กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 225 แอบใต้โต๊ะ

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 225 แอบใต้โต๊ะ

บทที่ 225 แอบใต้โต๊ะ

เซี่ยชิงหยวนเห็นผู้หญิงวัยสามสิบเดินมาทางนี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

อีกฝ่ายสวมเสื้อเชิ้ตอย่างเป็นทางการกับกางเกงขายาว และผมหยักศกของเธอถูกมัดไว้ด้านหลังศีรษะด้วยยางมัดผม เธอดูฉลาดและมีความสามารถมาก

สีหน้าของเฝิงฟางเปลี่ยนไปทันที

เธอเก็บกรงเล็บที่แหลมคมของเธอ และร้องทักอย่างอาย ๆ “พี่ม่าน”

ถานม่านจ้องเขม็งเฝิงฟางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าให้เซี่ยชิงหยวนและเหล่าไต้ด้วยรอยยิ้ม “ฉันต้องขอโทษคุณสองคนด้วยจริง ๆ ค่ะ ฉันสอนคนของตัวเองได้ไม่ดีพอ ทำให้พวกคุณเห็นเรื่องตลกซะแล้ว”

เมื่อเธอยิ้ม ถานม่านกลายเป็นมีภาพลักษณ์ของหญิงสาวผู้รอบรู้และอ่อนโยนอีกครั้ง

เธอเคยเป็นเจ้านายของเซี่ยชิงหยวนเมื่อชีวิตที่แล้ว ถานม่าน!

ถานม่านสอนความรู้และหลักการมากมายให้กับเซี่ยชิงหยวน และถานม่านคนนี้ถือได้ว่าเป็นที่ปรึกษาชีวิตเพียงคนเดียวของเซี่ยชิงหยวนนอกเหนือจากอาจารย์ของเธอ

เซี่ยชิงหยวนมองที่ถานม่านด้วยความกระตือรือร้นในดวงตา แต่แล้วก็เก็บอารมณ์อย่างรวดเร็ว

เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพยักหน้าให้ถานม่าน

อันที่จริงเมื่อกี้เซี่ยชิงหยวนเห็นถานม่านอยู่ในระยะไกลอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงจงใจยั่วยุเฝิงฟาง

เซี่ยชิงหยวนรู้ว่าเฝิงฟางเป็นคนไม่ยอมใครอยู่เสมอ และเฝิงฟางจะไม่ยอมกลืนความโกรธของตัวเองแน่นอน ดังนั้นจึงมีเหตุการณ์ดังกล่าว

ทว่าการพบกับถานม่านครั้งแรกในชีวิตนี้ เซี่ยชิงหยวนกลับจงใจเอาเปรียบอีกฝ่ายโดยใช้เป็นเครื่องมือเล่นงานเฝิงฟาง

เมื่อคิดแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกผิดนิดหน่อย

เหล่าไต้ทำหน้าที่เป็นผู้สร้างสันติ “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร วัยรุ่นย่อมมีอารมณ์เลือดร้อน มันก็แค่คำพูดไม่กี่คำเท่านั้น ไม่เป็นไรหรอกครับ”

แต่ถานม่านไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปแน่นอน

เธอดำเนินกิจการโรงงานมามากกว่าสิบปี อีกทั้งยังปฏิบัติต่อลูกค้าและผู้จัดหาทรัพยากรอย่างเป็นมิตรเสมอ นอกจากนี้เธอยังเรียกร้องสิ่งเดียวกันจากพนักงานของเธออีกด้วย นี่เป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหมานต๋าจึงสั่งสมชื่อเสียงที่ดีมาโดยตลอด

คำพูดวันนี้ของเฝิงฟางเหมือนเป็นการตบหน้าเธออย่างไม่ต้องสงสัย

เธอมักจะเอาใจใส่การมีมารยาทโรงงานเสมอ แต่วันนี้เฝิงฟางกลับพยายามขับไล่ลูกค้าออกไปต่อหน้าเธอ!

ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่นักลงทุนรายย่อยในปัจจุบันจะกลายเป็นเถ้าแก่ใหญ่ในอนาคต

ไม่ใช่ว่าเฝิงฟางกำลังสร้างศัตรูให้กับโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหมานต๋างั้นเหรอ?

เมื่อเห็นว่าเฝิงฟางยังคงจ้องมองเซี่ยชิงหยวนจากด้านข้างไม่วางตา

เสียงอันเย็นชาของถานม่านก็ดังขึ้น “รีบขอโทษลูกค้าทั้งสองซะ!”

เฝิงฟางรู้จักนิสัยของถานม่านดี อีกฝ่ายเหมือนจะดูเป็นคนคุยง่าย แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนที่เคร่งครัดในกฎมาก

ถ้าเธอยังต้องการที่จะอยู่ในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหมานต๋าต่อไป เธอก็ไม่สามารถทำให้ถานม่านขุ่นเคืองได้

เฝิงฟางมองไปที่เซี่ยชิงหยวน และเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนกำลังมองเธอด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม ราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังดูเรื่องตลกของเธอ

เฝิงฟางพูดบางอย่างด้วยเสียงอู้อี้แบบไม่เต็มใจอย่างยิ่ง “ฉันขอโทษ”

จากนั้นเธอหันหน้าหนีและนิ่งเงียบ

เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ยังไงฉันก็ขอบคุณคุณถานเช่นกันนะคะ”

ถานม่านรู้สึกประหลาดใจที่เซี่ยชิงหยวนรู้จักตัวเธอ

เธอคิดว่าเซี่ยชิงหยวนเดาได้เพราะจากสิ่งที่เฝิงฟางเพิ่งพูดหรือเหล่าไต้น่าจะเป็นคนบอก

ถานม่านยิ้มตอบ “เป็นเรื่องที่ฉันสมควรทำอยู่แล้วค่ะ”

จากนั้นเธอก็เหลือบมองเฝิงฟางเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยปากอีกครั้ง “ถ้าพวกคุณต้องการอะไรในอนาคต ให้ไปหาเหล่าหม่าได้โดยตรงเลยนะคะ”

เหล่าไต้ขอบคุณอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณครับเถ้าแก่เนี้ยถาน!”

เขามาที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหมานต๋าเพื่อซื้อสินค้าเป็นเวลาหลายปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้จักถานม่านโดยปริยาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดคุยกับเธอมากเช่นวันนี้

เซี่ยชิงหยวนยังกล่าวอีกว่า “ขอบคุณค่ะเถ้าแก่เนี้ยถาน”

ดวงตาของเธอเปล่งประกาย เหมือนมีความรู้สึกใกล้ชิดอย่างอธิบายไม่ได้ในดวงตาของเธอ และทัศนคติของเธอก็ไม่ได้ถ่อมตัวหรือหยิ่งยโส ซึ่งแตกต่างจากนักธุรกิจส่วนใหญ่ ในทางกลับกัน เธอมีความเจ้าเล่ห์และอ่อนโยน อารมณ์ก็มั่นคงด้วย

ถานม่านอดไม่ได้ที่จะมองประเมินเซี่ยชิงหยวนสูงขึ้นและรู้สึกยินดีที่ได้รู้จักกับอีกฝ่าย

เธอพูดว่า “ฉันยังมีบางอย่างที่ต้องทำ ดังนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ คุณสองคนสามารถทำธุระของพวกคุณต่อได้เลยค่ะ”

หลังจากพูดจบ เธอก็โบกมือให้เฝิงฟางตามไปและจากไป

เหล่าไต้มองตามหลังของถานม่านและเขาก็ยิ้ม

เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะพูดติดตลก “คุณชื่นชมคุณถานมากเลยใช่ไหม?”

ดวงตาของเหล่าไต้มีรอยยิ้มออกมาและเขาพูดว่า “ใช่ ฉันได้ยินมาว่าเธอจบเพียงมัธยมต้น แล้วออกมาทำงานด้วยความพยายามของเธอเอง จนในที่สุดเธอก็ก่อตั้งโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหมานต๋าขึ้นมาได้ เรียกได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าจับตามองมากจริงๆ”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ เธอน่าทึ่งมาก”

อิทธิพลของถานม่านที่มีต่อเซี่ยชิงหยวนนั้นลึกซึ้งมากจนถึงชีวิตนี้

เธอก็อยากจะเป็นเหมือนถานม่านเช่นกัน

เหล่าไต้ชี้ไปที่เสื้อผ้าบนพื้นที่ถูกเฝิงฟางโยนทิ้งและพูดว่า “รีบไปเลือกกันเถอะ เลือกเสื้อผ้าที่ดีกลับไปดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะสายเอา แล้วชายผิวดำตัวใหญ่คนนั้นจะตามมาพร้อมด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าทันที “ตกลง ๆ”

ในที่สุดเซี่ยชิงหยวนก็เลือกเสื้อผ้ามาสามร้อยสี่สิบจิน

เหล่าหม่าให้ส่วนลดเป็นหนึ่งจินต่อแปดเหมา

เซี่ยชิงหยวนคำนวณและส่งเงินให้สองร้อยเก้าสิบเก้าหยวนสองเหมา

เมื่อเห็นว่าทั้งสองซื้อเสื้อผ้าจำนวนมาก เหล่าหม่าจึงเรียกให้คนขับรถในโรงงานช่วยไปส่งพวกเขากลับ

ที่พักเต็มไปด้วยผู้คนและเซี่ยชิงหยวนวางแผนว่าจะยังไม่กลับไป ดังนั้นเธอจึงบอกให้คนขับรถเอาของไปส่งฝากไว้ที่ร้านซ่อมรถของเฮ่ออวี้เฟิงก่อน

เหล่าไต้เช็ดเหงื่อแล้วพูดว่า “ไปข้างนอกแล้วไปหาของหวานกินกันก่อนกลับดีกว่านะ”

เซี่ยชิงหยวนเห็นว่าเหล่าไต้เหนื่อยมากในการเดินทางมากับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจปฏิเสธได้และพูดว่า “ไปกัน ฉันจะเลี้ยงคุณเอง”

เสื้อผ้าสามร้อยสี่สิบจินชุดนี้มีเสื้อผ้าเกือบพันตัว ในทางกลับกันจำนวนนี้ถ้าเธอซื้อต่อจากเหล่าไต้ เธอจะต้องจ่ายเงินมากขึ้นอย่างน้อยอีกเท่าตัว

เหล่าไต้อุตส่าห์ละทิ้งโอกาสในการหาเงินและผูกมิตรกับเธอแทน ซึ่งการพาไปเลี้ยงขนมไม่นับว่าเป็นอะไรเลย

เหล่าไต้ยิ้มและพูดว่า “งั้นฉันจะไม่สุภาพนะ!”

ที่ตั้งร้านขนมที่ทั้งสองเลือกคือริมถนนที่พวกเขาเพิ่งเดินผ่านมา

ร้านนี้เป็นร้านเล็ก ๆ ขนาดไม่ถึง 20 ตร.ม. มีโต๊ะเล็ก ๆ สองสามโต๊ะด้านนอกและเต็นท์ตั้งอยู่

สภาพอากาศของมณฑลทางตอนใต้ไม่เหมือนกับสภาพอากาศที่ร้อนของมณฑลยูนนาน ซึ่งได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นในฤดูร้อน ดังนั้นอากาศในช่วงปลายเดือนสิงหาคมจึงยังค่อนข้างเย็น

เพื่อที่จะเวลาเฮ่ออวี้เฟิงมาหาจะได้เห็นง่าย ๆ ทั้งสองจึงจงใจเลือกที่นั่งใกล้ ๆ ประตู

เซี่ยชิงหยวนชอบของหวาน แต่ต้องไม่หวานเกินไป

แม้ฟังดูขัดแย้ง แต่จริง ๆ แล้วมันคือหวานน้อยหน่อยไม่ใช่หวานจนเลี่ยน

เผอิญว่าเหล่าไต้ไม่ชอบกินอาหารหวานและมันเกินไปเช่นกัน ทั้งสองคนจึงสั่งวุ้นกุ้ยหลิงหนึ่งชาม เติมน้ำเชื่อมที่ทำจากน้ำตาลทรายแดงผสมลงไปเมื่อกิน

เซี่ยชิงหยวนจิบและได้รสชาติทั้งความขมของวุ้นกุ้ยหลิงและความหวานของน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายแดง เมื่อรสชาติของทั้งสองบรรจบกันมันก็เป็นรสชาติที่พอดี

ความหวานและความขมของทั้งชามจะเจือจางลง

ขณะที่เธอยังกินไม่ทันเสร็จ เธอได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นมา “เถ้าแก่ เอาน้ำเต้าหู้ดอกไม้สองชาม”

เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ประโยคนี้ วุ้นกุ้ยหลิงในปากของเธอแทบจะพ่นออกมา

เธอสำลักแต่ไม่กล้าไอ ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอแดงก่ำ

เหล่าไต้ไม่รู้เรื่องอะไรและกำลังจะถามเธอว่าเป็นอะไร แต่ก็เห็นเซี่ยชิงหยวนมุดเข้าไปใต้โต๊ะอย่างเร่งรีบแล้ว

เหล่าไต้ “…”

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง ฟู่ชุนไจ่ที่สวมเสื้อลายดอกพร้อมกับคาบบุหรี่ไว้ในปากกำลังพูดคุยกับเจ้าของร้านในขณะที่สั่งของหวาน

โจวจิ่นจือยืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างเฉยเมยแลดูง่วงนอน

ชายสองคนยืนอยู่ที่ประตูและเป็นไปไม่ได้ที่เซี่ยชิงหยวนจะแอบออกไปอย่างเงียบ ๆ

เหล่าไต้คิดอย่างเรียบง่าย เนื่องจากบังเอิญได้เจอลูกพี่โจว เขาจึงอยากทักทายโดยธรรมชาติ

ทันทีที่ก้นอ้วน ๆ ของเขาเคลื่อนออกจากเก้าอี้ เซี่ยชิงหยวนซึ่งนั่งยอง ๆ อยู่ใต้โต๊ะก็รีบดึงกางเกงของเหล่าไต้ให้นั่งลงที่เดิมอย่างรวดเร็ว

เมื่อเซี่ยชิงหยวนเห็นว่าโจวจิ่นจือดูเหมือนกำลังจะเดินมาทางเธอ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกกังวลอย่างมาก

ถ้าเธอวิ่งออกไปตอนนี้ เธอจะต้องผ่านพวกเขาไป

ในตอนนั้นมันคงแย่มาก

เธอได้แต่ฝากความหวังไว้ที่เหล่าไต้ หวังว่าเขาจะปกปิดตัวเธอได้

เหล่าไต้มองตามตาของเซี่ยชิงหยวนไปยังร่างของโจวจิ่นจือ และในที่สุดเขาก็มองชามวุ้นกุ้ยหลิงบนโต๊ะ

ยังไงซะ เซี่ยชิงหยวนเพิ่งมาที่เมืองกว่างโจวเป็นครั้งที่สอง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะรู้จักโจวจิ่นจือและฟู่ชุนไจ่ใช่ไหม?

บางทีการได้เห็นโจวจิ่นจืออาจทำให้เซี่ยชิงหยวนรู้สึกเขินอาย

ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าเขาเข้าใจความคิดของเซี่ยชิงหยวน

จากนั้นเขาก็หยิบชามวุ้นกุ้ยหลิงบนโต๊ะแล้วส่งให้เซี่ยชิงหยวนที่ข้างใต้

เซี่ยชิงหยวนมองไปที่ชามวุ้นกุ้ยหลิงที่อยู่ตรงหน้าเธออย่างพูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ “…”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท