บทที่ 231 เปิดใช้งานระบบฉายากิตติมศักดิ์ (1)
การตั้งทฤษฎีเพื่ออธิบายปรากฏการณ์ใดๆ ยังคงต้องอิงตามความเป็นจริงเสมอ
นี่คือวิทยาศาสตร์ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ต้องมีการทดลองตามมาด้วยเสมอ
เช่นเดียวกับการตั้งทฤษฎีจุลชีพภายในลำไส้ หากทฤษฎีดังกล่าวตรวจสอบได้ในการทดลองเชิงปฏิบัติ ก็จะนำมาซึ่งการพัฒนาขององค์ความรู้ด้านสรีรวิทยา พยาธิวิทยา เภสัชวิทยา และสาขาอื่นๆ ได้อย่างรอบด้าน
ในความเป็นจริง ทุกประเทศบนโลกล้วนมีกลไกปิดกั้นตนเองจากโลกภายนอก ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การเมือง วิชาการ วิทยาศาสตร์ การแพทย์ และด้านอื่นๆ
แม้ว่าโลกปัจจุบันดูเหมือนจะเป็นยุคแห่งการผสมผสานของวัฒนธรรมและเทคโนโลยีก็ตาม
หากคุณกำลังรู้สึกเช่นนี้ นั่นหมายความว่า ‘นโยบาย’ ที่รัฐกำลังใช้ถือว่ามีความละเอียดถี่ถ้วนมากเลยทีเดียว เพราะมันทำให้คุณสัมผัสถึงความแตกต่างระหว่างจุดที่คุณยืนอยู่และโลกภายนอกไม่ได้
ความเหลื่อมล้ำของการรักษาพยาบาลก็คือความเหลื่อมล้ำในการดำรงชีวิตของผู้คน
ซึ่งทฤษฎีจุลชีพภายในลำไส้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางความคิดและทิศทางใหม่ของการพัฒนามาสู่โลกใบนี้
ทว่าไป๋เยี่ยคิดจะเผยแพร่เพียงแค่แนวคิดเท่านั้น ส่วนผลการวิจัยนั้นเขายังไม่ได้วางแผนจะเผยแพร่ออกไป
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่เผยแพร่วารสาร ‘การแพทย์ผู่เจ๋อสมัยใหม่’ ออกไป ไป๋เยี่ยก็ได้รับสายจากเกาเย่ว์หยางว่ามีคนต้องการพบเขา
ไป๋เยี่ยได้ยินดังนั้นก็อดสงสัยไม่ได้
ใครกันนะ
เช้าวันรุ่งขึ้น รถออดี้คันหนึ่งก็มาจอดที่หน้าปากซอย ทันทีที่ไป๋เยี่ยขึ้นรถก็เอ่ยปากถามเกาเย่ว์หยางทันที
“ใครอยากเจอผมเหรอครับ อาจารย์เกา”
เกาเย่ว์หยางยิ้ม “ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”
ไป๋เยี่ยได้ยินดังนั้นก็หยุดถาม ผ่านไปราวๆ หนึ่งชั่วโมง ทั้งคู่ก็มาถึงที่หมาย
ลิฟต์หยุดลงที่ชั้นยี่สิบเอ็ด ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ไป๋เยี่ยก็ได้พบกับ ‘เว่ยซูชิง’ จากคณะกรรมการวางแผนสุขภาพและครอบครัวแห่งชาติ
ทันทีที่เห็นไป๋เยี่ย เว่ยซูชิงก็ลุกขึ้นกล่าวทักทายเขา
“สวัสดีค่ะ นักวิชาการเกา ส่วนคุณคือเสี่ยวเยี่ยสินะคะ เชิญนั่งได้เลยค่ะ เสี่ยวเยี่ยมาทางนี้เลย”
ไป๋เยี่ยมองตามหญิงรุ่นป้าผู้มีผมหงอกแซมๆ ตรงหน้าพลางรู้สึกว่าเธอไม่มีท่าทีวางมาดเลยแม้แต่น้อย หากตัดเรื่องตำแหน่งออกไป เธอก็คงเป็นคุณป้าทั่วๆ ไปคนหนึ่ง
ถึงกระนั้น ไป๋เยี่ยก็คงให้ความเคารพแก่เธอ “สวัสดีครับคุณเว่ย”
เว่ยซูชิงยิ้มรับก่อนจะขอให้เลขาของเธอยกชามาเสิร์ฟ จากนั้นเธอก็นั่งลงและเอ่ยปากขึ้น “วันนี้ดิฉันขอให้นักวิชาการเกาเชิญคุณมาที่นี่เพราะมีเรื่องอยากคุยกับคุณนิดหน่อยน่ะค่ะ”
ไป๋เยี่ยตั้งใจฟัง คำพูดของเว่ยซูชิงแฝงไปด้วยวาทศิลป์ เธอใช้คำพูดราวกับว่าไม่ได้ตั้งใจจะยื่นข้อเสนอให้ เพียงแค่ต้องการปรึกษาบางอย่างเท่านั้น
“อันที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ดิฉันได้ยินเรื่องคุณ ครั้งก่อนที่องค์การอนามัยโลก เลขาของดิฉันชื่นชมคุณมาก ดิฉันไม่คิดเลยว่าในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปีคุณจะทำเรื่องใหญ่โตพวกนี้ได้ นับเป็นวาสนาของชาติเราจริงๆ!”
ไป๋เยี่ยยังจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้เป็นอย่างดี เขาเข้าไปมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่อหน้าสาธารณชนจนได้รับการยกย่องจากหน่วยงานทางการต่างๆ เช่น สันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์และหนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลี ซึ่งล้วนเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเว่ยซูชิงโดยตรง
ไป๋เยี่ยย้อนรำลึกเหตุการณ์เหล่านั้นก่อนจะเอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณสำหรับตอนนั้นด้วยนะครับ”
เว่ยซูชิงโบกมือ “ฮ่าๆ เสี่ยวเยี่ย วันนี้ดิฉันเชิญคุณมาเพราะอยากคุยกับคุณเรื่องสถานะของการพัฒนาทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพในประเทศของเราตอนนี้ ดิฉันคิดว่าคุณน่าจะพอรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้นะคะ”
ไป๋เยี่ยชะงัก นี่กำลังบอกความลับอะไรกับเราอยู่หรือเปล่า
เว่ยซูชิงยื่นข้อมูลที่ถูกเตรียมไว้อย่างถี่ถ้วนให้ไป๋เยี่ยพลางกล่าว “ลองอ่านดูสิ นี่เป็นรายงานสถิติล่าสุดเกี่ยวกับอัตราการรักษาโรคและการใช้ยาต่างๆ ในปี 2017”
ไป๋เยี่ยมีท่าทีลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยื่นมือไปหยิบเอกสารมา มันเป็นเพียงเอกสารไม่กี่หน้าเท่านั้น เขาจึงหยิบมันขึ้นมาอ่านทันที
ในเอกสารมีเพียงการเปรียบเทียบและวิเคราะห์ข้อมูล แต่ไม่มีการแยกประเภทของยาที่ใช้ออกมาอย่างเจาะจง
เช่น มีรายงานการติดตามผลรักษาโรคความดันโลหิตสูงและจำนวนผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในประเทศในแต่ละปี ตามด้วยการวิเคราะห์ยาที่ใช้โดยละเอียดและการเปรียบเทียบตัวยาในประเทศและตัวยานำเข้า
หลังจากที่ไป๋เยี่ยลองอ่านดูแล้ว เขาก็พบปัญหา เห็นได้ชัดว่ายารักษาโรคความดันโลหิตที่ผลิตในประเทศให้ผลดีไม่เท่ากับยานำเข้าจากต่างประเทศ ทว่าทางการก็ยังคงสนับสนุนการใช้ยาที่พัฒนาและผลิตในประเทศอย่าง ‘ซือฮุ่ยต๋า’…รวมถึงยารักษาโรคความดันโลหิตตัวอื่นๆ ในประเทศ
อันที่จริง ยารักษาโรคความดันโลหิตจากต่างประเทศมีราคาไม่สูงนัก บางทีอาจจะถูกกว่ายาภายในประเทศด้วยซ้ำ แต่ยาบางชนิดก็ไม่ผ่านการควบคุมสินค้า
ทำไมถึงทำเช่นนี้ ในเมื่อบนโลกใบนี้ก็มีเทคโนโลยีชั้นนำมากมาย แต่ทำไมเราถึงเลือกใช้เทคโนโลยีล้าหลังของประเทศเราเองล่ะ
ไหนจะยาอินซูลิน…ยาลดไขมันในเลือด…และอื่นๆ
ทันใดนั้น ไป๋เยี่ยก็ได้พบกับปัญหาร้ายแรงอย่างหนึ่ง!
หลังจากอ่านจบแล้ว ไป๋เยี่ยก็สูดหายใจเข้าลึก สีหน้าของเขาเคร่งเครียด มือที่ถือเอกสารก็พลอยสั่นเทาไปด้วย ในที่สุดเขาเข้าใจถึงเหตุผลแล้ว
เพราะหากไม่มีการควบคุมการนำเข้าตัวยาจากต่างประเทศ ก็มีโอกาสสูงที่บริษัทยาภายในประเทศจะล้มละลาย
การนำเข้ายาแก้ปัญหาบางอย่างได้ก็จริง แต่ย่อมไม่อาจแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้!
ทำไมถึงพูดแบบนั้น
ในเมื่อมีข้อจำกัดเรื่องการนำเข้าและส่งออก รวมถึงการผูกขาดทางเทคโนโลยีแล้ว เราควรจะทำอย่างไร
ในกรณีที่ผลิตภัณฑ์ยาไม่ได้รับอนุญาตให้มีการนำเข้าสู่ตลาดประเทศจีน ผู้ป่วยจะได้รับการช่วยเหลืออย่างไร
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราพึงทำคือต้องพัฒนาตนเองจนพึ่งพาตนเองได้ จึงก่อเกิดเป็นนโยบายปิดกั้นตนเองขึ้นมา
ท้ายที่สุดเราจะต้องเหาะเหินและโบยบินได้ด้วยตนเอง!
แทนที่จะคอยคว้าไม้ค้ำยันหรือนั่งรถเข็นที่ผู้อื่นหยิบยื่นมาให้ในคราที่เราเดินไม่ได้
เช่นเดียวกับเรื่องชิปคอมพิวเตอร์ ทำไมถึงมีคนจำนวนมากได้รับผลกระทบ ก็เป็นเพราะปัญหาเรื่องการนำเข้าส่งออกไม่ใช่หรือ
สิ่งที่เราได้รับจากการนำเข้าและส่งออกเป็นเพียงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเท่านั้น ไม่ใช่เทคโนโลยี
อยากพัฒนาก็ต้องพึ่งตนเอง
ไป๋เยี่ยเงยหน้ามองหญิงวัยกลางคนตรงหน้า ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงที่เธอแบกรับไว้ ควรจะเปิดประตูการค้าหรือไม่ ควรเปิดกว้างแค่ไหน และควรเปิดด้วยวิธีใด ปัญหาเหล่านี้ล้วนแตกต่างกัน
ไป๋เยี่ยถอนหายใจ “เฮ้อ…”
เขารู้สึกเจ็บใจอย่างบอกไม่ถูก เขาคิดมาตลอดว่าตนเปลี่ยนแปลงโลกและอนาคตได้ แต่ตอนนี้เขากลับทำอะไรให้บ้านเกิดเมืองนอนไม่ได้เลย จะไม่ให้ทุกข์ได้อย่างไร
หลายคนมักพูดว่า ถ้ามีเงินก็ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศแล้วเพลิดเพลินไปกับสังคมทุนนิยมได้แล้ว
แน่นอนว่าหากคุณจะไปก็ไม่มีใครรั้ง ติดแค่ประเทศปลายทางต้องการเปิดรับคุณหรือไม่เท่านั้น
แต่มีคนได้ออกไปจากประเทศนี้มากขนาดนั้นจริงหรือ 艾琳小說
จากประชากรกว่าหนึ่งพันล้านคนในมาตุภูมิของเรา จะมีสักกี่คนที่ได้ออกไปสู่โลกภายนอก!
พวกเขาจะพึ่งพาใครได้
ตั้งแต่กินยา ฉีดยา จนร่างกายแก่ตัวลง ล้มป่วย และสิ้นอายุขัยไป พวกเขาจะพึ่งใครได้
เราทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองและมาตุภูมิแห่งนี้เท่านั้น