ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 195 เสียงร้องไม่เป็นภาษาดังมาจากในห้อง

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 195 เสียงร้องไม่เป็นภาษาดังมาจากในห้อง

ตอนที่ 195 เสียงร้องไม่เป็นภาษาดังมาจากในห้อง

เวลานี้ ที่บ้านตระกูลเสิ่น

บรรยากาศในห้องนั่งเล่นค่อนข้างเคร่งเครียด ผู้เฒ่าเสิ่นนั่งอยู่บนโซฟาหลักพร้อมกับทำใบหน้านิ่ง แถมยังมีเสิ่นเถี่ยจวินนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา

เฉินเจียซิ่งมองเสิ่นเสี่ยวเหมยซึ่งเอาแต่ม้วนผมตัวเองเล่นโดยไม่สนใจเขา ยังคงพยายามชักชวนหล่อนอย่างอดทน “เสี่ยวเหมย ผมมาตามคุณที่นี่นานแล้ว ผมยอมขอโทษทุก ๆ อย่าง กลับไปกับผมโดยดีเถอะ”

เสิ่นเถี่ยจวินไม่คิดจะหันไปเสวนากับเฉินเจียซิ่งเลย “เสี่ยวเหมย เธอควรกลับไปพร้อมกับเจียซิ่งเถอะ คู่รักหนุ่มสาวไม่ควรบาดหมางกันนาน”

“พี่ชาย ฉันฝืนยอมรับไม่ได้จริง ๆ ถ้ากลับไปก็เท่ากับฉันยอมรับนังโง่หลินเซี่ยนั่นเป็นพี่สะใภ้ คิดว่าคนอย่างฉันจะยอมรับความอัปยศนั้นได้แค่ไหนเชียว?”

เสิ่นเสี่ยวเหมยโกรธเคืองขึ้นมาอีกครั้ง พูดต่ออย่างรวดเร็วว่า “ตอนนี้แม่หล่อนย้ายจากบ้านนอกเข้ามาอยู่ในเมืองแล้ว ฉันว่าแล้วเชียวว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดา หล่อนน่าจะวางแผนทั้งหมดนี้ไว้นานมาแล้ว พยายามทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนลูกสาวให้กลายเป็นสาวชาวเมือง เห็นไหม ตอนนี้หล่อนบรรลุเป้าหมายแล้ว ถึงขั้นหอบสำมะโนครัวเข้ามาอยู่ในเมือง ใช้ลูกสาวตัวเองเป็นเครื่องมือในการเต้าไต่ฐานะตัวเองแท้ ๆ”

เฉินเจียซิ่งได้ยินสิ่งที่เสิ่นเสี่ยวเหมยพูดก็อดไม่ได้ที่จะแย้ง “อาจไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้ ผมคิดว่าแม่ของหลินเซี่ยเป็นคนซื่อคนหนึ่ง และมีความรับผิดชอบมากพอ หล่อนดูไม่เหมือนคนเจ้าเล่ห์เพทุบายเลย”

“หน้าผากหล่อนมีคำว่าคนดีหรือคนเลวเขียนอยู่หรือไง?” พอได้ยินเฉินเจียซิ่งแก้ตัวแทนผู้หญิงบ้านนอกคนนั้น เสิ่นเสี่ยวเหมยก็ยิ่งโมโหกว่าเดิม

เฉินเจียซิ่งไม่ต้องการโต้เถียงในเรื่องไม่เป็นเรื่องกับเสิ่นเสี่ยวเหมยอีกต่อไป เขาปลอบว่า “อย่าโกรธไปเลย หลินเซี่ยและคนอื่น ๆ เอาเรื่องนั้นไปแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจในบ้านเกิดของพวกเขาอยู่ในระหว่างการสืบสวนคดี เราไม่ควรหาข้อสรุปกันไปเอง ยึดเอาสำนวนของตำรวจเป็นหลักดีกว่า”

“เธอว่าไงนะ? พวกเขาเอาเรื่องนี้ไปแจ้งความเหรอ?” เสิ่นเถี่ยจวินซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ ได้ยินคำพูดของเฉินเจียซิ่งแล้วก็มีดวงตาฉายความตระหนกเล็กน้อย เงยหน้ามองเขาทันควัน

เฉินเจียซิ่งพยักหน้า “ใช่ครับ ผมได้ยินหลินเซี่ยพูดเอง”

เสิ่นเถี่ยจวินไม่พูดอะไรต่อ หรี่ตาลง ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

ต่างจากเสิ่นเสี่ยวเหมยที่ได้ยินแบบนั้น หล่อนพลันมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น

“อยากแจ้งความก็แจ้งไป พวกมันกล้าดีจริง ๆ ที่ไปแจ้งตำรวจให้จับโจร ฉันคิดว่าพวกมันไม่คิดหรอกว่าคดีที่เก่าเกินไปจะไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะตรวจสอบเจอได้ ระวังเถอะจะโดนจับเข้าคุกซะเอง”

เสิ่นเถี่ยจวินทำท่าทางเหมือนหงุดหงิดเล็กน้อย จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่อดทน “เอาเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ อย่าพาตัวเองเข้าไปยุ่งเลย ตอนนี้เธอกำลังท้องลูกอยู่นะ กลับไปใช้ชีวิตระหว่างตั้งครรภ์ให้ดีเถอะ”บราวนี่ออนไลน์

หลังจากพูดอย่างนั้น เสิ่นเถี่ยจวินก็พูดกับพ่อของเขา “พ่อ ปล่อยให้เสี่ยวเหมยกลับไปเถอะ อยู่บ้านเราแบบนี้ต่อไปไม่เป็นผลดีนะครับ”

เซี่ยหลานกับเสิ่นเสี่ยวเหมยมีเรื่องขัดแย้งกันหลายต่อหลายครั้ง เขาในฐานะคนกลางจึงอยู่ในตำแหน่งที่ลำบากใจมาก

ปกติระหว่างเซี่ยหลานกับเขาก็มีช่องว่างพออยู่แล้ว เสิ่นเถี่ยจวินไม่ต้องการให้เรื่องยุ่งวุ่นวายเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขาอีกต่อไป

เมื่อเสิ่นเถี่ยจวินพูดแบบนั้น ผู้เฒ่าเสิ่นก็หยุดทำตัวเย่อหยิ่ง หันไปคุยกับเฉินเจียซิ่งด้วยท่าทางเข้มงวดและข่มขู่ “เจียซิ่ง เสี่ยวเหมยของฉันกำลังตั้งท้องลูกหลานตระกูลเฉินของเธอ ครอบครัวของเธอห้ามปล่อยให้หล่อนต้องมีชีวิตที่ทุกข์ทรมานกับความอยุติธรรมใด ๆ เด็ดขาด ไม่งั้นฉันไม่เอาเธอไว้แน่”

เฉินเจียซิ่งได้ยินชายชราขู่แบบนั้นก็ยอมจำนน เขารีบรับรองอย่างหนักแน่น “คุณลุง ไม่ต้องกังวลเลยครับ”

“ทำไมวันนี้เธอมาที่นี่คนเดียวล่ะ? พ่อแม่อยู่ไหน? พวกเขาไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้เสี่ยวเหมยกำลังตั้งท้องอยู่? ครอบครัวพวกเธอนี่ไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลย” เมื่อผู้เฒ่าเสิ่นเห็นว่าสมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูลเฉินไม่มา เขาก็ดูไม่พอใจมาก

เฉินเจียซิ่งอดทนต่อความโกรธอันไร้เหตุผลของเขา ยังตอบกลับด้วยความเคารพ “คุณลุง พ่อแม่ผมยังอยู่ที่ทำงาน ผมก็เลยไม่ได้ไปรบกวนพวกเขา”

“จะรบกวนสักแค่ไหนกันเชียว?”

ผู้เฒ่าเสิ่นเตือนเขาด้วยท่าทางสง่างาม “ฉันจะบอกอะไรให้ ถึงหลินเซี่ยจะมีสถานะเป็นพี่สะใภ้ของพวกเธอ แต่หล่อนก็เคยมีสถานะเป็นหลานของเสี่ยวเหมยมาตั้งแต่เด็ก ฉะนั้นเธอควรกลับไปบอกปู่และพ่อตัวเองให้ชัดเจน ว่าอย่าพยายามบังคับให้เสี่ยวเหมยเรียกหล่อนว่า ‘พี่สะใภ้’ ถ้าพวกเธอยังยึดถือกฎบ้าบออะไรนั่น พวกเราตระกูลเสิ่นก็จะไม่ยินยอมเหมือนกัน”

“ผมเข้าใจแล้วครับ”

“คนอย่างคุณจะไปเข้าใจอะไร? ได้ยินมาว่าหลายวันก่อนคุณไปขอให้ผู้หญิงคนนั้นตัดผมให้ด้วยไม่ใช่เหรอ? แถมยังไปสนับสนุนตอนที่หล่อนเปิดร้านด้วยซ้ำ? นี่มันหมายความว่ายังไง?”

เสิ่นเสี่ยวเหมยมองดูทรงผมใหม่ของเฉินเจียซิ่ง โกรธมากจนอยากจะโกนผมเขาทิ้งไปซะ

เฉินเจียซิ่งอธิบายด้วยความรู้สึกผิด “ปู่บังคับให้ผมไปด้วย ผมก็ต้องไป ขัดคำสั่งของผู้ใหญ่ไม่ได้จริง ๆ”

เสิ่นเสี่ยวเหมยตะคอกอย่างเย็นชา “หยุดเอาคำว่าผู้ใหญ่มาเป็นข้ออ้างได้แล้ว ทั้งครอบครัวคุณต่างก็ถูกบงการจากคำสั่งของคนแก่งี่เง่านั่นกันทั้งนั้น”

เฉินเจียซิ่งอยู่ที่นี่มานานกว่าสองชั่วโมงแล้ว แต่เสิ่นเสี่ยวเหมยยังคงไม่เต็มใจที่จะปล่อยผ่านเรื่องต่าง ๆ ไม่ใช่ว่าถังหลิงบอกว่าหล่อนสำนึกผิดแล้วหรอกเหรอ

ถึงตอนนี้เฉินเจียซิ่งก็เริ่มหงุดหงิดแล้วเหมือนกัน มองไปที่เสิ่นเสี่ยวเหมย และถามอย่างไม่อดทนว่า “ตกลงจะกลับไหม?”

เสิ่นเสี่ยวเหมยนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเย่อหยิ่ง เอาแต่กอดอกและนิ่งเงียบไม่พูดจา

ผู้เฒ่าเสิ่นเหลือบมองนาฬิกา รู้สึกกังวลเล็กน้อย “พรุ่งนี้เธอค่อยขับรถของปู่มารับเสี่ยวเหมยก็ได้ วันนี้ดึกมากแล้ว กลับบ้านกันสองคนคงไม่ปลอดภัย”

เฉินเจียซิ่งมองไปที่ชายชราซึ่งเอาแต่ให้ท้ายและเรียกร้องสิ่งต่าง ๆ แทนเสิ่นเสี่ยวเหมย ความอดทนของเขามาถึงขีดจำกัดแล้ว

เป็นเพราะการตามใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของผู้เฒ่าเสิ่น ทำให้เสิ่นเสี่ยวเหมยกลายเป็นคนไร้เหตุผลแบบนี้

เขาอธิบายอย่างช่วยไม่ได้ “คุณลุงครับ พรุ่งนี้ผมยังต้องไปทำงาน รถที่ปู่ผมใช้ก็เป็นทรัพย์ที่ทางรัฐจัดสรรมาให้ใช้ ครอบครัวเราไม่มีใครมีสิทธิ์ใช้รถคันนั้นโดยพลการ นี่คือกฎของที่บ้าน”

เว้นแต่คุณปู่จะนั่งรถด้วยตัวเอง สมาชิกในบ้านถึงจะมีโอกาสได้อาศัย

หรือพรุ่งนี้เขาจะขอร้องให้ปู่ช่วยขับรถมารับเสิ่นเสี่ยวเหมยด้วยตัวเองดี?

ถ้าเป็นเมื่อก่อน สิ่งเหล่านี้ยังพอจะเป็นไปได้ แต่เสิ่นเสี่ยวเหมยออกไปอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลเสิ่นนานเกือบหนึ่งเดือนแล้ว แน่นอนว่าครอบครัวพวกเขาย่อมไม่พอใจ ไม่มีทางที่พวกเขาจะยินดีตามใจหล่อนอีก

ตัวเขาเองก็ไม่กล้าขอร้องให้ปู่ออกโรงด้วยตัวเอง

ทันใดนั้นเซี่ยหลานก็เดินเข้ามา เดาว่าหล่อนคงได้ยินสิ่งที่ผู้เฒ่าเสิ่นพูดแล้ว

เซี่ยหลานพูดอย่างจริงจังกับเฉินเจียซิ่ง “เจียซิ่ง ฉันว่าเธอกลับไปคนเดียวซะเถอะ จากนั้นก็จัดการทำตามขั้นตอนการหย่าร้างโดยเร็วที่สุด ปล่อยให้เสิ่นเสี่ยวเหมยอยู่กับลุงของหล่อนต่อไป คลอดแล้วก็ปล่อยให้เลี้ยงกันเอง อีกหน่อยเด็กคนนั้นจะถือว่าเกิดในตระกูลเสิ่น มีสิทธิ์ใช้แซ่เสิ่นอย่างชอบธรรม พวกเราย่อมไม่คัดค้านอะไร”

เมื่อผู้เฒ่าเสิ่นได้ยินคำพูดของเซี่ยหลาน เขาก็คำรามด้วยความโกรธ “เซี่ยหลาน พูดไร้สาระอะไรของเธอ?”

ตั้งแต่รู้ความจริงว่าหลินเซี่ยไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของตน ในที่สุดเซี่ยหลานก็กำจัดข้อสงสัยที่หล่อนลักลอบมีชู้ลับหลังเสิ่นเถี่ยจวิน ทำให้สามารถเงยหน้าในตระกูลเสิ่นได้อย่างมีศักดิ์ศรี

ตอนนี้เมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าเสิ่นกับเสิ่นเถี่ยจวินมีสีหน้าโกรธเคือง หล่อนก็ยังไม่ไว้หน้าไว้พวกเขา “นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณพ่อต้องการเหรอคะ ดูเหมือนคุณพ่อไม่อยากให้เสี่ยวเหมยกลับไปที่บ้านตระกูลเฉินไม่ใช่เหรอ?”

ช่วงหลังเซี่ยหลานดูหมิ่นลุงของเสิ่นเสี่ยวเหมยซึ่งหน้าหลายต่อหลายครั้ง ทำให้หล่อนอับอายอย่างต่อเนื่อง ถึงจะเป็นหลานสาวของอีกฝ่ายแต่ก็แต่งงานแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ในครอบครัวพ่อแม่ หล่อนก็ไม่ได้มีอำนาจมากพอเหมือนตอนอยู่ในตระกูลเฉิน จึงพูดอย่างเสียไม่ได้ “พี่สะใภ้ หยุดพูดแบบนั้นได้แล้ว ฉันจะกลับเดี๋ยวนี้แหละ”

เสิ่นเสี่ยวเหมยลุกยืนขึ้น หันไปพูดกับเฉินเจียซิ่ง “ขึ้นไปที่ห้องฉัน เก็บกระเป๋าเดินทางเสร็จเดี๋ยวกลับเลย”

ท้ายที่สุดเสิ่นเสี่ยวเหมยก็ยอมอ่อนข้อ เฉินเจียซิ่งจึงโล่งใจ เขารีบวิ่งไปที่ห้องของหล่อนเพื่อเก็บกระเป๋าเดินทาง พอข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างถูกบรรจุในกระเป๋าเดินทางเรียบร้อย เขาก็หันมายิ้มให้อย่างเสแสร้งอีกครั้ง

“ไปกันเถอะ”

ก่อนที่เสิ่นเสี่ยวเหมยจะออกจากบ้าน ผู้เฒ่าเสิ่นบอกเธอว่า “เสี่ยวเหมย ถ้าบ้านนั้นทำให้หลานคับข้องใจอีก กลับมาอยู่บ้านเรา ที่นี่มีลุงอยู่ ไม่ว่าใครก็รังแกหลานไม่ได้ทั้งนั้น”

“ขอบคุณมากค่ะลุง ไว้ฉันจะแวะมาเยี่ยมลุงบ่อย ๆ นะคะ”

เมื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยตามเฉินเจียซิ่งกลับไปที่บ้านตระกูลเฉินก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว นอกเหนือจากโจวลี่หรงที่ยังคงนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น ทุกคนต่างก็กลับขึ้นห้องเพื่อพักผ่อน

ทันทีที่เสิ่นเสี่ยวเหมยเดินผ่านเข้าประตูไปแล้วเห็นห้องนั่งเล่นเงียบเหงา ไม่เกิดภาพการต้อนรับอันอบอุ่นจากทั้งครอบครัวที่หล่อนเคยจินตนาการ ใบหน้าของหล่อนก็หม่นหมองลงทันที

เฉินเจียซิ่งทักทายโจวลี่หรง “แม่ เรากลับมาแล้ว”

เมื่อเห็นเสิ่นเสี่ยวเหมย โจวลี่หรงก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นและเป็นกันเอง ทั้ง ๆ ที่สีหน้ายังคงจริงจังและแข็งกร้าวอยู่เช่นเคย “กลับมากันแล้วเหรอ? ลูกพาเสี่ยวเหมยขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะ แม่ทำความสะอาดห้องไว้รอแล้ว ให้เสี่ยวเหมยได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ เรื่องอื่นไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้”

เสิ่นเสี่ยวเหมยถามด้วยใบหน้าเย็นชา “คุณปู่ คุณย่า คุณพ่อ และคนอื่น ๆ อยู่ไหนกันหมดคะ?”

โจวลี่หรงอธิบาย “กว่าเธอจะกลับก็ดึกมาก พ่อกับคุณปู่คุณย่ารอไม่ไหว พวกเขาก็เลยเข้านอนกันก่อนแล้ว”

“หลินเซี่ยกลับมาอยู่บ้านนี้แล้วเหรอ?” เสิ่นเสี่ยวเหมยถามอีกครั้ง

“พวกเขาก็เข้านอนแล้วเหมือนกัน”

เสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ได้เจอหน้าหลินเซี่ย ทำให้หงุดหงิดนิดหน่อยที่ไม่มีโอกาสได้โจมตีเธอทันที “แล้วพวกเขารู้หรือยังคะว่าฉันท้อง?”

“รู้สิ ทุกคนในครอบครัวรู้ข่าวดีกันถ้วนหน้าแล้ว และทุกคนก็มีความสุขกันมาก”

โจวลี่หรงอ้าปากหาว “พวกลูกรีบกลับขึ้นห้องเร็ว ๆ เถอะ แม่เองก็จะไปพักผ่อนเหมือนกัน พรุ่งนี้เช้าคุณปู่คุณย่าต้องดีใจมากแน่ที่เห็นว่าเธอกลับมา”

เมื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยขึ้นไปชั้นบน หล่อนก็บอกให้ระวังการเดินเป็นพิเศษ และให้เฉินเจียซิ่งช่วยประคอง

เฉินเจียซิ่งถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจับแขนหล่อนไว้ด้วยมืออีกข้าง

หลังจากขึ้นไปชั้นบนและไปถึงหน้าประตูห้องของเฉินเจียเหอแล้ว เสิ่นเสี่ยวเหมยก็หยุดเดินกะทันหัน ยกมือกุมท้อง เท้าฝ่ามือไว้กับผนัง และทำท่าแสดงความเจ็บปวด โก่งคอเค้นอาเจียนและร้องเสียงแหลมสูง “โอ๊ย วันนี้ฉันอ้วกไปตั้งหลายครั้ง อาการแพ้ท้องนี่ช่างรุนแรงดีจริง ๆ เลย”

เฉินเจียซิ่งเหลือบมองประตูห้องที่ปิดอยู่ของพี่ชายคนโต ตกใจมากจนรีบลดเสียงลง

“คุณก็ไปโก่งคออ้วกในห้องน้ำสิ”

“ฉันรอเดินไปถึงห้องน้ำไม่ไหว อยากอ้วกตรงนี้เลย”

หล่อนแทบจะฝังตัวแทรกเข้าไปในผนังอยู่แล้ว “อ่อก ฉันอยากจะอ้วกอีกแล้ว”

ภายในห้อง คู่สามีภรรยาที่กำลังบรรเลงเพลงรักหวานกันอยู่ใต้นวมก็ถูกรบกวนด้วยเสียงอันน่ารังเกียจจากภายนอก หญิงสาวผลักชายหนุ่มที่กำลังระดมกำลังกระแทกกระทั้นออก โวยวายอย่างไม่พอใจ “คนน่ารำคาญนั่นกลับมาแล้ว”

“ไม่ต้องสนใจ จดจ่ออยู่กับเรื่องของเราสิ” เขาเม้มริมฝีปาก ก่อนจะออกแรงให้หนักหน่วงขึ้น

หญิงสาวผู้เคยสงวนท่าทางได้ยินเสียงโก่งคออาเจียนราวกับตั้งใจจะรบกวนจากข้างนอก ประกอบกับความซาบซ่านอันรุนแรงของชายตรงหน้า ทันใดนั้นคิ้วของเธอก็ตระตุกเล็กน้อย ก่อนจะส่งเสียงครวญครางอู้อี้ออกไป

เสิ่นเสี่ยวเหมยซึ่งทำเสียงเหมือนสัตว์ประหลาดอยู่นอกห้องพลันชะงัก เมื่อได้ยินเสียงร้องไม่เป็นภาษาดังออกมาจากประตู

ทันใดนั้นใบหน้าของหล่อนก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความอับอาย ก่อนสาปแช่งว่าอีกฝ่ายไร้ยางอาย หยุดเสแสร้งอาเจียน และรีบวิ่งกลับเข้าห้องตัวเอง

เฉินเจียซิ่งคว้ากระเป๋าเดินทางขึ้นมา แล้วรีบเดินตามหล่อนเข้าไปทันที

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เอาซี้ ครางมาครางกลับไม่โกง เอาให้อายจนทนฟังไม่ได้ไปเลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท