บทที่ 272 ทักษะสรรค์สร้าง (1)
ที่แท้กองทัพก็มาแสดงความเสียใจกับเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่กู้ภัยนี่เอง ทว่าพวกเขาอยู่ที่นี่นานไม่ได้เพราะยังต้องไปที่อื่นอีก
พวกเขานำโทรทัศน์มาตั้งไว้ที่นี่เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจให้กับทีมแพทย์ บางทีนี่อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการบรรเทาความเหนื่อยล้าในใจ
หลังจากเชื่อมต่อสัญญาณดาวเทียมกับโทรทัศน์แล้ว บนหน้าจอก็ฉายภาพงานกาล่าตรุษจีนขึ้น ใบหน้าอันคุ้นเคยปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน เสียงหัวเราะสนุกสนานจากบนเวทีพลางทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง
ความตึงเครียดค่อยๆ ผ่อนคลายลง
ไป๋เยี่ยและคนอื่นๆ มารวมตัวกันหน้ากองไฟ ฟังเสียงร้องเพลงและมองดูใบหน้าอันคุ้นเคยของผู้คนที่แสดงอยู่บนเวที ไป๋เยี่ยรู้สึกว่าเปลือกตาของเขาหนักอึ้งจนแทบลืมตาไม่ขึ้น ก่อนจะค่อยๆ เอนศีรษะแล้วผล็อยหลับไป
หลี่จื่อเหยียนที่นั่งอยู่ด้านหน้าสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังพิงหลังของเธอ จึงค่อยๆ หันมาอย่างระแวดระวัง และพบว่าเป็นไป๋เยี่ยนั่นเอง
เสียงกรนเบาๆ ของไป๋เยี่ยทำให้หลีจื่อเหยียนรู้สึกเอ็นดู
เธอค่อยๆ จับให้ไป๋เยี่ยนอนหนุนศีรษะกับตักของเธอ
เธอมองดูใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของไป๋เยี่ย พลันรู้สึกหนักที่เปลือกตาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะหลับไปแล้ว แต่เปลือกตาของเขาก็ยังคงกระตุกไปมาราวกับว่ากำลังฝันร้าย
ที่แท้ต่อให้ไป๋เยี่ยจะหลับไปแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย
หลีจื่อเหยียนมองไป๋เยี่ยที่มีอายุไล่เลี่ยกันด้วยความรู้สึกมากมาย
ไป๋เยี่ยได้รับเกียรติยศมามากมาย เขาทั้งได้รางวัลระดับประเทศ ได้เข้าร่วมโครงการเชียนเหริน ตีพิมพ์บทความนับไม่ถ้วน ทั้งยังมีสิทธิบัตรเป็นของตนเองอีก เขาดูไม่ต่างอะไรจากคนประเภท ‘ลูกบ้านนั้น’ เลย
ขนตาของไป๋เยี่ยสั่นไหวเล็กน้อย เปลือกตาของเขาก็ยังคงกระตุกอยู่ ทันใดนั้นหลีจื่อเหยียนก็รู้สึกว่ามีคนกำลังแอบมองเธออยู่
เธอตกใจกับความคิดอันฉับพลันของเธอพลางมองไปรอบๆ หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครแอบมองอยู่ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เธอค่อยๆ มีความกล้ามากขึ้น เธอวางมือลงบนศีรษะของไป๋เยี่ยด้วยความอยากรู้อยากเห็นและสัมผัสเส้นผมของเขาเบาๆ…
รู้สึกดีจัง มิน่าทำไมพ่อถึงชอบลูบหัวเราตอนเด็กๆ ตลอด
งานวิจัยเผยว่าเมื่อผู้หญิงมีอายุยี่สิบเอ็ดปีขึ้นไป อัตราการหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะหลั่งมากขึ้นเมื่อมีอายุยี่สิบกลางๆ ช่วงวัยนี้ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะแพร่ไปทั่วร่างกายของผู้หญิงลักษณะต่างๆ ของเพศหญิงปรากฏชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการแสดงออกถึงความเป็นแม่นั่นเอง
หลีจื่อเหยียนค่อยๆ ลูบผมของไป๋เยี่ยก่อนจะไล้ลงไปที่กรอบหน้าของเขาอย่างเบามือ…
เธออ่อนโยนราวกับแม่…
หลีจื่อเหยียนเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆ เพื่อที่จะได้หลบสายตาของผู้อื่น
อันที่จริงตอนที่หลีจื่อเหยียนได้พบกับไป๋เยี่ยครั้งแรกในคืนหิมะตก เธอก็คิดว่าเขาหน้าตาดีมาก…
ต่อมาเธอก็ได้รู้ว่าเขาชื่อไป๋เยี่ย จึงไปที่แผนกศัลยกรรมกระดูกและได้พบกับเขา ตอนนั้นเธอประทับใจในทักษะด้านการศัลยกรรมกระดูกอันยอดเยี่ยมของไป๋เยี่ยมากจริงๆ
หลีจื่อเหยียนเพิ่งจะเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาล จึงยังไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมนัก ทว่าเธอก็ชื่นชมบรรดาแพทย์ระดับสูงเหล่านั้นมาก
แน่นอน!
ความรักระหว่างชายหญิงมักเริ่มต้นด้วยความรู้สึกชื่นชม
ต่อมาระหว่างที่เธอกำลังทำความรู้จักไป๋เยี่ยให้มากขึ้น เธอก็ยิ่งปลื้มในตัวเขามากขึ้นทุกวัน ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกว่าเธอช่างอยู่ห่างไกลจากเขาเหลือเกิน ซึ่งนั่นทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีนัก
หลีจื่อเหยียนเป็นผู้หญิงที่ขาดความอบอุ่นแต่รักตนเองมาก ทำให้บางครั้งเธอก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในตนเองอยู่บ้าง
เธอมาจากครอบครัวที่มีพ่อเลี้ยงเดี่ยว เธอทั้งรักตนเองแต่ก็ด้อยค่าตนเองไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งนั่นทำให้เธอมีอารมณ์อ่อนไหวอยู่บ่อยครั้ง
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงตัดสินใจมาที่เมียนมา ทว่าเมื่อได้รู้ว่าไป๋เยี่ยก็จะมาด้วย เธอก็รู้สึกเบิกบานใจขึ้นมาทันที
หลังจากที่ได้เข้าหากันบ่อยขึ้น ลักษณะนิสัยของไป๋เยี่ยก็ยิ่งแสดงออกมาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มกลายเป็นฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ แม้ว่าเขาจะเหาะเหินเดินอากาศไม่ได้ แต่เขาก็คือคนที่พยุงโลกใบนี้ไว้
แถมท่าทางตอนนอนของเขาก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูมากอีกด้วย
หลีจื่อเหยียนแสดงความรู้สึกไม่ค่อยเก่งนัก แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกอยากดึงไป๋เยี่ยเข้ามาในอ้อมกอดจริงๆ
ทว่าเธอช่างไม่รู้ตัวเลยว่ามีดวงตาทั้งสองคู่กำลังจับจ้องมาที่เธอ…
เมื่อหลี่หมิงเห็นสิ่งที่ลูกสาวของเขาทำ หัวใจของเขาก็เต้นระรัวอย่างไม่มีเหตุผล เวรแล้วไง
นี่เป็นสัญญาณว่าลูกสาวของเขากำลังจะหนีไปกับคนอื่น
หลี่หมิงคิดแล้วก็กังวลเล็กน้อย คิดไปคิดมาก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นภาพนั้น
นั่นคือไป๋เยี่ยเชียวนะ!
ช่วงนี้บรรดาผู้คนในหลายวงการต่างขนานนามไป๋เยี่ยว่าเป็นลูกเขยแห่งชาติกันหมด
ทั้งอายุน้อย นิสัยดี มีคุณธรรม มีความรับผิดชอบ มีความสามารถ แถมยังมีเงิน
อีกสายตาหนึ่งมาจากจ้าวหู่ชิวนั่นเอง เขาพลันนึกถึงภารกิจลับที่หัวหน้ามอบหมายให้เขามาที่นี่
นั่นคือสอดส่องว่าไป๋เยี่ยมีแฟนหรือยัง ซึ่งดูเหมือนว่าภารกิจนี้จะ…
จ้าวหู่ชิวสับสนเล็กน้อย ไม่รู้ว่าภาพตรงหน้าจะถือว่าไป๋เยี่ยมีแฟนแล้วหรือยัง
เสียงกองไฟและเสียงหัวเราะจากโทรทัศน์ดังต่อเนื่องมาจนเป็นเวลาสามทุ่มครึ่ง งานกาล่าก็ดำเนินสู่ช่วงต่อไป
‘ต่งเล่อ’ ผู้รับบทเป็นพิธีกรกล่าวขึ้น “ตรุษจีนเป็นเทศกาลที่สำคัญมากสำหรับคนจีนอย่างพวกเรา ถึงเทศกาลนี้ทีไรก็ยิ่งคิดถึงคนที่เรารัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้คนนับไม่ถ้วนที่คอยเป็นด่านหน้าปกป้องประเทศชาติของเราอยู่”
“…แต่ในช่วงใกล้ปีใหม่ที่ผ่านมานี้ ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเพื่อนบ้านของเรา ในขณะที่ใกล้จะถึงวันตรุษจีน กลับเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในประเทศเพื่อนบ้านของเรา คนกลุ่มหนึ่งในประเทศเราจึงเก็บกระเป๋าเดินทางออกไปช่วยเหลือผู้คน บางทีตอนนี้พวกเขาอาจจะเป็นมือที่คอยยื่นออกไปช่วยเหลือชาวเมืองเมียนมาที่เผชิญกับอาฟเตอร์ช็อกก็เป็นได้”
“ปีนี้ประเทศเมียนมาเกิดเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้นหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นหิมะตก อากาศหนาวและเกิดอาฟเตอร์ช็อกหลังแผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่อง”
ต่งเล่อพูดจบ พิธีกรอีกคนก็เสริมต่อทันที “ปีนี้ประเทศของเราพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วจริงๆ พวกเราความก้าวหน้าในหลายสาขาวิชา บุคคลที่ก่อให้เกิดความก้าวหน้าเหล่านี้ได้ทำให้พวกเราพบกับชีวิตดีๆ วันนี้ทางเราจึงได้เชิญคุณ ‘หยางไห่ชาง’ นักวิชาการจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติและสถาบันวิศวกรรมแห่งชาติมามอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศ”
ต่งเล่อยิ้ม “ทุกท่านโปรดปรบมือต้อนรับนักวิจัยของพวกเราด้วยครับ!”
ท่ามกลางเสียงปรบมืออันอบอุ่น นักวิจัยหลายสิบคนก็เดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อรอรับรางวัล จากนั้นพิธีกรก็เริ่มกล่าวแนะนำตัวรายคน
ต่งเล่อส่งยิ้มทิ้งท้าย “และคนสุดท้าย เขาเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในโครงการอัจฉริยะไป่เชียนว่าน เขาได้รับรางวัลผลงานดีเด่นซึ่งเป็นรางวัลที่ไม่มีใครได้รับมาในรอบสี่ปีด้วยวัยเพียงยี่สิบสี่ปีเท่านั้น เขาได้เสนอเกณฑ์ประเมินคุณภาพหนูทดลองบีพีเอฟเอชซึ่งมีส่วนในการส่งเสริมการทดลองด้วยสัตว์ไปทั่วทั้งโลก ทั้งยังเพาะพันธุ์หนูทดลองที่มียีนความดันโลหิตสูงชนิดใหม่และทำลายการผูกขาดทางการค้าของชาติตะวันตก ทำให้ชาวจีนเราเพาะพันธุ์หนูทดลองเองได้ ปัจจุบันหนูเคเอ็มสายพันธุ์ใหม่ที่เขาคิดค้นขึ้นมานั้นก็ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในสถาบันวิจัยแหล่งสำคัญทั่วโลก ใช่แล้ว เขาคนนั้นก็คือไป๋เยี่ยนั่นเองครับ!”