บทที่ 259 ความจริงถูกเปิดเผย! (1)
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ การจัดการการใช้ภาษาบนสังคมออนไลน์ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าการพัฒนาของสื่อต่างๆ นำมาซึ่งความบันเทิงหลากหลายแขนง
ความบันเทิงเหล่านี้ช่วยส่งต่อพลังงานเชิงบวกและเผยแพร่ค่านิยมที่ถูกต้อง แน่นอนว่าสื่อบันเทิงก็ยังเผยแพร่ความคิดเห็นสาธารณะทั้งเชิงลบและเชิงลบได้เช่นกัน
หวงจิ้งนอนหน้านิ่งคิ้วขมวดอยู่บนเตียงโรงพยาบาล เธอไม่คาดคิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบอันยิ่งใหญ่ภายในระยะเวลาชั่วข้ามคืน
ใช้เวลาไม่นานทางเวยป๋อก็ได้บล็อกชื่อของไป๋เยี่ยไว้แล้ว!
นั่นทำให้เธอตระหนักถึงความจริงจังของประเด็นนี้!
ถึงขั้นทำให้เวยป๋อบล็อกชื่อได้จะต้องเป็นคนแบบไหนกัน อย่างน้อยๆ ดาราสักคนในสังกัด หรือแม้แต่ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังและผู้นำระดับประเทศก็ยังทำไม่ได้เลย!
เรื่องนี้สื่อได้หลายประเด็นเลยทีเดียว!
หวงจิ้งหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาหวังชง
ในฐานะที่หวังชงเป็นทั้งนายหน้าและผู้ช่วยของเธอ เขาจึงช่วยเธอจัดการเรื่องต่างๆ เสมอ
รวมถึงเรื่องนี้ด้วย!
เมื่อโทรติดแล้ว หวงจิ้งก็ลดเสียงตนเองลง “มาที่ห้องฉันที ฉันอยากให้นายทำอะไรบางอย่างให้หน่อยน่ะ”
น้ำเสียงของหวังชงแฝงไปด้วยความลังเล “พี่หวง ผมอยู่ที่สังกัด หลังจากที่พี่เกิดอุบัติเหตุ ตารางออนแอร์ของหลายๆ รายการก็ต้องถูกแก้ด้วย…หลายๆ ที่เขาก็เริ่มเร่งเราแล้ว…”
แม้หวงจิ้งจะได้ยินดังนั้นก็ยังคงดึงดัน “แต่ฉันมีเรื่องสำคัญที่อยากให้นายทำ มาที่นี่เดี๋ยวนี้”
พูดจบ หวงจิ้งก็วางสายลงทันที
ด้านหวังชง เขามองสายที่ถูกตัดโดยอีกฝ่ายและปุ่มสปีกเกอร์โฟนที่เปิดไว้ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ในขณะเดียวกันก็มีผู้ชายอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามหวังชง
“เสี่ยวหวัง ตอนนี้เรื่องถูกเปิดโปงแล้วนะ คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอครับ ถ้าคุณยังติดตามหวงจิ้งต่อไปแบบนี้ ผลลัพธ์ก็คงเหมือนเดิม แต่ถ้าคุณเปิดเผยเรื่องทั้งหมดที่เธอทำและตอบรับข้อเสนอของผม คุณก็เอาเงินสองล้านหยวนก้อนนี้ไป แล้วพวกเราจะแสร้งว่าไม่เคยเจอกันมาก่อน!”
ชายหนุ่มตรงหน้ามีอายุน้อย ทว่ากลับมีท่าทางเย่อหยิ่ง เขามองหวังชงพลางคลี่ยิ้มออกมาพร้อมด้วยเช็คเงินสดสองล้านหยวนในมือ
หวังชงครุ่นคิดและยังคงลังเลอยู่ อันที่จริงเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าหวงจิ้งจะกู่ไม่กลับขนาดนี้ ถ้าไม่มีทีมงานเบื้องหลังก็คงเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะเดินมาถึงวันนี้ได้
แต่เมื่อเขาเหลือบมองข้อมูลเกี่ยวกับไป๋เยี่ย มือของเขาก็สั่นระริก!
นี่มันคนปกติแน่นะ
ประสบความสำเร็จมากมายทั้งที่อายุแค่ยี่สิบห้า แน่ใจนะว่านี่คือสิ่งที่คนปกติเขาทำกัน
ไหนจะเป็นถึง…สมาชิกโครงการเชียนเหรินที่เกือบจะได้เข้าโครงการไป่เหริน! และยังเป็นผู้ได้รับรางวัลผลงานดีเด่นด้วย…
ลองคิดดูสิ เขาล้างอินเทอร์เน็ตได้ภายในเวลาชั่วข้ามคืน ลบทุกความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้และถึงขั้นบล็อกคำว่า ‘ไป๋เยี่ย‘ บนเวยป๋อด้วย คนธรรมดาทำเรื่องแบบนี้ได้จริงเหรอ
ชายหนุ่มตรงหน้ายังคงยิ้ม “อันที่จริง ผมมาหาคุณเพราะหวังว่าคุณจะเปิดโปงเรื่องเลวทรามของหวงจิ้ง ยังไงหลายปีมานี้คุณก็ช่วยเธอ ‘ทิ้ง’ ของพวกนั้นมาหลายครั้งแล้วนี่นา ถูกไหม ทิ้งอีกสักอย่างสองอย่างหรืออีกสักครั้งคงไม่น่าเกลียดหรอกมั้ง ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็…หึๆ นี่เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะดีดเธอออกจากวงการจริงๆ”
หวังชงกัดฟันกรอด “ตกลงครับ! ผมรับปากคุณ!”
พูดจบหวังชงก็รีบขับรถตรงไปที่เมโยคลินิกทันที
เมื่อหวงจิ้งเห็นหวังชงกลับมา เธอยังโกรธอยู่นิดหน่อยจึงตำหนิเขาไป “ทำไมเพิ่งกลับมา นี่นายเป็นผู้ช่วยประสาอะไร…”
หวังชงยิ้มแห้ง “ขอโทษครับพี่หวง มีเรื่องที่สังกัดนิดหน่อยน่ะครับ ว่าแต่พี่เรียกผมมาทำไมเหรอครับ”
หวงจิ้งถอนหายใจ “มีเรื่องหนึ่งที่ฉันต้องให้นายช่วยจัดการ ช่วงนี้เราต้องชี้แจงเรื่องไป๋เยี่ยให้ดี ตอนนี้เรื่องยังเป็นแค่การคาดเดาของคนอื่น ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งนั้น ฉันเพิ่งจะทำโทรศัพท์หายและกำลังแอดมิทอยู่ที่โรงพยาบาลด้วย คงเข้าใจที่ฉันสื่อแล้วใช่ไหม”
หวังชงยังคงเก็บซ่อนความรู้สึกได้ดีเหมือนดั่งเคย เขาได้แต่ยิ้มให้อีกฝ่าย “ไม่ต้องกังวล พี่หวง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราทำเรื่องพรรค์นี้ พี่วางใจได้เลย”
หวงจิ้งพยักหน้า เธอเดบิวต์ในวงการมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ระหว่างนั้นเธอย่อมเผชิญกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่โตมามากมาย และเหตุการณ์เหล่านั้นก็กลายเป็นประเด็นสาธารณะทุกครั้ง เพราะฉะนั้นสำหรับเรื่องนี้แล้ว ตราบใดที่เธอยังคงปกป้องตนเองไว้ได้อย่างชาญฉลาดก็คงจะไม่เกิดปัญหาใหญ่ตามมา
หลังจากที่หวังชงจากไป เธอก็คว้าโทรศัพท์เครื่องสำรองขึ้นมาโพสต์ข้อความ
[ที่ฉันขาหักครั้งนี้ทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมาย และยังทำให้ฉันรู้จักถนอมคุณค่าของหลายๆ อย่างมากขึ้นด้วย การที่ฉันได้พบกับคนไข้หลายๆ แบบในโรงพยาบาลทำให้ฉันยิ่งเห็นคุณค่าของการมีสุขภาพดีว่ามันไม่ได้ได้มาง่ายๆ เลย ยิ่งได้เห็นคุณหมอและคุณพยาบาลทำงานหนักแล้วก็ยิ่งเข้าใจถึงความสูงส่งและยิ่งใหญ่ของพวกเขา!]
โพสต์ของหวงจิ้งดูฉลาดมาก เพราะอะไรกันน่ะเหรอ
เพราะเธอรู้จักหลีกเลี่ยงหลายๆ ประเด็นอย่างเฉลียวฉลาด ข้อแรกคือ ถ้าเธอโพสต์ขอโทษผู่เจ๋อ ก็ตีความได้ว่าเธออาจจะพูดให้ร้ายผู่เจ๋อ จึงขอโทษ
กลับกัน หวงจิ้งไม่ได้ขอโทษแต่เลือกแสดงความชื่นชมและขอบคุณแพทย์ ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนคนฝั่งเธอขึ้นมาได้มากเลยทีเดียว
ไม่เพียงแต่ได้แสดงทัศนคติที่ดีงามเท่านั้น แต่เธอยังหลีกเลี่ยงประเด็นต่างๆ ด้วยวิธีง่ายๆ เพื่อแสดงให้ผู้คนเห็นว่าเธอไม่มีปัญหา
ในวงการบันเทิงอันเต็มไปด้วยลับลมคมในนั้น ข่าวนี้ยังอธิบายถึงปัญหาภายในได้เป็นอย่างดี ทุกคนเลือกที่จะก้มหัวให้กับปัญหามากกว่าเงยหน้าเผชิญมัน การที่หวงจิ้งเลือกทำแบบนี้ก็แสดงให้เห็นว่าเธอยอมแพ้และอยากปล่อยเรื่องนี้ไป
แต่สังคมไม่ใช่วงการบันเทิง ทำผิดก็ต้องรับผิดชอบในผลที่ตามมา!
บนโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่ากฎหมายและกฎเกณฑ์!
หลังจากที่หวงจิ้งโพสต์ข้อความแล้ว เธอก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงและเตรียมคิดหาวิธีเพิ่มจำนวนแฟนคลับของเธอ
ทว่าจู่ๆ ก็มีวิดีโอคลิปหนึ่งถูกโพสต์ลงอินเทอร์เน็ต
เป็นวิดีโอที่เผยแพร่โดยแอ็กเคานต์ทางการของโรงพยาบาลผู่เจ๋อ ชื่อของวิดีโอนั้นเข้าใจได้ง่ายมาก
‘ผลการสอบสวนคดีคุณไป๋เยี่ยได้รับซองแดง’
วิดีโอย้อนภาพเหตุการณ์ในวันนั้นพร้อมด้วยเสียงบทสนทนา
เริ่มจากฉากที่ไป๋เยี่ยเดินเข้าไปในห้องทำงานของแพทย์
หวังชงกล่าว “หมอไป๋ นี่เป็นน้ำใจจากคุณหวงนะครับ หมอรับไว้เถอะ”
ไป๋เยี่ยส่ายหัว “ไม่ครับ นี่คือสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว!”
จากนั้นในวิดีโอก็ฉายภาพหวังชงกำลังเก็บเงินก้อนนั้นเข้ากระเป๋า
ไป๋เยี่ยเริ่มวินิจฉัยและพบว่าอาการของเฉินอ้ายร้ายแรง จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที…
ทันใดนั้นหวังชงก็โพล่งขึ้นมา “หมอไป๋ คุณต้องทำให้คุณหวงก่อนนะ คุณรู้ดีว่าเธอเป็นใคร เธอแตกต่างจากคนอื่นๆ…คุณรักษาคุณหวงก่อนเถอะ หนึ่งแสนหยวนนี่…”
ไป๋เยี่ยปฏิเสธเสียงแข็ง หลังจากอธิบายอาการของหวงจิ้งแล้วก็ปฏิเสธเงินหนึ่งแสนหยวนจากหวังชงไปอย่างไม่ไยดี จากนั้นก็เข็นเฉินอ้ายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกว่าและต้องได้รับการรักษาทันทีเข้าไปในห้องหัตถการ…
หลังจากนั้นก็มีฉากที่หวงจิ้งสั่งให้หวังชงทิ้งซองแดงไว้แล้วจึงถ่ายรูปไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือของเธอเอง