หนานกงเยี่ยหัวเราะในลำคอ ”นี่คือตอนจบที่คุณต้องการใช่ไหม” ภายในใจของเขามีลำแสงที่มืดมิดตัดผ่าน ความเจ็บปวดค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
ภายในใจของหนานกงเยี่ย เต็มไปด้วยความเจ็บปวด สิ่งที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุดในชีวิตคือคำบอกลาจากเหลิ่งรั่วปิง ทุกครั้งที่เธอไปจากเขามันทำให้เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในขุมนรก ความรู้สึกนั้นฝังลึกอยู่ก้นบึ้งของหัวใจ ไม่อาจลบเลือนได้
เขารู้ ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเธอท้อง เหลิ่งรั่วปิงไม่มีวันกลับมาหาเขา เด็กในท้องทำให้เธอลืมความแค้น ดังนั้นไม่ว่าเธอจะรักเขาแค่ไหน แต่ไม่มีวันที่จะหนักแน่นในความรักเท่ากับเขา ขอเพียงแค่เขาไม่ได้สมบูรณ์แบบตามที่เธอต้องการ เหลิ่งรั่วปิงจะไปจากเขาได้ตลอดเวลา
วันนี้เธอไปเจอกับใคร เขาไม่รู้ แต่สิ่งเดียวที่เขารู้คือต้องเกี่ยวกับซือคงอวี้อย่างแน่นอน สิ่งนี้ทำให้เขาอิจฉา ความหึงหวงที่เขาอดกลั้นเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้ ปะทุออกมา
เหลิ่งรั่วปิงยังคงยิ้ม เพียงแต่แววตาของเธอกลับเย็นยะเยือก ”คุณหนานกงเยี่ย นี่ก็เป็นตอนจบที่คุณต้องการเหมือนกันหรือเปล่าคะ” เธอหัวเราะ ”ถ้าเพราะเห็นแก่ลูกในท้องของฉันแล้วพูดไม่ออก ไม่จำเป็นหรอกนะคะ อันที่จริงเด็กสองคนนี้ไม่ต้องนามสกุลหนานกงก็ได้ เพราะถึงยังไงการที่พวกเขาต้องใช้นามสกุลนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉันยินดีเท่าไหร่”
เธอไม่ยินดีที่จะให้ลูกนามสกุลหนานกง!
หนานกงเยี่ยเจ็บปวดมาก เหลิ่งรั่วปิงไม่เคยคิดจะมีลูกกับเขา เพราะเมื่อก่อนเธอไม่ได้รักเขา และในตอนหลังเป็นเพราะความแค้น ถ้าไม่ใช่เพราะเขาวางแผนทำแบบนั้น ตอนนี้เธอไม่มีวันท้องกับเขาอย่างแน่นอน เพราะไม่มีทางเลือกเธอก็เลยกลับมาอยู่เคียงข้างเขา ในที่สุดเธอก็พูดความจริงออกมาสักที
หนานกงเยี่ยกำหมัดแน่น หัวใจของเขาเหมือนถูกเส้นเหล็ดบีบรัด ”คุณเสียใจมากใช่ไหมที่กลับมาหาผม” ริมฝีปากของเขามีรอยยิ้มจางๆ เช่นเดียวกัน เพียงแต่นัยน์ตาคู่นั้นกลับเยือกเย็น ”คุณกำลังคิดถึงใคร ไซ่ตี้จวิ้นหรือว่าซือคงอวี้”
หนานกงเยี่ยดื้อด้านมาก ทว่าเหลิ่งรั่วปิงดื้อด้านยิ่งกว่า รอยยิ้มของเธอเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ”บังเอิญจังนะคะ ฉันคิดถึงพวกเขาทั้งสองคน ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะต้องกลับมาออกแบบแลนด์มาร์คเมืองหลง ตอนนี้ฉันคงเป็นคุณผู้หญิงไซ่ไปแล้ว เป็นฉู่หนิงซยาต่อไปได้ ทำความฝันของฉันให้สำเร็จ ได้รับความรักเพียงคนเดียว และถ้าตอนนั้นฉันไม่ออกมาจากซีหลิง ตอนนี้ฉันก็จะเป็นคุณผู้หญิงของเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อ สามีของฉันไม่มีวันมีข่าวฉาวกับผู้หญิงคนอื่น ทั้งยังไม่มีวันได้คืบเอาศอกพาเธอมาไว้ที่บ้าน”
ความเย็นชาในแววตาของเหลิ่งรั่วปิงก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนรู้สึกเหมือนน้ำแข็ง ”ไม่ว่าฉันจะเลือกพวกเขาคนใดคนหนึ่ง ชีวิตของฉันก็คงไม่เป็นแบบนี้ คุณหนานกงเยี่ย การเลือกคุณคือความผิดครั้งใหญ่ในชีวิตของฉัน ฉันอยากจะให้เด็กในท้องทั้งสองคนนี้ไม่ใช่ลูกของคุณเหลือเกิน”
พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงยกมือขวาขึ้นมา มีดบินเล่มบางในมือบินออกไป
เพล้ง!
กรอบรูปแต่งงานหล่นลง ตามด้วยเสียงกระจกแตกที่แสนจะแสบแก้วหู รูปถ่ายคู่ที่งดงามราวกับเจ้าชายและเจ้าหญิงอยู่ภายใต้เศษกระจก เหมือนหัวใจที่แตกสลาย
สิ่งที่ตามมาหลังจากเสียงกรอบรูปตกแตก คือหัวใจที่แหลกสลายราวกับถูกดาบฟันเป็นสองซีก เขาหันไปมองกรอบรูป น้ำตาคลอเบ้า เหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงไม่มีหัวใจ เรื่องนี้เขารู้มาโดยตลอด ตอนที่เขาอ้อนวอนให้เธอกลับมา เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าเธอจะรักหรือไม่รักเขา เขาล้วนไม่ถือสา แต่ตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่
หลังจากท้อง เหลิ่งรั่วปิงกลายเป็นคนอ่อนโยน เธอกลายเป็นผู้หญิงอ่อนหวาน เอาใจใส่ น้อยครั้งที่จะดื้อกับเขา และน้อยครั้งที่จะโมโห แต่เมื่อกี้ เขากระตุ้นความดื้อและแข็งกระด้างของเธอออกมาอีกครั้ง
ถูก เหลิ่งรั่วปิงเคยพูดเอาไว้แล้ว เธอยอมที่จะเป็นหยกที่แตกสลายดีกว่าเป็นกระเบื้องที่ไร้ค่า สิ่งที่เธอทำในตอนนี้คือหยกที่กำลังจะแตกสลาย
หนานกงเยี่ยรู้สึกเสียใจและหวาดกลัวมาก เขาไม่อยากบีบให้เธอต้องเป็นแบบนั้น หรือว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเขาจริงๆ
เขาหันไปมองใบหน้าเย็นชาและนิ่งสงบของเหลิ่งรั่วปิง แววตาของเขาฉายแสงแวววับ อยากจะเข้าไปกอดเธอ ปลอบประโลมเธอ แต่เธอกลับเบือนหน้านี้ด้วยความนิ่งเฉย ”คุณหนานกงเยี่ย งานแต่งของเราไม่จำเป็นต้องจัดแล้วค่ะ”
พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงเดินขึ้นไปชั้นบน แผ่นหลังของเธอเหมือนเงาในค่ำคืนที่มืดมิด ไร้ซึ่งสีสัน มีเพียงความมืดและเย็นชา
หนานกงเยี่ยรู้สึกกลัวมาก เขารู้สึกเหมือนเห็นเหลิ่งรั่วปิงคนเดิมตอนที่รู้จักกันวันแรก ผู้หญิงที่เย็นชาและสง่างาม ”ที่รัก”
หนานกงเยี่ยกำลังจะเดินตามเหลิ่งรั่วปิงไป เฉินลู่เหยาคว้าแขนของเขาเอาไว้ ”คุณหนานกงเยี่ย ฉันไม่ดีเองค่ะ ฉันไม่ควรมาที่นี่ ฉันทำให้คุณเหลิ่งรั่วปิงโมโห ฉันสมควรตาย”
ดวงตากลมโตของเฉินลู่เหยา หยดน้ำใสเอ่อล้น สีหน้าของเธอ เหมือนเด็กน้อยที่ทำความผิดแล้วไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง
หนานกงเยี่ยถอนหายใจเบาๆ ”ผมจะให้ก่วนอวี้หาที่อยู่ให้คุณ”
พูดจบ หนานกงเยี่ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาก่วนอวี้ เขาอยากจะปกป้องเฉินลู่เหยา แต่เหลิ่งรั่วปิงโกรธมากแล้ว เขาจำเป็นต้องถอยมาหนึ่งก้าว ยอมอ่อนข้อให้เหลิ่งรั่วปิง การยอมถอยเพื่อเธอ คือสิ่งที่เขาทำจนเคยชินไปแล้ว
เมื่อรับสาย หนานกงเยี่ยออกคำสั่งทันที ”ไม่ว่ายังไงวันนี้ก็ต้องหาบ้านให้เฉินลู่เหยา ให้เธอย้ายไปอยู่ที่นั่นก่อนฟ้ามืด ทั้งยังต้องเก็บไว้เป็นความลับและรักษาความปลอดภัยให้ดี”
“ครับ” ก่วนอวี้ตอบรับโดยไม่ลังเล นี่คือสิ่งที่เขาอยากจะเห็นที่สุด
“ขอบคุณมากนะคะ คุณหนานกง” เฉินลู่เหยายิ้ม แต่ข้างในใจของเธอราวกับถูกมีดทิ่มแทง เจ็บปวดจนยากจะทน
เธอไม่เคยเห็นหนานกงเยี่ยเป็นแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน เหลิ่งรั่วปิงแค่โมโห แล้วพูดไม่กี่คำ ก็ทำให้เขายอมแพ้ได้แล้ว
ความรักที่เขามีต่อเหลิ่งรั่วปิง เหมือนเมฆหมอก คล้ายกับน้ำที่รินไหล เป็นเรื่องธรรมดาราวกับการกินข้าว ทุกเวลาทุกวินาที พิถีพิถัน เหมือนความเคยชินตามสัญชาตญาณ เธอยังปฏิเสธได้ไหมว่าที่เขารักเหลิ่งรั่วปิงมาก ไม่ได้เป็นเพราะเด็กในท้อง?
แต่ว่า ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เฉินลู่เหยาไม่คิดจะยอมแพ้ เธอเฉินลู่เหยาอยู่ในวงการบันเทิงมานาน ไม่ใช่คนที่ยอมแพ้ง่ายๆ
“อืม” หนานกงเยี่ยพยักหน้า หลบสายตาของเฉินลู่เหยา ”คราวหน้ามีเรื่องอะไร คุณติดต่อก่วนอวี้ได้เลย ผมจะให้เขาดูแลคุณเอง”
เพื่อเห็นแก่ความรู้สึกของเหลิ่งรั่วปิง ตอนนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไปเจอกับเฉินลู่เหยาอีก
มือเรียวยาวของเฉินลู่เหยากำหมัดแน่น สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย เธอคิดว่าการที่ตนเองเข้ามาอยู่ในวิลล่าหย่าเก๋อได้ ก็จะค่อยๆ ครอบครองที่นี่ แต่ตอนนี้เธอแค่การเจอหน้าหนานกงเยี่ยยังเป็นเรื่องยาก หงุดหงิดจริงๆ!
เฉินลู่เหยาที่กำลังคิดว่าจะพูดอะไรดีนั้น หางตาของเธอเหลือบไปเห็นเหลิ่งรั่วปิงที่ยืนอยู่ตรงบันไดพอดี ด้วยเหตุนี้เธอจึงเข้าไปโอบกอดหนานกงเยี่ย ”คุณหนานกงเยี่ย ฉัน…”
หนานกงเยี่ยไม่ทันได้ตั้งตัว ถูกเฉินลู่เหยาสวมกอด เขารู้ทันทีว่าเหลิ่งรั่วปิงเห็น จึงรีบผลักเฉินลู่เหยาทิ้ง หันไปมองทางบันได เห็นเหลิ่งรั่วปิงค่อยๆ เดินมาทีละก้าว ราวกับนางฟ้าที่เดินอยู่บนปุยเมฆ เธอสง่างาม นิ่งเฉย ริมฝีปากมีรอยยิ้มเย้ยหยัน สีหน้าของเธอทำให้เขาแทบบ้า
หนานกงเยี่ยจับจ้องไปที่เหลิ่งรั่วปิง จนกระทั่งเธอหยุดลงตรงหน้าเขา เขาอยากจะอธิบาย แต่กลับไม่รู้จะพูดอย่างไร เขาเป็นคนอธิบายไม่เก่งอยู่แล้ว
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มเย้ยหยัน ”อดรนทนรอไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอคะ ฉันขวางหูขวางตามากใช่ไหม”
ไม่รอให้หนานกงเยี่ยตั้งตัว เฉินลู่เหยารีบคว้ามือเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ ”คุณเหลิ่งรั่วปิง คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณหนานกง ฉันไม่ทันระวังก็เลยเดินชนคุณหนานกงเองค่ะ”
เหลิ่งรั่วปิงสะบัดมือเฉินลู่เหยาทิ้งด้วยความรังเกียจ ”อย่าทำให้ฉันรังเกียจไปมากกว่านี้!”
หนานกงเยี่ยไม่อาจทนเห็นสีหน้าเย้ยหยันของเหลิ่งรั่วปิงได้ เขาร้องตะโกนเสียงดัง ”พ่อบ้าน ส่งคุณเฉินออกไป ให้ก่วนอวี้ดูแลซะ!”
“ครับ” พ่อบ้านสังเกตเรื่องที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด หัวใจแทบจะตกลงไปในเหวลึก เมื่อได้ยินหนานกงเยี่ยสั่งให้พาเฉินลู่เหยาออกไป เขาก็โล่งอกทันที รีบเดินเข้าไปหา ”คุณเฉิน เชิญครับ”
เฉินลู่เหยารู้ ไม่มีทางที่เธอจะอยู่ที่นี่ได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงเดินเข้าไปใกล้เหลิ่งรั่วปิง ”คุณเหลิ่งรั่วปิง คุณเข้าใจฉันกับคุณหนานกงเยี่ยผิดจริงๆ นะคะ คุณอย่าทะเลาะกับคุณหนานกงเยี่ยนะคะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
รอยยิ้มของเหลิ่งรั่วปิงสวยงาม สวยราวกับแสงรุ่งอรุณ ”เฉินลู่เหยา แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่มีเกียรติ ท่านไม่เคยสอนเธอหรือไง ว่าผู้หญิงขายบริการแสร้งทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์ไม่ได้”
“คุณเหลิ่งรั่วปิง คุณ…” เฉินลู่เหยาน้ำตาคลอเบ้าอีกครั้ง หันไปมองหนานกงเยี่ยด้วยความเจ็บปวด แต่หนานกงเยี่ยเบือนหน้านี้ ”คุณกลับไปก่อนเถอะ”
เฉินลู่เหยารู้สึกผิดหวังมาก แต่สีหน้าของเธอยังคงเดิม ”ค่ะ”
พูดจบ เฉินลู่เหยากลั้นน้ำตาเอาไว้ แผ่นหลังของเธอเต็มไปด้วยความเศร้า เธอเคยถ่ายละครสงครามนางในมามากมาย แผ่นหลังที่เศร้าเสียใจแบบนี้เธอแสดงออกมาได้เป็นอย่างดี
หลังจากเฉินลู่เหยาออกไป หนานกงเยี่ยยื่นมือไปจับมือของเหลิ่งรั่วปิง พูดด้วยความอ่อนโยน ”เราไปกินข้าวกันก่อนเถอะครับ”
เหลิ่งรั่วปิงสะบัดมือของเขาทิ้งอย่างไร้เยื่อใย ”ทำไมต้องแสดงละครด้วย”
หนานกงเยี่ยพยายามข่มความโมโหที่อยู่ในใจ ”คุณต้องการอะไรกันแน่ ผมไล่เธออกไปแล้ว หลังจากนี้ผมจะไม่ไปเจอเธออีก เรื่องทุกอย่างของเฉินลู่เหยาผมจะให้ก่วนอวี้จัดการ ยังไม่พอใจอีกเหรอ”
เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะในลำคอ ”คุณเลี้ยงเธอเอาไว้ข้างนอกกับพาเธอมาที่บ้าน สิ่งเดียวที่แตกต่างกันก็คือ ตบฉันซึ่งหน้า และตบฉันลับหลัง ไม่ว่าจะแบบไหนฉันก็รับไม่ได้ทั้งนั้น”
หนานกงเยี่ยสุดจะทน ถ้าไม่ใช่เพราะพยายามข่มใจให้เย็นเอาไว้ เวลานี้เขาคงหมดความอดทนแล้ว ”เหลิ่งรั่วปิง คุณรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่” คว้ามือของเธออีกครั้ง ”ผมบอกเรื่องทุกอย่างให้คุณฟัง คุณช่วยไว้ใจผมหน่อยได้ไหม”
เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะเยือกเย็น แต่กลับงดงามอย่างมาก ”ความไว้วางใจที่ฉันมีให้คุณคือการอนุญาตให้คุณพาผู้หญิงที่คิดไม่ซื่อกับคุณมาที่บ้าน ตามใจชอบอย่างนั้นเหรอคะ” ดวงตาคู่สวยมีใบหน้าของชายหนุ่มสะท้อนออกมา ”ฉันขอบอกอะไรให้คุณฟังนะคะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะยอมปล่อยให้ตัวเองเสียใจเพื่อให้ทุกคนพอใจ ฉันรักคุณได้ ก็ตัดใจจากคุณได้ ทุกอย่างมันง่ายแค่นี้”
มือของหนานกงเยี่ยที่จับข้อมือของเธอออกแรงมากขึ้น เขากัดฟันแน่นด้วยความโมโห ”ผมทำให้คุณต้องเสียใจเพื่อให้ทุกคนพอใจตั้งแต่เมื่อไหร่” ทั้งตัวและหัวใจของเขาเป็นของเธอ เขาเคยทำให้เธอต้องเสียใจตั้งแต่เมื่อไหร่