บทที่ 249 โอกาสของหุ่นยนต์
ไป๋เยี่ยไม่ได้ปฏิเสธการเข้าร่วมงานปาร์ตี้ ตั้งแต่เด็กจนโต เถ้าแก่ไป๋มักจะพาเขาไปเปิดหูเปิดตากับงานสังสรรค์อยู่เสมอ
หากงานสังสรรค์นั้นเลอะเทอะตามที่นิยายหลายเล่มบรรยายไว้ มันก็คงไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก
กลับกัน ปาร์ตี้แบบนี้กลับเป็นช่องทางในการสื่อสารกันระหว่างผู้คนจากหลายสาขาอาชีพ โดยปกติแล้วในงานรวมตัวเช่นนี้มักจะมีผู้ทรงอิทธิพลเข้าร่วมด้วย
บุคคลประเภทดังกล่าวมักจะรายล้อมด้วยผู้คนในระดับเดียวกัน บางครั้งคนในวงการเดียวกันก็ยังไม่คุ้นเคยกันนัก จุดประสงค์หลักของการรวมตัวกันก็เพื่อทำให้คนในแวดวงทำความรู้จักกันไว้ และสร้างโอกาสในการร่วมมือกัน
ดังนั้นโอกาสที่ว่าจึงเป็นประโยชน์และไม่ให้โทษต่อใคร
ไป๋เยี่ยพูดได้ไม่เต็มปากว่าเขาอยากมาเข้าร่วมงานนี้ ควรจะพูดว่าเขาไม่คัดค้านมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น เขาค่อนข้างประหลาดใจกับปาร์ตี้ครั้งนี้ บางทีเขาอาจจะได้ทำความรู้จักกับบุคลากรระดับแนวหน้าจากสาขาอาชีพอื่นก็เป็นได้
ทว่าตอนนี้เขาค้นพบบางอย่าง พื้นที่ของการอยู่คนเดียวนั้นมีจำกัด แต่ถ้ามีทีมคอยช่วย ก็อาจจะพอมองเห็นเส้นทางสู่อนาคตได้ไกลยิ่งขึ้น
งานปาร์ตี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น เมิ่งอวิ๋นซียืนสง่าอยู่บนเวทีราวกับองค์หญิง เธอเปล่งประกายมากเสียจนไป๋เยี่ยอดชมว่าเธอสวยไม่ได้เลย!
มื้อเที่ยงวันนี้เป็นบุฟเฟ่ต์ ตั้งแต่การตกแต่งไปจนถึงอาหารเครื่องดื่มล้วนเป็นปาร์ตี้สไตล์ตะวันตกทั้งหมด
หลังจากตัดเค้กวันเกิดแล้วก็มีการเปิดขวดแชมเปญ ทุกคนร่วมใจกันฉลองวันเกิดให้เมิ่งอวิ๋นซี บรรดาผู้คนที่เข้าร่วมงานปาร์ตี้ล้วนเป็นคนหนุ่มสาว มีน้อยคนที่ดูมีอายุ แต่แค่มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าคนกลุ่มนี้มีพรสวรรค์
ทุกคนเกาะกลุ่มทำความรู้จักกับคนที่ต้องการมาพบและคนที่ไม่เคยมีโอกาสพบกันมาก่อน เมิ่งอวิ๋นซีผู้รับบทเป็นเจ้าภาพก็หันไปพูดคุยกับคนอื่นๆ เป็นพักๆ
แวดวงในกรุงปักกิ่งจะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ เล็กก็ไม่เล็ก บรรดาผู้คนที่มาร่วมงานต่างเป็นคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยกันดี
ทุกคนทำความรู้จักกันได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็เริ่มจับกลุ่มเล็กๆ ขึ้นมา
แม้ไป๋เยี่ยจะไม่ได้รู้จักคนมากนัก แต่เขาก็ไม่ได้นิ่งดูดาย เขายังคอยฟังผู้คนรอบข้างสนทนากันด้วยความสนใจอยู่ตลอด
“แนวโน้มการพัฒนาการผ่าตัดโดยหุ่นยนต์น่ะเห็นได้ชัดอยู่แล้ว การวิจัยและพัฒนาแขนหุ่นยนต์ได้กลายเป็นทิศทางหลักของการพัฒนาเครื่องจักรไปแล้ว”
“แต่ว่าข้อจำกัดเรื่องวัสดุและเทคโนโลยีในการผลิตแขนหุ่นยนต์ก็ยังคงมีอยู่มาก แถมต้นทุนก็สูงเกินไปด้วย ผมคิดว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมดั้งเดิมก็ยังมีความเสี่ยงน้อยกว่า”
ชายทั้งสองคนพูดคุยกันถึงเรื่องการวิจัยและพัฒนาแขนหุ่นยนต์มานานกว่าครึ่งชั่วโมง พวกเขาพูดคุยทุกประเด็นตั้งแต่กลไกการผลิตไปจนถึงการวิจัยและพัฒนาในยุคใหม่ การตลาด และทิศทางการพัฒนา
“แขนหุ่นยนต์ที่ทีมทดลองของเรากำลังวิจัยอยู่ได้รับรางวัลมากมายเลยครับ ปีที่แล้วเราก็ได้อันดับรองชนะเลิศของรางวัลความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติจากการอธิบายถึงระบบอัลตราไมโครไดนามิกที่ตรวจจับภาพได้อย่างแม่นยำภายใต้การควบคุมของคอมพิวเตอร์…”
ชายคนนั้นบรรยายด้วยความตื่นเต้น ทำให้ไป๋เยี่ยเริ่มเกิดความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ที่แท้พวกเขาก็ทำงานด้านการวิจัยและพัฒนาแขนหุ่นยนต์นี่เอง
ไป๋เยี่ยไม่ได้มีส่วนร่วมกับสาขานี้มากนัก ทว่าเขายังคงมีแปลนหุ่นยนต์ศัลยกรรมกระดูกอยู่ในมือ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการผลิตหุ่นยนต์ย่อมไม่อาจแก้ไขได้ด้วยแปลนแผ่นเดียว ดังนั้นไป๋เยี่ยจึงหยุดเรื่องนี้ไว้ก่อน การจะหยิบแปลนแผ่นนั้นขึ้นมาโยไม่ไตร่ตรองก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
ทว่าหุ่นยนต์ศัลยกรรมกระดูกเป็นนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์และมีแนวโน้มที่ดีในอุตสาหกรรม ใครก็ตามที่ทำงานด้านกระดูกและข้อจะรู้ดีว่าการศัลยกรรมกระดูกมีปัญหาใหญ่ๆ อยู่สามประการเมื่อเทียบกับการผ่าตัดประเภทอื่น!
นั่นคือวิสัยทัศน์ ความแม่นยำ และความนิ่ง
ทั้งสามสิ่งนี้ถือเป็นปัญหาระดับชาติสามประการที่จำกัดการพัฒนาวิทยาการด้านการศัลยกรรมกระดูกมาโดยตลอด เนื่องจากหุ่นยนต์มีข้อดีที่เหนือกว่ามนุษย์ชนิดที่ไม่อาจะเทียบกันได้ในแง่ของความแม่นยำ ความนิ่ง พละกำลัง ฯลฯ จึงมีแนวโน้มมากที่จะถูกนำไปใช้ในสาขาอาชีพที่มีความต้องการดังกล่าวสูงอย่างสาขาการแพทย์!
ไป๋เยี่ยเดาว่าชายที่สวมแว่นตาน่าจะเป็นนักวิจัยด้านฟิสิกส์ ส่วนคนที่ดูมีอายุหน่อยน่าจะเป็นนักธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชายคนนั้นวิจัยน่าจะหยุดอยู่แค่แขนหุ่นยนต์ ไม่น่าจะเป็นหุ่นยนต์ทั้งตัว สุดท้ายแล้วหุ่นยนต์ผ่าตัดที่สมบูรณ์ก็ยังต้องพึ่งพาปัจจัยต่างๆ มากเกินไปอยู่ดี
ชายสวมแว่นยิ้ม “คุณเหอ ไว้มีโอกาสผมจะพาคุณไปเยี่ยมเยียนห้องแล็บของพวกเรา บางทีคุณอาจจะสนใจมากขึ้นหลังจากที่ได้เห็นมัน”
ชายที่ดูมีอายุพยักหน้า “ยินดีมากครับ แต่พูดตามตรงนะดร.จ้าว บริษัทของผมกำลังอยู่ในช่วงปรับโครงสร้าง ตอนนี้อุปกรณ์ทางการแพทย์กำลังมีความเป็นสากลมากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทของผมเองก็กำลังเตรียมจะสิ้นสุดสัญญากับบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันแล้วหันมาออกแบบผลิตภัณฑ์ของเราเองบ้าง แต่ผมก็ไม่อยากทำธุรกิจด้านการแพทย์มากหรอก ยังไงซะประเทศของเราก็ยังล้าหลังอยู่มาก”
ชายสวมแว่นครุ่นคิดพลางพึมพำออกมาเบาๆ นี่เป็นข้อเท็จจริงที่เถียงไม่ได้เลย
การแพทย์และการดูแลสุขภาพกำลังพัฒนาสู่ระดับสากล แต่เทคโนโลยีทางการแพทย์นั้นยังไม่ได้มาตรฐาน ทำให้การแข่งขันเป็นไปอย่างไม่ยุติธรรม
ทว่าแนวทางที่ประเทศกำลังเดินอยู่คือการก้าวสู่ความเป็นสากล ถ้าเรายังล้าหลังก็จะถูกทิ้งท้าย แต่ถ้าเรายังปิดกั้นตนเองก็จะเป็นการทำลายตนเองไปด้วย
ทั้งสองคนคุยกันเรื่องวิทยาศาสตร์และการเมืองแล้วค่อยๆ เงียบกันไป อย่างไรเสียประเด็นบางอย่างก็ไม่ควรพูดออกมา
ก่อนที่ทั้งสองคนจะแยกย้าย ไป๋เยี่ยก็เข้าไปขัดจังหวะ “เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมสนใจแขนหุ่นยนต์ที่พวกคุณพูดถึงมาก พอจะแนะนำให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
ทั้งสองคนมีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อยกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของไป๋เยี่ย เด็กหนุ่มผู้นี้แอบฟังพวกเขาคุยกันมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว ทว่าตลอดเวลาเขากลับเงียบไม่พูดอะไร ราวกับว่ากำลังพินิจพิจารณาอยู่
ชายที่ดูมีอายุมีนามว่า ‘เหอเม่าเซวียน’ เขาเป็นผู้จัดการแผนกการตลาดของบริษัทการแพทย์ไห่เหอในกรุงปักกิ่ง เขามาร่วมงานปาร์ตี้ในวันนี้เพราะได้รับคำเชิญจากเมิ่งอวิ๋นซี ซึ่งถ้านับตามลำดับญาติแล้ว เขาถือเป็นลูกพี่ลูกน้องของเมิ่งอวิ๋นซี แต่กลับมีอายุมากกว่าเธอกว่าสิบปี
เหอเม่าเซวียนในวัยสี่สิบสามปีได้รับตำแหน่งเป็นผู้จัดการแผนกการตลาดของบริษัทการแพทย์ไห่เหอ ซึ่งรับผิดชอบการขยายกิจการของบริษัทไห่เหอ
ส่วนชายสวมแว่นมีนามว่า ‘จ้าวเฉิน‘ เขาเรียนจบปริญญาเอกสาขาเครื่องกลและระบบอัตโนมัติจากภาควิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยเป่ยหาง หลังเรียนจบก็ทำงานต่อที่มหาวิทยาลัย และได้รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเป่ยหางด้วยวัยเพียงสามสิบสามปี ซึ่งเขามีโครงการระดับประเทศในสังกัดอยู่สองโครงการ
เหอเม่าเซวียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คุณคือใครเหรอครับ”
ไป๋เยี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบไป “ประธานบริษัทจื้อเหิง ไป๋เยี่ยครับ”
ไป๋เยี่ยคิดว่าตัวตนนี้น่าจะเข้ากับสถานการณ์มากกว่า
เหอเม่าเซวียนได้ยินดังนั้นก็ใช้ความคิดพักหนึ่ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงใจดี “ผมได้ยินมาว่าบริษัทจื้อเหิงถูกประธานหนุ่มของบริษัทน่าย่าซื้อไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอประธานไป๋ที่นี่ ยินดีที่ได้พบ!”
“โอ้! ผมขอแนะนำตัวเองสักหน่อย ผมชื่อเหอเม่าเซวียน เป็นผู้จัดการแผนกการตลาดของบริษัทไห่เหอ”
ไป๋เยี่ยยิ้มตอบ “สวัสดีครับคุณเหอ ชื่นชมคุณมานานแล้ว ไม่ทราบว่าอีกท่านหนึ่งชื่ออะไรเหรอครับ”
จ้าวเฉินไม่เคยได้ยินชื่อไป๋เยี่ยมาก่อน แต่เมื่อเขาเห็นท่าทีกระตือรือร้นของเหอเม่าเซวียนก็เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“ผมจ้าวเฉิน อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยการบินและอวกาศปักกิ่ง”
เหอเม่าเซวียนได้ยินดังนั้นก็กล่าวเสริม “ดร.จ้าวไม่ธรรมดาเลยนะ เมื่อก่อนเขาเป็นอาจารย์ปริญญาเอกที่อายุน้อยที่สุดในเป่ยหาง มีโครงการของกลุ่มวิจัยเก้าเจ็ดห้าอยู่สองโครงการ เขานี่แหละพ่อมดแห่งแวดวงงานวิจัย”