บทที่ 238 รางวัลระดับหกดาว
ไป๋เยี่ยเดินออกมาจากห้องอย่างเบิกบานใจ ได้รับคำชมจาก ‘ท่านผู้นั้น’ ทำให้เขามีความสุขไปทั้งวันจริงๆ
ไป๋เยี่ยกุมมือทั้งสองข้างขึ้นมาโดยไม่ไปสัมผัสกับสิ่งใด จากนั้นก็หาที่ลับตาคนเพื่อจับรางวัล
ย่อมห้ามให้ใครเห็นตอนเขาจับรางวัล อีกทั้งในสถานที่ที่ฮวงจุ้ยดีแบบนี้จะต้องเสริมดวงให้เขาได้แน่ๆ
ไป๋เยี่ยคิดได้ดังนั้นก็สูดหายใจเข้าและรวบรวมสมาธิ เขาคิดในใจและยื่นมือทั้งสองข้างออกไปจับรางวัล!
จานหมุนรางวัลระดับหกดาวหมุนอย่างบ้าคลั่ง ก่อนไป๋เยี่ยจะพูด “หยุด” ในใจ
เสียงกระดิ่งหยุดลง มีเพียงหลอดทดลองขนาดจิ๋วปรากฏขึ้นตรงหน้า!
ในหลอดทดลองบรรจุของเหลวสีม่วงไม่กี่หยดไว้ ดูแล้วน่าสนใจมาก…
[ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับน้ำยาเสริมพันธุกรรมระดับกลาง (1 โดส) หลังจากใช้งาน ลักษณะทางพันธุกรรมของคุณจะเปลี่ยนแปลงไป ปรับปรุงข้อบกพร่องและเสริมเอกลักษณ์ทางพันธุกรรมต่างๆ ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน…ซึ่งนำไปสู่การวิวัฒนาการได้]
[แจ้งเตือน น้ำยาเสริมพันธุกรรมระดับกลางเป็นไอเทมหายาก โปรดเก็บรักษามันไว้ให้ดี!]
สรรพคุณของน้ำยาเสริมพันธุกรรมระดับกลางนั้นเข้าใจได้ไม่ยาก ซึ่งไป๋เยี่ยก็ตระหนักถึงข้อนี้ดี น้ำยาเสริมพันธุกรรมระดับต้นโดสนั้นช่วยเสริมสร้างคุณลักษณะโดยรวมของไป๋เยี่ยได้ในระดับหนึ่ง ตัวอย่างเช่นรักษาอาการสายตาสั้นและโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม ปรับปรุงความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ทั้งหมดและเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายให้แข็งแรงขึ้นด้วย
ไป๋เยี่ยคิดได้ดังนั้นก็มองที่ขวดน้ำยาในมือด้วยแววตาที่ลุกเป็นประกาย!
ร่างกายคือปัจจัยสำคัญ หากไม่มีสุขภาพและชีวิตที่ดี ทุกอย่างก็สูญเปล่า เพราะฉะนั้นไป๋เยี่ยจึงรู้สึกดีใจที่ได้รับสิ่งที่มีประโยชน์ต่อตัวเขา
ไม่เลว!
รางวัลต่อไปขอดีๆ อีกละกัน!
ไป๋เยี่ยยังไม่ได้หยิบหลอดน้ำยาออกมาก็กดสุ่มรางวัลต่อทันที
จานหมุนขนาดใหญ่หมุนอย่างบ้าคลั่งและหยุดลงอีกครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นการ์ดสีทองส่องแสงเป็นประกายก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าเขา
[ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับ: การ์ดทักษะเวชศาสตร์ฉุกเฉิน!]
[ติ๊ง! หลังจากใช้งานแล้ว คุณจะได้รับทักษะเวชศาสตร์ฉุกเฉินเลเวล 6
แจ้งเตือน: เวชศาสตร์ฉุกเฉินเป็นศาสตร์การแพทย์แขนงใหม่ มีไว้เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยจากโรคอาการสาหัสร้ายแรง เป็นศาสตร์ที่กำลังพัฒนาและครอบคลุมหลากหลายวิชาชีพ เป็นสาขาเฉพาะทางใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษารอยโรคและอาการบาดเจ็บฉุกเฉินต่างๆ เป็นการใช้มาตรการช่วยเหลืออย่างฉุกเฉินสำหรับอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและโรคที่เป็นอันตรายต่อชีวิตภายในระยะเวลาอันสั้น]
ไป๋เยี่ยขมวดคิ้ว เวชศาสตร์ฉุกเฉิน
ไป๋เยี่ยไม่คิดว่าตนจะได้รับทักษะนี้เลย เขาจึงมีความสุขมากที่ได้รับทักษะเลเวลหก
แต่…เวชศาสตร์ฉุกเฉิน…จะว่าไงดีล่ะ ไป๋เยี่ยเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล
ไป๋เยี่ยไม่เคยคิดจะแตะต้องสาขานี้เลย เพราะเขาคิดว่าผู้ป่วยในแผนกนี้มักจะมีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ทำให้แพทย์ต้องแบกความรับผิดชอบอันหนักหน่วงและห้ามประมาทเด็ดขาด
มีชีวิตคนเป็นเดิมพันและความรับผิดชอบแสนยิ่งใหญ่!
อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นเพียงความคิดของไป๋เยี่ยเมื่อตอนยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเท่านั้น ตอนนี้เขาเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้ว เขารู้ดีว่าคุณค่าของตัวเขาไม่ได้จำกัดอยู่เพียงสาขาใดสาขาหนึ่งอีกต่อไป การจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญและศาสตราจารย์ได้นั้นต้องรู้จักพัฒนาตนเองในศาสตร์ที่ยังด้อย เพื่อนำมาเติมเต็มส่วนที่การแพทย์ขาดหายไป
เวชศาสตร์ฉุกเฉินยังคงเป็นสาขาที่มีเนื้อหาน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เยี่ยยังเชื่อมาโดยตลอดว่าแผนกฉุกเฉินเป็นแผนกที่ทำงานกับความเป็นความตายมากที่สุด แพทย์ที่ทำงานในแผนกฉุกเฉินคนใดก็ตามจะต้องมีวินัยที่ดีและมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากพอ สิ่งสำคัญที่สุดคือความรับผิดชอบต่อชีวิตของมนุษย์ซึ่งมีค่าเทียมฟ้า!
หากจะมีแผนกใดที่ไป๋เยี่ยชื่นชมมากที่สุด ก็คงเป็นแผนกฉุกเฉินอย่างแน่นอน
หลังจากได้รับไอเทมแล้ว ไป๋เยี่ยก็ไม่ได้เปิดใช้งานมันในทันที แต่เขากลับยืนอยู่เงียบๆ บนตึกสูงระฟ้าและทอดสายตาออกไปไกล
สถานที่แห่งนี้มองเห็นทัศนียภาพหลายแห่งในเมืองหลวงที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไป๋เยี่ยมองลงไปยังเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานแห่งนี้ เห็นผู้คนสัญจรไปมา ทันใดนั้นเขาก็พลันรู้สึกว่าการยืนอยู่ที่นี่ไม่ได้มีแค่ความมีเกียรติเท่านั้น แต่ยังมีความรับผิดชอบและหน้าที่อีกด้วย
จู่ๆ ก็มีเสียงอันไพเราะดังขึ้น
“ที่นี่เป็นยังไงบ้าง”
ไป๋เยี่ยตอบ “ก็กดดันนิดหน่อย”
“ฮ่าๆ…ใช่แล้ว มนุษย์เราต่างมองเห็นเพียงสิ่งที่อยู่สูงเท่าตน แต่กลับมองข้ามท้องฟ้าที่อยู่เหนือศีรษะของตน”
ไป๋เยี่ยนิ่ง “…”
“คุณเป็นเยาวชนที่มีความสามารถที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา เป็นคนที่เข้าใจได้ยาก อันที่จริงแล้วการเป็นหมอก็เหมือนกับการเป็นผู้นำ เมื่อผู้ป่วยต้องการการดูแล หมอก็จะช่วยรักษาพวกเขา เมื่อใจคนเราห่อเหี่ยว ประเทศชาติก็ย่อมห่อเหี่ยวตามไปด้วย พวกเราต้องมาพยายามด้วยกันแล้ว”
“ประเทศชาติของเราก็เหมือนคน หลายๆ อย่างมันไม่ง่ายเลย เราเจ็บป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ทั้งอาการบาดเจ็บภายนอกจากการถูกคนอื่นทุบตี ทั้งการบาดเจ็บภายในจากการทุบตีตนเอง ตลอดจนโรคจากความยากจน ความทุกข์ ความล้าหลัง…แต่ตราบใดที่ยีนเรายังไม่เสียหาย อวัยวะภายในยังทำงานได้ปกติ ก็ยังมีความหวังเสมอ!”
“แต่ละคนแตกต่างกัน ถ้าลองคิดดูดีๆ ฉันขอเป็นคนสอนหนังสือดีกว่า วันๆ แค่ขีดๆ เขียนๆ สอนหนังสือแค่นั้น”
“เราแต่ละคนก็เหมือนกับเซลล์ของประเทศชาติ เราต้องทำหน้าที่ของเราเองเพื่อทำให้ประเทศชาติเจริญขึ้น”
หลังจากออกเดินทาง คนขับก็มาส่งไป๋เยี่ยที่โรงพยาบาล คำพูดข้างต้นนั้นทำให้ไป๋เยี่ยรู้สึกกินใจมาก
นี่คือความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ มีการเปลี่ยนแปลงมุมมองตลอดเวลา วันหนึ่งสิ่งที่ตนเองคิดอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เราอาจจะมองสิ่งต่างๆ ได้ลึกซึ้งมากขึ้น
หลังจากกลับมาถึงห้อง ไป๋เยี่ยก็กดใช้งานการ์ดทักษะเวชศาสตร์ฉุกเฉินเลเวลหกทันที ข้อมูลจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในหัวของไป๋เยี่ย ทำให้เขาอยู่ในท่าทางสงบนิ่งสักพักหนึ่ง
ไป๋เยี่ยหยิบน้ำยาเสริมพันธุกรรมออกมาอย่างระมัดระวัง ถอดเสื้อผ้าของเขาออกและปูเตียงด้วยผ้าปูที่นอนและผ้านวมเก่าๆ
หลังจากนั้น ไป๋เยี่ยก็ดื่มน้ำยาเสริมพันธุกรรมระดับกลาง ก่อนจะรู้สึกถึงอาการบวมที่ท้องของเขา จากนั้นก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย เหมือนกับการดื่มน้ำเปล่า
ไป๋เยี่ยกำลังจะผล็อยหลับไป…
หลังจากดื่มน้ำยาเสริมพันธุกรรมครั้งแรก ไป๋เยี่ยก็จำได้ว่าเขาหลับไป และพอตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ทั้งร่างก็เต็มไปด้วยคราบสกปรก
ทว่า…หนึ่งนาทีต่อมา…ห้านาทีต่อมา…
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ไป๋เยี่ยยังคงตื่นอยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ง่วงนอนเลย…
ราวกับว่าประสิทธิภาพของน้ำยาเสริมพันธุกรรมระดับกลางจะได้รับการปรับปรุงให้สมบูรณ์แบบแล้ว
ไป๋เยี่ยลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้าอีกครั้ง จากนั้นก็ไปที่ห้องอ่านหนังสือ
ทักษะกายภาพบำบัดได้รับการปลดล็อกแล้ว ตอนนี้ไป๋เยี่ยจะมุ่งเน้นไปที่การฉายรังสีเป็นหลัก
เขาต้องการค่าประสบการณ์เพียงสี่พันแต้ม เพื่ออัปเลเวลเป็นเลเวลสี่
จนสุดสัปดาห์ผ่านไป ทักษะการฉายรังสีของเขาก็อัปถึงเลเวลสี่ และปลดล็อกทักษะการฉายรังสีสำเร็จ
สมบูรณ์แบบ!
แต่จะว่าไป…ช่วงนี้เขาไม่ค่อยเห็นหญิงสาวในคืนหิมะตกเลย นั่นทำให้ไป๋เยี่ยรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย