ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – บทที่ 687 ช่วยเหลือ (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 687 ช่วยเหลือ (2)

“ศิษย์น้องโหย่วฉิน เจ้าไปปลอบโยนญาติพี่น้องของเจ้าก่อนเถิด”

หลี่ฉางโซ่วมองไปยังสตรีที่กำลังร้องไห้อยู่ตรงนั้น และกล่าวว่า “ปล่อยที่เหลือให้ข้าจัดการเอง”

“เจ้าค่ะ”

โหย่วฉินเสวียนหย่าก้มศีรษะลงพลางตอบกลับ จากนั้นนางก็หันกลับและหนีไปอยู่ข้างๆ มารดาของนางและจับข้อมือพี่สะใภ้ใหญ่ของนาง

แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วเข้าใจเหตุผลที่โหย่วฉินเสวียนหย่ามีอาการสติแตกก่อนหน้านี้…

เมื่อนางพบว่าผู้ที่โจมตีอาณาจักรหงหลิน คือ สำนักเซียนเต๋าเวยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน และสัมผัสได้ถึงแรงกดดันของเหล่าเซียนจินสองคน นางก็ได้ผลักตัวเองให้ไปสู่ทางตันแล้ว

โหย่วฉินเสวียนหย่าอยู่ในพระราชวังแห่งอาณาจักรหงหลิน นางต้องการช่วยบิดามารดาและญาติๆ ของนาง

นางปรากฏตัวในฐานะองค์หญิงแห่งอาณาจักรหงหลิน ดังนั้นนางจะไม่ให้เกี่ยวข้องพาดพิงและนำภัยมาสู่สำนักอาจารย์…

โหย่วฉินเสวียนหย่าจึงปฏิเสธความช่วยเหลือแรกที่เขาหยิบยื่นให้นางในคราแรก

ประการที่หนึ่ง เพราะนางไม่อยากสร้างปัญหาให้เขาเดือดร้อน

ประการที่สอง เพราะนางไม่มั่นใจในความแข็งแกร่งของเขา

ประการที่สาม เพราะนางกลัวว่าจะเป็นชนวนก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในสำนักเซียน และทำให้บรรดาศิษย์ในสำนักตู้เซียนต้องบาดเจ็บล้มตายมากขึ้น

การยอมตายแบบนี้โดยไม่ให้เกี่ยวข้องพาดพิงถึงสำนักอาจารย์ ก็เป็นบางสิ่งที่ศิษย์น้องหญิงจอมพิษภัยสามารถทำได้จริงๆ…

ในท้ายที่สุด โหย่วฉินเสวียนหย่าก็พบความจริงว่า พี่สะใภ้ใหญ่ของนางกำลังตั้งครรภ์ หลังจาก ได้รับการกระทบกระเทือนเช่นนี้ ปราการป้องกันหัวใจของนางก็แตกสลายลง

และที่นางขอความช่วยเหลือจากหลี่ฉางโซ่วนั้น ก็หาใช่เพราะนางต้องการรักษาสายเลือดของราชวงศ์แต่อย่างใดไม่ แต่เป็นเพียงเพราะนางรู้สึกว่าเด็กน้อยในครรภ์นั้นยังบริสุทธิ์ไร้เดียงสานัก…

สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นการจัดเตรียมของเต๋าสวรรค์หรือไม่?

มันไม่ถูกต้องนักที่จะบอกว่าเป็นเต๋าสวรรค์ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว เต๋าสวรรค์ก็เป็นเพียงการรวมตัวกันของกฎต่างๆ มันเป็น “ระบบภูมิคุ้มกัน” ที่เกิดขึ้นหลังจากภัยพิบัติครั้งแรกของมังกร-หงส์ในโลกบรรพกาล

ในเต๋าสวรรค์ ผู้ที่สามารถมีอิทธิพลต่อทุกสิ่งก็คือ ชายชราที่ยืนอยู่ที่จุดสูงสุดแห่งเต๋า!

ปรมาจารย์ใหญ่ บรรพาจารย์เต๋า!

หลี่ฉางโซ่วหลับตาและครุ่นคิดอย่างใจจดจ่อ เขาสัมผัสอย่างระมัดระวังและตระหนักได้ถึงบางสิ่งอย่างคลุมเครือ

“เสวียนหย่า! อาจารย์อามาที่นี่เพื่อช่วย…ว้าว เหตุใดเจ้าถึงจัดการเสร็จแล้ว”

ในขณะนั้น น้ำเต้าลูกใหญ่ลอยมาแต่ไกล จิ่วอี้อีที่อยู่บนนั้นก็รีบพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที ทว่านางก็เป็นเช่นเดียวกับจิ่วจิ่ว พวกนางล้วนรู้สึกงงงวยเล็กน้อย

หลี่ฉางโซ่วได้สร้างค่ายกลเวทลวงตาที่ทำให้มองไม่เห็นทั่วเมืองมาก่อนหน้านี้

พวกเขาจะเห็นว่า ในเวลานี้ มีเพียงการสู้รบที่ชายแดนของเมืองเท่านั้น เหล่ามนุษย์ที่เคยต่อสู้กันอย่างดุเดือดมาก่อนหน้านี้ ล้วนนอนเกะกะเรี่ยราดอยู่บนพื้นโดยมียันต์ต่างๆ ติดอยู่ตามร่างกายของพวกเขา…

นอกจากนั้นในบรรดาทหารและแม่ทัพมนุษย์เหล่านี้ ยังมีผู้ฝึกบำเพ็ญบางคนที่มียันต์มากมายหลายสิบหลายร้อยอยู่บนร่างกายของพวกเขาอีกด้วย …

ยันต์ต่างๆ ของหลี่ฉางโซ่วถูกตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ (งานส่งกำลังบำรุง) สองสามตัววาดขึ้นมา

พวกมันล้วนเป็นยันต์พื้นฐานที่เรียบง่าย และเข้าใจง่าย ซึ่งโดยปกติแล้ว หลี่ฉางโซ่วจะไม่สนใจพวกมันมากนัก พวกมันสามารถถูกสร้างขึ้นมาได้เรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องและมีการสะสมเอาไว้มากมายมหาศาล

จิ่วอี้อีจ้องมองไปที่หลี่ฉางโซ่วในขณะที่จิ่วจิ่วได้บินขึ้นไปบนน้ำเต้ายักษ์แล้ว และร้องตะโกน

“ฉางโซ่ว ไฉนเจ้าถึงมาที่นี่!?!”

เพียงขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังจะตอบกลับ ก็มีพลังสะกดข่มบางอย่างปรากฏขึ้นหลายระลอกบนท้องฟ้าในเวลาเดียวกัน!

พวกเขาสองสามคนไม่กล้าล้อเล่นมากนัก และเตรียมตัวตั้งท่าพร้อมรบทันทีขณะที่เงยหน้าขึ้นมอง…

ภายใต้ท้องฟ้าที่ดารดาษไปด้วยดวงดาว บัดนี้ มีร่างหลายร่างพุ่งมาจากทางเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือ และพวกเขาก็หยุดอยู่เหนือเมืองมนุษย์แห่งนี้พร้อมๆ กันและต่างเผชิญหน้ากัน

เจ้าสำนักตู้เซียน จึ้อู๋โหย่วและผู้อาวุโสเซียนจินแห่งสำนักตู้เซียน หวังฟู่กุ้ย ยืนอยู่เหนือหลี่ฉางโซ่วและโหย่วฉินเสวียนหย่า และกำลังคอยปกป้องคนในสำนักของพวกเขาอยู่ลับๆ

ที่ฝั่งตรงข้ามพวกเขา ชายชราสวมมงกุฎยาวและใบหน้าแดงก่ำผู้หนึ่งค่อยๆ สะบัดแส้หางม้าเบาๆ…

มีร่างอีกสองร่างไล่ตามมาจากทางเหนือ พวกเขาเป็นหนึ่งชายวัยกลางคนและหนึ่งชายชรา

พวกเขาคือ เซียนจินสองคนจากสำนักเซียนเต๋าเวย ซึ่งคอยดักซุ่มโจมตีอยู่กลางทางก่อนหน้านี้เพื่อพยายามข่มขู่เหล่าผู้เป็นเซียนแห่งสำนักตู้เซียน

ทั้งสองคนมาถึงและรีบเดินไปทางด้านหลังของนักพรตเต๋าชราผู้สวมมงกุฎยาวอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็โค้งคำนับให้พร้อมๆ กันและกล่าวว่า “ท่านเจ้าสำนัก”

หลี่ฉางโซ่วส่งข้อความเสียงไปยังจิ่วอี้อี และจิ่วจิ่ว แล้วพวกเขาทั้งสามคนก็โค้งคำนับขึ้นไปบนท้องฟ้าและร้องตะโกนพร้อมกันว่า “น้อมพบท่านเจ้าสำนัก!”

ผู้แพ้ไม่มีแพ้[1] พลังอำนาจที่เผยออกมาต้องไม่อ่อนแอ

จึ้อู๋โหย่วแย้มยิ้มพลางพยักหน้า เขามองลงมา เห็นความยุ่งเหยิงในเมือง และเห็นโหย่วฉินเสวียนหย่าเต็มไปด้วยบาดแผลบนร่างกาย รวมถึงหลี่ฉางโซ่วที่มีสีหน้าอับจนหนทาง ทันใดนั้นเขาก็บังเกิดโทสะทันที!

จากนั้นจี้อู๋โหย่วก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “เต๋าอวี่เจินเหริน วันนี้สำนักของเจ้าไม่ได้รังแกกันมากเกินไปหรือ!?!”

“ไฉนท่านเจ้าสำนักอู๋โหย่วถึงกล่าวเช่นนั้น?”

นักพรตเต๋าชรา เจ้าสำนักแห่งสำนักเซียนเต๋าเวย เต๋าอวี่เจินเหรินขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ในครั้งนี้ สำนักเซียนเต๋าเวยของข้าทำตามกฎ

พวกเราไม่ได้ทำร้ายเซียนเสิ่นและเซียนเทียนของพวกเจ้าที่มาช่วย แล้วพวกเจ้าจะมาพูดได้อย่างไรว่า รังแกกันมากเกินไปแล้ว?”

“แค่กๆ แค่กๆ เหอะ!…

เดิมทีสถานที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของสำนักตู้เซียนของข้า พวกเจ้าลงมือจู่โจมโดยไม่แม้แต่จะเอ่ยวาจาใดสักคำ แล้วพวกเจ้าจะพูดได้อย่างไรว่ามันเป็นไปตามกฎ?”

จี้อู๋โหย่วหรี่ตาและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เหตุใดกัน?

เจ้าคิดว่าเพียงเพราะในสำนักเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของข้า มีเซียนน้อยกว่า เจ้าจึงสามารถกลั่นแกล้งพวกเราได้ตามต้องการหรือ?

สำนักบำเพ็ญเต๋าฉานของเจ้ารังแกกันมากเกินไปแล้ว!”

เจ้าสำนักแห่งสำนักเซียนเต๋าเวยอดจะขมวดคิ้วไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น

ในขณะนั้นหวังฟู่กุ้ย ปรมาจารย์หวังฟู่กุ้ยผู้สูงส่งซึ่งอยู่ข้างๆ จี้อู๋โหย่วก็อดจะส่งข้อความเตือนจี้อู๋โหย่วไม่ได้

“ท่านเจ้าสำนัก ไฉนท่านถึงกล่าวถึงทั้งสองสำนัก? เช่นนั้น เรื่องจะบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นหรือไม่?”

“วางใจเถิด!”

จี้อู๋โหย่วมีใจฮึกเหิมยิ่งนัก เขายิ้มอย่างใจเย็นและมองไปที่หลี่ฉางโซ่วที่อยู่ด้านล่างเขา พลางกล่าวผ่านข้อความเสียงว่า “ครั้งนี้ เราจะชนะอย่างแน่นอน”

เพราะในท้ายที่สุดแล้ว การส่งข้อความเสียงที่เขาเพิ่งได้รับมาจากปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินนั้น ก็เป็นเพียงให้เข้าไปมีส่วนร่วมเท่านั้น พร้อมด้วยคำสั่ง

สร้างวาทกรรมให้เป็นเรื่องใหญ่ [2]

………………………………………………………………..

[1] ไม่ว่าจะย่ำแย่หรือเลวร้ายเพียงใด ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังและทำให้ดีที่สุด

[2] เป็นวิธีคิดและการใช้วาทกรรมโดยให้ถือว่าปัญหาเล็กน้อย ทั้งด้านการกระทำหรือความคิดเห็น)และทำมันให้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นการยกประเด็นขึ้นไปสู่ระดับใหญ่ขึ้น เช่นการต่อสู้ทางชนชั้น เรื่องชาติ ความเชื่อ และการต่อสู้แบบแบ่งสายเพื่อการวิเคราะห์

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท