ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 312 คุณมีรูปถ่ายเมื่อครั้งยังเป็นสาวไหม

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 312 คุณมีรูปถ่ายเมื่อครั้งยังเป็นสาวไหม

ตอนที่ 312 คุณมีรูปถ่ายเมื่อครั้งยังเป็นสาวไหม

ครั้นเซี่ยเหลยถามถึงรูปถ่ายในวัยเยาว์ของหล่อน หลิวกุ้ยอิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง แต่ก็ส่ายศีรษะเบา ๆ “ที่นี่ไม่มีหรอกค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่บ้านเกิดของฉัน”

การที่เขาต้องการดูรูปหลิวกุ้ยอิงในวัยเด็กนับว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ยอดเยี่ยมมาก

คุณแม่เซี่ยและเซี่ยไห่ยกยิ้มอย่างมีความสุข

แต่พอได้ยินว่าวันนี้ไม่มีรูปถ่ายวัยเยาว์ของหลิวกุ้ยอิง พวกเขาก็ผิดหวังเล็กน้อย

เมื่อเซี่ยเหลยได้ยินว่าไม่มีรูปถ่าย เขาก็เพียงอุทานว่า โอ้… แล้วเงียบไป

สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้รู้สึกประทับใจใดๆ ต่อผู้หญิงตรงหน้านี้

แม้จะรู้จักกัน เขาก็คงจะรู้จักแต่หลิวกุ้ยอิงในวัยสาวเมื่อครั้งที่เขายังหนุ่ม

และหลังจากสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไปแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าใบหน้าตอนที่หลิวกุ้ยอิงยังสาวเป็นอย่างไร

หากมีรูปถ่ายยืนยันว่าพวกเขารู้จักกันจริง ๆ เขาก็อาจจะนึกได้ว่าคนในความฝันที่วุ่นวายของเขาเป็นใคร

หญิงสาวผมเปียสองเส้นปรากฏขึ้นในความฝัน ใบหน้านั้นมองเห็นไม่ชัดเจน รอบกายเต็มไปด้วยพืชพรรณทั่วทุ่งนาและภูเขา สำเนียงที่ดูคุ้นเคยทว่านึกไม่ออก เขารู้สึกถึงเรื่องนี้ชัดเจนแต่ว่าทุกอย่างก็ยังคลุมเครือ

และเมื่อตระหนักได้อย่างนั้น ความวุ่นวายก็ผุดขึ้นในหัวของเขา

เมื่อรู้สึกอับจนปัญญาและไม่ทราบเรื่องราวของตัวเองในอดีต มันก็ทำให้เขาเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก

เขาอยากได้ความทรงจำกลับคืนมาเหลือเกิน

เซี่ยไห่อดตื่นเต้นไม่ได้ที่พี่ชายของเขาเริ่มกระตือรือร้นขึ้นมา เขาหันมองหลิวกุ้ยอิงก่อนจะขยิบตาให้หล่อนอีกครั้ง “พี่อิงจื่อ คุณลองนึกดี ๆ บางทีคุณอาจจะจำคนชื่อเซี่ยเหลยได้นะครับ”

“จริงด้วย อิงจื่อ ลองนึกดูดี ๆ เถอะนะจ๊ะ”

แม่และลูกชายเอ่ยอ้อนวอน ทั้งสองมองหลิวกุ้ยอิงอย่างกระตือรือร้น และหวังว่าหล่อนจะช่วยสนับสนุนให้การพูดคุยดำเนินต่อไป

หลิวกุ้ยอิงลังเลสักครู่ก่อนจะก้มศีรษะลง เอ่ยปากเสียงแผ่ว

“ฉันจำได้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในกองทหารด้วย เขาชื่อเซี่ยเหลย”

เซี่ยไห่รีบพูด “จริงเหรอครับ? ถ้าอย่างนั้นก็เล่าให้ผมฟังหน่อยสิว่าเซี่ยเหลยที่คุณรู้จักเป็นแบบไหน? เขาใช่พี่ใหญ่ของผมไหม?”

“ตอนที่เขามาถึงเทศมณฑลซีเหอ เขาไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่นั่นเลย มีครั้งหนึ่งเขาถูกต้นตำแยบนภูเขาตำที่ขาจนเกิดอาการลมพิษ ฉันเลยช่วยรักษาเขาจนหาย”

หลังจากหลิวกุ้ยอิงพูดจบ หล่อนก็หันมองเซี่ยเหลยด้วยความคาดหวัง

ตอนพบกันคราวแรก อีกฝ่ายถูกต้นตำแยตำจนเกิดผื่นแดงเต็มตัว เจ็บปวดคันคะเยอมากจนเอาแต่นั่งเกาอยู่บนภูเขา เป็นหล่อนที่ช่วยดึงต้นตำแยออกก่อนจะคั้นน้ำจากหญ้ามาเช็ดขาให้ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าหล่อนจะฆ่าเขา ทั้งสองคนจึงทะเลาะกันตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน

เขาเป็นคนดื้อรั้นค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง อีกทั้งยังดูถูกหล่อนว่าเป็นผู้หญิงชาวป่าชาวดง ส่วนหล่อนเองก็ดุด่าเขาที่โง่เขลา พลางบ่นว่าตนน่าจะทิ้งให้เขาถูกพิษตำแยจนตายไปเสีย ทั้งยังขว้างก้อนหินใส่เขาด้วย

ความทรงจำทั้งหมดยังสดใหม่ราวกับว่ามันเกิดขึ้นเมื่อวานนี้

ขณะพูดออกมาอย่างนั้น หล่อนก็รู้สึกสงสัยว่าเขาพอจะจดจำสิ่งนี้ได้บ้างไหม?

เซี่ยเหลยกำลังรับฟังคำพูดของหลิวกุ้ยอิงอย่างตั้งใจ

ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าต้นตำแยคืออะไร

แต่กลับจดจำเรื่องราวที่หล่อนพูดไม่ได้

คุณแม่เซี่ยยกยิ้มก่อนจะพูดต่อว่า “เสี่ยวเหลย บางทีลูกกับอิงจื่ออาจจะรู้จักกันนะ แต่เพราะลูกเสียความทรงจำไปเลยจำไม่ได้”

“คงเป็นอย่างนั้น”

เซี่ยเหลยจ้องมองผู้หญิงตรงหน้า หล่อนดูเรียบง่ายและพูดจีนกลางเจือสำเนียงท้องถิ่น ดูเหมือนว่าหล่อนจะรู้จักเขาจริง ๆ

แต่เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองรู้จักหล่อนไหม

เขานึกอะไรไม่ออกสักอย่าง

ทั้งแม่และลูกชายนั่งอยู่ในบ้านของหลิวกุ้ยอิงสักพักหนึ่ง เดิมทีเซี่ยไห่ต้องการจะอยู่ที่นี่เพื่อกินมื้อเย็นด้วยซ้ำ แต่เพราะเซี่ยเหลยไม่คุ้นเคยที่จะอยู่ในบ้านของคนอื่น นอกจากนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้เขาสับสนและเหนื่อยมากด้วย เขาหันมาถามหญิงชรา “แม่ครับ ที่เวียนหัวก่อนหน้านี้ดีขึ้นหรือยัง? เรากลับกันเลยไหมครับ?”

คุณแม่เซี่ยเองก็รู้ดีว่าตนไม่สามารถกินเต้าหู้ขณะยังร้อน ขืนเร่งรีบไปก็มีแต่จะเสียเปล่า ดังนั้นจึงตอบกลับไปว่า “อื้ม งั้นเรากลับกันเถอะ”

“อิงจื่อ ยังไงซะก็พิจารณาเรื่องการเปิดร้านอาหารร่วมกับพี่ชายของผมด้วยนะ คุณสองคนทำอาหารเก่งทั้งคู่ ถ้าได้เปิดร้านอาหารด้วยกัน ธุรกิจต้องรุ่งเรืองมากแน่นอน คุณกับพี่ชายของผมควรจะพูดคุยกันให้มาก อีกอย่างเรื่องนี้จะช่วยปลุกความทรงจำของเขาด้วย พี่อิงจื่อ คุณคือความหวังของพวกเรานะครับ”

หลิวกุ้ยอิงไม่ปฏิเสธแต่ก็เพียงพยักหน้ารับผ่าน ๆ “ค่ะ ไว้ฉันจะลองคิดดูนะ”

หลังจากเซี่ยเหลยกลับมาถึงบ้าน เขาก็ขังตัวเองไว้ในห้อง

“แม่ครับ ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ใหญ่ไม่เป็นไร”

เซี่ยไห่วางแผนที่จะหาสถานที่เปิดร้านอาหารให้กับพี่ใหญ่ของเขา

เขาต้องการมัดทั้งสองคนไว้ด้วยกัน ให้พวกเขามองหน้ากันตลอดไป

นับตั้งแต่ที่ทุกคนรู้ว่าเซี่ยเหลยกลับมาถึงเมืองไห่เฉิงแล้ว ถังจวิ้นเฟิงและลู่เจิ้งอวี่ก็เข้าหาเซี่ยไห่ และบอกว่าพวกเขาต้องการเห็นใบหน้าของวีรบุรุษแห่งเขาหลูซาน แม้แต่ฟางจิ้นเป่าเองก็ยังต้องการมาด้วยเช่นกัน

ทั้งหมดนั่งอยู่ในห้องขนาดใหญ่

หลินจินซานมอบความบันเทิงให้กับทุกคน

เขายังอยากรู้ด้วยว่าแฟนเก่าของแม่เลี้ยงของเขาเป็นคนแบบไหน จึงอยากพบเจอด้วยเช่นกัน

เซี่ยไห่โบกมือ “อื้ม ไว้เจอกันนะ”

เซี่ยไห่หันมาหาหลินจินซานก่อนจะพูดว่า “นายเดินทางไปจัดการธุรกิจก่อน ไว้หลังจากกลับมาแล้วค่อยมาพบเจอวีรบุรุษคนนั้นเถอะ ถ้านายทำได้ดี ฉันจะเลื่อนตำแหน่งและเพิ่มเงินเดือนให้ด้วย”

หลินจินซานพลันตื่นเต้นขึ้นมา “เถ้าแก่ บอกมาได้เลยครับ”

“ไว้คุยกันทีหลัง”

เซี่ยไห่เอ่ยปากถามเฉินเจียเหอและคนอื่น ๆ ด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด “มีใครอีกไหมที่อยากจะพบเจอกับพี่ใหญ่ของฉัน? ฉันต้องการรู้จำนวนคนและจัดเตรียมที่นั่งให้กับพวกนายในสองสามวัน แต่ทั้งหมดต้องเป็นคนของพวกเราเท่านั้น ใครก็ตามที่ชื่นชอบพี่ใหญ่ของฉันก็มาพบเจอกันได้ แต่ถ้าใครคิดจะมาก่อวุ่นวาย เราจะไม่ต้อนรับเด็ดขาด ”

เฉินเจียเหอคิดสักครู่ก่อนจะพูดว่า “มีอยู่คนหนึ่ง”

เขายืมโทรศัพท์มือถือของเซี่ยไห่และกดโทรออก

เซี่ยไห่ถาม “นายโทรหาใคร? ฉันจะไม่โทรหาใครเพื่อพูดคุยไร้สาระหรอกนะ”

“เย่ไป๋”

เย่ไป๋และเซี่ยไห่เคยพบเจอกันมาก่อน คราวที่พวกเขาเพิ่งออกจากกองทัพ เฉินเจียเหอก็บอกกล่าวให้เย่ไป๋มาร่วมกินอาหารเย็นด้วยกัน

“เขาเป็นหมอไม่ใช่เหรอ? ไม่ได้อยู่ในวงการเดียวกับพวกเราอีกต่อไปแล้ว เขาควรจะชื่นชมหมอเย่แพทย์แผนจีนผู้นั้น ทำไมเขาถึงอยากจะเจอพี่ชายของฉันด้วยล่ะ?”

เฉินเจียเหออธิบาย “เขามีเหตุผลทางครอบครัวน่ะ เวลานั้นเลยเลิกเป็นทหารและเลือกเป็นหมอแทน เขาเลยอยากใช้โอกาสนี้เพื่อรับชมใบหน้าที่แท้จริงของวีรบุรุษ และชดเชยความเสียใจตลอดเวลาที่ผ่านมา”

เซี่ยไห่ได้ยินอย่างนั้นแล้วจึงตอบกลับ “งั้นก็ได้”

เฉินเจียเหอโทรหาเย่ไป๋

เย่ไป๋กำลังจะเลิกงาน เมื่อได้รับโทรศัพท์และได้ยินว่าเป็นเสียงของเฉินเจียเหอก็รีบทักทาย “เหล่าเฉิน นายสบายดีไหม? เจียวั่งเป็นยังไงบ้าง?”

“เขาสบายดี”

เฉินเจียเหอกล่าวเข้าประเด็นทันที “ฉันมีเรื่องบางอย่างจะคุยด้วย พี่ใหญ่ของเซี่ยไห่หรือสหายเซี่ยเหลยผู้เป็นวีรบุรุษของเราทุกคนที่รอดตายจากสนามรบมาหวุดหวิดได้มาอยู่ที่ไห่เฉิงแล้ว พวกเรากำลังจะนัดรวมตัวเพื่อพบเจอเขา นายมีเวลาว่างจะมาด้วยกันไหม?”

เย่ไป๋ยิ้มก่อนจะตอบกลับว่า “ฉันจะไปด้วยแน่นอน”

เฉินเจียเหอถามต่อว่า “แล้วนายเลิกงานแล้วเหรอ? ตอนนี้พวกเราอยู่ห้องเต้นรำของเซี่ยไห่ ทำไมไม่มานั่งคุยกันสักหน่อยล่ะ? นี่ก็นานมากแล้วที่พวกเราไม่ได้เจอกัน”

เย่ไป๋รีบตอบ “ต้องขอโทษด้วย แต่วันนี้ไม่ได้แล้ว”

“งั้นไว้เจอกันวันหลังก็ได้”

เย่ไป๋วางสายก่อนจะจัดของเพื่อเลิกงาน

เขาถอดเสื้อคลุมสีขาวออก เหลือเพียงเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำ รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าอ่อนโยนยิ่งมองยิ่งสะดุดตา

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เสียดายถ้าไม่มีรูปถ่ายตอนสาวๆ ของอิงจื่อ ถ้ามีรูปอยู่ก็คงลงเอยกันเร็วกว่านี้

เย่ไป๋นี่เป็นนัดบอดของยัยเหมยหรือเปล่าหว่า?

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท