“อากิ…มาสู้ตัดสินกันเถอะ!”
“หา?? โทระ อยู่ๆก็พูดอะไรของนายเนี่ย?”
อากิหันมามองหน้าผมด้วยความตกใจ แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นสีหน้าของผมเขาก็เริ่มเงียบไป สายตากลายเป็นจริงจัง
“เกิดอะไรขึ้นกับนาย…?”
“ไม่มีอะไรหรอก…ฉันแค่อยากจะสู้ตัดสินกับนายแค่นั้นจริงๆ…แล้วบางที..นี่อาจจะเป็นการต้อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกเราแล้วล่ะนะ…”
อากิจ้องเข้ามาในดวงตาของผม ส่วนผมก็จ้องกลับไป
“ก็ได้ ฉันยอมรับคำท้าของนาย มาสู้ตัดสินกันเถอะ…โทระ”
…
พวกเราเดินทางมาถึงสนามประลองประจำเมืองหลวง ก่อนที่จะลงทะเบียนเพื่อขอใช้สนามประลอง และกำหนดการประลองของเราก็ถูกกำหนดออกมาเป็นในอีก 2 วันข้างหน้า
[หา? เทพดาบอากิจะประลองวิญญาณกับหนึ่งศรนิรนาม?? อะไรกันทั้งสองคนอยู่ปาตี้เดียวกันไม่ใช่เหรอ?]
[เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากัน?? เทพดาบเกิดมีปัญหากันกับศรนิรนามงั้นเหรอ?]
.
.
.
ข่าวการประลองแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนในเมืองหลวงต่างให้ความสนใจในการประลองของพวกเราเป็นอย่างมาก เนื่องจากพวกเราทั้งคู่ต่างก็เป็นสมาชิกหลักของปาร์ตี้[กาแฟหนึ่งแก้ว]…ซึ่งเป็นปาร์ตี้นักผจญภัยดาวรุ่งที่กำลังมาแรงอยู่ในช่วงนี้
และแล้ววันประลองของพวกเราก็มาถึง
พวกเราทั้งสองคนกำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่บนสนามประลองขนาดใหญ่ ที่นั่งบนอัฒจันทร์ของลานประลองที่มีมากกว่าสามหมื่นที่ถูกจับจองจนเต็ม
ตัวผม…บุรุษผู้ใช้ชีวิตอยู่ใต้หน้ากากจนได้ฉายาว่า [หนึ่งศรนิรนาม] กับ อากินักดาบหนุ่มหน้าตาดี แถมยังมีฝีมือเป็นเลิศจนได้ฉายาว่า [เทพดาบ]
“ห้ามออมมือนะ อากิ”
“นั่นมันคำพูดของฉันต่างหาก”
“พร้อมไหม?”
“ได้ทุกเมื่อ”
“งั้นเอาตอนเหรียญนี่ตกถึงพื้นก็แล้วกัน”
ผมหยิบเหรียญสีแดงออกมาอันหนึ่ง ก่อนที่จะดีดมันลอยขึ้นฟ้า ก่อนจะหันมาพูดกับอากิเป็นประโยคสุดท้าย
“จำไว้ ห้ามหยุดมือ เพราะฉันเองก็จะไม่หยุดเหมือนกัน”
พูดจบผมก็หยิบคันธนูสีทองขนาดใหญ่ออกมาอันหนึ่งและตั้งท่าเตรียมพร้อม เช่นเดียวกันกับอากิที่หยิบดาบรูปร่างสวยงามสีแดงและสีน้ำเงินออกมาถือเอาไว้ในมือทั้งสองข้าง
กริ๊ง!
เสียงของเหรียญกระทบกับพื้นสนามประลองดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ก่อนที่การต่อสู้ตัดสินของพวกเราทั้งสองคนจะเริ่มต้นขึ้น
.
.
.
การต่อสู้จบลงแล้ว
และเป็นผมที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ดาบสีแดงอันงดงามที่กำลังปักอยู่ตรงหัวใจของผมเป็นหลักฐานยืนยันเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี
ผมหลับตาลงก่อนที่จะยิ้มออกมา คันธนูในมือร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น
“ไอบ้าเอ๊ย! ไอคนไม่รักษาคำพูด!…แฮกๆ…” เสียงของอากิดังขึ้นมา เขาเองก็มีสภาพที่ไม่สมบูรณ์สักเท่าไหร่ ทั้วร่างมีลูกธนูปักอยู่หลายดอก เลือดสีแดงไหลรินออกมาไม่ขาดสาย
“ฝากด้วยล่ะ ไอเจ้าทึ่ม…ตอนนี้มีแต่นาย..แล้วนะ…”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่เจ้าทึ่ม…ถ้าจะให้พูด…ก็ต้องเรียกว่าไอขี้ขลาดซะมากกว่า…”
“ฮะๆ งั้นเหรอ? ถ้างั้นก็..รีบๆ มี.ความกล้า…สักทีสิ…”
“รู้แล้วน่า…ฉันไม่ต้องการให้เจ้าทึ่มแบบนายมาบอกหรอกนะ โทระ…”
“ไหง..ฉันกลาย.เป็น..เจ้าทึ่มแทน…นายไปซะแล้วล่ะ…?”
ร่างของผมค่อยๆกลายเป็นละอองแสง อากิมองมาด้วยสายตาที่เจ็บปวด
“ไอการที่นายไม่รู้เหตุผลนั่นแหละ…คือหลักฐานว่านายมันก็เป็นแค่เจ้าทึ่ม…”
“ฮะๆ งั้นเหรอๆ…ยังไงก็..ฝากเก็บของ…ด้วยล่ะ…”
พูดจบ ร่างของผมก็เลือนหายแตกกระจายกลายเป็นละอองแสงมากมายที่ลอยหายไปในอากาศ
ของสวมใส่ทุกชิ้นตกลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น รวมถึงหน้ากากสีเงินที่มีรอยแตกอันนั้นเช่นกัน