การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย – บทที่ 380 มีส่วนร่วม

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

บทที่ 380 มีส่วนร่วม

บทที่ 380 มีส่วนร่วม

เมื่อมองแผ่นหลังของตู้จ้งเหว่ยที่เดินจากไป โหยวอี้หงกำลังใช้ความคิด

นับตั้งแต่ตู้จ้งเหว่ยกับถังซวงเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะ เขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากเมินเฉยต่อสิ่งต่าง ๆ กลายเป็นขยันอ่านหนังสือ และยังสนิทสนมกับถังซวงและเข้าหาตระกูลจิงได้ง่ายดาย เวลานี้ตู้หรงหมิงให้ความสำคัญกับเขามาก มีความสำคัญในครอบครัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับตู้จ้งเหลียนซึ่งเป็นลูกชายของเธอ

แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้

“อี้หง… อี้หง…”

ตู้หรงหมิงขมวดคิ้วมองภรรยาของตัวเอง “ผมเรียกคุณหลายครั้งแล้ว ไม่ได้ยินหรือ?”

โหยวอี้หงที่เพิ่งฟื้นคืนสติกลับมาได้ยินอย่างนั้น ก็รีบตอบกลับด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว “เมื่อกี้ฉันใจลอยไปหน่อยน่ะค่ะ คุณพูดว่าอะไรนะ?”

“ผมบอกว่าเราต้องไปร่วมงานหมั้นของตระกูลจิงและตระกูลโม่ ต้องเตรียมของขวัญไว้ รีบคิดเร็วเข้าว่าคุณมีของขวัญอะไรที่พอจะเป็นหน้าตาให้ครอบครัวได้บ้างไหม? หรือถ้าไม่ ผมจะออกไปซื้อ”

ตู้หรงหมิงได้รับเชิญเข้าร่วมงานหมั้น นั่นทำให้เขายิ่งตื่นเต้น ในงานจะต้องเต็มไปด้วยแขกคนสำคัญมากมาย และทำให้เขาได้รู้จักผู้คนมากขึ้น

เมื่อโหยวอี้หงได้ยินคำพูดของสามี เธอยิ้มก่อนจะตอบกลับว่า “ที่บ้านไม่มีของขวัญราคาแพงอะไรหรอกค่ะ”

แม้มุมปากจะยกยิ้ม แต่ในแววตากลับไม่ใช่

ตู้หรงหมิงกำลังคิดว่าควรมอบของขวัญอะไรให้กับตระกูลจิงและตระกูลโม่ดี เพราะกำลังสนใจเรื่องอื่นจึงไม่ทันสังเกตสายตาของภรรยา “อืม อย่างนั้นผมจะไปหาของขวัญเองแล้วกัน”

หลังจากตู้หรงหมิงออกไปแล้ว ตู้จ้งเหลียนขยับเข้าใกล้พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “แม่ครับ ตอนนี้พ่อดูจะให้ความสำคัญกับพี่มาก และพี่ชายก็สนิทสนมกับถังซวง เข้าออกบ้านตระกูลจิงก็บ่อย ดูเป็นคนเข้าถึงง่ายมากขึ้นด้วย”

เมื่อเห็นลูกชายของตนรู้สึกน้อยใจ โหยวอี้หงรีบกล่าวปลอบโยน “จ้งเหลียน ไม่ต้องห่วงนะ พี่ชายของลูกไม่มีวันสำคัญไปกว่าลูกหรอก” แน่นอนว่าเธอจะไม่ปล่อยให้ลูกชายของตัวเองถูกเปรียบเทียบอย่างนี้แน่ ทุกอย่างของตระกูลตู้จะต้องเป็นของตู้จ้งเหลียนลูกชายของเธอเท่านั้น

อีกด้านหนึ่ง ถังซวงไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดเรื่องวุ่นวายในตระกูลตู้เพียงเพราะการ์ดเชิญของตนเอง

ตอนนี้เธอและถังชุนหยานกลับมาที่บ้านตระกูลจิง ที่ทุกคนกำลังวุ่นวายไม่น้อย

แม้เธอไม่ต้องการยุ่งกับเรื่องนี้มาก แต่เธอก็อยากจะทำเสื้อผ้าสำหรับงานหมั้นของตัวเอง แม้ฝีมือจะไม่ดีเท่ากับแม่และเกอชิงเหม่ย แต่เธอก็สามารถออกแบบชุดที่เรียบง่ายได้

“โห… พี่สาวซวง ชุดนี้สวยมากเลยค่ะ”

หลังจากเห็นเสื้อผ้าในมือของถังซวง ถังชุนหยานรู้สึกว่ามันสวยและดูดีมาก

ชุดนี้ค่อนข้างแตกต่างจากเสื้อผ้าที่เธอเคยเห็นมาก่อน มันเรียบง่ายและดูสง่างามมาก อีกอย่างมันเข้ากับถังซวงได้เป็นอย่างดี “พี่สาวซวง พี่จะลองสวมมันไหมคะ?”

“อ่า เดี๋ยวจัดการตรงนี้เสร็จ ฉันจะลองใส่ดูน่ะ”

หลังจากถังซวงเย็บเสร็จแล้ว เธอหยิบชุดสีแดงที่ออกแบบเองแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ “ดูดีเหมือนกันนะเนี่ย”

“พี่คะ…”

ถังเซวี่ยบังเอิญเดินเข้ามาพอดี และเมื่อเห็นชุดในมือของถังซวง เธอรีบกระตุ้นให้อีกฝ่ายสวมใส่มันทันที

ถังเซวี่ยและถังชุนหยางเห็นถังซวงสวมชุดสีแดง ก็รู้สึกประหลาดใจ “พี่คะ พี่สวยมากเลยค่ะ”

ถังซวงมองตัวเองในกระจกและรู้สึกว่าชุดนี้ค่อนข้างดี เธอยกยิ้มพอใจก่อนจะพูดขึ้นว่า “อืม ฉันว่าค่อนข้างดีเลยล่ะ”

จากนั้นเธอเปลี่ยนกลับเป็นชุดเดิม แล้วพับมันเก็บไว้อย่างระมัดระวัง

ช่วงสองสามวันมานี้เธอไม่ได้เจอกับโม่เจ๋อหยวนเลย แต่โชคดีที่โม่เจ๋อหยวนยังส่งข่าวถึงเธอทุกวัน แม้ไม่ได้พบแต่ทั้งคู่ก็ยังพูดคุยกันเสมอ

ทันทีที่นึกถึงเรื่องจดหมาย ก็มีจดหมายถูกส่งเข้ามาอีก

ถังเซวี่ยและถังชุนหยานรู้ดีว่าทั้งสองคอยติดต่อกันเสมอ ทั้งสองยกยิ้มและขอตัวออกจากห้องไป

ถังซวงมองดูจดหมายในมือ รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาว

ในจดหมายฉบับนี้เต็มไปด้วยความปรารถนาของโม่เจ๋อหยวนที่มีต่อเธอ และยังเฝ้ารองานหมั้นของทั้งสองอย่างใจจดจ่อ

“ฉันก็คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ โม่เจ๋อหยวน”

ถังซวงกล่าวพึมพำเบา ๆ และเก็บจดหมายนี้ไว้ในกล่องเล็ก ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยจดหมายของโม่เจ๋อหยวน

ทั้งสองเขียนจดหมายถึงกันไปมา และในที่สุดวันหมั้นหมายของถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็มาถึง

ถังซวงตื่นแต่เช้า

ถังเซวี่ยและถังชุนหยานออกมาพร้อมกับเธอ โดยมีเกอชิงเหม่ยกับพานลี่ฮวามาช่วยเหลือ

“ซวงเอ๋อร์ของพวกเราสวยมาก ขนาดยังไม่แต่งหน้านะเนี่ย”

พานลี่ฮวามองใบหน้าไร้ที่ติของถังซวงด้วยความอิจฉา “สวยมากเลยจ้ะ”

เกอชิงเหม่ยพยักหน้าเห็นด้วย “จริงด้วย ซวงเอ๋อร์ของพวกเราสวยมากจริง ๆ!” ขณะที่พูด มือก็กันคิ้วของถังซวงไปด้วย “แบบนี้ยิ่งดูดีมากขึ้น”

วันนี้เป็นงานหมั้นของถังซวง เธอจึงแต่งหน้าเบา ๆ และทาลิปสติกด้วยเช่นกัน

“ซวงเอ๋อร์ เธอทำเครื่องสำอางพวกนี้เองหรือจ้ะ?”

พานลี่ฮวามองถังซวงด้วยแววตาเป็นประกาย และรู้สึกว่าเครื่องสำอางของถังซวงน่าใช้และดูใช้งานง่ายมาก แตกต่างจากสิ่งที่พวกเธอเคยใช้โดยสิ้นเชิง

เห็นความใคร่รู้ในแววตาของพานลี่ฮวา ถังซวงหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “ค่ะคุณป้า ฉันทำมันเอง แป้งพวกนี้เนื้อละเอียดมาก ใช้แค่เล็กน้อยก็จะทำให้หน้าดูสว่างใสราวกับไม่ได้แต่งหน้า”

“โอ้ จริงด้วย ฉันก็เห็นอย่างนั้น ผิวของเธอก็ดีมากอยู่แล้ว หลังจากเติมมันลงไปเล็กน้อยยิ่งดูสว่างสดใส เหมือนไม่ได้แต่งหน้าจริง ๆ”

“คุณป้าคะ เดี๋ยวเราค่อยคุยเรื่องเครื่องสำอางพวกนี้หลังจากงานหมั้นจบนะคะ ตอนนี้ชุนหยานกำลังศึกษามันอยู่ และระหว่างที่เธอกำลังเรียนหนังสือ ฉันจะผลิตบางส่วนไว้รอค่ะ”

พานลี่ฮวาพยักหน้ารับอย่างรีบร้อน “จ้ะ ได้เลย”

เกอชิงเหม่ยหันมองถังซวงและพานลี่ฮวาด้วยความขบขันก่อนจะพูดต่อว่า “พวกเธอสองคนเลิกคุยเรื่องธุรกิจกันก่อนดีกว่า นี่เป็นวันหมั้นของซวงเอ๋อร์นะ ธุรกิจนั่นเอาไว้ทีหลัง”

เพราะเฮ่อหลานท้องอยู่ ทุกคนจึงเห็นพ้องต้องกันว่าไม่อยากให้เธอต้องตื่นเช้า และให้พานลี่ฮวากับเกอชิงเหม่ยมาช่วยแทน ทั้งสองจึงอยากจะทำสิ่งต่าง ๆ ให้ดีที่สุด

“อ้อ จ้ะ ๆ ฉันไม่พูดแล้ว”

พานลี่ฮวาก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน และเมื่อตระหนักได้ว่าหลานสาวกำลังจะหมั้นหมายในวันนี้ เธอในฐานะป้าต้องช่วยเหลือถึงที่สุด จึงเร่งมือให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว จากนั้นให้ถังซวงไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

หลังจากถังซวงเดินออกมา ทุกคนถึงกับอ้าปากค้างในทันที

เธออยู่ในชุดเดรสสีแดงหรูหราสง่างามประกอบกับการแต่งหน้าเบาบาง ทำให้ถังซวงเปล่งประกายอย่างไม่อาจละสายตาได้

“โห… ซวงเอ๋อร์ ถ้าเจ๋อหยวนเห็นเธอ เขาจะต้องเป็นบ้าแน่นอนเลยจ้ะ”

พานลี่ฮวาเดินเข้าหาถังซวงด้วยใบหน้าประหลาดใจพร้อมเอ่ยปากชมไม่หยุดหย่อน

เวลานี้เฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรงเดินเข้ามาดูด้วยเช่นกัน

ทั้งสองถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นถังซวงในชุดหมั้น

แม้พวกเขาจะทราบดีอยู่แล้วว่าซวงเอ๋อร์สวยงามเพียงใด แต่เมื่อเธออยู่ในชุดนี้ เธอยิ่งสวยขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

“ซวงเอ๋อร์ ลูกสวยมากเลยจ้ะ”

ถังซวงหันไปหาเฮ่อหลานและจิงเจ้อหรง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วถามว่า “แม่คะ หนูบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ต้องรีบตื่น แล้วทำไมถึงมาล่ะคะ?”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เฮ่อหลานชำเลืองมองถังซวงแล้วพูดว่า “โธ่ ก็ลูกสาวคนโตของแม่กำลังจะหมั้น จะให้แม่มัวหลับนอนได้ยังไงล่ะ?”

จิงเจ้อหรงที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวเสริมขึ้น “ซวงเอ๋อร์ แม่ลูกพูดถูกนะ พวกเราจะนอนหลับลงได้ไง”

ขณะที่ทั้งหลายคนกำลังพูดคุย อวี๋มินและเมิ่งผิงก็เดินเข้ามา

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

Status: Ongoing
การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวยเธอตื่นขึ้นมาในร่าง ‘ถังชวง’ เด็กสาวในยุค 70 ที่มีชีวิตแสนลำบากในตระกูลที่กขี่ทั้งเธอ แม่กับน้องสาว… แต่จากนี้เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอจะเป็นเศรษฐีนี่ให้ได้เลย! นิยายแปลเรื่อง การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย [重返七零之空间小辣]ผู้แต่ง:钰儿เรื่องย่อ: เธอเกิดใหม่มาในร่งของ ถังซวง’ เด็กสาวที่ถูกกใน ยุค 70!! แถมยังต้องมาเจอกับพ่อใจร้ายที่วัน ๆ เาแต่ทุบตี เธอเลยต้องวางแผนให้แม่หย่ากับพ่อเฮงซวยแบบนี้แล้วพาแม่กับน้องสาว ออกไปจากตระกูลปรสิตนี่ และหลังออกจากระกูล เธอก็มุ่งมั่นตั้งใจพาครอบครัวไปสู่เส้นทางเศรษฐีนี่ให้ได้ในสักวัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท