บทที่ 274 ดูแลภาพรวม
บทที่ 274 ดูแลภาพรวม
ถังซวงมาโรงเรียนพร้อมกับถังเซวี่ย เมื่อเห็นว่ามีคนเรียกถังเซวี่ย เธอหันมองอีกฝ่ายทันที และพบว่าเป็นเด็กหญิงตัวเตี้ยผิวเหลือง ทว่าแววตาของอีกฝ่ายกลับสดใสราวกับประกายไฟ
เมื่อเห็นว่าจี้อิงอยู่ตรงนั้น ถังเซวี่ยยิ้มพร้อมทักทาย “จี้อิง มาแล้วหรือ? งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
ขณะพูดอย่างนั้น เธอหันมองถังซวงแล้วพูดว่า “พี่คะ ฉันขอตัวไปที่ห้องเรียนกับเพื่อนนะคะ”
หลังได้ยินอย่างนั้นถังซวงหันมองจี้อิงอีกครั้ง
เด็กคนนี้คือจี้อิงที่ถูกน้องสาวของเธอพูดถึงสินะ ถึงหน้าตาไม่ค่อยดี แต่ก็มีแววตาน่ามอง เด็กผู้หญิงที่มีแววตามุ่งมั่นอย่างนี้ ตราบใดที่เธอมั่นคงในความคิด ในอนาคตเธอจะสบายแน่
เมื่อสำรวจอีกฝ่ายแล้ว ถังซวงยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตรงไปยังห้องเรียนของตัวเอง
หลังเลิกเรียน ถังซวงกลับบ้านพร้อมกับถังเซวี่ย ระหว่างเดินกลับ ทั้งสองพูดคุยถึงเรื่องที่โรงเรียน และถังเซวี่ยก็เล่าเรื่องจี้อิงให้พี่สาวฟัง
“พี่คะ จี้อิงจ่ายค่าเทอมแล้วก็กลับมาเรียนแล้ว เธอฉลาดมากเลยค่ะ เธอเข้าใจทุกอย่างที่อาจารย์สอนในวันนี้หมดเลย”
ถังซวงอดไม่ได้ที่จะมองถังเซวี่ยแล้วถามว่า “แล้วเธอล่ะเข้าใจไหม?”
ถังเซวี่ยหัวเราะก่อนจะตอบว่า “ค่ะ ฉันก็เข้าใจเหมือนกัน”
“อย่างนั้นเธอก็ฉลาดเหมือนกันจ้ะ”
ถังเซวี่ยเขินอายเล็กน้อยเมื่อได้รับคำชม แต่เธอก็มีความสุขแทนจี้อิงมาก และเด็กสาวคล้ายจะนึกบางอย่างขึ้นได้ เธอหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ถังซวง ก่อนจะเล่าต่อ
“จี้อิงรอบคอบมากค่ะ ความจริงฉันต้องเป็นคนเขียนสัญญาพวกนี้ แต่เธอกลับเขียนมันเองแล้วเอามาให้ฉันเก็บไว้ เธอบอกว่าถ้ามีเงินเมื่อไหร่จะเอามาคืนให้ทันที”
ถังซวงชำเลืองมองเอกสารสัญญา ก่อนจะเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นอักษรคมชัดและดูดีบนเอกสารนั้น มันดูไม่เหมือนเอกสารที่เด็กผู้หญิงเขียนขึ้น ดูเหมือนว่าจี้อิงคนนี้จะฉลาดอย่างที่น้องสาวของเธอบอกจริง ๆ
“อย่างนั้นเธอต้องเก็บเอกสารนี้ไว้ให้ดี และคืนให้หล่อนเมื่อได้รับเงินกลับมานะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังเซวี่ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นทั้งสองพี่น้องก็เริ่มต้นชีวิตแห่งการเล่าเรียนอีกครั้ง
พอถึงเดือนตุลาคม จิงเจ้อหรงก็มาที่หมู่บ้านเถาฮวาแม้ว่างานของเขาจะยุ่งมากก็ตาม
ส่วนเฮ่อหลานที่ไม่ได้พบจิงเจ้อหรงมานานมากแล้ว หลังจากที่เห็นหน้าเขา ทั้งสองก็มีเรื่องพูดคุยกันไม่รู้จบ จนกระทั่งมื้ออาหารเย็น หลี่จงอี้ถึงหาเวลาพูดคุยกับจิงเจ้อหรงได้เสียที
“เจ้อหรง ดูเหมือนว่าสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงใกล้จะสิ้นสุดแล้วสินะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น จิงเจ้อหรงพยักหน้ารับ “ครับลุงหลี่ เดือนนี้ก็น่าจะเสร็จสิ้นแล้ว”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว หลี่จงอี้กล่าวด้วยความยินดี “ดีจริง ๆ ในที่สุดมันก็จบลงสักที”
แม้แต่ถังซวงก็ยังรู้สึกโล่งใจที่สถานการณ์เป็นไปได้ด้วยดี เธอจะได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีหน้า และตอนนี้ทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างดี
หลังจากรับประทานมื้อเย็น จิงเจ้อหรงลังเลที่จะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจพูดมันออกมา “อาหลาน ตำแหน่งของผมถูกเลื่อนเมื่อไม่นานนัก ผมจะไม่ได้ทำงานในเมืองอีกแล้ว”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถามว่า
“แล้ว… คุณถูกย้ายไปที่ไหนหรือคะ?”
“น่าจะเป็นเมืองหลวงครับ ถ้าถึงตอนนั้น… คุณกับเด็ก ๆ จะตามผมไปที่เมืองหลวงด้วยไหม?”
“เรื่องนี้…”
เฮ่อหลานตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จิตใจของเธอยังคงสับสน เธอไม่เคยคิดว่าจิงเจ้อหรงที่ทำงานในเมืองมายาวนาน จะถูกย้ายในปีนี้
เมื่อเห็นความสับสนของเฮ่อหลาน จิงเจ้อหรงเริ่มเป็นกังวล “อาหลาน คุณกับเด็ก ๆ ไปเมืองหลวงกับผมเถอะครับ”
แม้นี่คือสิ่งที่เขาลอบคาดหวัง แต่สุดท้ายเขาก็ยังต้องการให้เฮ่อหลานและลูกสาวทั้งสองย้ายเข้าเมืองหลวงด้วยกันอยู่ดี เพราะยังไงครอบครัวก็ควรจะอยู่ด้วยกันจึงจะดีที่สุด
หลังจากเห็นความกังวลของจิงเจ้อหรง เฮ่อหลานก็ได้สติอีกครั้ง เธอตอบกลับตามเสียงหัวใจของตัวเองว่า “ฉันอยากไปเมืองหลวงกับคุณนะคะ แต่ว่า… แล้วโรงงานเย็บปักล่ะคะ?”
เมื่อเห็นเฮ่อหลานกังวลเรื่องของโรงงานเย็บปัก จิงเจ้อหรงรีบพูดขึ้นว่า “ผมว่าพี่สาวเกอก็เก่งมาก ไม่ว่าจะเป็นทักษะการเย็บผ้า หรือความสามารถในการจัดการเรื่องต่าง ๆ เธอจะต้องจัดการโรงงานได้ดีแน่ครับ”
แน่นอนว่าเฮ่อหลานรู้ดีว่าเกอชิงเหม่ยทำได้ และเธอก็มั่นใจว่าพี่สาวคนนี้จะสามารถจัดการกับโรงงานเย็บปักได้อย่างยอดเยี่ยมแน่
แต่เธอรู้สึกไม่ดีนักหากจะผลักภาระทั้งหมดให้เกอชิงเหม่ยแล้วตนเองย้ายเข้าเมืองหลวงไปเพียงลำพัง
“ฉันว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไร มันเป็นการผลักภาระให้พี่สาวมากเกินไป ฉันชวนเธอกับอาจารย์มาที่นี่ในฐานะผู้อาวุโส แต่ตอนนี้ฉันจะจากไป แล้วทิ้งทุกอย่างให้พวกเธอจัดการในโรงงานเย็บปักต่อ มันดูเอาเปรียบพวกเขาเกินไปค่ะ”
“คุณยังไม่ได้ถามเธอเลย แล้วรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ต้องการดูแลโรงงานเย็บปักต่อ?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานยังคงกังวลเล็กน้อย “อย่างนั้นหรือคะ? พี่สาวใหญ่จะดูแลโรงงานเย็บปักได้จริง ๆ หรือ?”
“เราก็แค่ลองถามดูนี่ครับ ถ้าเธอไม่เต็มใจรับไว้ เราจะได้คิดหาทางแก้ไขปัญหาต่อไป”
แต่จิงเจ้อหรงคิดว่าเกอชิงเหม่ยนั้นเหมาะสมอย่างมาก เธอไม่เพียงแต่มีฝีมือในด้านการเย็บผ้า แต่ยังเป็นศิษย์คนสำคัญของอาจารย์ซู และเป็นศิษย์พี่ของอาหลาน ย่อมไม่มีใครคัดค้านเธอแน่
เฮ่อหลานเพียงกังวลไปเองเท่านั้น เขารู้ดีว่าเกอชิงเหม่ยมีทักษะการบริหารที่ยอดเยี่ยม และถ้าเป็นอย่างนั้นทุกอย่างจะเรียบร้อยดีแน่
“อีกอย่างนะอาหลาน ถึงคุณจะไปเมืองหลวง แต่คุณก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ และไม่ได้ทิ้งโรงงานเย็บปักไปสักหน่อย เราสามารถสร้างโรงงานเย็บปักในเมืองหลวงเพิ่มอีกสาขาหนึ่งได้นะครับ”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว แววตาของเฮ่อหลานเปล่งประกายพร้อมพูดขึ้นว่า “อย่างนั้นฉันจะลองไปถามพี่สาวดูค่ะ”
เมื่อเฮ่อหลานมาพบกับเกอชิงเหม่ย เธอถามหล่อนโดยตรงทันที “พี่คะ พี่ยินดีจะบริหารโรงงานเย็บปักนี้ต่อไหมคะ?”
“อาหลาน เธอจะย้ายเข้าเมืองหลวงกับคุณชายจิงแล้วก็จะไปเปิดโรงงานเย็บปักอีกแห่งที่นั่นงั้นหรือ?”
เฮ่อหลานพยักหน้าตอบไปตามตรง เธอบอกกล่าวเรื่องการย้ายตำแหน่งของจิงเจ้อหรงให้กับอีกฝ่ายฟัง “แต่ถ้าพี่ไม่ต้องการ ฉันก็จะอยู่ที่นี่ต่อ ยังไงซะฉันกับอาเจ้อก็ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว เราค่อยเจอกันเมื่อมีเวลาก็ได้ค่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เกอชิงเหม่ยดุเฮ่อหลานทันที “เธอกำลังจะแต่งงานอยู่แล้ว แล้วนี่สามีภรรยาจะแยกกันอยู่ได้ยังไง? ทิ้งโรงงานเย็บปักนี่ไว้กับฉันแล้วกัน ฉันจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”
“พี่คะ พี่เต็มใจรับมันไว้จริง ๆ หรือ? อย่าตอบตกลงเพราะเห็นแก่ฉันเลยนะคะ”
เกอชิงเหม่ยหัวเราะ ก่อนจะตอบกลับว่า “อาหลานไม่ต้องกังวลหรอก เธอไม่ได้บังคับฉัน ความจริงแล้วหลังจากที่ฉันได้มาอยู่ที่นี่และทำงานในโรงงานเย็บปัก ฉันว่าฉันชอบชีวิตอย่างนี้จริง ๆ นั่นแหละ
ฉันชอบจัดการเรื่องน้อยใหญ่ในโรงงาน ฉันชอบการสั่งงานคนอื่นและคอยตรวจสอบงานปักพวกนั้น ฉันชอบที่จะเห็นชีวิตของทุกคนดีขึ้นเรื่อย ๆ วางใจเถอะ เธอไปเมืองหลวงได้อย่างสบายใจ ฉันจะจัดการที่นี่ให้เอง”
“พี่คะ พี่แน่ใจนะ?”
แววตาของเกอชิงเหม่ยเปล่งประกายวูบไหว เธอพยักหน้ารับอย่างหนักแน่นก่อนจะตอบว่า “อืม ฉันเต็มใจและตอนนี้ฉันกำลังสนุกกับชีวิตที่ต้องจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ในโรงงานเย็บปักมาก”
ความจริงแล้วเวลานี้เธอได้จัดการเรื่องราวบางอย่างในโรงงานเย็บปักอยู่แล้ว และเธอก็รู้กระบวนการทำงานทั้งหมดเป็นอย่างดี ซึ่งมันเพียงพอที่จะดูแลระบบงานและคนงานในโรงงานเย็บปักแห่งนี้