ไม่ดีเลยสักนิด

หลังๆมา มันใช้เวลาบอกเขาให้หยุดนานขึ้นนานขึ้น

ตัวพลิกคือความเอะอะที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

「ทำให้ผู้หญิงอายุ 44 ท้อง…… ลอร์ดฮาร์ดเลต์นั้น 23 ดังนั้นผู้หญิงคนนั้นแค่พอจะเป็นแม่ของเขา เขาไล่ตามผู้หญิงมากกว่า 40 และฉีดน้ำเชื้อเข้าไปในเธอ……」

เธอเคลื่อนไหวมือของเธออย่างช้าๆไปสู้ที่ซึ่งมดลูกของเธออยู่

「44 และ 46…… ผู้ชายอายุ 23 จะไม่เห็นนั่นเป็นความต่างอย่างแน่นอน ความเป็นผู้หญิงของฉันยังไม่ได้จากฉันไป บวกกันกับฉันมั่นใจว่าฉันดูสาวสำหรับอายุของฉัน การให้ความบันเทิงชายหนุ่มนั้นไม่-…… ฮ่า! ฉันกำลังพูดอะไร!?」

มารเซลีนส่ายหัวของเธออย่างแรง

แต่หัวใจขอเธอหวั่นไหวแน่นอน

แม้แต่เหล่าลูกสาวของเธอ ยกเว้นบริดเจ็ตลูกสาวคนที่สอง ก็อบอุ่นขึ้นกับเขา

โดยเฉพาะลูกสาวคนที่สามเฟลิซี่เห็นเขาเป็นหวานใจของเธอ

「ถ้า……… และแค่ถ้าเท่านั้น ฉันไม่ได้ต่อต้านเล่นๆแย่ๆ อะไรจะเกิดขึ้นจากนั้น……」

ร่างกายมาร์เซลีนสั่นชัดกับความคิด

ในความหลงผิดของเธอ ร่างกายมีกล้ามใหญ่โตของเขาะจทำให้ร่างกายเธอเป็นความเละเทะเต็มที่

อดีตราชินีมเหสีจ้องพื้นที่ว่างเปล่าพร้อมสีหน้าเละเทะบนหน้าของเธอ

「แม่? กำลังทำอะไร?」

「บ-บริดเจ็ต!? ม-ไม่ นี่ไม่มีอะไร! แม่แค่เหม่อนิดหน่อยเอง!」

「อย่างนั้นเหรอ? อืม หนูจะไปบ่นกับพ่อครัวที่ผักสำหรับอาหารวันนี้ไม่เหมาะกับรสนิยมของหนู」

บริดเจ็ตลูกสาวคนที่สองทำตัวในแบบเดียวกันกับที่เธอทำเมื่อเธอยังคงเป็นเจ้าหญิง

ในความเป็นจริง เธอพยายามทำตัวเก่งภายนอกอย่างสิ้นหวังหลังจากสายตาตั้งใจร้ายจากคนรับใช้ทำให้เข่าเธอรู้สึกอ่อน

「แม่จะไป!」

「เอ๋? แต่แม่ แม่ไม่เห็นต้องทำเลย……」

「มันไม่เป็นอะไร บริดเจ็ตแค่นั่งที่นี่ ข้างนอกมันอากาศดีวันนี้ ดังนั้นบางเธอหนูอาบแดดหรือบางอย่างได้」

「ฮ่าา……」

มาร์เซลีนวิ่งออกไป รวบรวมจิตใจตัวเองโดยการหายใจออก จากนั้นกลับไปสู่ห้องของเธอเอง

เธอถอดกางเกงในปรกติของเธอออกและใส่อันที่เปิดเผยมากกว่านั้น

「ค-คนนั้นเพิ่งประกาศการแต่งงานของเขาวันนี้ ฉันกำลังทำอะไร!?」

มาร์เซลีนส่ายหัวของเธออีกครั้ง

 

 

ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 23 ปี ฤดูใบไม้ร่วง

สถานะ: มาร์เกรฟอาณาจักรโกลโดเนีย ลอร์ดศักดินาผู้ยิ่งใหญ่ของบริเวณตะวันออก ราชาแห่งภูเขา เพื่อนของดวอร์ฟ เพื่อนของราชาแห่งอเลส

พลเมือง: 162,000  เมืองหลัก – ราเฟน: 24,000 ลินต์บลูม: 4000

ครอบครัว: นนน่า (นนน่าผู้งดงาม), คาร์ล่า (ภรรยาน้อย), เมล (ภรรยาน้อย), มิตี้ (ภรรยาน้อย), มาเรีย (ภรรยาน้อย), แคทเธอรีน (ภรรยาน้อย), คุ (คนรัก), รุ (คนรัก), มิเรล (คนรัก), ลีอาห์ (คนรัก), เคซี่ (ผี), ริต้า (หัวหน้าแม่บ้าน), โยกุริ (นักแต่งบทละคร), ปีปี้ (คนรัก), อลิส (สาวน้อยเวทมนตร์), เซบาสเตียน (พ่อบ้าน), โดโรเธีย (คนรัก ในเมืองหลวง), เมลิสซ่า (คนรัก กำลังออกไปเมืองหลวง), อัลม่า (กำลังออกไปเมืองหลวง)

ลูก: ซู, มิว, เอคาเทรีน่า, อมาต้า, อนาสตาเซีย (ลูกสาว); แอนโตนิโอ, คลอดด์, กิลบาร์ด, ไรเนอร์, บาร์โตโลม (ลูกชาย); โรส (ลูกสาวบุญธรรม)

ลูกน้อง: ซีเลีย (ผู้ช่วยขี้อิจฉา), กิโด้ (หน่วยติดตามคุ้มกัน), ครอล (เสื่อมสมรรถภาพ), อิริจิน่า (ผู้บัญชาการ), ลูน่า (ผู้บัญชาการ ), รูบี้, ไมล่า (เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย), โพลเต้ (ผู้กำกับนักเรียน), เกรเทล (สุนัข), ลีโอโพลต์ (เจ้าหน้าที่ระดับสูง), อดอล์ฟ (เจ้าหน้าที่กิจการภายใน), ทริสตัน (นักกลยุทธ์?), แคลร์ & ลอรี่ (รวบรวมแผนการ), ชวอร์ซ (ม้าลามก), ลิเลียน (ดาราหญิง)

แม่ – มาเซลีน ่หลงเสน่ห์; ลูกสาว – สเตฟานี, บริดเจ็ต, เฟลิซี่ (รับมาดูแล)

กองทัพส่วนตัว: 5300 คน

ทหารราบ: 3000, ทหารม้า: 900, พลธนู: 900, ทหารม้าธนู: 500

ปืนใหญ่: 19

สำรอง: 3000

หน่วยรักษาความปลอดภัย: 100

สินทรัพย์ 10 000 ทอง

คู่นอน: 209, เด็กผู้เกิดแล้ว: 46

 

แปลโดย: wayuwayu

tipme : tipme.in.th/wayuwayutl

ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: ​http://linktr.ee/wayuwayu

ถนนสู่อาณาจักร

ถนนสู่อาณาจักร

Status: Ongoing
นี่เป็นเรื่องราวของนักสู้ทาสอายุน้อย ในสังเวียนใต้ดิน เขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเขา หรือเขาไปอยู่ที่ที่เขาอยู่ได้ยังไง, มีเพียงว่าชื่อเขาคือ เอเกอร์, และเขาแข็งแกร่ง วันหนึ่งเขาฆ่านายและหนีไปจากสังเวียน, เข้าร่วมกลุ่มของทหารรับจ้างในฐานะสมาชิกใหม่ ระหว่างภารกิจของเขา เขาได้พบกับแวมไพร์, ลูซี่, ผู้ที่สังหารหมู่กลุ่มของเขา ด้วยพลังเหนือมนุษย์ หลังจากที่ได้เรียนรู้ว่า เอเกอร์ รู้จักแต่การฆ่าเท่านั้น, ลูซี่ ให้เขาอยู่ที่บ้านของเธอ, สอนเขา และดูแลเขา สองปีผ่านไป, และในวันจากลาของเอเกอร์, พวกเขาสองคนแลกเปลี่ยนสัญญา ถ้าเอเกอร์เป็นราชา และปกครองแผ่นดินของป่าเอิร์ก, เขาสามารถมาเพื่อพาเธอไปในฐานะผู้หญิงของเขาได้ ทำสิ่งนั่นให้เป็นเป้าหมายในชีวิต, เอเกอร์ออกเดินทางเพื่อเป็นฮี่โร่, ราชา, และสร้างอาณาจักรของเขาเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท