บทที่ 681 ศิษย์พี่ ถนอมตัวด้วย (2)
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่ววางไข่มุกกักวิญญาณเอาไว้ใต้ดิน เขารู้สึกว่าลักษณะของทหารองครักษ์เหล่านั้นไม่เลว
ต่อจากนี้ไป เขาจะปกป้องวิญญาณของพวกเขาเพื่อปล่อยให้พวกเขาได้ไปสู่สังสารวัฏ
นั่นคือ ทั้งหมดที่เขาทำได้
และด้วยความช่วยเหลือของเหล่าองครักษ์ ครึ่งหนึ่งของสตรีผู้สูงศักดิ์เหล่านี้ก็หลบหนีออกจากวังไปได้
ทว่าเปลวเพลิงแห่งสงครามก็กำลังลุกโชนอยู่นอกพระราชวัง และพวกเขาก็ทำได้เพียงรีบหนีไปด้วยความตื่นตระหนกเท่านั้น
แต่พระราชาได้สิ้นพระชนม์แล้ว และองค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรหงหลิน พระเชษฐาของโหย่วฉินเสวียนหย่าก็ได้ถูกผู้บำเพ็ญเซียนซุ่มโจมตีและสังหารที่แนวหน้าเมื่อวานนี้แล้ว
เหล่าราชวงศ์ส่วนใหญ่นั้นอยู่ในที่ดินตามศักดินาของตนเองหรือไม่ก็กำลังต่อสู้กับข้าศึกศัตรูอยู่ที่แนวหน้า
ในขณะนี้บรรดาเงาดำเหล่านั้น เหล่ากองทัพกบฏในเมือง และทหารม้าของชนเผ่าที่แอบลอบเข้ามาในเมืองล้วนกำลังพุ่งเป้าไปที่สตรีเหล่านั้น
กองทหารข้าศึกยังคงโจมตีมาจากระยะไกล และสตรีเซียนเสิ่นในวัง ซึ่งถือแส้ยาวและสวมหน้ากาก ก็ได้นำร่างเงาดำกลุ่มหนึ่งไล่ตามพวกนางไปอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
สิ่งที่ลำบากยิ่งกว่านั้นก็คือ มีเซียนศัตรูหลายร้อยคนในเมืองนี้ ซึ่งพวกเขายังได้เข้าร่วมกลุ่มกันเพื่อปิดล้อม “สตรีม่ายแห่งอาณาจักรหงหลิน” อีกด้วย
พวกเขาต้องการเข่นฆ่าพวกนางทั้งหมด
บัดนี้ จำนวนผู้คนรอบกายองค์ราชินีค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ แต่นางก็ยังคงจับมือของสตรีสาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
ห่างจากเมืองใหญ่ไปทางเหนือหลายร้อยลี้
มีดาวหางสีฟ้าเย็นยะเยือกดวงหนึ่งได้บินอยู่เหนือขอบฟ้า และลากหางเป็นทางมาบางๆ…
โหย่วฉินเสวียนหย่ารีบพุ่งมาถึงที่นี่ด้วยความเร็วที่แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่คาดคิดว่าจะทำได้
หลี่ฉางโซ่วกางฝ่ามือและประสานนิ้วทั้งห้าของเขา แล้วอักขระเต๋าหลีกลมเร้นกายอีกชิ้นก็ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มพรบนร่างของนางจากระยะไกล
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนรอบคอบ และในไม่ช้า เขาก็ตัดสินใจได้
จากนั้นเขาก็หยิบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘ร่างหลัก’ ออกมาจากแขนเสื้อแล้วโปรยออกไปทางด้านข้าง
ด้วยวิธีเช่นนี้ หากเขาต้องพบกับวิกฤติการณ์ใดๆ หลังจากนี้ และต้องทำด้วยตัวเองอย่าง “สุดกำลัง” เขาก็จะใช้ทั้งสองตัวตนให้ปรากฏกายขึ้นพร้อมๆ กัน
นอกเหนือจากนั้นเขาก็ต้องการดูว่า เขาจะสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อกำจัดภัยอันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่ในการเปิดเผยตัวตนและส้นเท้าของเขาได้หรือไม่
……
เมืองนี้เต็มไปด้วยควันไฟหนาทึบ และราตรีสีแดงเพลิง
ในยามนั้น สัมผัสเซียนรับรู้ของโหย่วฉินเสวียนหย่าได้ตรวจพบภาพเหตุการณ์นั้นจากระยะไกล นางสูดลมหายใจเข้าลึก และบินไปข้างหน้าต่อไป
วิญญาณของมนุษย์ธรรมดาดุจดั่งเทียนซึ่งถูกลมพัดให้ดับวูบได้ตลอดเวลา
ในขณะนี้ มีวิญญาณที่เคียดแค้นฝังแน่นอยู่บนท้องฟ้าแล้ว เส้นสายโลหิตมังกรวารีซึ่งแตกสลายที่สืบทอดโชคชะตาของอาณาจักรหงหลินก็ได้โปรยปรายกระจายไปตามแสงสายัณห์เล็กน้อย…
คลื่นแห่งความโศกเศร้าได้ถาโถมเข้าหาโหย่วฉินเสวียนหย่า หัวใจเต๋าของนางตึงแน่นขึ้นอย่างรุนแรงในขณะที่นางรีบพุ่งเข้าไปในเมือง
“ศิษย์น้องโหย่วฉิน เจ้ามาหาข้าก่อน”
ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นข้างๆ หูของโหย่วฉินเสวียนหย่า นางตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง และความเข้มแข็งทั้งหมดที่นางพยายามรวบรวมเอาไว้ในใจลึกๆ ก็แตกสลายไปแทบจะในทันที
ในขณะนั้น มีแรงดึงเบาๆ จากรอบกายนาง โหย่วฉินเสวียนหย่าจึงใช้โอกาสนี้รีบร่อนลงมาและหยุดลงในป่าทึบที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหนึ่งร้อยลี้
ร่างหนึ่งยืนอยู่บนทางลาดที่นุ่มนวลและมองไปที่เมืองหลวงแห่งราชาหงหลิน ซึ่งเต็มไปด้วยควันโขมงหนาทึบ
ด้วยภาพร่างด้านหลังนี้ และกลิ่นอายลมปราณนี้ โหย่วฉินเสวียนหย่าย่อมรู้ได้ในทันทีว่าเป็นผู้ใด
ย่อมเป็นหลี่ฉางโซ่วแห่งสำนักตู้เซียน
“ศิษย์พี่ เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่เจ้าคะ?”
ในขณะนั้น โหย่วฉินเสวียนหย่าเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยกระบี่ขนาดใหญ่ที่สะพายเอาไว้บนหลังของนาง
นางขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “สำนักเซียนเต๋าเวยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน ได้ปิดผนึกเส้นทางข้างหน้าแล้ว ขอศิษย์พี่อย่าได้เสี่ยงเลย โปรดออกไปจากที่นี่โดยเร็วเถิดเจ้าค่ะ”
“ข้ามีเวทหลบหนี เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก”
หลี่ฉางโซ่วหันศีรษะกลับมาพลางคลี่ยิ้มและตอบกลับว่า “ข้าจะไม่ช่วยเจ้าได้อย่างไร? พวกเราสามารถวางแผนอย่างรัดกุมและช่วยเหลือพวกเขาให้ปลอดภัยได้…”
“ศิษย์พี่”
ในขณะนั้นโหย่วฉินเสวียนหย่าก็ได้เดินไปที่ด้านข้างของหลี่ฉางโซ่วแล้ว นางเงยหน้าขึ้นมองเซียนบุรุษผู้นี้ ซึ่งนางไม่อาจมองทะลุผ่านไปได้ ดวงตาของนางฉายแววอ่อนโยน ทว่าหลังจากผ่านไปหนึ่งอึดใจแล้ว ก็เหลือเพียงความเย็นชาเท่านั้น
ท่ามกลางแสงดาว ผิวของนางขาวราวหิมะ ดวงตาที่เปล่งประกายของนาง คิ้วเรียวยาวเข้ารูปราวกิ่งหลิว ริมฝีปากบาง ใบหูบอบบาง รวมถึงดั้งจมูกโด่งงดงามของนางเหล่านี้ ดูเหมือนจะบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นและความดื้อรั้นเป็นครั้งสุดท้ายของนาง
ในขณะนั้น สิ่งที่ทำให้หลี่ฉางโซ่วประทับใจอย่างลึกซึ้งก็คือ ม่านตาสีดำสนิทของนาง ซึ่งสะท้อนแสงดาว
และแสงดาวที่สะท้อนอยู่ในนั้นก็คือ ร่างของเขา
“ศิษย์พี่ ข้าเป็นองค์หญิงแห่งอาณาจักรหงหลิน และสมควรแล้วที่ข้าจะต้องต่อสู้เพื่อปกป้องอาณาจักร
แต่ศิษย์พี่ ท่านเป็นเพียงศิษย์ของสำนักตู้เซียนเท่านั้น หากท่านเคลื่อนไหว ท่านจะทำให้อีกฝ่ายมีหลักฐานเป็นข้ออ้างได้
ข้าไม่อยากให้เรื่องนี้มาเกี่ยวข้องพากพิงถึงสำนัก ศิษย์พี่ ขอท่านโปรดอย่าได้เกลี้ยกล่อมข้าเลยเจ้าค่ะ”
“ความคิดของเจ้ามีอคติเล็กน้อย” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “เจ้าไม่ใช่ศิษย์ของสำนักตู้เซียนหรอกหรือ?
พวกเราทั้งเจ้าและข้า ต่างก็เป็นสหายร่วมสำนักเดียวกันและเป็นสหายที่ดีต่อกันอีกด้วย แล้วข้าจะมองดูเจ้าติดอยู่ที่นี่โดยไม่ใส่ใจใดๆ ได้อย่างไรกัน?”
“ศิษย์พี่”
โหย่วฉินเสวียนหย่าหยุดไปชั่วขณะ แล้วจ้องมองไปที่ใบหน้าของหลี่ฉางนางโซ่วพลางคลี่ยิ้มเล็กน้อย
จากนั้นนางก็สูดลมหายใจเข้าลึก และตั้งใจกล่าวให้คำพูดของนางฟังดูผ่อนคลาย
“ศิษย์พี่ พวกเราทั้งคู่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ได้ ข้าเพียงแค่ไปทำหน้าที่ในฐานะลูกเท่านั้น หากศิษย์พี่ยังยืนกรานที่จะเกลี้ยกล่อมข้า…
หากเรา ทั้งท่านและข้า จะไม่เป็นสหายที่ดีต่อกันในอนาคต ก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
หลี่ฉางโซ่วอดจะขมวดคิ้วไม่ได้ ทว่าโหย่วฉินเสวียนหย่าก็ได้ประสานมือและโค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่วแล้ว
จากนั้นนางก็หันกลับและก้าวออกไปข้างหน้า เหลือไว้ให้เห็นเพียงมุมมองด้านหลังที่ดูเพรียวบางของนางและศีรษะเชิดสูงที่ตั้งตรงอยู่เท่านั้น
ราวกับว่าจะไม่มีอะไรสามารถทำให้นางหันกลับมาได้ และราวกับว่าจะไม่มีมีอุปสรรคใดๆ มาเอาชนะนางได้…
“ศิษย์น้องโหย่วฉิน!”
………………………………………………………………..