บทที่ 379 เชิญ
บทที่ 379 เชิญ
หลังจากตระกูลเฮ่อเข้ามาด้านใน ทั้งคุณชายจิงและคุณนายจิงต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่น เชิญให้นั่งและเตรียมขนม ชา ผลไม้มาเสิร์ฟอย่างกระตือรือร้น
“ทุกท่านคงจะเหนื่อยจากการเดินทางมาก อย่างนั้นพักรับประทานอะไรสักหน่อยก่อนเถอะครับ เดี๋ยวอาหลานจะพาพวกคุณทุกคนไปพักผ่อนที่ห้องพักนะครับ”
ผู้อาวุโสทั้งสองคนของตระกูลเฮ่อทานยาของถังซวงเป็นประจำ ทำให้สุขภาพของพวกเขาแข็งแรงมาก แต่ยังไงการเดินทางจากเมืองก่างเฉิงมายังเมืองหลวงก็ยังทำให้พวกเหนื่อยล้าอยู่ดี
“อ่า เป็นอย่างนั้นก็ดีเลยครับ”
เฮ่อจื่อกุยและจิงเจ้อหรงที่สนิทกันมากขึ้นกว่าเดิมมาก เริ่มพูดคุยกันอย่างสบาย ๆ
ส่วนพานลี่ฮวาและเฮ่อหลานก็กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส ก่อนที่พานลี่ฮวาจะหันมาพูดคุยกับถังซวงเกี่ยวกับเรื่องของบริษัทเครื่องสำอางซวงฮวา จำกัดที่พวกเขาร่วมเปิดด้วยกัน
ส่วนเฮ่อเจียรุ่ยคุยกับถังเซวี่ยเกี่ยวกับงานออกแบบ
“เสี่ยวเซวี่ย ถ้าเธอไม่เข้าใจตรงไหนสามารถถามฉันได้เลยนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่”
หลังจากทุกคนพูดคุยกันแล้ว เฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรงพาตระกูลเฮ่อไปพักผ่อนที่ห้องพัก
“คุณลุงคะ ห้องพักพร้อมแล้วค่ะ ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมบอกฉันได้เลยนะคะ แล้วฉันจะให้คนจัดหามาให้ค่ะ”
ผู้อาวุโสทั้งสองคนของตระกูลเฮ่อมองห้องสะอาดและแปลกตาตรงหน้า ก็ยกยิ้มกว้าง “เท่านี้ก็พอแล้ว พวกเธอกลับไปพักผ่อนเถอะ”
เห็นว่าอาวุโสทั้งสองชอบมัน เฮ่อหลานหัวเราะอย่างยินดี
“อย่างนั้นก็ดีเลยค่ะ”
หลังจากนั้น พวกเขาพาเฮ่อจื่อกุยและพานลี่ฮวาไปที่ห้องของตัวเอง โดยที่ห้องของเฮ่อเจียรุ่ยอยู่ด้านในสุด
“อาหลาน กลับไปพักผ่อนได้แล้ว”
เมื่อลอบมองท้องที่ใหญ่โตของเฮ่อหลาน พานลี่ฮวารู้สึกเหนื่อยแทนจริง ๆ
“ค่ะ”
อีกด้านหนึ่ง ถังชุนหยาน ถังเซวี่ยพาถังซวงไปที่สวนหลังบ้าน
ถังซวงมองทั้งสองคนด้วยความอยากรู้อยากเห็นแล้วถามว่า “พวกเธอสองคนลากฉันมาที่นี่ทำไมเนี่ย เราควรจะนั่งทบทวนหนังสือมากกว่า”
ถังชุนหยานมองถังซวงอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะพูดว่า “พี่สาวซวง พี่กำลังจะหมั้นนะคะ หยุดอ่านหนังสือก่อนดีกว่าไหม? อีกอย่างเวลานี้พี่ควรจะตื่นเต้นและกังวลไม่ใช่หรือ?”
ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงส่ายศีรษะก่อนจะยิ้มกว้าง “ฉันควรดีใจมากกว่าไม่ใช่หรือ? ฉันกับพี่โม่กำลังจะหมั้นกัน ทำไมต้องกังวลด้วยล่ะ?”
“จริงด้วย พี่ควรจะมีความสุข”
ถังชุนหยานรู้สึกว่ามันก็ควรเป็นอย่างนั้น ทำไมเธอถึงคิดไม่ถึง และลากถังซวงเข้ามาในห้องพร้อมกับถังเซวี่ยด้วยท่าทางประหลาด ๆ แบบนั้น
“พี่สาวซวง เสี่ยวเซวี่ยกับฉันเตรียมของขวัญไว้ให้พี่ค่ะ”
ถังเซวี่ยพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “ใช่ค่ะ ในฐานะน้องสาว พวกเราก็ต้องเตรียมพร้อมเหมือนกันนะ”
ถังซวงประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่คิดมาก่อนว่าทั้งสองจะเตรียมของขวัญให้ตนด้วย
ถังชุนหยานหยิบกล่องเครื่องประดับออกอย่างระมัดระวัง และเปิดมันพร้อมกับถังเซวี่ย
“พี่คะ ฉันได้ยินว่าเวลาที่ผู้หญิงแต่งงาน ทุกคนจะต้องมีเครื่องประดับติดตัว นี่คือสิ่งที่ชุนหยานกับฉันอยากมอบให้พี่ ถึงมันจะเป็นเครื่องประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่พวกเราตั้งใจเลือกมากเลยนะคะ”
เมื่อมองเครื่องประดับทองในกล่อง ใบหน้าของถังซวงเปื้อนรอยยิ้ม
“ขอบคุณมาก ฉันชอบมันมากเลยล่ะ”
เมื่อเห็นว่าถังซวงชอบ ถังเซวี่ยและถังชุนหยานถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะกล่าวอย่างผ่อนคลาย “ดีจังเลย พวกเรากลัวมากว่าพี่จะไม่ชอบ เพราะการออกแบบมันค่อนข้างวัยรุ่น และเราไปดูตามร้านเครื่องประดับในเมืองหลายที่เลยล่ะ พนักงานขายบอกว่าลายนี้เหมาะสำหรับหญิงสาวที่กำลังจะหมั้นหมาย”
เครื่องประดับทองคำนี้มีต่างหู สร้อยคอ สร้อยข้อมือ และแหวน สามชิ้นแรกมีจี้รูปทับทิม ส่วนแหวนก็สลักลายดอกทับทิมสวยงาม
“ขอบคุณที่ตั้งใจเลือกนะ มันสวยมากเลย”
“พวกเราดีใจที่พี่ชอบค่ะ”
เมื่อทั้งสองเห็นว่าถังซวงชอบมันจริง ๆ พวกเธอดีใจมาก
ทั้งสามคนพูดคุยกันสักครู่หนึ่ง จากนั้นถังซวงกลับไปที่ห้องของตัวเอง มองของขวัญที่ได้รับในวันนี้ด้วยรอยยิ้ม ขณะเดียวกันเธอก็คิดถึงเรื่องที่เธอกับโม่เจ๋อหยวนกำลังจะหมั้นหมายกัน และจะเป็นคู่หมั้นในอนาคต
เมื่อตระกูลเฮ่อมาถึงที่นี่ บ้านตระกูลจิงมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
ครอบครัวของอวี๋มินและเมิ่งผิงก็ได้รับคำเชิญด้วยเช่นกัน
แต่เหยาเหลียงเสียนกลับไม่ค่อยพอใจนัก
“พี่สะใภ้คะ นี่มันหมายความว่ายังไง ฉันเคยบอกให้ซือเซี่ยถามถังซวงว่าเธอจะจัดงานหมั้นที่ไหน แต่ซือเซี่ยบอกว่าถังซวงไม่จัดงานใหญ่โต และไม่ได้คิดจะเชิญแขกเหรื่อมากมาย แต่นี่ทั้งญาติ เพื่อนฝูงของพวกคุณได้รับคำเชิญฉันถึงได้รับคำเชิญด้วย เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่”
เมิ่งผิงขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า “คราวแรกถังซวงไม่คิดจะเชิญใครจริง ๆ นี่ เธออยากจะรับประทานอาหารกับครอบครัวในบรรยากาศเงียบสงบ แต่เมื่อมีคนถามเข้ามามากเกินไป เธอจึงต้องจัดงานหมั้นอย่างช่วยไม่ได้น่ะ”
เหยาเหลียงเสียนทำหน้าบิดเบี้ยวแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับ
“อืม ยังไงฉันก็มาเชิญด้วยตัวเองแล้ว อย่างนั้นขอตัวกลับก่อน”
เมิ่งผิงรู้สึกว่าระหว่างตนกับเหยาเหลียงเสียนไม่มีอะไรต้องพูดคุยอีก และเวลานี้ไม่มีใครอยู่ที่บ้าน เธอจึงต้องรีบกลับเลยลุกขึ้นและเดินออกไป
เหยาเหลียงเสียนมองแผ่นหลังเมิ่งผิงที่เดินออกไป ก็รู้สึกหงุดหงิดและโศกเศร้า
น่าเสียดายที่เมิ่งผิงแต่งงานกับตระกูลจิงที่ดีกว่าตระกูลเมิ่งหลายเท่า แถมตอนนี้ถังซวงยังได้รับความสนใจจากผู้บังคับบัญชาจู เธอจึงไม่กล้าพร่ำบ่นอะไรออกไป ทำได้เพียงกักเก็บมันไว้ในใจเท่านั้น
และเมื่อเมิ่งผิงกลับมาถึงบ้าน เธอเห็นว่าสามีของตนกำลังนั่งพูดคุยกับคุณชายเฮ่อและหลี่จงอี้อย่างสนุกสนาน ส่วนถังซวงและคนอื่น ๆ ไม่อยู่
ตอนนี้ถังซวง ถังเซวี่ย และถังชุนหยานไปที่บ้านตระกูลตู้
เมื่อตู้จ้งเหว่ยเห็นถังซวงเขารู้สึกว่าไม่ได้พบเจออีกฝ่ายนานแล้ว
“ถังซวง ทำไมวันนี้ถึงว่างมาหาฉันล่ะ?”
ขณะพูดอย่างนั้น สายตาของเขาหันมองถังชุนหยานด้วย และเมื่อเห็นว่าเธอก็กำลังมองเขาอยู่ ใบหน้าของชายหนุ่มพลันขึ้นสีอย่างช่วยไม่ได้
แต่ถังชุนหยานไม่สนใจเรื่องนั้นเลย เธอยกยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “พวกเรามาเชิญพี่น่ะ”
“ใช่ ฉันจะหมั้นในอีกสองวัน ถ้านายว่างก็สามารถมาร่วมงานได้นะ” ตอนท้ายถังซวงกล่าวเสริมว่า “ครอบครัวของนายก็ด้วย”
ตู้จ้งเหว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะไปแน่นอน”
“เอาล่ะ อย่างนั้นเสร็จธุระแล้ว ฉันขอตัวก่อน”
ถังซวงที่จัดการธุระเสร็จแล้ว คิดจะกลับทันที
ตู้จ้งเหว่ยที่อยากจะให้ถังซวงอยู่ต่อ แต่เขารู้ว่าถังซวงคงจะยุ่งมากจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป
หลังจากถังซวงและคนอื่น ๆ กลับไปแล้ว ตู้จ้งเหว่ยเดินเข้าบ้านไป
เพราะวันนี้ตู้หรงหมิงอยู่บ้าน เมื่อเห็นลูกชายคนโตเดินเข้ามาคนเดียว เขารีบถามทันทีว่า “แล้วถังซวงกับคนอื่น ๆ ล่ะ? พวกเธอมาหาแกไม่ใช่หรือ?”
ตู้จ้งเหว่ยยกการ์ดในมือขึ้นก่อนจะพูดว่า “ถังซวงเอาการ์ดเชิญมาให้น่ะครับ เธอเชิญผมไปร่วมงานหมั้นด้วย”
“จริงหรือ?”
ตู้หรงหมิงมองการ์ดเชิญในมือของลูกชายด้วยแววตาเปล่งประกาย เขาอยากจะคว้ามันเอาไว้แต่พยายามยั้งตัวเอง “งั้นพวกเราจะไปด้วยกัน เราต้องไปแสดงความยินดีกับเธอให้ได้” เขาดูยินดีมาก “จ้งเหว่ย แกเป็นลูกที่ดีของพ่อจริง ๆ”
ได้ยินคำพูดนั้น แววตาของโหยวอี้หงวูบไหว เธอกล่าวเสริมขึ้นว่า “ใช่แล้ว จ้งเหว่ย เธอยอดเยี่ยมมากที่สามารถสานสัมพันธ์กับคุณหนูจิงได้”
ตู้จ้งเหว่ยหันมองโหยวอี้หงด้วยแววตาซับซ้อนก่อนจะพูดว่า “เราสองคนนั่งโต๊ะเดียวกัน ย่อมสนิทสนมเป็นธรรมดา”
หลังพูดอย่างนั้นแล้ว เขาเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองโดยไม่สนใจคนอื่น ๆ ที่กำลังจ้องมองมา