ตอนที่ 299 จริงใจ
วาจาของจ้งซูหาวนั้นแสดงออกถึงความจริงใจอย่างเต็มเปี่ยม
เซียวฮูหยินจ้องมองเขา “เจ้าอยากพบอวิ๋นเกอ?”
“ขอองค์หญิงโปรดอนุญาต!”
เซียวฮูหยินลังเลเล็กน้อย พลางพูด “อวิ๋นเกออาจไม่อยากพบเจ้า!”
ท่าทีของจ้งซูหาวแน่วแน่ “ข้ารู้! แต่อย่างไรก็ต้องลอง มิฉะนั้นข้าไม่อาจล้มเลิก”
“เจ้าช่างตรงไปตรงมายิ่งนัก!” เซียวฮูหยินไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี
จ้งซูหาวไม่ดีหรือ
ดีมาก
ท่าทาง ตระกูล ความรู้ และความจริงใจ…
นอกจากนี้ยังเป็นตัวเลือกลูกเขยที่ดี
แต่…องค์หญิงเฉิงหยางมารดาของเขาทำให้คนจำเป็นต้องลังเล
เมื่อเซียวฮูหยินตัดสินใจได้ นางจึงรับสั่งบ่าวรับใช้ “ไปถามคุณหนูสี่ นางยอมพบนายน้อยจ้งหรือไม่ หากไม่ยอมก็อย่าบังคับ”
บ่าวรับใช้รับคำสั่งจากไป
เซียวฮูหยินเรียกให้จ้งซูหาวดื่มชา “อวิ๋นเกออารมณ์ร้อน หากทำสิ่งใดไม่เหมาะสม ขอให้เจ้าให้อภัยด้วย”
จ้งซูหาวพูดด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิงวางใจ ข้าพอรู้นิสัยของคุณหนูสี่อยู่บ้าง ไม่ว่านางพูดสิ่งใด ข้าล้วนมีแผนการรับมือ อีกทั้งยังยอมรับได้”
อ่อ!
เซียวฮูหยินอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเขา
“เจ้าควรจะรู้ว่าอวิ๋นเกอไม่ใช่กุลสตรีที่อยู่ในระเบียบตามประเพณี นางมีความคิดเห็นของตนเอง มีกิจการของตนเอง มีแผนการของตนเอง ไม่มีทางให้ฝ่ายชายตัดสินใจทุกเรื่อง”
“เรื่องที่องค์หญิงพูดนี้ ก่อนมาข้าได้คิดทบทวนแล้ว จุดที่คุณหนูสี่ดึงดูดคนที่สุดก็คือนางมีจุดยืน มีความสามารถ มีวิสัยทัศน์! บางทีอาจมีคนไม่ต้องการ แต่ข้าชื่นชมนางอย่างมาก นางสามารถทำในสิ่งที่ชายหนุ่มร้อยละเก้าสิบทำไม่ได้ น่ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง!”
เซียวฮูหยินหัวเราะ
เมื่อได้ยินคนชื่นชมบุตรสาวของตนเอง นางจึงดีใจอย่างมาก
…
เยียนอวิ๋นเกอยอมที่จะพบกับจ้งซูหาว
นางตัดสินใจพูดให้กระจ่างต่อหน้า นับจากนี้ต่อไปจะได้ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน
นางสวมชุดยิงธนู ไม่มีแป้งบนหน้า ไม่สวมใส่เครื่องประดับ ทั้งตัวไม่มีสีสันแม้แต่น้อย
ใบหน้าที่สะอาดสะอ้าน ดวงตาที่สดใสงดงาม
เพียงแค่ชั่วพริบตาก็ทำให้คนรู้สึกตกตะลึงในความงาม
จ้งซูหาวผงะไป โชคดีที่เขาตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว ไม่ได้เสียอาการต่อหน้าผู้อื่น
เยียนอวิ๋นเกอถามอย่างตรงไปตรงมา “ท่านอยากคุยกับข้า?”
“ใช่!”
“ไปสวนดอกไม้เถิด! ข้าให้คนจัดเตรียมไม้ตกปลาสองอันในศาลา ท่านตกปลาได้หรือไม่”
“ได้! แต่ไม่เชี่ยวชาญ!”
เยียนอวิ๋นเกอเหลือบมองเขา “ไม่ได้ถ่อมตน?”
จ้งซูหาวหัวเราะ “ไม่ได้ถ่อมตน แต่เป็นความจริง”
เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้วขึ้น “ตกได้ก็พอ อย่างไรก็แค่ตกเล่นๆ ท่านแม่ ข้าพาเขาไปตกปลาในสวนดอกไม้ได้หรือไม่”
เซียวฮูหยินรู้ว่าบุตรสาวของตนเองเป็นคนมีความคิด ดังนั้นนางจึงพูดอย่างวางใจ “ไปเถิด! ให้สาวรับใช้เตรียมน้ำชาและของว่างให้ดี ในสวนดอกไม้มียุงมาก อย่าลืมจุดธูปไล่ยุง”
“ข้ารู้! นายน้อยจ้งเชิญทางนี้!”
“ขอบใจคุณหนูสี่!”
เยียนอวิ๋นเกอเดินนำจ้งซูหาวมุ่งหน้าไปตกปลายังศาลาในสวนดอกไม้
สาวรับใช้เตรียมธูปไล่ยุงเอาไว้แล้ว ประสิทธิภาพดีมาก
คนหนึ่งถือไม้ตกปลาอันหนึ่ง แขวนเหยื่อด้วยตนเอง พลันเริ่มตกปลา
เริ่มแรก ไม่มีผู้ใดพูด ศาลาเงียบสงัดจนสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่น
สาวรับใช้ต่างรู้สึกกังวล
นอกจากความกังวลแล้ว พวกนางก็แอบมองจ้งซูหาวไปด้วย รูปงามเหลือเกิน
หากมองเพียงแค่รูปลักษณ์ สามารถเรียกได้ว่าเหมาะสม
เขายืนอยู่กับคุณหนูของตนเอง เรียกได้ว่าชายหนุ่มสง่างามหญิงสาวงดงาม เหมาะสมยิ่งนัก
เยียนอวิ๋นเกอเรียกให้จ้งซูหาวดื่มชา “ข้าทำสวนชาขนาดเล็กทางใต้ ใบชาจากสวนชาของข้าเอง คุณภาพพอใช้ ท่านลองชิมดู!”
จ้งซูหาวยกถ้วยชาขึ้นจิบหนึ่งคำ พลันพูด “คุณหนูสี่คิดจะทำการค้าใบชาหรือ ตระกูลจ้งของพวกข้าก็มีกิจการใบชา มีสวนชาทางใต้อยู่หลายแห่ง พวกเราสามารถร่วมมือกันได้”
เยียนอวิ๋นเกอดีใจ!
เป็นคนฉลาดเสียจริง สามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริงที่นางอยากจะสื่อได้
การสนทนากับคนประเภทนี้สบายอย่างมาก
นางมองอีกฝ่าย “ท่านอยากแต่งงานกับข้า เหตุผลข้าได้ยินหมดแล้ว ความกล้าหาญอาจหาญใด พวกเราไม่ต้องพูดถึง ข้าพูดเงื่อนไขของข้าอย่างตรงไปตรงมาดีกว่า”
ตรงประเด็นเช่นนี้เชียวหรือ
ประโยคก่อนหน้ายังพูดถึงเรื่องใบชาอยู่เลย ประโยคถัดมาก็พูดเรื่องงานแต่งเสียแล้ว
นอกจากนี้ยังไม่เขินอายแม้แต่น้อย
จ้งซูหาวตั้งสติขึ้นมาทันที “คุณหนูสี่เชิญพูด!”
เยียนอวิ๋นเกอจ้องมองผิวน้ำ พูดเสียงเบา “เงื่อนไขข้อแรกของข้า ไม่สามารถมีอนุภรรยาได้! ไม่ว่าข้าจะมีบุตรหรือไม่ ล้วนมีอนุภรรยาไม่ได้ หากกล้ามีอนุภรรยา ข้าจะขายนางทิ้งทันที”
จ้งซูหาวพยักหน้า “สอดคล้องกับนิสัยของท่าน ข้ารับได้”
เอ๊ะ?
เยียนอวิ๋นเกออดไม่ได้ที่จะมองเขา พลันถามด้วยความสงสัย “ท่านอยากแต่งงานกับข้าจริง?”
จ้งซูหาวมองนางด้วยรอยยิ้ม “เรื่องใหญ่อย่างการแต่งงาน จะเป็นเท็จได้อย่างไร”
เยียนอวิ๋นเกอมองพินิจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “เพราะกองกำลังในมือของข้า หรือเพราะสาเหตุอื่น”
จ้งซูหาวทำหน้าจริงใจ “ทั้งคู่! หากจะพูดถึงเรื่องความสำคัญ ข้าให้ความสำคัญต่อตัวท่านมากกว่า!”
อ่อ!
เยียนอวิ๋นเกอพอจะเข้าใจ
เขาราวกับชื่นชอบนาง
นางสามารถจับได้จากดวงตาของอีกฝ่าย
กระอักกระอ่วนเสียจริง ทำอย่างไรดี
เดิมทีนางอยากจะเจรจาการค้า เสนอเงื่อนไขออกมาทีละข้อ ทำให้อีกฝ่ายถอยหนี
แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะชื่นชอบนาง เช่นนั้นบรรทัดฐานของอีกฝ่ายอาจต่ำกว่าที่นางคาดการณ์ หรืออาจจะต่ำกว่ามาก
เยียนอวิ๋นเกอกลุ้มใจเล็กน้อย นางมองอีกฝ่าย “ข้าพูดกับท่านตามตรง ข้าไม่เคยคิดออกเรือน ข้าไม่อยากแต่งงานกับผู้ใดทั้งสิ้น”
จ้งซูหาวหัวเราะออกมา เขาพูดอย่างจริงจัง “ไม่อยากออกเรือน หรือยังไม่พบคนที่เหมาะสม ท่านเริ่มไตร่ตรองข้าตั้งแต่วันนี้เสียดีกว่า ข้าไม่เลว มีชาติตระกูล พอมีทรัพย์สิน มีเงินเก็บเล็กน้อย ไม่มีงานอดิเรกที่ไม่มีประโยชน์ เป็นทั้งบุ๋นทั้งบู๊ ถือว่าครบทั้งสองอย่าง”
“ถึงแม้คนในตระกูลของข้าอาจยุ่งยากไปบ้าง แต่ข้ารับรอง หากพวกเราเป็นสามีภรรยากัน พวกเราจะย้ายออกจากจวนองค์หญิง อยู่ในจวนที่มีแต่พวกเรา หากคนในตระกูลของข้าทำให้ท่านลำบากใจ ข้าย่อมจะเข้าข้างท่าน ในเรือนเล็กของพวกเรา เรื่องใหญ่ข้าตัดสินใจ เรื่องเล็กท่านตัดสินใจ แต่ทั่วไปแล้วคงไม่มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ซึ่งหมายความว่าภายในจวน ท่านเป็นคนตัดสินใจ”
“หลังแต่งงาน ท่านสามารถดำเนินกิจการของท่านต่อไป หากท่านต้องการ ข้าสามารถแนะนำช่องทางของตระกูลจ้งให้แก่ท่าน หรือแม้กระทั่งมอบทรัพย์สินของข้าให้ท่านจัดการ องครักษ์ของตระกูลจ้งก็สามารถมอบให้ท่านดูแลได้ ส่วนองครักษ์ของท่านยังเป็นของท่าน คนตระกูลจ้งจะไม่แทรกแซงเด็ดขาด!”
เยียนอวิ๋นเกออ้าปากค้างด้วยความสับสนเล็กน้อย
มีการแต่งงานที่ดีเพียงนี้เชียวหรือ
นางลังเลเล็กน้อย พลันถาม “ข้ามีดีอย่างไร ทำให้ท่านให้คำมั่นสัญญาเช่นนี้ออกมา สิ่งที่เป็นของข้ายังเป็นของข้า สิ่งที่เป็นของท่านก็เป็นของข้า ท่านจะยอมรับได้จริงหรือ”
“คุณหนูสี่คิดว่าตัวเองไม่ดีหรือ” จ้งซูหาวถามด้วยรอยยิ้ม
“แต่ผู้คนต่างยึดมั่นเชื่อฟังบิดาเมื่ออยู่ในจวน เชื่อฟังสามีเมื่อออกเรือน ท่านสามารถยอมรับภรรยาที่แข็งแกร่งกว่าท่านได้หรือ”
“เหตุใดจึงยอมรับไม่ได้”
“เพราะท่านเป็นนายน้อยตระกูลชนชั้นสูง! ท่านได้รับการอบรมสั่งสอนที่ถูกต้องตามประเพณีตั้งแต่เด็ก สิ่งที่ให้ความสำคัญคือ จักรพรรดิ ขุนนาง บิดาและบุตร…”
“คุณหนูสี่เชื่อเรื่องนั้นหรือ”
จ้งซูหาวพูดขัดนาง “นับตั้งแต่ข้าสิบขวบ ข้าก็ไม่เชื่อเรื่องจักรพรรดิ ขุนนาง บิดาและบุตร ยึดมั่นในสามีเป็นใหญ่ก็เช่นเดียวกัน จากที่ข้าสามารถมองเห็นได้ ไม่มีสตรีนางใดเป็นผู้อ่อนแอ เถาฮองเฮาอ่อนแอหรือ ท่านแม่ข้าอ่อนแอหรือ พี่ใหญ่ของท่านอ่อนแอหรือ ท่านแม่ของท่านอ่อนแอหรือ สตรีที่ข้าพบเห็นล้วนแข็งแกร่ง อีกทั้งยังแข็งแกร่งกว่าบุรุษ อาทิตระกูลของพวกข้าที่มีท่านแม่ข้าเป็นใหญ่ ท่านพ่อข้าไม่สามารถแทรกแซงเรื่องน้อยใหญ่อันใดได้แม้แต่น้อย”
“ไม่เหมือนกัน! ท่านพ่อของท่านเป็นพระราชบุตรเขย…”
“ไม่ ท่านผิดแล้ว! ความจริงก็เหมือนกัน ไม่รู้ท่านเคยได้ยินเรื่องขององค์หญิงอันหยางหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอค้นหาความทรงจำ สักพักนางถึงนึกขึ้นได้
ได้ยินเพียงจ้งซูหาวพูดขึ้น “ก่อนองค์หญิงอันหยางออกเรือน นางได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้องค์ก่อนอย่างมาก เรียกได้ว่าความรักที่นางได้รับนั้นมากกว่าท่านแม่ของข้าอย่างมาก ท่านรู้หรือไม่ว่าหลังแต่งงาน นางมีชีวิตอย่างไร นางกลายเป็นผู้อ่อนแอที่ถูกชายหนุ่มเรียกใช้เยี่ยงทาส”
เยียนอวิ๋นเกอสงสัยอย่างมาก
จ้งซูหาวพูดต่อ “แม่สามีของนางตั้งกฎให้นาง นางไม่ได้คัดค้าน พระราชบุตรเขยของนางลงมือตบตีนางครั้งแรก นางไม่ได้ขัดขืน พระราชบุตรเขยของนางนอนกับนางในของนาง นางก็ยังคงไม่โต้ตอบ…สุดท้ายเป็นอย่างไร ท่านรู้หรือไม่
นางทำตัวเองจากองค์หญิงผู้สูงส่งที่ได้รับความรักอย่างเต็มเปี่ยมกลายเป็นสะใภ้ที่ต้องทนรับอารมณ์ อีกทั้งยังกินเวลากว่าห้าหกปี จนกระทั่งฮ่องเต้องค์ก่อนทรงพบความจริง ต้องการแก้แค้นให้นาง แต่นางกลับรั้งฮ่องเต้องค์ก่อนเอาไว้ เวลานี้แล้ว พระราชบุตรเขยของนางยังกล้าลงไม้ลงมือกับนาง แม่สามีของนางยังกล้าตั้งกฎต่อหน้านาง
สุดท้าย ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงประหารตระกูลของพระราชบุตรเขยด้วยความโกรธ ไม่รู้องค์หญิงอันหยางคิดอย่างไร ทูลขอออกบวชเป็นพระภิกษุณี ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงกริ้ว จึงยึดยศของนาง จากนั้นจึงทรงอนุญาตให้นางออกบวช แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ นางยังคงไม่เปลี่ยนใจ
อันหยางเป็นผู้อ่อนแอหรือ จากชาติกำเนิด นางแข็งแกร่งกว่าผู้ใด แต่นางกลับใช้ชีวิตราวกับคนอ่อนแอ เพราะว่าในกระดูกของนางคือคนอ่อนแอ คนอ่อนแอเช่นนี้อาจมีคนชอบ แต่ข้าไม่ชอบ ดังนั้นท่านไม่ต้องกังวลว่าข้าจะปากไม่ตรงกับใจ ทุกคำที่ข้าพูดต่อหน้าท่านล้วนเป็นความจริง”
ความจริงใจนี้สามารถสั่นคลอนหัวใจคนได้จริงๆ
เยียนอวิ๋นเกอพบว่านางต้องทำความรู้จักอีกฝ่ายใหม่
จ้งซูหาวมองนาง พูดด้วยความจริงใจ “คุณหนูสี่ไม่ต้องรีบตัดสินใจ ใช้เวลาไตร่ตรองให้มาก ถือว่าให้โอกาสข้า”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ “ข้ามองออกว่าท่านมีความมั่นใจ นอกจากนี้สิ่งที่ท่านพูดนั้นมีแรงโน้มน้าวใจคนอย่างมาก เพียงแต่…”
“ท่านไม่ต้องพูด ข้ารู้ ข้าไม่รีบ ค่อยเป็นค่อยไป”
จ้งซูหาวตื่นเต้นอย่างมากในเวลานี้
เขากลัวที่จะได้ยินคำปฏิเสธออกมาจากปากของเยียนอวิ๋นเกอ ดังนั้นเขาจึงพูดขัดนางด้วยความใจร้อน
เยียนอวิ๋นเกอมองเขา “ท่านมีความจริงใจอย่างมาก! เริ่มแรกตอนที่ตระกูลท่านมาสู่ขอ ข้าและท่านแม่ต่างประหลาดใจอย่างมาก พวกเราคาดการณ์ว่าพวกท่านต้องการกองกำลังในมือของข้า”
“ข้าไม่ปฏิเสธว่ามันเป็นเหตุผลหนึ่ง แต่ข้าให้ความสำคัญกับตัวท่านมากกว่า”
“ฟังจากที่ท่านพูด ท่านเป็นคนเสนอเรื่องสู่ขอ ไม่ใช่การตัดสินใจขององค์หญิงเฉิงหยาง”
จ้งซูหาวพยักหน้า “ท่านแม่ไม่เห็นด้วยที่ข้าจะแต่งงานกับคุณหนูสี่ นางบอกว่าในเมื่อองค์หญิงจู้หยางปฏิเสธการสู่ขอแล้ว ข้าก็ควรจะล้มเลิกเสีย แต่ข้าไม่เต็มใจ ข้าอยากพยายามด้วยตนเอง หากหลังจากที่ข้าพยายามแล้ว ท่านยังคงปฏิเสธที่จะแต่งงานกับข้า ข้าจะยอมรับ! นับจากนี้ต่อไป ข้าจะไม่รบกวนท่านอีก!”