บทที่ 250 ผมจะแนะนำอาจารย์เทพๆ ให้คุณ
ไป๋เยี่ยทึ่ง ได้เป็นอาจารย์ปริญญาเอกตั้งแต่อายุสามสิบสามปี โกงไปแล้วพี่ชาย!
ไป๋เยี่ยยิ้มและเขาไปจับมืออีกฝ่าย “สวัสดีครับ ดร.จ้าว ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
ช่วงนี้จ้าวเฉินกำลังมองหาโอกาส เนื่องจากงานวิจัยแขนหุ่นยนต์ที่เขากำลังทำอยู่ยังไม่ได้รับทุนสนับสนุนโครงการจากสถาบันหรือทางการ เขาจึงเป็นผู้รับผิดชอบทุนวิจัยเพียงคนเดียว
ในช่วงแรก จ้าวเฉินยังพอได้รับการสนับสนุนและทุนบ้าง แต่น่าเสียดายที่การวิจัยแขนหุ่นยนต์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ตั้งแต่ปี 2015 จนกระทั่งปี 2018 ซึ่งเป็นระยะเวลาราวๆ สองปี ความก้าวหน้าในการพัฒนาแขนหุ่นยนต์ก็ช้าลงมาก
ในช่วงสองสามปีนั้น จ้าวเฉินไม่ได้อยู่เฉยแต่อย่างใด เขายื่นเรื่องขอสิทธิบัตรไปหลายครั้ง แต่น่าเสียดายที่นักธุรกิจเหล่านั้นไม่ยอมรับสิทธิบัตรและเทคโนโลยีของเขา
นี่คือจุดประสงค์ที่เขามาที่นี่ในวันนี้ ด้วยความหวังว่าจะได้เจอพันธมิตรร่วมทาง
การทำงานวิจัยไม่ใช่แค่การใช้จินตนาการเท่านั้น แต่ยังต้องใช้อุปกรณ์ ข้อมูล กำลังคนและทรัพยากร จำนวนมาก
ซึ่งแต่ละปัจจัยต้องใช้ทุนสนับสนุนจำนวนมาก
ดังนั้นเมื่อจ้าวเฉินรู้ว่าไป๋เยี่ยเป็นประธานบริษัทจื้อเหิง แววตาของเขาก็ลุกเป็นประกาย
“สวัสดีครับประธานไป๋ คุณสนใจอะไรเกี่ยวกับแขนหุ่นยนต์บ้าง”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า ตอนนี้เขามีแปลนแขนหุ่นยนต์ศัลยกรรมกระดูกอยู่กับตัว ทว่าเงื่อนไขในการพัฒนาหุ่นยนต์ตัวนี้ขึ้นมาไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
ทั้งวัสดุ เทคโนโลยีและศักยภาพ…ล้วนเป็นปัจจัยที่แยกจากกันไม่ได้
แขนหุ่นยนต์เป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุดสำหรับหุ่นยนต์ผ่าตัดทุกประเภท หากพัฒนาสิ่งนี้ได้ อนาคตข้างหน้าก็จะยิ่งก้าวไกล
หุ่นยนต์ผ่าตัดดาวินซีที่มีมูลค่าสูงนั้นยังมีข้อจำกัดด้านขอบเขตการพัฒนา ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นในการผ่าตัดก็อยู่ที่สองถึงสามหมื่นหยวนแล้ว ซึ่งเป็นราคาที่คนทั่วไปเอื้อมไม่ถึง
ปัจจุบันมีคนส่วนน้อยที่ได้เข้ารับการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ เพราะฉะนั้นไป๋เยี่ยจึงอยากลองศึกษาดู ถ้ามันดีจริงๆ ก็น่าลงทุนกับมัน
ไม่กี่วันมานี้ บริษัทน่าย่าเริ่มแจกโบนัสสิ้นปีแล้ว ไป๋เยี่ยคาดว่าเขาจะได้รับเงินจำนวนมากจากส่วนแบ่งยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเขา
ช่วงนี้ไป๋เยี่ยจะยังไม่ใช้เงินก้อนนี้ แทนที่จะเก็บมันไว้ สู้มองหาแนวทางและโอกาสยังดีเสียกว่า
ไป๋เยี่ยและจ้าวเฉินพูดคุยกันเรื่องหุ่นยนต์ผ่าตัดและแขนหุ่นยนต์อยู่พักใหญ่ จ้าวเฉินเองก็ได้รับรู้อะไรมากมายเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้ว ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาอาชีพ คำแนะนำของไป๋เยี่ยก็มีความหมายต่อเขามาก
นอกจากนี้ แขนหุ่นยนต์ที่จ้าวเฉินกำลังวิจัยก็เป็นเครื่องจักรกลระบบอัตโนมัติที่มีความไวสูงเป็นพิเศษ ต่างจากที่เห็นทั่วไปในแวดวงอุตสาหกรรม ดังนั้นมันจึงเหมาะกับงานที่เน้นความละเอียดอย่างการผ่าตัด
คำแนะนำและแนวคิดของไป๋เยี่ยทำให้จ้าวเฉินอยากพูดคุยกับเขาไปตลอดทั้งคืน
ทว่าระหว่างที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่นั้น ก็มีเสียงของใครบางคนดังแทรกขึ้นมา
“เอ๋ คุณคือ…”
เสียงนั้นทำให้จ้าวเฉินและไป๋เยี่ยต่างนิ่วหน้าลง การขัดจังหวะแบบนี้ช่างเสียมารยาทเหลือเกิน
ทางด้าน ‘หยางเจ๋อ’ เองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน เขาไม่คาดหวังว่าจะได้พบกับบุคคลนี้ที่นี่
เขาสังเกตมาเป็นเวลานานแล้ว เพียงแค่เดินมายืนยันว่าเขาจำถูกคนจริงๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะไป๋เยี่ยเคยเข้าร่วมการแข่งขันความรู้แพทย์แผนจีนแห่งชาติครั้งนั้น วันนี้เขาก็คงไม่ได้เดินอยู่บนเส้นทางนี้
มันทำให้เขาอดตระหนักถึงสิ่งที่ต่างคนต่างประสบพบเจอในชีวิตไม่ได้
ตอนนั้นที่เขาเข้าร่วมการแข่งขันความรู้แพทย์แผนจีน เขาได้อันดับที่สองของประเทศและได้อันดับหนึ่งของปักกิ่ง ความสำเร็จดังกล่าวถือได้ว่าเป็นผลงานอันล้ำเลิศในสายตาของคนทั้งประเทศ
นอกจากนี้ ตระกูลหยางยังเป็นบริษัทเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยาแผนจีนและยาจีนสำเร็จรูป พอดีกับที่คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยปักกิ่งกำลังทำการศึกษาสมัยใหม่เกี่ยวกับยาจีนสำเร็จรูป ด้วยแรงสนับสนุนจากสำนักงานการจัดการแพทย์แผนจีนแห่งชาติ จึงได้มีการจัดตั้งฐานทดลองยาจีนสำเร็จรูปขึ้นที่คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง
หยางเจ๋ออาศัยแรงผลักดันของตนเองและการสนับสนุนจากครอบครัวในการเข้าร่วมกลุ่มวิจัยนี้ เขาประสบความสำเร็จและกลายเป็นนักวิจัยที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่ม
กลุ่มวิจัยนี้เป็นกลุ่มวิจัยพิเศษที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐเพื่อกำหนดแนวปฏิบัติด้านเภสัชตำรับสมัยใหม่สำหรับยาแผนจีนและเพื่อควบคุมยาแผนจีนในตลาด
เนื่องจากยาจีนสำเร็จรูปที่วางขายอยู่ในตลาดปัจจุบันมีคุณภาพที่ต่างกันและขาดความเป็นมืออาชีพในการจำแนกประเภท ได้แต่อาศัยประสบการณ์ในการจำแนกเท่านั้น
หลังจากที่ทำงานอย่างหนักมาตลอดปี ทีมวิจัยก็ได้รับผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ส่วนหยางเจ๋อก็ได้รับเลือกให้เป็นยอดบุคลากรด้านการแพทย์แผนจีนแห่งปีโดยสำนักงานบริหารการแพทย์แผนจีนแห่งปักกิ่ง
ปัจจุบันเขาก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงในวงการแพทย์แผนจีนของปักกิ่ง
ดังนั้นเมื่อเขาเห็นไป๋เยี่ยปรากฏตัวที่นี่ในทีแรกก็แค่สงสัย แต่หลังจากนั้นก็เริ่มคิดอยากเปรียบเทียบ
หยางเจ๋อเป็นคนที่เย่อหยิ่งทะนงตน เขาคิดว่าเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าไป๋เยี่ยเลย ยิ่งไปกว่านั้น หยางเจ๋อยังคิดว่าช่วงนี้ตนก้าวหน้าไปเยอะมาก ทันทีที่เห็นไป๋เยี่ยจึงมีความรู้สึกมากมายผุดขึ้นมาในใจ
จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์เมื่อครู่
ไป๋เยี่ยหันไปทางหยางเจ๋อและจำเขาได้ในทันที นั่นทำให้ไป๋เยี่ยค้นพบว่าน้ำยาเสริมพันธุกรรมนั้นช่วยทำให้สมองของเขาดีขึ้นจริงๆ ทั้งความจำและศักยภาพต่างๆ ของเขาล้วนดีขึ้นกว่าเดิม
ไป๋เยี่ยยังคงจดจำหยางเจ๋อได้อย่างลึกซึ้ง เพราะเขาคือคนที่ขอให้ไป๋เยี่ยละทิ้งอันดับหนึ่งด้วยเงินกว่าล้านหยวน
ถ้าเราไม่ได้ที่หนึ่งแล้วไม่ได้เข้าไปในฐานทดลองโนเบล บางทีเส้นทางชีวิตที่เดินมาจนวันนี้ก็อาจจะไม่ใช่แบบนี้
จ้าวเฉินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่ถูกขัดจังหวะ เพราะบทสนทนากับไป๋เยี่ยช่วยจุดประกายความคิดและแรงบันดาลใจให้เขาราวกับต้นหญ้าที่งอกงามหลังฝนในฤดูใบไม้ผลิ
ไม่มีใครชอบที่ถูกขัดจังหวะกะทันหันแบบนี้
แต่เมื่อเห็นว่าไป๋เยี่ยและอีกฝ่ายรู้จักกัน เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
หยางเจ๋อยิ้ม “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า “ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
อันที่จริง ตอนนี้หยางเจ๋อก็ไม่ได้แค้นไป๋เยี่ยมากแล้ว เพียงแต่เขายังรู้สึกละอายใจที่เคยใช้เงินซื้อให้ไป๋เยี่ยถอนตัวจากการแข็งขัน เพราะฉะนั้นหลังจากที่เขาเห็นไป๋เยี่ยก็พลันนึกไปถึงความไม่เที่ยงในชีวิต
เขายกแก้วขึ้นชนกับไป๋เยี่ย “ไม่ได้เจอกันนานเลย ครั้งสุดท้ายที่เจอกันก็หนึ่งปีมาแล้ว ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่เหรอ เรียนต่อหรือเปล่า”
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้หยางเจ๋อต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ ทว่าหลังจากที่ได้ติดตามงานของนักวิชาการเฉิน หยางเจ๋อก็พอจะตื่นรู้บ้างแล้ว ทุกๆ วันเขาเอาแต่จดจ่อกับการทดลอง จึงไม่รู้เรื่องของไป๋เยี่ยมากนัก
ไป๋เยี่ยตอบ “ใช่ครับ หลังจบป.ตรีก็ต่อป.โทสาขาแพทย์แผนจีนเลย แล้วคุณล่ะ”
หยางเจ๋อรู้สึกว่าตนทำกำลังทำตัวไร้เดียงสาอยู่หน่อยๆ เขารอให้ไป๋เยี่ยถามกลับมาว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ เตรียมพร้อมจะถ่อมตัวเต็มที่
ทว่าเมิ่งอวิ๋นซีกลับแทรกเข้ามาพร้อมกับแก้วค็อกเทล “หยางเจ๋อ คุณก็มาด้วยเหรอ นี่คุณกับไป๋เยี่ยรู้จักกันเหรอคะ”
หยางเจ๋อพยักหน้า “ไม่ใช่แค่รู้จักกันด้วยนะ พวกเราเคยเข้าร่วมการแข่งขันความรู้แพทย์แผนจีนด้วยกันอีกด้วย ไป๋เยี่ยเนี่ยไม่ใช่คนทั่วไปเลย ความรู้พื้นฐานของเขาแน่นมาก ตอนนี้กำลังเรียนต่อสาขาแพทย์แผนจีนด้วย อนาคตของเขาไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ”
เมิ่งอวิ๋นซียิ้ม “บังเอิญจังค่ะ ตอนแรกฉันว่าจะแนะนำให้พวกคุณรู้จักกัน ว่าแต่หยางเจ๋อ คุณไม่ได้เข้าร่วมกลุ่มวิจัยของนักวิชาการเฉินหย่งหยวนหรอกเหรอ ฉันได้ข่าวว่าครั้งนี้นักวิชาการเฉินมีชื่ออยู่ในรายชื่อที่เพิ่งถูกเพิ่มเข้าโครงการไป่เหรินของโครงการอัจฉริยะไป่เชียนว่านด้วยนี่นา ดูเหมือนว่าทางการจะให้ความสำคัญกับกลุ่มวิจัยของคุณมากนะ”
หยางเจ๋อยิ้มตอบ “อืม ทางการให้ความสำคัญกับโครงการนี้มาก ใช่แล้ว อาจารย์เฉินกำลังรับสมัครนักศึกษาป.เอกนะ ไป๋เยี่ย ไว้จะต่อป.เอกเมื่อไหร่ ผมช่วยแนะนำคุณให้เขาได้นะ นักวิชาการเฉินน่ะเป็นถึงผู้นำในการพัฒนายาแผนจีนสมัยใหม่เลยแหละ เป็นทั้งสมาชิกโครงการไป่เหริน ไหนจะเป็นนักวิชาการฉางเจียงอีก ผมเชื่อว่าความสามารถระดับคุณต้องไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า เมื่อเขาเห็นว่าหยางเจ๋อมีท่าทีจริงใจก็ยิ้มให้เล็กน้อย “ขอบคุณมากครับ”