กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 342 คุณนายและคุณฉี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 342 คุณนายและคุณฉี

บทที่ 342 คุณนายและคุณฉี

เซี่ยชิงหยวนเกือบจะลุกพรวดจากเก้าอี้ทันที

เธอรู้สึกปวดหัวทันพลัน “เขารู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้ทำอาหาร?”

นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เธอโกหกเขา

ป้าอู๋ไม่รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลัง และตะลึงอยู่พักหนึ่งก่อนจะเข้าใจ

สิ่งนี้มันทำให้เธอตกใจจริง ๆ

เธอกำลังคิดว่า หรือคุณนายของตัวเองจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับฉีจิ่นจือ?

แม้ฉีจิ่นจือจะหล่อ แต่คุณนายของเธอแต่งงานแล้วนะ

จากนั้นเธอก็พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ “วันนี้คุณฉีถามฉันว่า ช่วงวันสองวันนี้คุณนายยุ่งอะไรอยู่ไหม ฉันไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เลยบอกเขาว่าคุณนายยุ่งกับการตกแต่งร้านอยู่ และออกไปข้างนอกทุกวันค่ะ”

เมื่อพูดถึงจุดนี้ เสียงของป้าอู๋ก็เบาลง “คุณนายคะ ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ?”

“มันไม่เกี่ยวกับป้าอู๋หรอกค่ะ” เซี่ยชิงหยวนโบกมือ “ฉันเข้าใจแล้ว ป้าอู๋ไปพักผ่อนเถอะค่ะ”

หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็ถอนหายใจและนวดขมับ

ดูเหมือนว่าเธอคงต้องทำอาหารให้ฉีจิ่นจือจริง ๆ ซะแล้วแหละ

“ป้าอู๋คะ” เซี่ยชิงหยวนเรียกป้าอู๋ที่เพิ่งเดินออกไปกลับมา “รู้ไหมคะว่าคุณฉีคนนั้นจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่?”

ป้าอู๋ตอบว่า “วันนี้ฉันได้ยินจากพยาบาลว่าเขาน่าจะต้องนอนอยู่ต่ออีกสามหรือสี่วันค่ะ จากนั้นถึงจะอนุุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านต่อ”

ป้าอู๋หยุดชั่วคราวและคิดว่าเป็นการดีกว่าที่จะบอกเซี่ยชิงหยวนในสิ่งที่เธอได้ยิน

“ฉันได้ยินมาเหมือนกันว่านอกจากผู้อำนวยการฉีที่ไปเยี่ยมเขาไม่กี่ครั้งแล้ว ก็มีแต่ผู้ช่วยของผู้อำนวยการฉีที่ไปเยี่ยมทุกวันค่ะ ส่วนคุณนายฉีนั้นไม่เคยไปเลย”

ในโรงพยาบาลมีการซุบซิบกันว่า ‘คุณนายฉีใช่แม่ที่แท้จริงหรือเปล่า? ลูกชายของตัวเองบาดเจ็บแท้ ๆ แต่เธอกลับไม่ไปเยี่ยมลูกชายของตัวเองเลย’

ป้าอู๋ไม่ได้พูดคำเหล่านี้ออกมา

แต่เธอยังสามารถบอกได้ว่าอันไหนเป็นข้อเท็จจริง และอันไหนเป็นข่าวซุบซิบของคนอื่น

เดิมทีเธอคิดว่าฉีจิ่นจือเป็นบุคคลที่เข้าถึงยากเหมือนข่าวลือ ดังนั้นเธอจึงกังวลเมื่อไปที่นั่น

แต่โดยไม่คาดคิด เมื่อเจอตัวจริงฉีจิ่นจือกลับเป็นคนไม่ค่อยพูดมากนัก และท้ายที่สุดเขาก็ค่อนข้างสุภาพกับเธอ

ภายหลังพอได้ยินคำพูดเหล่านั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อนและยิ่งรู้สึกเห็นใจเมื่อได้ยินว่าเซี่ยชิงหยวนโกหกอีกฝ่าย

หลังจากได้ยินคำพูดของป้าอู๋ เซี่ยชิงหยวนก็ขมวดคิ้ว

ดูเหมือนว่าฉีจิ่นจือไม่ใช่ลูกของคุณนายฉีจริง ๆ สินะ

ไม่น่าแปลกใจเลย ตอนนั้นที่ฉีจิ่นจือได้รับบาดเจ็บ ทุกคนมารวมตัวกันรอบตัวเขายกเว้นคุณนายฉีที่ยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมอง

สิ่งที่เรียกว่าสายสัมพันธ์แม่ลูกนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจตัดขาดได้ ต่อให้จะบอกว่าคุณนายฉีไม่มีความรู้สึกอะไรเพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันมาหลายปี มันก็ไม่สมเหตุสมผลเลย

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าฉีจิ่นจือน่าสงสาร

แต่สิ่งเหล่านี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของเธอ

หญิงสาวพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ สองวันมานี้ฉันสร้างปัญหาให้ป้าอู๋แล้ว

เอาไว้หลังจากนี้ฉันจะเอาอาหารที่ปรุงจากร้านตรอกเก่าไปให้คุณฉีเองนะคะ”

ร้านตรอกเก่าจะเปิดในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเธอจึงสามารถนำอาหารของที่นั่นไปให้ฉีจิ่นจือได้ เธอสามารถเอาต้มเครื่องในเนื้อวัวและเครื่องเคียงที่ทำไว้ที่ร้านแล้วไปให้ได้ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องทำอะไรใหม่

ป้าอู๋ถามขึ้น “คุณนายอยากให้ฉันช่วยอะไรไหมคะ?”

ร้านอาหารก็เปิดแล้ว และเซี่ยชิงหยวนต้องส่งอาหารให้ฉีจิ่นจืออีก ป้าอู๋กังวลว่าเธอจะยุ่งเกินไป

เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ฉันจัดการได้ค่ะ ขอบคุณนะคะป้าอู๋”

ป้าอู๋ถูกมอบหมายงานมาให้ดูแลบ้านโดยหน่วยงานมณฑล หากเซี่ยชิงหยวนขอให้เธอไปที่ร้านเพื่อช่วยงาน มันจะเป็นการใช้ทรัพยากรของหน่วยงานในทางที่ไม่เหมาะสม

ท้ายที่สุดแล้วหน่วยงานมณฑลเป็นผู้ลงนามในสัญญา

แม้ป้าอู๋อยากจะทำ แต่มันก็ไม่เหมาะสมที่จะทำ

เมื่อเสิ่นอี้โจวกลับมาในตอนเย็น เซี่ยชิงหยวนก็เล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับฉีจิ่นจือ

เสิ่นอี้โจวนั่งลงด้วยดวงตาที่มืดหม่นทันที

หญิงสาวนั่งข้าง ๆ พลางดูสีหน้าของสามีแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้ฉันจะไปส่งอาหารให้เขาเอง แต่หลังจากนั้นวันมะรืนฉันจะทำอาหารที่ร้านตรอกเก่าแล้วให้ป้าอู๋ไปส่งแทน ยังไงซะเดี๋ยวเขาก็ออกจากโรงพยาบาลเร็ว ๆ นี้แล้ว อีกแค่สามหรือสี่วันเท่านั้นน่ะ”

เมื่อถูกจับได้แบบนี้ อย่างน้อย ๆ เธอต้องไปส่งถึงประตูด้วยตนเองสักครั้ง

มือเล็ก ๆ ของเธอวางบนต้นขาของเขา และสัมผัสมันราวกับเล่นเปียโนผ่านกางเกงสูท ทำให้รู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย

เธอขยับเข้ามาใกล้แขนของเขามากขึ้น และสอดมือเล็ก ๆ อีกข้างของเธอผ่านช่องว่างระหว่างกระดุมเสื้อของชายตรงหน้า

หญิงสาวยิ้มอย่างออดอ้อน “ป้าอู๋ยังบอกอีกว่าไม่มีสมาชิกในครอบครัวของเขาไปเยี่ยมเลย เขาค่อนข้างน่าสงสารเลยนะ”

เสิ่นอี้โจวจับมือเล็ก ๆ ของเธอที่ซุกซนอยู่บนหน้าอกของเขาแล้วมองดูภรรยา “เขาน่าสงสารเหรอ?”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ก็นิดหน่อย”

เธอจับนิ้วของเขาขึ้นมาเล่นแล้วพูดว่า “แค่มองว่าเขาเป็นน้องชายคนเล็กและเราทำอาหารให้เขาสักสองสามมื้อก็ได้ นอกจากนี้คุณสัญญากับเขาเอาไว้เองตั้งแต่แรกแล้วนะ”

เสิ่นอี้โจวเลิกคิ้วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่น “นั่นสินะ แต่ผมเกรงว่าเขาจะมีเจตนาแอบแฝงน่ะสิ”

เซี่ยชิงหยวนพลันยิ้มขึ้นมาหลังจากได้ยิน มือของเธอที่อยู่แถวขาของสามีคนนี้ได้เกาะกุมบางส่วนของเขาโดยตรง “ไม่ใช่ว่าเป็นคุณงั้นเหรอ? ใครกันแน่ที่ถูกเขาจ้องมองก่อนหน้านี้?”

เสิ่นอี้โจว “…”

เขาไม่พูดอะไรอีกแล้วและกอดภรรยาทันที

และวินาทีต่อมาเขาก็โยนเซี่ยชิงหยวนลงบนเตียงนุ่ม ๆ

เซี่ยชิงหยวนไม่รู้ว่าเขาต้องการทำอะไร จึงคลานหนี แต่เสิ่นอี้โจวจับเธอไว้เพื่อไม่ให้หญิงสาวหนีไปได้

ลมหายใจร้อนรดลงบนคอของเธอ ทำให้หญิงสาวต้องรีบหดตัวกลับทันที จากนั้นร้องอุทานดังลั่น “เสิ่นอี้โจว!”

เสิ่นอี้โจวยิ้มกริ่ม “อย่ากังวลน่า เราไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าของคุณออกหรอก”

ขณะที่เขาพูด ฝ่ามือใหญ่ของเขาก็เลิกกระโปรงของเธอจากด้านหลังแล้ว

เซี่ยชิงหยวน “!”

เช้าวันรุ่งขึ้น ร้านตรอกเก่าเปิดขายอย่างเป็นทางการ

เซี่ยชิงหยวนกับหลินตงซิ่วสวมเสื้อผ้าที่ดูดี และไปที่นั่นในตอนเช้า ป้ายบนร้านคำว่า ‘ตรอกเก่า’ ถูกห่อด้วยผ้าสีแดง รอให้ถูกถอดออกเมื่อร้านเปิด

เฉิงซวงจือยืนอยู่ใต้ป้าย เมื่อเห็นคนทั้งสองจึงตะโกนว่า “คุณนาย คุณนายหญิง”

ตอนนี้เพิ่งเจ็ดโมงเช้าเท่านั้น ยกเว้นร้านขายอาหารเช้าและโรงน้ำชา ร้านอื่น ๆ ก็ยังไม่เปิด

เซี่ยชิงหยวนพาทั้งสองคนไปทำความคุ้นเคยกับสินค้าในร้านก่อน จากนั้นจึงพาพวกเธอไปที่ตลาดสด

หนึ่งคือพาเฉิงซวงจือไปพบกับเจ้าของร้านที่จะซื้อเครื่องในในอนาคต และอีกอย่างคือซื้อวัตถุดิบสำหรับวันนี้

หลังจากซื้อวัตถุดิบแล้วทั้งสามคนก็เริ่มทำงาน

เฉิงซวงจือทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก อีกทั้งยังแข็งแรงกว่าพวกเธอสองคนอีก พวกเขาใช้เวลาเตรียมส่วนผสมทั้งหมดเพียงชั่วโมงกว่าเท่านั้นเอง

ต่อไปก็เป็นการต้มเครื่องในเนื้อวัว

ในฤดูหนาว พวกเขาสามารถขายซุปเครื่องในวัวได้ตลอดเวลา

เพียงเคี่ยวหัวเชื้อซุปในวันแรก จากนั้นเติมส่วนผสมและเครื่องปรุงรสตามเหมาะสม เท่านี้ก็พร้อมแล้ว

สำหรับกิมจิผักกาดขาว กิมจิหัวไชเท้า และหัวไชเท้าดองที่เตรียมไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน เซี่ยชิงหยวนก็นำพวกมันมาด้วย

เมื่อเธอเปิดขวดโหล กลิ่นกิมจิก็ตีขึ้นจมูกทันที ปากของเธอก็พลันหลั่งน้ำลายออกมาโดยไม่รู้ตัว

เซี่ยชิงหยวนนำพวกมันออกมาใส่ไว้ในภาชนะที่สะอาด จากนั้นก็ปิดด้วยฝาแก้วที่ดูสะอาดตา และวางไว้ในตู้ใส

มีเตาสำหรับตุ๋นเครื่องในวัวอยู่สามเตา เตาหนึ่งอยู่ข้างตู้ในร้าน หนึ่งเตาอยู่ประตูร้าน และเตาใหญ่ที่สุดอยู่ในครัว

เซี่ยชิงหยวนยังเก็บกิมจิส่วนหนึ่งไว้ที่ทางเข้าร้าน ซึ่งใช้เพื่อดึงดูดลูกค้า

สองชั่วโมงต่อมา พอต้มเครื่องในวัวและหัวไชเท้าก็เคี่ยวจนนิ่ม ลูกชิ้นที่เติมเข้าไปก็ซึมซับซุปเรียบร้อย แม้จะปิดฝาอยู่ แต่ก็ไม่สามารถปิดกลิ่นหอมที่อยู่ในหม้อได้

เมื่อถึงเวลาสิบโมงเช้าก็มีคนเดินถนนมากขึ้นเรื่อย ๆ

พวกเธอทั้งสามจุดประทัด และทันทีที่ผ้าสีแดงบนป้ายถูกเปิดออก ‘ตรอกเก่า’ แห่งถนนอาหารก็เปิดอย่างเป็นทางการ

เซี่ยชิงหยวนติดป้ายที่ประตูว่า ‘ลด 20% สำหรับสามวันแรกของการเปิดทำการ’

ซึ่งถือเป็นวิธีการส่งเสริมการขายเพื่อดึงดูดลูกค้าโดยการลดราคา

บางทีรอยยิ้มของเซี่ยชิงหยวนอาจสดใสเกินไป หรืออาจเป็นเพราะป้ายชื่อร้านตรอกเก่าที่แขวนอยู่สะดุดตาเกินไป หรือบางทีกลิ่นที่ลอยมาจากหม้อกระตุ้นความโลภในท้องของผู้คน ตอนนี้จึงมีผู้คนเดินเข้ามาในร้านทีละคนแล้ว

หลังจากไม่ได้ทำธุรกิจมาระยะหนึ่ง หลินตงซิ่วก็เริ่มกังวล

เฉิงซวงจือดูเหมือนจะเคยทำสิ่งเหล่านี้มาก่อน เธอทักทายลูกค้าและทำอย่างอื่นได้ดีทีเดียว

เซี่ยชิงหยวนตบหลังมือของหลินตงซิ่วแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แม่คะ ไม่ว่าแม่จะทำอะไรในเมืองเตียนเฉิงมาก่อน ตอนนี้ก็ยังทำได้นะคะ”

หลินตงซิ่วเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ทันที และพูดว่า “แม่แค่กังวลนิดหน่อยน่ะ”

ค่าเช่าปีละหนึ่งพันแปดร้อยหยวน แถมยังต้องจ้างคนอื่นมาตกแต่งอีก ด้วยเงินลงทุนมากมาย เธอจึงตกอยู่ภายใต้ความกดดันขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

เซี่ยชิงหยวนยิ้มตอบ “แม่คะ ร้านนี้เปิดให้แม่ทำเพื่อฆ่าเวลาเป็นหลัก แม่ไม่ต้องกังวลเรื่องที่เหลือหรอกค่ะ”

เซี่ยชิงหยวนไม่ได้โกหกเธอ

ไม่ว่าธุรกิจของร้านตรอกเก่าจะดีแค่ไหน ก็คาดว่าน่าจะมีรายได้เพียงสองถึงสามพันหยวนต่อเดือนเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะพึ่งพาร้านนี้เพื่อหาทุนในการเริ่มต้นธุรกิจที่ใหญ่กว่า

เธอต้องการเน้นไปที่ร้านขายเสื้อผ้าเป็นหลัก

เมื่อหลินตงซิ่วได้ยิน เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าลูกสะใภ้คนนี้กล้าหาญมาก

เธอไม่กังวลอะไรอีกและพยักหน้า “แม่จะไม่ฉุดลูกไว้อย่างแน่นอน”

เซี่ยชิงหยวนยิ้มและไม่พูดอะไรอีก

เธอดูนาฬิกาบนข้อมือ ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว และเธอจะต้องไปส่งอาหารให้กับฉีจิ่นจือ

————————————

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน