ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 275 เป้าหมายต่อไปก็คือคุณ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 275 เป้าหมายต่อไปก็คือคุณ

ตอนที่ 275 เป้าหมายต่อไปก็คือคุณ

หลินจินซานถือกล้องแล้วรีบกลับมาที่บ้าน “เซี่ยเซี่ย ลูกชายของยายป้าคนนั้นออกไปเจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ในตรอก”

หลินเซี่ยถามอย่างเร่งรีบ “พี่ถ่ายรูปไว้ได้ไหม? แล้วรู้จักคนคนนั้นหรือเปล่า?”

“เขาสวมเสื้อคลุมกับใส่หมวก เราแยกไม่ออกจริง ๆ ว่าเขาเป็นใคร ก็เลยถ่ายรูปไว้”

เซี่ยไห่บอกว่า “งั้นนายแวะไปล้างรูปที่สตูดิโอถ่ายภาพหน่อย แล้วเอารูปกลับมาให้เซี่ยเซี่ยดูว่าหล่อนจำเขาได้ไหม”

หลินจินซานหยิบกล้องแล้วเดินออกไป หลินเซี่ยเตรียมจิตใจให้พร้อมรับแรงกระแทกทันทีเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย

เซี่ยไห่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วมองไปที่หลินเซี่ย ถามอย่างไม่แน่นอนว่า “เซี่ยเซี่ย เป็นไปได้ไหมว่าอาจจะเป็นเสิ่นเถี่ยจวิน? ก่อนหน้านี้เธอกับพี่อิงจื่อไม่ยอมตกลงที่จะยอมความกับเขา และไม่ยอมรับคำขอโทษจากเขาด้วย พอเขาตระหนักว่าความผิดของตัวเองกำลังจะถูกเปิดเผย ก็เลยเตือนเธอด้วยวิธีนี้?”

“คุณก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันเหรอ?” หลินเซี่ยมองไปด้านข้าง เผชิญกับการจ้องมองของเซี่ยไห่และถามด้วยความประหลาดใจ

เซี่ยไห่มองหน้าหลินเซี่ยและยิ้ม “ดูเหมือนว่าความคิดของเราจะตรงกัน ดังนั้นมันก็น่าจะถูกต้องแล้วล่ะ”

แม้ว่าหลินเซี่ยจะเดาแล้วได้ในเวลานี้ แต่เธอก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก พูดว่า “รอจนกว่าพี่ชายจะล้างรูปเสร็จซะก่อน แล้วเราค่อยมาวิเคราะห์กัน”

วันนี้อาจารย์หวังมาเริ่มงานวันแรกอย่างเป็นทางการ เขาประจำตำแหน่งช่างตัดผม ตราบใดที่ลูกค้าไม่วิตกกังวลและสมัครใจให้เขาตัด อาจารย์หวังก็จะได้รับช่วงต่อทันที

แต่ยังมีลูกค้าบางคนที่ระบุว่าช่างต้องเป็นหลินเซี่ยเท่านั้น เธอจึงต้องลงมือด้วยตัวเอง

แน่นอนว่าในระหว่างนั้นเธอก็ไม่ลืมแนะนำประวัติของอาจารย์หวังให้กับทุกคนด้วย

ทุกคนได้ยินว่าเขาเป็นช่างตัดผมอาวุโสที่มาจากร้านตัดผมของรัฐ ประกอบกับวัยวุฒิของเขา นอกเหนือจากผู้หญิงบางคนที่รักความสวยความงามและเชื่อในทักษะการดัดผมของหลินเซี่ย บรรดาลูกค้าชายต่างก็เต็มใจที่จะให้อาจารย์หวังเป็นคนตัดผมให้

หลินเซี่ยจึงออกจากร้านตัดผมไปอย่างสบายใจ ฝากร้านไว้กับอาจารย์หวังและชุนฟาง จากนั้นติดตามเซี่ยไห่ไปหารือเรื่องต่าง ๆ ในห้องเต้นรำ

ตอนเช้าแบบนี้ห้องเต้นรำยังไม่เปิด พนักงานต่างก็กำลังหลับอยู่ ภายในร้านจึงค่อนข้างเงียบสงบ

เวลานี้ทั้งสองคนตั้งข้อสงสัยในตัวคนคนเดียวกัน อีกทั้งเมื่อคืนนี้เฉินเจียเหอก็มีความคิดตรงกันกับพวกเขา สัญชาตญาณจึงบอกเธอว่าการคาดเดาของพวกเขาไม่น่าผิด

เสิ่นเถี่ยจวิน…ถ้าเขาเป็นคนทำเรื่องนี้จริง ๆ แสดงว่าเขาช่างไร้มนุษยธรรมมาก

หลินเซี่ยกัดฟันด้วยความโกรธเมื่อคิดถึงใบหน้าของเสิ่นเถี่ยจวิน

เมื่อยี่สิบปีก่อน เขาสงสัยว่าเซี่ยหลานอาจตั้งท้องลูกของคนอื่นก็เลยตัดสินใจสลับตัวเด็ก แค่นั้นยังไม่พอ ตอนนี้เขามาเจรจากึ่งบังคับให้พวกเธอเก็บมันไว้เป็นความลับเพื่อปกปิดการกระทำชั่วของตัวเอง เมื่อถูกพวกเธอปฏิเสธ เขาก็ใช้วิธีการอันน่ารังเกียจเพื่อข่มขู่อยู่กลาย ๆ

“เซี่ยเซี่ย ถ้าเสิ่นเถี่ยจวินเป็นคนวางแผนอยู่เบื้องหลังจริง ๆ พวกเราจะปล่อยให้เรื่องทุกอย่างจบไปง่าย ๆ ไม่ได้ เราต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้เซี่ยหลานกับผู้เฒ่าเซี่ยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเสิ่นเถี่ยจวินอย่างชัดเจน ส่วนฉันก็จะไปหาเซี่ยตงแล้วคุยกับเขาดี ๆ เรามาพูดถึงความจริงที่เกิดขึ้นในตอนนั้นกันเถอะ”

“ดีค่ะ”

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ถังหลิงก็เดินเข้ามา

เมื่อเห็นการปรากฏกายของผู้หญิงคนนี้ หลินเซี่ยก็ขมวดคิ้ว ขี้เกียจเกินกว่าจะพูดคุยกับหล่อน

ถังหลิงเดินเข้าไปหาพวกเขาและพูดด้วยน้ำเสียงแสดงความกังวลว่า “เถ้าแก่เซี่ย เซี่ยเซี่ย ฉันเพิ่งได้ยินเจ้าของร้านข้าง ๆ เล่าให้ฟังว่ามีลูกค้าจากแผงขายอาหารของแม่เธอมีอาการอาหารเป็นพิษ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? คุณป้าเขาโอเคไหม?”

หลินเซี่ยตอบกลับอย่างสงบ “ขอบคุณคุณถังสำหรับความห่วงใยของคุณ ไม่มีใครเป็นอะไรมากค่ะ”

หลินเซี่ยไม่สงสัยว่าถังหลิงจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้ ดังนั้นเมื่อเธอเห็นหน้าหล่อน จึงไม่มีความจำเป็นต้องคุยเพื่อล้วงข้อมูลใด ๆ และไม่สนใจที่จะคุยอะไรต่อ

“ฉันพอจะมีคนรู้จักที่ทำงานอยู่ในกรมอาหารและยา ฉันสามารถติดต่อเขาเพื่อขอให้เขาช่วยสนับสนุนได้นะ ตราบใดที่ขั้นตอนการตรวจสอบไม่มีปัญหา คุณป้าจะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น”

ถังหลิงแสดง ‘เจตนาดี’ ของตัวเอง และแสดงตนว่าตัวเองมีเครือข่ายเส้นสายที่แข็งแกร่งทันทีที่เปิดปาก แต่หลินเซี่ยไม่ได้สนใจเลย

“ขอบคุณนะคะคุณถัง ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อาหารที่แม่ฉันเป็นคนทำไม่มีอะไรผิดสำแดง มีคนกำลังจัดฉากใส่ร้ายหล่อนต่างหาก พวกเราตามสืบตัวคนทำกันเองได้”

“จัดฉากใส่ร้าย?” เมื่อถังหลิงได้ยินแบบนี้ คิ้วของหล่อนก็ขยับเล็กน้อย จากนั้นครุ่นคิดสักครู่แล้วพูดว่า “เซี่ยเซี่ย เธอคิดว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ยอมแพ้และทำอะไรโง่ ๆ อีกแล้วเหรอ?”

ในที่สุด คำพูดของหล่อนก็กระตุ้นความสนใจของหลินเซี่ย หลินเซี่ยเลิกคิ้วและมองไปที่ถังหลิง “คุณสงสัยว่าเป็นฝีมือของเสิ่นเสี่ยวเหมยงั้นเหรอ?”

ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว

เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกหล่อนเพิ่งจะใส่กางเกงตัวเดียวกัน รวมหัวกันใส่ร้ายเธออยู่เลย ผ่านไปแค่ชั่วพริบตา พวกหล่อนกลับทำเหมือนไม่รู้จักกันอีกต่อไป และเริ่มแทงข้างหลังกันเอง

ถังหลิงทำหน้าเคอะเขิน จับผมตัวเองแล้วพูดว่า “ก็เธอบอกว่ามีคนกำลังจัดฉากใส่ร้ายเธอ ถ้าพูดถึงใครก็ตามที่เป็นศัตรูกับเธอ คนแรกที่ฉันนึกออกก็คือหล่อน”

ดูเหมือนเซี่ยไห่ก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าถังหลิงจะกล้าเอ่ยชื่อผู้ต้องสงสัยต่อหน้าพวกเขา

ถ้าถังหลิงเป็นเพื่อนของพวกเขา ในเวลานี้ต้องนับว่าหล่อนสามารถแบ่งปันความคิดอันซื่อสัตย์เพื่อช่วยพวกเขาได้มาก เขาคงจะคิดว่าคนอย่างหล่อนคู่ควรที่จะได้รับมิตรภาพอันใกล้ชิด

ถึงอย่างนั้น เห็นได้ชัดว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยเคยเป็นน้องคนสนิทของหล่อนมาก่อน ครั้งล่าสุดตอนเสิ่นเสี่ยวเหมยท้องปลอม หล่อนเป็นคนพาอีกฝ่ายไปส่งที่โรงพยาบาลเป็นการส่วนตัว แถมยังคอยดูแลอีกฝ่ายด้วยตัวเองเป็นการส่วนตัว แม้แต่พี่สาวแท้ ๆ ยังไม่ดูแลดีขนาดนี้

ตอนนี้หล่อนกลับขายน้องคนสนิทอย่างง่ายดาย หล่อนกำลังวางตัวเป็นกลางแบบไม่เข้าข้างใคร หรือทำตัวเป็นคนร้ายที่จ้องจะซ้ำเติมอาการบาดเจ็บกัน?

ถังหลิงมองดวงตาซับซ้อนของเซี่ยไห่ คลี่ยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “เสิ่นเสี่ยวเหมยเป็นคนอารมณ์ร้อนและหุนหันพลันแล่น ยิ่งพอถูกผู้เฒ่าเสิ่นตามใจมาก ๆ เข้ายิ่งเหิมเกริม ถ้าคนที่ทำเป็นหล่อนจริง ๆ แปลว่าหล่อนยังไม่หยุดที่จะทำเรื่องโง่เขลา ในอนาคตถ้าฉันได้เจอหน้าหล่อนอีก ฉันจะเป็นคนสั่งสอนหล่อนเอง คิดแล้วก็เสียใจจริง ๆ ที่ตัวเองมีเพื่อนแบบนี้”

น้ำเสียงของถังหลิงเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างมาก แต่เซี่ยไห่กลับไม่อาจสัมผัสได้ถึงความจริงใจแม้แต่น้อย

ถ้าหล่อนสงสัยว่าคนคนหนึ่งกำลังทำสิ่งไม่ดี ปฏิกิริยาแรกที่ควรทำก็คือปกป้องอีกฝ่ายก่อน จากนั้นจึงสอบถามหาความจริง แล้วปล่อยให้คนที่เกี่ยวข้องเป็นฝ่ายยืนหยัดและรับผิดชอบต่อการแก้ปัญหา แล้วค่อยตักเตือนอีกฝ่ายให้อยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง

ไม่ใช่มาถึงก็เอ่ยชื่อคนที่ตัวเองสงสัยว่าเป็นคนทำผิดต่อหน้าคนอื่นตามอำเภอใจ

หล่อนคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมีสิทธิ์ทำอย่างนั้น?

เซี่ยไห่พูดอย่างเย็นชา “เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสอบสวนเองว่าข้อเท็จจริงเป็นยังไงกันแน่ พวกเราไม่ควรคาดเดาอย่างไร้หลักฐาน”

“ถูกต้องค่ะ ต้องขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนเป็นหลัก”

ถังหลิงพูดกับหลินเซี่ยด้วยความห่วงใยต่อไป “เซี่ยเซี่ย ถ้าเธออยากได้ความช่วยเหลือ เธอต้องบอกฉันทันทีเลยนะ เราทุกคนต่างก็เป็นคนกันเอง ฉันยินดีช่วยเสมอ”

“ค่ะ ขอบคุณ”

หลังจากที่ถังหลิงจากไปแล้ว เซี่ยไห่ก็มองไปที่หลินเซี่ยพร้อมกับแสดงท่าทางสับสน “ทำไมเถ้าแก่เนี้ยถังเขาถึงได้ดูกระตือรือร้นเรื่องของเธอขนาดนี้? เธอสองคนปรับความเข้าใจกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”

หลินเซี่ยกลอกตาใส่เขา “ใครอยากปรับความเข้าใจกับหล่อนกันล่ะ?”

“ฉันว่าในเมื่อเธอไม่ได้สนใจเจียเหอในเชิงนั้นมานานแล้ว เราทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนบ้านกัน นับจากนี้ไปก็ควรอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ในฐานะที่เป็นนักธุรกิจ ข้อห้ามคือไม่ควรสร้างศัตรู สันติภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้ายึดถือแนวคิดนี้ เราจะสามารถทำให้ธุรกิจของตัวเองใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น แถมยังทำรายได้ได้อย่างมหาศาล เส้นสายและความสัมพันธ์ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เธอต้องมีไหวพริบในการจัดการกับเรื่องต่าง ๆ พยายามไม่เป็นศัตรูกับใคร”

แม้ว่าเซี่ยไห่จะไม่เห็นด้วยกับการกระทำต่าง ๆ ของถังหลิง แต่ในฐานะนักธุรกิจ สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดคือการจัดการกับความขัดแย้ง

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็ตาม เขามักจะส่งยิ้มให้เสมอ

ความตั้งใจของถังหลิงที่มาเพื่อเสนอผู้ติดต่อสำหรับแก้ไขปัญหาในเวลานี้ ถือได้ว่าเป็นการหยิบยื่นความช่วยเหลืออย่างหนึ่ง

ดังนั้นอย่ายื่นมือออกไปตีคนที่ส่งยิ้มให้

เมื่อหลินเซี่ยฟังเหตุผลของเซี่ยไห่ เธอก็กลอกตาขึ้นฟ้าอย่างไร้คำพูด

เธอเข้าใจทุกสิ่งที่เซี่ยไห่พูด แต่เธอไม่อยากจะใช้ทักษะในการผูกมิตรในฐานะนักธุรกิจจริง ๆ เมื่อพูดถึงแม่ดอกบัวขาวคนนั้น

“เถ้าแก่เซี่ย คุณไม่เข้าใจจริง ๆ หรือคุณแค่แกล้งทำเป็นโง่กันแน่?”

“ฉันแกล้งโง่ยังไง?” เซี่ยไห่มองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจ

“ในเมื่อคุณไม่เข้าใจ ถ้าอย่างนั้นฉันจะอธิบายให้คุณฟังตามตรง ถังหลิงไม่ใช่คนดี และตอนนี้หล่อนก็ไม่ได้สนใจเฉินเจียเหอในเชิงนั้นอีกต่อไป”

เซี่ยไห่พูดแทรก “นั่นก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง?”

“เพราะหล่อนมีเป้าหมายต่อไปต่างหาก”

หลินเซี่ยมองเขาด้วยสายตาเย็นชา

ร่างกายของเซี่ยไห่สั่นเทาทันที

ทันใดนั้นดวงตาอันเฉียบคมของหลินเซี่ยก็จ้องเขม็งมองเขา “ใช่แล้ว นั่นก็คือคุณ”

ใบหน้าของเซี่ยไห่เหมือนแตกร้าวเป็นเสี่ยง ๆ “อย่ามาพูดให้ฉันกลัวนะ!”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ยัยถังมาทำอะไรที่นี่เนี่ย มาเสี้ยมให้รูปคดีเสียเหรอหรือยังไง

พี่ไห่ควรรู้ตัวและระวังผู้หญิงคนนี้ได้แล้วนะคะ ต่อให้มองในมุมนักธุรกิจก็เถอะ หล่อนคนนี้เหลี่ยมจัดน่ากลัวมาก

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท