หนึ่งเซียนยากเสาะหา – ตอนที่ 423 ความวุ่นวายที่ส่งผลต่ออวิ๋นจง

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 423 – ความวุ่นวายที่ส่งผลต่ออวิ๋นจง

 

    รีบร้อนออกจากเมืองกุ่ยฟาง ไปจากอาณาจักรเป่ยหลิน หลายเดือนให้หลัง โม่เทียนเกอก็เข้าสู่เขตอิทธิพลของสำนักจิ่วเยี่ยนแล้ว

    ทิศเหนือของอาณาจักรตงถังเนื่องจากอยู่ใกล้อาณาจักรเป่ยหลิน ขุนเขาสายน้ำแร้นแค้น รกร้างอย่างยิ่ง แม้แต่หมู่บ้านยังเห็นไม่กี่แห่ง จนกระทั่งเข้าใกล้สำนักจิ่วเยี่ยน คนจึงมากขึ้นมา พอเข้าขอบเขตอิทธิพลของสำนักจิ่วเยี่ยน ยิ่งเป็นตัวเมืองทั่วทุกที่ เจริญรุ่งเรือง

    ห้าสำนักใหญ่อาณาจักรตงถัง สำนักจิ่วเยี่ยนและสำนักตานเสียที่ตั้งล้วนอยู่ทางตอนเหนือ แต่เป็นหนึ่งบูรพาหนึ่งประจิม เนื่องจากการคงอยู่ของสองสำนักนี้ รอบด้านเจริญรุ่งเรืองยิ่ง เมืองของผู้ฝึกเซียนยิ่งมีอยู่ทั่ว เทียบกับเทียนจี๋แล้วเจริญกว่าไม่รู้กี่เท่า

    ตรงกลางทาง โม่เทียนเกอสุ่มเลือกเมืองฝึกเซียนแห่งหนึ่งพักเท้า แต่กลับค้นพบว่าความวุ่นวายของสายมารส่งผลกระทบต่อทุกที่ของอวิ๋นจงนานแล้ว

    วัตถุศักดิ์สิทธิ์สายมารปรากฏบนโลก เมื่อผู้ฝึกมารที่แข็งแกร่งสักคนได้รับมา ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มพูนขึ้น และผู้ฝึกตนสายต่าง ๆ ของอวิ๋นจงถึงจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ แต่ก็อยู่ในสมดุลอันละเอียดอ่อน ถ้าหากสายมารมีผู้ฝึกตนที่ความแข็งแกร่งพุ่งพรวด โดยเฉพาะเป็นบุคคลอย่างสามประมุขมารใหญ่ เช่นนั้นสถานการณ์ของอวิ๋นจงย่อมจะต้องแปรเปลี่ยนตาม

    ดังนั้น วัตถุศักดิ์สิทธิ์สายมารพอปรากฏบนโลก ไม่เพียงเกิดคลื่นใหญ่ขึ้นที่พิภพผู้ฝึกมาร ผู้ฝึกเต๋า, ผู้ฝึกขงจื๊อ, ผู้ฝึกพุทธอื่น ๆ ก็ถูกม้วนเข้าไปด้วยอย่างไม่มียกเว้น ตอนนี้นางกลับมาถึงอาณาจักรตงถัง สำนักใหญ่สายเต๋าทั้งห้าแทบจะไม่เหลือผู้ฝึกตนระดับสูง ออกเคลื่อนไหวไปทั้งรังกันถ้วนหน้า

    คลื่นลมที่ก่อตัวขึ้นที่อาณาจักรตงถังเรื่องนี้มันใหญ่โตกว่าเรื่องเมืองกุ่ยฟางมากมาย นี่เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์สายมาร เหล่าผู้ฝึกมารนำหน้าไปแย่งชิงเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ส่วนเหล่าผู้ฝึกเต๋ากลับสัมผัสได้ถึงวิกฤตการณ์เพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน

    เหล่าผู้ฝึกเต๋าคุ้นเคยกับการที่พวกเขาเป็นผู้ฝึกตนที่มีจำนวนมากที่สุดทรงพลังที่สุดในอวิ๋นจงแล้ว ทว่าครั้งนี้ ผู้ฝึกมารถึงกับอาจจะได้รับวัตถุศักดิ์สิทธิ์จอมมาร นี่จะรับได้อย่างไร ต้องทราบว่า ปีนั้นถึงแม้จอมมารจะมีความแข็งแกร่งสูงส่ง แล้วยังมีสิบประมุขมารใหญ่ซึ่งเป็นบุคคลอันโดดเด่น แต่พวกเขาผู้ฝึกเต๋าก็มีอัจฉริยะอย่างผู้อาวุโสฝูเหยาจื่อ และยิ่งมีผู้มีศักยภาพคนอื่น ๆ พลังของผู้ฝึกเต๋าไม่ได้อ่อนแอสักนิด!

    ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว ถึงแม้เต๋ามารไม่ได้เป็นศัตรูกันอีก แต่ในแก่นกระดูก พวกเขายังคงไม่เต็มใจให้ผู้ฝึกมารชิงความได้เปรียบ อยู่เหนือกว่าผู้ฝึกเต๋า 

    สำหรับผู้ฝึกพุทธและผู้ฝึกขงจื๊อ พวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของสายธรรมะ ผู้ฝึกมารกล้าแข็ง สำหรับพวกเขาแล้วก็ไม่มีข้อดี ย่อมยืนอยู่ฝั่งผู้ฝึกเต๋า

    พอได้ยินอย่างนี้ โม่เทียนเกออดถอนหายใจไม่ได้

    คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าไม่กี่ปีสั้น ๆ นี้ที่กักตน สถานการณ์ของอวิ๋นจงถึงกับเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ เช่นนี้แล้ว เรื่องที่นางต้องทำยิ่งมีตัวแปร

    ไม่กี่ปีก่อน หลิงอวิ๋นเฮ่อรับปากว่าจะช่วยนางให้ได้รับฉบับสมบูรณ์ของศาสตร์แห่งซู่หนี่ว์ สิ่งที่พูดเป็นเพียงการคิดหนทางช่วยนางให้ได้มา แต่ไม่ได้บอกว่าต้องใช้เวลาเท่าใด จะมอบให้นางโดยตรงหรือไม่ อีกประการ ไม่ว่าหลิงอวิ๋นเฮ่อจะได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักของสำนักจิ่วเยี่ยนหรือไม่ ในสถานการณ์ที่แทบจะระดมกำลังทั้งหมด เกรงว่าเขาก็ถูกม้วนเข้าไปในเรื่องนี้ ก็ไม่รู้ว่าขณะนี้จะอยู่ที่สำนักจิ่วเยี่ยนหรือไม่

    โม่เทียนเกอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง รู้สึกว่าคิดมากไปก็ไร้ประโยชน์ มิสู้ตรงไปดูที่สกุลหลิงเมืองเทียนเสวี่ย ถึงเวลาค่อยวางแผนใหม่

    หลังจะตัดสินใจเยี่ยงนี้ นางเร่งรุดเดินทางทั้งวันทั้งคืน ตลอดทางไม่หยุดพักสักนิด มาถึงเมืองเทียนเสวี่ยอย่างรวดเร็ว

    ขึ้นสกุลหลิงไปอย่างคุ้นทาง ช่างบังเอิญนัก ผู้ที่มาต้อนรับนางก็คือเสี่ยวชุ่นที่เรียกหลิงอวิ๋นเฮ่อว่าอารองคนนั้น แต่ว่า ไม่ได้พบกันสิบปี อีกฝ่ายสร้างฐานพลังสำเร็จแล้ว กลายเป็นผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังแล้ว

    “ผู้อาวุโส เป็นท่าน!” เมื่อเห็นโม่เทียนเกอที่ถูกเสี่ยวสือคนเฝ้าประตูพาเข้ามา เสี่ยวชุ่นอ้าปากกว้างอย่างประหลาดใจ

    โม่เทียนเกอกวาดตามอง ค้นพบในทันทีว่าวันนี้แตกต่างจากอดีต เสี่ยวชุ่นเลื่อนขึ้นเป็นผู้ฝึกตนสร้างฐานพลัง การแต่งกายและกิริยาท่าทางไม่เหมือนกับผู้ฝึกตนระดับต่ำคนนั้นในวันวานอย่างมาก นางยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ได้พบกันหลายปี ที่แท้เจ้าสร้างฐานพลังสำเร็จแล้ว ยินดีด้วย ๆ”

    เสี่ยวชุ่นเกาศีรษะอย่างขัดเขิน รีบเชิญให้โม่เทียนเกอนั่งลง “ผู้อาวุโสเชิญนั่ง ตอนนี้ผู้อาวุโสก่อเกิดตานทั้งหลายของสกุลหลิงล้วนกำลังยุ่ง ต้อนรับได้ไม่ดี โปรดอภัยด้วย”

    โม่เทียนเกอโบกมือ ไม่ถือสา “ข้ารู้ วัตถุศักดิ์สิทธิ์สายมารปรากฏบนโลก ปัจจุบันนี้ทั่วทั้งอวิ๋นจงล้วนได้รับผลกระทบ” อันที่จริง ตระกูลใหญ่อย่างสกุลหลิง ถึงแม้จะมีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานมาเยือน ก่อนที่จะแจ้งสาเหตุ การให้ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังต้อนรับก็เพียงพอแล้ว ถือไม่ได้ว่าผิดมารยาท ยิ่งกว่านั้น ปัจจุบันสถานการณ์พิเศษ ตามที่นางคาดการณ์ บรรพบุรุษจิตวิญญาณใหม่ของสกุลหลิงก็คงไปไล่หาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สายมารนั่นเสียแปดส่วน ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานที่เหลือในสกุลหลิงก็คาดว่ามีอยู่ไม่กี่คนนั่น น่าจะยุ่งกันหมด ไม่ว่างมาทักทายนาง

    เห็นโม่เทียนเกอไม่ถือสา เสี่ยวชุ่นถอนหายใจโล่งอก เอ่ยขออภัยว่า “ในเมื่อผู้อาวุโสทราบสาเหตุ ข้าก็ไม่อธิบายมากความแล้ว” 

    ข้ารับใช้ของสกุลหลิงล้วนฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เวลานี้เร่งมือเร่งเท้ายกชามาแต่แรกแล้ว

    รอจนโม่เทียนเกอจิบชาแล้ว เสี่ยวชุ่นจึงกล่าวว่า “ผู้อาวุโสมาเยือนเพื่อเสาะหาอารองหรือ”

    โม่เทียนเกอวางถ้วยชา ผงกศีรษะ “มิผิด แต่ไม่ทราบว่าสหายเต๋าหลิงอยู่ในจวนหรือว่าอยู่ในสำนักจิ่วเยี่ยนหรือ”

    เสี่ยวชุ่นส่ายหน้า น้ำเสียงลุแก่โทษ “บังเอิญจริง ๆ อารองติดตามบรรพบุรุษออกไปเมื่อหลายเดือนก่อน ไม่รู้ว่าวันใดจึงจะสามารถกลับมา”

    โม่เทียนเกอได้ยินแล้วชะงักไป ตามด้วยการถอนหายใจ “ข้าก็เดาไว้ล่วงหน้าแล้ว เรื่องวัตถุศักดิ์สิทธิ์สายมาร สหายเต๋าหลิงคงจะไม่สามารถหลบเลี่ยง เพียงมาถามดูเผื่อ ๆ เท่านั่น”

    “ผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องผิดหวังเช่นนี้” เสี่ยวชุ่นกลับยิ้มเอ่ยขึ้นมาอีก “ถึงอารองจะไม่อยู่ แต่เรื่องของผู้อาวุโสก็ได้อธิบายต่อผู้เยาว์ไว้ก่อนแล้ว”

    “อ้อ?” โม่เทียนเกอดีใจนิด ๆ พูดอย่างนี้ นางก็ไม่นับว่าวิ่งมาเสียเที่ยวแล้ว “แต่ไม่ทราบว่าสหายเต๋าหลิงพูดอะไร”

    เสี่ยวชุ่นเอ่ยว่า “อารองอธิบายว่า  ของตอบแทนของของผู้อาวุโสท่านได้เตรียมเอาไว้แล้ว แต่ว่า เรื่องนี้สำคัญ ไม่สะดวกจะอธิบาย โปรดรอถึงตอนที่เขากลับมา ส่งมอบให้ท่านกับมือ”

    โม่เทียนเกอตะลึง “อย่างนี้เอง……” สิ่งที่นางต้องการคือศาสตร์แห่งซู่หนี่ว์ฉบับสมบูรณ์ รวมถึงวิชาเวทระดับจิตวิญญาณใหม่ขึ้นไป อีกทั้งสิ่งนี้ยังเป็นสมบัติของสำนักตานเสีย รอบคอบเช่นนี้ก็ไม่ได้เกินเลยไป เพียงแต่ วัตถุศักดิ์สิทธิ์สายมารปรากฏบนโลกครั้งนี้ ผู้ฝึกตนที่ถูกม้วนเข้าไปมากมายเพียงใด สามารถจินตนาการได้ว่าจะเกิดความวุ่นวายใหญ่โต เขาหลิงอวิ๋นเฮ่อจะสามารถรับประกันว่าตนเองจะมีชีวิตรอดกลับมาปฏิบัติตามข้อตกลงได้อย่างไรเล่า สมมติว่าหลิงอวิ๋นเฮ่อสิ้นชีพในการเดินทางนี้ นางไยมิใช่ว่าหยิบฉวยมาไม่ได้แล้ว?

    โม่เทียนเกอลังเลครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ตอนนี้เจ้าสามารถติดต่อเขาได้ไหม”

    เสี่ยวชุ่นลังเลนิดหน่อย ตอบว่า “ผู้เยาว์ไม่สามารถ แต่ว่า ก่อนหน้านี้อารองก็ได้อธิบายไว้แล้ว ถ้าหากผู้อาวุโสผ่านมาในช่วงเวลานี้จริง ๆ แล้วอยากจะเสาะหาเขา ผู้เยาว์สามารถบอกกับผู้อาวุโสว่าจะสามารถหาอารองพบที่ไหน”

    “อ้อ?” โม่เทียนเกอประหลาดใจเล็กน้อย เรื่องครั้งนี้ ถึงนางจะรู้ว่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานส่วนใหญ่ของอวิ๋นจงล้วนเข้าร่วม แต่ไม่เคยคิดจะไต่ถามที่ไปของพวกเขาเลย เพราะเรื่องอย่างนี้จะต้องเป็นความลับที่ไม่แพร่งพราย แต่ขณะนี้ฟังจากความหมายนี้ของเสี่ยวชุ่น คล้ายจะสามารถบอกนางได้?

    โม่เทียนเกอครุ่นคิดครู่หนึ่ง ถามว่า “หรือว่าเรื่องนี้มิใช่ความลับของสำนัก เหตุใดเจ้าสามารถบอกข้าได้”

    เสี่ยวชุ่นยิ้มแล้วส่ายศีรษะ “ผู้อาวุโส เรื่องนี้เป็นความลับมิผิด แต่เรื่องที่ผู้ฝึกตนระดับสูงแทบทั้งหมดของอวิ๋นจงล้วนเข้าร่วมจะสามารถเก็บความลับไปถึงไหนกันเล่าขอรับ ผูอาวุโสก็เป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน ถ้าอยากจะทราบจริง ๆ ยังมีหนทางที่สามารถไต่ถามได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ให้ข้าแจ้งต่อผู้อาวุโสแล้วจะเป็นไรไปเล่าขอรับ”

    พูดอย่างนี้……ก็ใช่ คนที่เข้าร่วมมากเข้า เรื่องจะลับอีกแค่ไหนก็กลายเป็นไม่ลับแล้ว

    โม่เทียนเกอยิ้มแล้วถามว่า “เช่นนั้นเจ้าว่ามา ให้ข้าไปเสาะหาเขาที่ใด”

    เสี่ยวชุ่นยิ้มบาง ๆ มองนางแล้วพูดเพียงสามคำ “ทะเลกุยสวี”

    โม่เทียนเกอตะลึง มุ่นคิ้วเล็กน้อย “ทะเลกุยสวี?”

    “มิผิด” เสี่ยวชุ่นล้วงแผนที่ที่ทำจากหนังสัตว์ออกมาจากอกเสื้อหนึ่งฉบับ กางลงบนโต๊ะชา นี่เป็นแผนที่อวิ๋นจงอย่างเรียบง่ายฉบับหนึ่ง อวิ๋นจงส่วนใหญ่เพียงวาดออกมาคร่าว ๆ แต่ทะเลชั้นในกลับละเอียดยิ่ง เกาะเล็ก ๆ ทุกเหาะ เขตทะเลทุกเขต ล้วนเห็นได้ชัดเจน

    “ผู้อาวุโสขอรับ ถ้าท่านอยากไปเสาะหาอารองก็ไปยังเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้”

    โม่เทียนเกอมองดูเกาะเล็ก ๆ ข้างทะเลกุยสวีเห่งนั้นที่เสี่ยวชุ่นชี้ ถามว่า “เขาอยู่ที่นั่นหรือ”

    เสี่ยวชุ่นส่ายหน้า “เป็นเพียงสิ่งที่อารองสั่งมาเท่านั้นขอรับ จากที่ผู้เยาว์เห็น ผู้อาวุโสไปที่นี่โอกาสพบอารองไม่สูง”

    โม่เทียนเกอเงียบงัน เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงสถานที่ที่ผู้ฝึกตนสำนักจิ่วเยี่ยนผ่านทาง หลิงอวิ๋นเฮ่อไปที่นี่แล้วมีเรื่องต้องทำไม่ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ทั้งสำนักออกโรง จะสามารถรอนางอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อีกทั้งเขาก็ไม่ได้ทราบเลยว่านางจะเสาะหามาถึงสกุลหลิงในเวลานี้จริง ๆ ดังนั้น นี่ก็เป็นเพียงความเป็นไปได้เท่านั้น

    นางคิดอยู่พักหนึ่ง ถามอีกว่า “ถ้าหากเรื่องราวราบรื่นเล่า เขาเคยพูดหรือไม่ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”

    เสี่ยวชุ่นนิ่งไปพักหนึ่ง ส่ายหน้าเบา ๆ เผยแววสลด “ไม่ทราบขอรับ ผู้อาวุโสในเมื่อทราบแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น คิดว่าก็จะต้องเข้าใจว่านี่เป็นความวุ่นวายครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบไปทั้งอวิ๋นจง ผู้อาวุโสที่จากไปสุดท้ายแล้วจะสามารถมีชีวิตกลับมาหรือไม่ ใครก็ไม่อาจทราบ”

    “……” โม่เทียนเกอนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง แล้วจึงชี้ไปยังแผนที่บนโต๊ะ “อันนี้ ให้ข้าได้ไหม”

    เสี่ยวชุ่นได้สติกลับมา ยิ้มเอ่ยว่า “แน่นอนขอรับ” ม้วนแผนที่ ประคองขึ้นด้วยสองมือ 

    โม่เทียนเกอรับมา กล่าวว่า “ขอบใจเจ้ามากที่ถ่ายทอดคำพูด สรุปแล้วจะไปหรือไม่ไป ข้ายังคิดไม่ตก อย่างนี้เถอะ หากสหายเต๋าหลิงกลับมาแล้วข้าไม่ได้ไปเสาะหาเขา โปรดแจ้งเขาว่าข้าจะหาเวลาที่เหมาะ ๆ มาเยี่ยมใหม่”

    เสี่ยวชุ่นยิ้มแล้วพยักหน้า “จะต้องถ่ายทอดวาจาของผู้อาวุโสแน่นอนขอรับ”

    โม่เทียนเกอเอ่ยอีกว่า “ยังมีสหายเต๋าเทียนฉานคนนั้น นางฝากคำพูดไว้กับข้าว่า ณ ตอนนี้ขางมีธุระสำคัญติดตัว เวลาเข้าเยี่ยมไม่แน่นอน อาจจะสามปีห้าปี อาจจะสิบปียี่สิบปี รอนางว่างแล้วค่อยมาหาคน”

    เสี่ยวชุ่นพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ข้าทราบแล้วขอรับ”

    โม่เทียนเกอลังเลชั่วขณะ สุดท้ายไม่ได้บอกเสี่ยวชุ่นเรื่องการเปลี่ยนของตอบแทน เรื่องนี้เป็นความลับเกินไป ไว้ตอนที่เจอหลิงอวิ๋นเฮ่อค่อยพูดเถอะ ถึงนางจะไม่ได้พูดออกมา ถึงเวลาเนี่ยอู๋ชางมาพูดเองก็เหมือนกัน

    เรื่องสำคัญหลัก ๆ พูดจบแล้ว โม่เทียนเกอก็ไม่ได้รีบร้อนจะไป คุยเล่นกับเสี่ยวชุ่น ถือโอกาสถามเรื่องตามหลังของปีนั้นสักคำ

    หลังจากได้รับผลไร้กังวล หลิงอวิ๋นเฮ่อชิงตำแหน่งเจ้าสำนักจิ่วเยี่ยนได้สำเร็จตามคาด ปีนั้นเขาแบกอาการบาดเจ็บกลับมา บรรพบุรุษจิตวิญญาณใหม่สกุลหลิงโกรธจัด ภายหลังภายในสำนักจิ่วเยี่ยนก็เกิดความวุ่นวาย การต่อสู้ผ่านพ้นไปหนึ่งรอบ หลิงอวิ๋นเฮ่อขึ้นเป็นเจ้าสำนักอย่างราบรื่น เรื่องนี้จึงได้ยุติไป

    เรื่องนี้ ถึงเสี่ยวชุ่นจะพูดคลุมเครือมาก แต่โม่เทียนเกอเดาออกว่าจะต้องเกี่ยวกับหลิงอวิ๋นเฟย ปีนั้นหลิงอวิ๋นเฟยในฐานะลูกหลานสกุลหลิงแต่กลับแอบวางแผนร้ายต่อหลิงอวิ๋นเฮ่อ จะต้องมีที่พึ่งพิง และที่พึ่งพิงนี้จะต้องไม่ใช่บรรพบุรุษสกุลหลิง เมื่อคาดการณ์อย่างนี้แล้ว บรรพบุรุษสกุลหลิงไม่โกรธก็แปลกล่ะ ลูกหลานก่อเกิดตานของบ้านตัวเองถึงกับถูกคนอื่นติดสินบน จะยอมได้อย่างไร  พูดได้ว่า หลิงอวิ๋นเฮ่อนั่งตำแหน่งเจ้าสำนักประกาศถึงการสูญเสียอำนาจของฝ่ายหนึ่งในสำนักจิ่วเยี่ยน

    แน่นอนว่านี่เป็นกิจการภายในของสำนักจิ่วเยี่ยน โม่เทียนเกอเพียงถามคร่าว ๆ ไม่ได้แสดงความอยากรู้อยากเห็นมากเกินไปออกมา สำหรับนาง คำถามในตอนนี้คือ สรุปว่าจะไปหาหลิงอวิ๋นเฮ่อสรุปเรื่องนี้แต่เนิ่น ๆ หรือว่าไม่ไปเกี่ยวข้องแล้วรออยู่ที่นี่ 

……………….. 

 

ตอนที่ 424 ห้าศักดิ์สิทธิ์

 

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

Status: Ongoing
ในฐานะผู้ฝึกตนหญิง ถนนสู่อมตะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก คุณสมบัติ, วิชา, ยา, อาวุธเวท ล้วนไม่อาจขาดสักสิ่ง อารมณ์, ความอ่อนแอ, ความเมตตา, ความโลภ ล้วนไม่อาจมากสักสิ่ง ไม่มีของสิ่งแรก การฝึกจะช้าเกินไป ของสิ่งหลังมาก จะตายเร็วเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาต้องไม่มากไม่น้อย สติปัญญาต้องไม่มากไม่น้อย งดงามเกินไปย่อมจะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงบังคับไปเป็นอนุ อัปลักษณ์เกินไปพบปะผู้คนจะถูกรังเกียจชนกำแพงไปทุกที่ ฉลาดเกินไปจะกลายเป็นนกโผล่หัวที่ถูกตี โง่เกินไปถูกขายแล้วยังช่วยคนนับเงิน ม่อเทียนเกอนึกว่าอย่างไหน ๆ ล้วนสามารถทำได้ แต่ดันมีเรื่องน่าตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ถนนเซียนสายนี้ จะเดินทางอย่างสงบสุขได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท