โน้ต: ในตอนก่อนหน้า เนื่องจากผมลืมแปะข้อความ 1 ข้อความจากทางต้นฉบับนะครับ ผมจึงจะขอแปะไว้ตรงนี้
“ Note: ไม่ใช่การขืนใจครับ”
——
ชื่อของหญิงสาวแวมไพร์คนนี้ก็คือ ลูลูซี่ = ลู
แม้จะเปลี่ยนไปมาหลาย ๆ แบบ แต่สุดท้ายก็จบลงที่ ลู
แล้วก็ เรื่องชื่อที่เธอใช้เรียกผม ค่อย ๆ เปลี่ยนจาก [สัตว์ป่าบ้ากาม] [สัตว์ป่า] [ไอเวร] [หัวหน้าหมู่บ้าน] และลงเอยที่ [คุณสามี]
เพราะผมยอมรับในตัวลู พวกคุโระเองเลยทำเช่นกัน
อาจเพราะแบบนั้นเลยน่าจะประมาทไปหน่อย หลังจากได้ที่ลูได้เจอซาบุตงกับลูก ๆ เธอก็หมดสติไปทันที
ถึงจะเป็นแวมไพร์ก็ยังเป็นเด็กผู้หญิงล่ะนะ
เจอแมงมุมจำนวนขนาดนี้ก็คงต้องมีตกอกตกใจกันบ้าง
หลังจากได้สติกลับมาแล้ว พอได้ฟังคำอธิบายจากผมก็พอจะเข้ากันได้อยู่
แต่เวลาซาบุตงโผล่ไปอยู่ด้านหลังแบบกระทันหันก็ยังตกใจอยู่ดี
ลูไม่ได้อาศัยเพียงแค่เลือดในการดำรงชีวิต เธอทานอาหารปกติเหมือนกับผมด้วย
แล้วก็ดูเหมือนจะชอบมะเขือเทศเป็นพิเศษ
ในตอนแรกผมคิดว่าลูกับพวกคุโระอาจจะไม่ถูกกันเพราะเคยมีปัญหามาก่อน แต่เหมือนจะสนิทกันได้อย่างรวดเร็วเพราะชอบสิ่ง ๆ เดียวกัน
ซาบุตงเองก็ขอมันฝรั่งเหมือนกัน ผมเลยทำอาหารด้วยมันฝรั่งกับมะเขือเทศไปสักพัก
นั่นทำให้ได้พบกับความจริงอันน่าตกใจ
ตอนทานอาหารที่ผมปรุง ลูก็พูดขึ้นมา
[ไม่ใช้เกลือเหรอ?]
[ไม่มีเลยน่ะสิ ก็หาแล้วล่ะนะ]
[…..เอ๋?]
ตลอดชีวิตนี้ ผมคงไม่มีวันลืมสีหน้าของลูในตอนนี้ไปได้แน่
ผมเดินตามลูเข้ามาที่บ่อน้ำ
บ่อน้ำบ่อแรกที่ผมขุดเอาไว้
ผมคิดว่าต้องเดินลงไปจนถึงด้านล่างสุด แต่เราก็หยุดอยู่แค่บริเวณใกล้ ๆ ทางเข้า เธอก็เคาะกำแพงแล้วแกะส่วนหนึ่งออกมา
ดินส่วนนี้แข็งเอามาก ๆ
แข็งสุด ๆ
ส่วนที่ถูกนำออกมาเลยเหมือนกับก้อนอิฐ
ลูเอามันกลับมาต้มในน้ำ
[ถ้าเอามาต้มแบบนี้ ก็จะได้เกลือ]
….
[พอน้ำระเหยออกไปหมด สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือเกลือนะ]
………..
และแล้ว ผมก็ได้เกลือที่โหยหามาตลอด
ผมหาโอกาสในช่วงหลาย ๆ วันที่ผ่านมาแล้วผลิตเกลือขึ้นมา
ตอนนี้อาหารที่ปรุงก็มีรสเค็มแล้ว
ดูเหมือนว่าบริเวณรอบ ๆ นี้จะไม่มีหินเกลือ แต่มีชั้นของเกลืออยู่
อยู่ลึกลงไปราว 50 เซนติเมตรจากผิวดิน มีแต่ของแบบนี้ป่าแห่งนี้ยังไปรอดไหมเนี่ย
แต่เท่าที่ได้ยินมาดูเหมือนว่าพืชพรรณในป่าแห่งนี้จะค่อนข้างพิเศษ
อีกอย่างที่สามารถปลูกพืชได้นั้นก็คงเป็นเพราะ [อุปกรณ์เกษตรสารพัดประโยชน์] ล่ะนะ
หลักฐานก็คือการที่ไม่สามารถสกัดเกลือออกมาจากดินในแปลงได้
ไปสักการระศาลบูชาที่ทำเอาไว้ก่อนแล้วกัน
นอกเรื่อง
พอไปตรวจสอบดินที่อ่างเก็บน้ำก็พบชั้นดินที่สามารถนำมาสกัดเกลือได้
ฮืม….ไม่เคยคิดเลยว่าจะอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้เลย
เพราะใช้รูปแบบค้อนของ [อุปกรณ์เกษตรสารพัดประโยชน์] อัดให้แน่นไปแล้ว ตอนใส่น้ำลงไปในอ่างก็คงไม่มีปัญหาเรื่องเกลือละลายผสมกับน้ำ แต่เพื่อความมั่นใจผมจึงนำดินจากบริเวณอื่น มาโปะทับและอัดให้แน่นกันไว้ก่อน
ดูเหมือนว่าลูจะสามารถรังสรรค์ชุดของตัวเองได้โดยอาศัยเวทมนตร์
สาเหตุที่ครั้งแรกที่เจอกันอยู่ในสภาพเปลือยเปล่านั้นก็เพราะได้รับความเสียหาย จนมีพลังเวทย์ไม่เพียงพอในการคงสภาพชุดเอาไว้นั่นเอง
พลังเวทย์
พลังเวทย์สิน้าา
พอได้เห็นลูใช้เวทมนตร์จุดไฟก็ดันรู้สึกประทับใจขึ้นมา
กลับเข้าเรื่อง ลูสามารถรังสรรค์ชุดขึ้นมาได้ด้วยเวทมนตร์ก็จริง แต่ดูเหมือนในตอนนี้จะสวมชุดที่ซาบุตงเตรียมไว้ให้อยู่
นั่นก็เพราะ ดูเหมือนว่าชุดที่ซาบุตงทอขึ้นนั้นจะมีคุณภาพสูงกว่าชุดขุนนางเสียอีก ลูเลยถูกอกถูกใจเป็นพิเศษ
อีกอย่าง ลูสามารถปรับเปลี่ยนขนาดร่างกายของตนเองได้อย่างอิสระ ในระหว่างวันเธอจึงอยู่ในรูปร่างของเด็กมัธยมต้น
เธอจะเปลี่ยนร่างกายให้เป็นผู้ใหญ่แค่ในตอนกลางคืนเท่านั้น เหตุผลนั้นดูเหมือนจะเป็น….เพื่อให้ผมหักห้ามใจของตัวเอง
ผมก็ตั้งอกตั้งใจหักห้ามตัวเองแล้วนะ….
พยายามเพิ่มอีกสักหน่อยแล้วกัน
เอาล่ะ เอาล่ะ ผู้อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นแล้วก็มาเตรียมพร้อมรับมือฤดูหนาวกันดีกว่า
ถ้าหากไม่เตรียมพร้อมให้ดีอาจจะมีปัญหาตามมาได้….แต่ผมคาดการณ์หลาย ๆ เรื่องไว้ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ถึงจะมีผู้อาศัยมาเพิ่มอีกสักคนก็คงไม่ต่างกันมาก
กลับกัน ผมรู้สึกยินดีด้วยซ้ำที่มีคนมาช่วยงานเก็บเกี่ยวเพิ่ม
ให้มาช่วยงานในส่วนที่พวกลูก ๆ ของซาบุตงไม่สามารถทำได้เป็นหลักแล้วกัน
[ไม่เอาหรอก งานที่ต้องไปข้องแวะกับดินเนี่ย…]
ในช่วงแรกลูนั้นดูเหมือนจะต่อต้านการทำไร่ แต่พอผ่านไปสองสามวันก็เริ่มชินไปเอง
เธอคงจะมีความสามารถในการปรับตัวสูงล่ะนะ
หลังมื้ออาหารเอย ก่อนตะวันลับขอบฟ้าเอย
ถ้าหากมีเวลาว่าง ผมก็ขอให้ลูช่วยสอนเกี่ยวกับเวทมนตร์ให้
ผมเข้าใจในส่วนของทฤษฎีกับตรรกะนะ แต่กับการปฏิบัติจริงนั้นหนักหนาเอาการ
ลูบอกว่า ดูเหมือนผมจะไม่มีพรสวรรค์ในการใช้เวทมนตร์
น่าเสียดายชะมัด
แต่ว่าแม้จะเป็นมนุษย์ที่ไร้พรสวรรค์ก็พอจะสามารถจะเรียนรู้ในการใช้เวทมนตร์จุดกองไฟได้หากเรียนไปสัก 10-20 ปี
อื….ม ไม่ค่อยคุ้มต่อการลงแรงเท่าไหร่เลยแฮะ
เวทมนตร์ของลูนั้นค่อนข้างหลากหลาย
นั่นก็เพราะ ดูเหมือนว่าก่อนจะมาที่นี้ เธอจะเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่มีชื่อเสียงมาก่อน
ง่าย ๆ ก็คือ เพราะศึกษามาหลาย ๆ อย่าง เลยใช้เวทมนตร์ส่วนใหญ่ได้ทั้งหมด
ในหมู่เวทมนตร์ทั้งหมดนั้น สิ่งที่มีประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันก็คือ เวทมนตร์แสงสว่าง
ท่ามกลางความมืดในช่วงกลางคืนนั้น สถานที่ที่มีเวทมนตร์นี้ร่ายเอาไว้จะมีแสงสว่างพอสมควร
โดยส่วนมากแล้ว ดูเหมือนถ้าร่ายทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนค่ำก็จะอยู่ไปได้จนรุ่งสาง
อีกอย่าง เทียบกับกองไฟแล้ว ยังไม่มีแมลงเข้ามาใกล้ด้วย
สะดวกสบายสุด ๆ
ข้อเสียก็แค่ ตอนจะดับจำเป็นต้องอาศัยพลังเวทย์
ปัจจุบันค่อนข้างมีประโยชน์ในฐานะแหล่งแสงสว่างของห้องน้ำ
[มีนะ เวทมนตร์จู่โจมที่ทรงพลังกว่านี้เอย แล้วก็อะไรอีกหลาย ๆ อย่าง… ]
ตอนเช้าผมก็ขอให้เธอช่วยจุดกองไฟให้
[ไม่ ไม่ได้อยากได้อะไรที่ทรงพลังขนาดนั้น…]
ฤดูหนาวมาถึงแล้ว
ผมพยายามอย่างมากกับหลาย ๆ สิ่งจนถึงฤดูใบ้ไม้ผลิ
——
สวัสดีท้ายตอนครับ
ช่วงนี้อาจจะลงช้าบ้าง
ถึงก่อนหน้านี้พยายามถูไถมานั่งแปลลง แต่ช่วงนี้ตารางเวลาแน่นเอี๊ยดเลย
ยังไงก็ ไว้เจอกันตอนหน้าครับ