อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต – ตอนที่ 5 เหตุผลที่อัศวินดำไม่ดูทีวีและการถามตอบ

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

ตอนที่ 5 เหตุผลที่อัศวินดำไม่ดูทีวีและการถามตอบ

 

 

มันเป็นความฝันที่ฉันฝันถึงบ่อยๆ

 

เช้าตรู่ของวันหนึ่ง ———เครื่องบินที่ฉันโดยสารไปเกิดตก

 

 

ฉันติดอยู่ในกองเศษซากที่แคบและมืดสนิท

 

กลิ่นเผาไหม้ลอยคลุ้งไปทั่วจนแสบจมูก

 

จะเหลือก็เพียงน้ำฝนที่หยดลงมาจากเบื้องบนให้พอประทังชีวิต

 

 

 

ปฏิบัติการกู้ภัยเริ่มต้นขึ้นเพื่อค้นหาเหลือผู้รอดชีวิต

 

 

มีสายตากำลังจับจ้องมาทางฉัน

 

มันคือสายตาจากสองร่างที่ไร้ซึ่งชีวิต

 

ทั้งที่เมื่อก่อนสายตาพวกนี้จะมองฉันด้วยความอ่อนโยนแต่บัดนี้มันมีเพียงแค่ความเจ็บปวดเท่านั้น

 

ทว่าฉันก็ไม่สามารถละสายตาตัวเองออกจากพวกเขาได้

 

ร่างของพวกเขาก็ติดอยู่ในเศษซากพวกนี้เช่นเดียวกับฉัน

 

 

 

มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โอกาสที่จะจบเจอผู้เหลือรอดน้อยลงไปทุกที

 

 

 

เจ็บปวด

 

พอเสียที

 

ฉันอยากจะหลุดพ้นจากนรกขุมนี้แล้ว

 

 

 3 วันหลังจากเกิดอุบัติเหตุ! เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือเด็ก 7 ขวบออกมาจากซากปรักหักพังได้สำเร็จ 

 

 

ฉันคือคนเดียวที่รอดชีวิต

 

ส่วนคนที่เหลือเสียชีวิตหมด

 

เด็กแห่งปาฏิหาริย์ เขาได้รับความช่วยเหลือให้หลุดพ้นจากความสิ้นหวัง!

 

 

 

「คัตสึมิคุง! เล่าเรื่องเหตุการณ์ตอนนั้นให้ฟังหน่อยสิ!!」

 

หยุดนะ

 

 

「ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นเหรอ?! นี่คัตสึมิคุง!!」

 

 

ปล่อยฉันไว้คนเดียวเถอะ

 

 

 

「อย่าเอาแต่เงียบแล้วพูดอะไรหน่อยสิ!!」

 

 

ฉันละเกลียดพวกโทรทัศน์

 

 

 

「ไม่ทราบว่ามีอะไรอยากจะบอกไปถึงเหล่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตไหมครับ?!」

 

 

ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับใครอีกแล้ว

 

 

「อย่าเอาแต่นิ่งเงียบสิครับ! พวกเรามีหน้าที่ต้องนำความจริงไปเปิดเผยนะครับ!!」

 

ทำไมถึงมีแค่ฉันที่ยังรอดล่ะ

 

「ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร….」

 

ทันทีที่ได้ยินเสียงของใครบางคนพูดขึ้น ร่างสีดำที่ยืนล้อมรอบฉันด้วยคำพูดที่เกินจะบรรยาก็พลันหายไปในพริบตา

 

ฉันสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดของใครบางคน

 

พอฉันได้สติแล้วลืมตาขึ้นก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นใบหน้าที่ชวนให้ขนลุกอยู่ตรงหน้าของฉัน―――

 

「เอ้า ตื่นแล้วเหรอ? เป็นอะไรหรือเปล่า? 」

 

「เรด……? 」

 

「อื้อ」

 

นี่ฉันเผลอหลับระหว่างนั่งอยู่บนเก้าอี้เหรอ

 

อย่าบอกนะว่าตอนที่ฉันเผลอหลับไปแล้วฝันร้ายยัยนี่เข้ามากอดฉันระหว่างนั้น

 

 

……。

 

พอเริ่มเข้าใจสถานการณ์อย่างถี่ถ้วนแล้ว ฉันก็ค่อยๆ ลุกขึ้นแล้ววิ่งตรงไปยังห้องน้ำก่อนจะปิดประตูทันที

 

 

 

「เอ้า เขินอยู่เหรอ? 」

 

 

พอฉันได้ยินน้ำเสียงสบายๆ ของเธอ ฉันก็ถึงกับคุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าของฉันแสดงถึงความเจ็บปวดที่เกินจะทนไหว―――

 

 

 

「อ้วกกกกกกก!? 」

 

「「「เอออออออ๋!? 」」」

 

 

ความรู้สึกแน่นอก มันล้นจนอาเจียนออกมา

 

ไม่นานนักฉันก็ออกจากห้องน้ำมาแล้วเปิดตู้เย็นดื่มน้ำเพื่อให้ชุ่มคอ ก่อนจะสังเกตเห็นว่าพวกเรดมองหน้าผมด้วยท่าทางแตกตื่น

 

…ฉันไปทำอะไรให้พวกเธอกันฟะ

 

ก็แค่คายของเก่าเอง

 

 

「เอ่อ โทษทีนะ ความรู้สึกจากภายในของฉันมันล้นออกมาแต่ไม่ได้เป็นเพราะเธอหรอก ไม่ต้องห่วง」

 

「ไม่ห่วงก็แย่แล้วย่ะ! แล้วอะไรกันความรู้สึกจากภายในนั่นน่ะ อย่าพูดให้มันเลวร้ายกว่าเดิมสิ ไม่รู้หรือไงว่าหัวใจอันบอบบางของฉันมันแหลกเป็นเสี่ยงๆ?! คนบ้าอะไรโดนอ้อมกอดจากสาวสวยแล้วลุกขึ้นไปอ้วก!!」

 

 

「พูดเองไม่รู้สึกแปลกๆ เลยหรือไงถามจริง? 」

 

 

ยัยนี่เกินเยียวยาแล้ว

 

คือถ้าเป็นพวกนักเรียนทั่วไป ยัยนี่ก็คงจะป๊อปน่าดูแหละ

 

แต่สำหรับฉันมันไม่ได้ผลหรอกนะเออ

 

 

 

「เอาเถอะ สิ่งที่เธอทำฉันก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรหรอก」

 

「อื้ม」

 

 

กลับกันเยลโล่กับบลูที่อยู่ภายในห้องเดียวกันกลับมองแรงซะงั้น

 

เรดที่เห็นก็ทำหน้ามุ่ยใส่และจ้องกลับไป

 

 

 

「อะไรของพวกเธอ พวกเราเป็นพวกพ้องกันไม่ใช่หรือไง? 」

 

 

「มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ บางทีฉันอาจจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของเธอเลยก็ได้」

 

 

「อย่าได้เหลิงเชียวเด้อ เรดคงบ่คิดแม่นบ่ว่าจะได้เป็นผู้นำทีมตลอดไป」

 

「มิตรภาพร้าวฉานเหรอ!? 」

 

 

ฉันพูดระหว่างมองดูเรดเศร้าใจที่ถูกบลูกับเยลโล่มองแรง

 

ในสถานการณ์แบบนี้จะให้มาบ่นเรื่องที่พวกเธอเข้ามาห้องฉันโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่ได้อีกวุ้ย

 

เอาเป็นว่าเปลี่ยนเรื่องละกัน สายตาของฉันสังเกตไปเห็นว่าพวกเธอกำลังทำอะไรบางอย่างน่าสงสัยกันอยู่บนโต๊ะในตอนแรก

 

 

「แล้วนี่พวกเธอทำอะไรกันอยู่? 」

 

「อ๊ะ แข่งตอบปัญหาน่ะ」

 

「นี่พวกหล่อนสติดีกันหรือเปล่า? 」

 

 

คนปกติที่ไหนเขามาเล่นเกมแข่งตอบปัญหากันในห้องขังฟะ?

 

แต่ถึงจะบอกว่าแข่งตอบปัญหาบนโต๊ะก็มีเพียงแค่คอมเครื่องเดียว

 

 

 

「แล้วพวกเธอเล่นกันอีท่าไหนล่ะ? 」

 

 

「ง่ายๆ ฉันสร้างโปรแกรมขึ้นมาแล้วก็ให้มันทำงานถามคำถาม」

 

「เก่งชะมัด……」

 

「ฉันเรียนเอกวิทยาศาสตร์นี่นา」

 

บลูตอบแบบหน้าตายออกมาแต่เหมือนเธอจะพอใจ

 

เอาละ แค่นี้ก็น่าจะกลบเรื่องก่อนหน้าได้แล้ว

 

ถึงจะไม่รู้ว่ามันเป็นปกติของคนเรียนเอกวิทหรือเปล่าก็เถอะ

 

 

 

「นี่คัตสึมิคุง อยากมาเล่นด้วยกันไหม? 」

 

 

「หา? ไม่เอาอ่ะ ใครมันจะอยากไปสุงสิงกับพวกเธอกัน」

 

 

จะไปเล่นอะไรไร้สาระกับพวกที่จ้องจะจับฉันลากเข้ากลุ่มจัสติสครูเซเดอร์เนี่ยนะ ให้ตายก็ไม่เอา

 

 

ต่อให้โลกถล่มฟ้าทลาย ฉันก็ไม่มีทางรวมกับพวกเธอเด็ดขาด

 

 

 

「หรือว่านายจะกลัวแพ้? 」

 

「หะ หา? นี่หล่อนว่ายังไงนะ」

 

 

「ว้าน่าเสียดาย…ที่แท้ก็กลัวแพ้ สู้ไม่มาแข่งด้วยคงจะแก้ตัวได้ง่ายกว่าสิเน้อ」

 

พอเจอน้ำเสียงยียวนกวนบาทาของเยลโล่เข้าไปมันก็ชักของขึ้น

 

อะไรนะฉันเนี่ยนะกลัวแพ้

 

กับอีแค่ตอบปัญหา

 

……。

 

 

「ก็สวยสิฟะ! เอาสิถ้าฉันแพ้ จะยอมฟังในสิ่งที่พวกเธอพูดเลยก็ได้เอ้าจัดมาดิ๊!!!」

 

「……เยี่ยม บันทึกเสียงไว้แล้ว」

 

 

「ถ้าพวกเราแพ้ ฉันจะสั่งอาหารมาให้นายกินเลย」

 

 

「พวกเธอเตรียมถังแตกได้เลย!」

 

ไม่เคยสั่งพวกอาหารเดลิเวอรี่มาก่อนด้วยสิ เดี๋ยวพ่อจะกินให้หนำใจเลย!!

 

 

 

「รอเดี๋ยว ฉันกำลังจะสร้างโจทย์ให้」

 

 

ไม่รู้ทำไมฉันถึงตกปากรับคำพวกเธอ แต่ท่าทางบลูจะต้องใช้เวลาสักพักในการสร้างโจทย์ขึ้นมา

 

ถ้าหากบลูคือGM ก็หมายความว่าคนที่ต้องตอบคำถามก็จะมี ฉัน เรด แล้วก็เยลโล่

 

ระหว่างที่รออยู่บนโต๊ะ 4 เหลี่ยมโดยมีพวกเรานั่งกันคนละฝั่งฉันก็เริ่มทำสงครามจิตวิทยากับ 2 สาว

 

 

「พวกเธอเตรียมเสียใจได้เลยที่ยอมรับการแข่งขันนี้! เพราะฉันคือคนที่เอาชนะสัตว์ประหลาดจ้าวปัญหาได้เลยนะขอบอก!! 」

 

 

「เอ๋ ไอ้ชื่อที่ดูกระจอกนั่นมันอะไรกัน? 」

 

 

 

มันคือสัตว์ประหลาดที่บิดเบือนความเป็นจริงได้ด้วยโจทย์ปัญหาที่มันสร้างขึ้นมา

 

หากว่าตอบคำถามของมันผิด อีกฝ่ายก็จะถูกบทลงโทษโจมตีแบบที่ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ ความสามารถของมันนับว่าน่ารำคาญเชี่ยๆ

 

 

 

「แล้วนายเอาชนะมันได้ยังไง? 」

 

 

「ก็หนีไปให้ไกลแล้วขว้างหินใส่มันแบบพลซุ่มยิง」

 

 

「เอ่อ แล้วไอ้วิธีการนั้นมันช่วยอะไรได้กับสถานการณ์นี้ยะ? 」

 

 

ตอนแรกฉันก็สู้กับมันแบบเผชิญหน้าถามตอบแหละ แต่ถึงฉันจะตอบถูกความเสียหายที่เกิดขึ้นกับมันก็ไม่มากนัก

 

ฉันก็เลยมองว่าแทนที่จะตอบคำถามไปเรื่อยๆ สู้หนีมันไปให้ไกลแล้วค่อยจัดการมันจากระยะที่พลังของมันไปไม่ถึงดีกว่า

 

 

 

「จะว่าไปก็น่าสงสัยนะ เมื่อก่อนนายเอาชนะโกสได้ยังไงเหรอ? 」

 

 

「โผล่หางออกมาแล้วสินะยัยพวกนี้ ที่แท้ก็เล่นอ่านแบบทดสอบซะหมดเปลือกเลยนี่หว่า」

 

 

มาตรการรักษาความลับของผู้ทำการทดสอบมันหายไปไหนหมดฟะ

 

 

 

「เอ๋ ก็ในนั้นมันเขียนเฉยๆ นี่ว่ามีเพียงชิราคาวะจังเท่านั้นที่สามารถดูได้ แต่ไม่ได้เขียนสักหน่อยว่าห้ามไม่ให้เธออ่านออกเสียงน่ะ」

 

 

「เดี๋ยวนะๆ บนโลกใบนี้มันก็มีของที่เรียกว่าการรักษาความลับของคนไข้อยู่นะเห้ย อย่ามาพูดเหมือนฉันโง่เองที่เผลอไปตกหลุมพรางสิ」

 

 

สามัญสำนึกยัยพวกนี้มันยังไงกันนะ

 

…ไม่สิมันแปลกๆ ตั้งแต่ที่ฉันจำเป็นต้องมาสอนเรื่องสามัญสำนึกให้ยัยพวกนี้ด้วยหรือไงกัน!!

 

 

 

 

「เอาเถอะน่าบอกหน่อยนะ เพราะคำตอบที่นายเขียนไปในนั้นทำให้พวกระดับสูงปวดหัวกันหมดด้วยสิ」

 

「……เห้อ ก็ได้ๆ หวังว่าคงจะไม่มีแบบทดสอบบ้าบออะไรทำนองนี้อีกนะ…」

 

ฉันถอนหายใจก่อนจะเล่าเรื่องของโกสให้พวกเธอฟัง

 

「โกสจะไม่ได้รับความเสียหายทางกายภาพ ในขณะเดียวกันมันก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายทางกายภาพให้กับอีกฝ่ายได้เหมือนกัน」

 

 

「แปลว่าสู้กับมันก็ง่ายนะ――」

 

「ทว่ามันสามารถโจมตีทางจิตใจเราได้แทน ทำนองหนังผีญี่ปุ่นนั่นแหละ」

 

 

พอได้ยินแบบนี้สีหน้าของเรดก็ซีดไปในทันที หล่อนเป็นเรดนะเห้ย

 

…ว่ากันตามตรงฉันรู้สึกแย่ทุกครั้งที่นึกถึงเจ้าตัวนี้

 

แต่ถ้าเล่าไม่หมดยัยพวกนี้ก็น่าจะจับได้อยู่ดี ดังนั้นก็เล่าๆ ไปให้สิ้นเรื่องละกัน

 

 

 

「มันจะมองเข้าไปข้างในจิตใจของอีกฝ่ายและกลายเป็นคนสำคัญของอีกฝ่ายที่จากไปแล้ว」

 

「……ความสามารถน่ารังเกียจจริงๆ 」

 

「นั่นแหละคือพลังของมัน」

 

จะบอกว่าเป็นเวทมนตร์ก็ได้มั้ง

 

มันจะทำการเลียนแบบลักษณะ ท่าทางของพวกเขา เพื่อสั่นคลอนจิตใจของคู่ต่อสู้ เพื่อโค่นอีกฝ่ายลงขณะอ่อนแอ

 

นั่นคือโกสที่ฉันเคยสู้ด้วย

 

 

「แต่มันไม่ได้ผลกับฉันหรอก」

 

「เอ๋? แต่ว่าหากเป็นกรณีของคัตสึมิคุงก็น่าจะ….」

 

「อ่า ครอบครัวฉันเอง」

 

อย่าทำหน้าแบบนั้นสิฟะ มันชวนอึดอัด

 

 

「ไม่เป็นไรหรอกน่า คำพูดของมันไม่ได้ผลกับฉันหรอก」

 

「งั้นเหรอ….」

 

 

แอบน่าขำจะตายตอนที่มันอยู่ในร่างโกส มันสามารถป้องกันการโจมตีที่รูปแบบได้ แต่พอกลายร่างเป็นมนุษย์ มันจะมีสถานะแพ้การโจมตีทางกายภาพทันที

 

สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วพวกเขาคนคิดหนักแน่ตอนได้เห็นคนที่จากไปกลับมา…

 

 

「พอมันกลายร่างเป็นคนที่ตายไปแล้ว มันก็จะมีกายหยาบ ฉันก็เลยเอาชนะมันได้ง่ายๆ ด้วยการกระทืบร่างกายหยาบมันนั่นแหละ」

 

 

「ฉันไม่ถูกกับโกสเลย ดีใจจังที่ไม่ต้องสู้……」

 

「นั่นสิๆ 」

 

 

…หึหึหึ คราวหน้าฉันจะเขียนหนังที่ชอบว่าเป็นแนวสยองขวัญละกัน

 

บางทีมันอาจจะช่วยไล่ยัยเรดกับเยลโล่ให้หนีเตลิดเลยก็ได้

 

 

 

「แล้วเจ้าตัวหัวเราะนั่นล่ะ? ได้ยินว่าเป็นตัวน่ารำคาญสุดๆ 」

 

 

「นั่นสิ ฉันจะฉันเคยอ่านเอกสาร เหมือนมันจะทำให้คนภายในเมืองเริ่มหัวเราะกันอย่างไม่มีเหตุผล จนทำให้เกิดอุบัติเหตุณ์บนท้องถนนไปทั่ว ตอนนั้นเสียหายกันหนักเลยนี่เน้อ」

 

 

「พลังของมันก็ง่ายๆ เลยคือ ใครที่ถูกมันสัมผัสจะถูกบังคับให้นึกถึงเรื่องที่ขำที่สุดในชีวิตและหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข」

 

「หืม ความสามารถก็ดูเหมือนจะน่ารักนะ」

 

「ถ้ามันจบแค่นั้นก็ไม่ลำบากอะไรหรอก แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ผู้ที่ถูกมันสัมผัสจะแพร่เชื้อต่อได้ด้วยการสัมผัสน่ะสิ」

 

 

คนที่นึกถึงความร้ายกาจของมันได้คนแรกคือบลู

 

เธอเงยหน้าขึ้นจากคอมด้วยความหวาดหวั่น

 

 

「หมายความว่า…แค่ไปเดินชนคนติดเชื้อบนถนนก็จะหัวเราะ สินะ? 」

 

「ตามนั้นเลย ความเสียหายมันก็เลยกระจายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว」

 

ภาพที่นึกขึ้นมาในหัวฉันก็คือตัวตลกที่ยิ้มร่าเดินไปแตะไหล่คนนั้นคนนี้อย่างรวดเร็วจนน่าขนลุก ท่าทางก็ชวนแหยงจนนึกว่ามาจากหนังเกรดบี

 

 

「แถมผลของพลังจะคงอยู่ตลอดไปจนกว่ามันจะตาย ไม่ว่าจะพยายามทำอะไร คนที่โดนพลังนี้เข้าไปก็จะหยุดหัวเราะไม่ได้」

 

「นั่น….น่ากลัว」

 

「ถ้าไม่ใช่แบบนั้น จะถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาดได้เร้อ」

 

 

หากแค่หัวเราะสนุกๆ มันก็ไม่มีอะไรหรอก แต่คนที่ได้รับผลกระทบจากมันจะหัวเราะและถูกบังคับให้มีความสุข จนไม่สามารถส่งเสียงอะไรออกมาได้อีก

 

 

 

จะว่าไปทำไมไอ้เจ้าตัวรับมือยากมันถึงโผล่มาให้ฉันเห็นตลอดเลยฟะ

 

สัตว์ประหลาดจ้าวปัญหาอาจจะเพราะฉันโผล่ไปในรัศมีพลังของมัน แต่ไอ้ตัวขำหรือโกสเนี่ย มันเล็งเป้ามาที่ฉันแบบชัดเจนทันทีที่เจอเลยนะเห้ย

 

 

 

「แล้วนายเอาชนะมันได้ยังไงกัน? 」

 

「……ก็กระทืบมันก่อนที่จะได้สัมผัสฉันน่ะสิ พลังการต่อสู้ของมันกระจอกจะตาย ถึงเป็นพวกเธอก็รับมือได้สบาย」

 

 

 

 

ถึงแม้ความจริงฉันจะถูกมันสัมผัสไปนิดหน่อยก็เถอะ แต่ฉันดันไม่ขำออกมาเลย

สักนิด เอาเป็นว่าก็รับมือยากจนน่ารำคาญแหละ

 

ทว่าทั้งหมดทั้งมวลเจ้าทากไฟฟ้านี่แหละที่ลำบากสุด

 

 

 

「เสร็จแล้ว」

 

ดูเหมือนว่าบลูจะทำโจทย์เสร็จระหว่างที่พวกเราคุยกันเรื่องสัตว์ประหลาด

 

 

บลูกำลังจ้องจอเพื่อควบคุมโปรแกรม ส่วนเรดกับเยลโล่ก็จ้องมาทางฉัน

 

 

「กฎง่ายๆ หากรู้คำตอบ ก็ตะโกนออกมาดังๆ 」

 

 

 

「ได้เลย」

 

「แล้วก็ตอบให้มันชัดเจนด้วย」

 

「ทำไมล่ะ……? 」

 

「เดี๋ยวมันจะไม่ให้ผ่าน」

 

เอ๋ อย่าบอกนะว่าที่หล่อนเป็นคนคุมก็เพื่อพิมพ์คำตอบลงไปแล้วให้คอมมันตรวจสอบว่าถูกหรือผิดอีกทีน่ะ?

 

จากนั้นการแข่งขันก็เริ่มต้นขึ้นขณะที่ฉันยันสงสัยในเรื่องนี้

 

 

「การแข่งขันตอบปัญหาที่น่าตื่นตาตื่นใจแห่งกลุ่มจัสติสครูเซเดอร์จะเริ่มขึ้นแล้วจ้า」

 

 

 

「ทำไฟล์เสียงซะอลังเชียวนะ……」

 

「เอไอมี 2 ตัวน่ะ คิริตันกับยูคาริ」

 

「ใครล่ะนั่น……? 」

 

「ถามจริงไม่รู้เหรอคัตสึมิคุง?!」

 

ก็คนมันไม่รู้จริงๆ นี่หว่าจะแปลกอะไรกันนักหนา

 

ฉันสิต้องแปลกใจกว่าว่าคอมตอนนี้มันพูดได้

 

เพราะมันไม่ใช่ของที่ฉันเคยมีมาก่อน พอมาได้เห็นอะไรแบบนี้ก็ทำให้รู้ว่าฉันมันหลังเขาแค่ไหน

 

 

「ทำแบบนี้ได้ด้วย」

 

 

「ท่านอาโออิสู้ๆ ท่านอาโออิคือผู้นำที่แท้จริงของจัสติสครูเซเดอร์」

 

「เดี๋ยวนะ? ที่เธอคิดจะเลื่อยขาเก้าอี้กันสินะ?!」

 

บลูเมินเสียงบ่นของเรดไปเฉยๆ

 

จากนั้นเสียงจากคอมก็ดังขึ้นต่อ

 

 

「เราจะทำการยืนยันเงื่อนไขชัยชนะในครั้งนี้ หากท่านอากาเนะและท่านคิคาระเป็นฝ่ายชนะ ทั้งสองจะได้รับสิทธิ์ในการสั่งให้ท่านคัตสึมิทำอะไรก็ได้ หากท่านคัตสึมิชนะ ฝ่ายที่แพ้จะได้รับสิทธิ์ในการดูแล ทำอาหารให้กับเขาในทันที

หากรู้คำตอบของคำถามกรุณาพูดให้ท่านอาโออิรับฟังทันทีและท่านจะได้รับ 1 คะแนนสำหรับคำตอบที่ถูกต้อง」

 

 

ไม่มีใครส่งเสียงค้าน

 

แม้ว่าฉันจะรู้สึกแปลกๆ ว่าทำไมเงื่อนไขการดูแลทำอาหารให้กับฉันอยู่ดีๆ ก็เพิ่มเข้ามา แต่เอาไว้ก่อนละกัน

 

 

「เอาละ มาเริ่มที่คำถามแรกกันเลยดีกว่า」

 

「เอาละ มาลุยกันเลย」

 

「จัดมาดิ๊」

 

 

นี่ถือเป็นการต่อสู้กับพวกจัสติสครูเซเดอร์ด้วย

 

ดังนั้นฉันจะแสดงให้เห็นเองว่าใครอยู่เหนือกว่า!!

 

 

「เรดหัวหน้ากลุ่มจัสติสครูเซเดอร์ มีนามสกุลว่าอาราซากะ คำถาม จงบอกชื่อต้นของเธอมาว่าชื่ออะไร? 」

……。

 

……、……。

 

 

「เอ่อ เดี๋ยวนะขอเวลานอก」

 

 

อยู่ดีๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนเวลามันหยุดไปครู่หนึ่ง แต่อะไรฟะ? ทำไมถึงมีคำถามที่คำตอบมันชัดเสียยิ่งกว่ากล้องดูดาวโผล่มาล่ะเห้ย

 

พอฉันมองไปยังเรดที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันก็เริ่มเห็นสิ่งผิดปกติ เธอเริ่มเอามือกุมหัวตัวเองก่อนจะแสดงสีหน้าที่เจ็บปวดออกมา

 

 

 

「อึก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน..?! ชื่อจริงของเรด….!? เธอเป็นใครกันนะ? 」

 

 

「ก็ชื่อของหล่อนไง ทำไมแกล้งเอ๋อเอาตอนนี้ล่ะ?! กะจะมาเล่นตลกคาเฟ่หรือไงฟะ!!」

 

มุกความจำเสื่อมกะทันหันก็มาวุ้ย

 

เห็นได้ชัดว่าเรดตั้งใจแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา ก่อนที่เธอจะจ้องมายังฉัน

 

 

「ร-หรือว่า?! คัตสึมิคุง หากเป็นนายคงจะรู้คำตอบสินะ?! ตอบมาสิ ช่วยบอกชื่อนั้นให้ฉันได้รู้ที!」

 

 

「แม่นแล้ว เพราะเป็นถึงชายผู้ปราบสัตว์ประหลาดจ้าวปัญหาได้นี่นา ยังไงก็คงตอบได้」

 

 

 

「หากเป็นอัศวินดำย่อมไม่มีทางตอบผิด ตอบมาสิ」

 

 

เยลโล่กับบลูก็เริ่มตามน้ำเรดทันที

 

พอมาถึงตรงนี้ฉันก็รู้แล้วว่าตัวเองถูกรุม

 

 

 

 

「เดี๋ยวสิเห้ย ยัยพวกนี้ ไม่อยากจะเชื่อคิดจะทำอะไรของพะ――」

 

 

「ลืมบอกไป คำถามมีด้วยกัน 3 ข้อ นายน่าจะตอบถูกหมด」

 

 

สามข้อ?

 

หากคิดแบบที่คนสติดีเขาจะคิดกันได้ก็แปลว่าฉันต้องเรียกชื่อจริงพวกเธอครบ 3 คนแน่ๆ ใช่ไหม?

 

 

 

「ไอ้แบบนี้ใครจะไปยอมตามน้ำด้วยฟะ ฉันขอถอนตัว!!」

 

「ใครจะยอม」

 

เรดและเยลโล่ที่นั่งข้างๆ ฉันได้ใช้มือของพวกเธอจับไหล่ฉันเอาไว้ไม่ให้ฉันลุกจากเก้าอี้

 

มันทำให้ฉันไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ แรงควายชะมัดยัยพวกนี้

 

 

 

 

「ถ้านายหนีก็เท่ากับยอมแพ้และต้องฟังในสิ่งที่พวกฉันพูดนะ」

 

 

 

「บ่ยากจะเชื่อ นี่นายจะหนีการแข่งขันที่ดุเดือดขนาดนี้ได้ลงเหรอ」

 

 

 

「หากยอมแพ้ เท่ากับเสียสิทธิ์ทันที」

 

 

ยัยพวกนี้มันอะไรกัน?

 

น่ากลัวยิ่งกว่าพวกวายร้ายอีกไม่ใช่เหรอฟะ?

 

 

「แล้วทำไมฉันจะต้องยอมทำตามที่พวกเธอพูดกันล่ะ หลักฐานก็ไม่เห็นจะมีสักหน่อยปัดโถ่!!」

 

แค่นี้ฉันก็สามารถหลบหนีได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร

 

 

ไม่มีทางที่กล้องจะจับเสียงของฉันได้หรอก เอาสิไม่ว่าจะมาไม้ไหนฉันก็จะโวยวายจนพวกเธอยอม―――

 

 

 

「ก็สวยสิฟะ! เอาสิถ้าฉันแพ้ จะยอมฟังในสิ่งที่พวกเธอพูดเลยก็ได้เอ้าจัดมาดิ๊!!!」

 

 

เสียงที่ช่างดูคล้ายกับเสียงของฉันได้โผล่ออกมาจากคอมของบลู

 

มันคือคำพูดที่ฉันเผลอพ่นออกมาหลังโดนยัยเยลโล่ยั่วโมโห

 

 

 

「นี่พวกเธอเป็นฮีโร่กันแน่เหรอ?!」

 

 

เมื่อก่อนก็รับมือกับยัยสามหน่อนี่ลำบากแล้วนะ

 

แต่ตอนนี้มันนรกยิ่งกว่าเก่าอีก….

 

 

 

「……เดี๋ยวนะ!? 」

 

พอมาใช้สมองคิดดูดีๆ จะแพ้หรือชนะยัยพวกนี้ก็มีแต่ได้นี่หว่า?!

 

จัสติสครูเซเดอร์มีเงินเดือนค่อนข้างสูง

 

ถึงฉันจะทำงานแทบตายก็ไม่มั่นใจว่าจะเทียบพวกเธอได้

 

ดังนั้นกะอีแค่สั่งอาหารเดริเวอรี่ขนหน้าแข้งพวกเธอไม่ร่วงอยู่แล้ว

 

กลับกันทางฉันล่ะ

 

ถ้าจะชนะ ก็ต้องเรียกชื่อจริงของยัยพวกนี้

 

แต่ถ้าแพ้ก็คงไม่พ้นโดนสั่งให้มารวมทีมกับจัสติสครูเซเดอร์

 

จะทางไหนมันก็ขุมนรกนี่เห้ย

 

 

ให้ตายสิ―――

 

 

 

「คำตอบคือ….อากาเนะ!」

 

 

 

ดังนั้นฉันก็ต้องเลือกทางที่เจ็บน้อยที่สุด

 

พอตะโกนออกมาดังๆ ก็ทำให้รู้สึกเหมือนมีบางอย่างในร่างของฉันมันพังทลายลง

 

ให้ตายสิ ไม่รู้หรือไงว่าคนเค้าพยายามแทบตายที่จะไม่เรียกชื่อจริงพวกเธอ ไม่ชินปากเลยวุ้ย แถมไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเธอจะมาไม้นี้ขี้ขลาดชะมัด!!

 

 

 

「ปิ้งป่องๆ เก่งมากจ้า♪」

 

 

ฉันละอยากจะทุบคอมให้มันพังจนไม่เหลือซากชะมัด

 

แต่ดูจากความสามารถมันแล้วคงจะแพงหูฉีก ฉันจึงยั้งมือเอาไว้

 

เรดที่ยืนอยู่ข้างๆ พอได้ยินฉันพูดชื่อของเธอ เธอก็ถึงกับนิ่งไปพักหนึ่งก่อนที่แก้วของเธอจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง

 

 

 

「อ-อึก คือว่า….เฮ้อ แบบหงุดหงิดนิดหน่อยที่นายมาเรียกชื่อฉันแบบนั้นนะ! ไม่ไหวๆ เรียกเรดแบบเดิมเถอะ มันน่ารู้น่าอายแปลกๆ น่ะ」

 

「เดี๋ยวพ่อก็ฆ่าทิ้งซะหรอก ยัยนี่!」

 

 

คิดจะมาแกล้งกันเล่นหรือไงฟะ?!

 

 

เรดเอามือสัมผัสกับแก้มที่แดงฉ่ำของเธอ ในขณะที่ทางฉันเองก็รู้สึกหัวร้อนจนอยากจะระบายความโกรธออกมา เยลโล่ก็วางมือเอาไว้บนไหล่ของฉันจากอีกฟากหนึ่ง

 

 

 

「หือ」

 

「มาเริ่มคำถามข้อถัดไปกันเตอะ」

 

「คำถามข้อที่สอง」

 

 

การแข่งขันยังไม่จบ

 

หลังจากนั้นพอฉันมองไปยังจอคอมที่เหลือคำถามอีกสองข้อก็รู้ได้เลยว่าความสิ้นหวังกำลังรอฉันอยู่

 

สารานุกรมวายร้ายท้ายตอน

ชื่ออย่างเป็นทางการ『ฮาเทน่าสัตว์ประหลาดจ้าวแห่งปัญหา』 เป็นสัตว์ประหลาดที่มีพลังในการต่อสู้ต่ำ แต่ความสามารถของมันคือการบังคับให้ผู้คนรอบตัวภายในรัศมี 500 เมตรแปรเปลี่ยนเป็นผู้ถามตอบกับมัน โดยมันจะบังคับให้พวกเขาตอบคำถามที่ตนตั้งขึ้นมา หากคุณตอบคำถามถูกจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับร่างของมันได้ แต่หากตอบผิดคุณจะได้รับความเสียหายแทน ทว่าก็ไม่ถึงตายเพราะความเสียหายที่มันทำให้จะกระจายไปยังผู้ที่อยู่ในรัศมีทุกคนแทน

 

ชื่ออย่างเป็นทางการ 『ผู้คุมผนึกวิญญาณ』เป็นสัตว์ประหลาดรูปร่างโกสที่มนุษย์ไม่สามารถโจมตีใส่มันได้ โดยเป้าหมายของพวกมันส่วนใหญ์นั้นจะเป็นผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอ มันจะทำการอ่านความทรงจำของเป้าหมายเพื่อแปลงร่างกลายเป็นคนที่จากไปแล้วของเป้าหมาย เพื่อกลืนกินวิญญาณของเป้าหมายในจังหวะที่อ่อนแอถึงขีดสุด อีกทั้งแม้ว่ามันจะสร้างกายหยาบขึ้นมาจากการแปลงร่าง การโจมตีปกติก็ยังไม่สามารถทำอะไรมันได้อยู่ดี หนทางเดียวที่จะสามารถต่อต้านมันได้ก็คือระหว่างที่มันกำลังอ่านความทรงจำอยู่นั้นหากภายในจิตใจของเรามีพลังพอจะแทรงแซงตัวตนของมันที่รุกล้ำเข้ามา ก็จะสามารถกำจัดมันออกไปได้

※แม้แต่อัศวินดำที่เป็นผู้พิชิตมันก็ยังไม่เคยค้นพบความจริงนี้

 

ชื่ออย่างเป็นทางการ『มารยิ้มลวงจิต』ความสามารถของมันคือการทำให้อารมณ์แห่งความสุขกลืนกินเป้าหมายที่สัมผัส และยังสามารถแพร่กระจายพลังต่อไปได้ผ่านผู้ที่เคยถูกสัมผัสมาก่อน ตราบใดที่มันยังมีชีวิตอยู่ ความทรงจำอันแสนสนุกสนานจนน่าหัวเราะจะผุดขึ้นมาไม่หยุดและปิดกั้นอารมณ์อื่นทั้งหมดของเป้าหมาย ถือว่าเป็นศัตรูที่อันตรายมากถึงที่สุด หากปล่อยมันทิ้งไว้ โลกทั้งใบคงจะถูกปกคลุมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขที่บ้าคลั่ง

 

—————-

 Note 1 : ไอ้ตัวขายขำนี่เอาจริงๆพลังน่ากลัวจัดเลยนะ ส่วนโกสคิดว่าพระเอกน่าจะจิตใจบิดเบี้ยวจนน่าขนลุกพอโกสเข้าไปเลยโดนกระทืบแทน

 Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

Status: Ongoing
คัตสึมิ โฮมุระ วายร้ายที่รู้จักกันในนาม อัศวินดำ ชายผู้คิดว่าตัวเองคือวายร้ายแสนโฉดชั่ว เมื่อพ่ายแพ้ให้กับฝั่งฮีโร่เขาก็ถูกจับตัวไป ทว่าสิ่งที่รอเขาอยู่กลับไม่ใช่คุกหรือพวกตำรวจ แต่กลับเป็นขุมนรกที่ตัวเขาเกินจะคาดฝันแทนซะอย่างงั้น โลกที่ขบวนการเซ็นไตมีอยู่จริง เรื่องราวของอัศวินดำจอมวายร้ายที่มีสามัญสำนึกผิดแปกและถูกคนธรรมดาเข้าใจผิดมาโดยเสมอ บัดนี้เขากำลังจะถูกลากเข้าขบวนการเซ็นไตเสียแล้ว ※ผลงานชิ้นนี้กาวล้วนๆไม่มีเกลือผสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท