To-ra Story : คณะท่องโลกของนายโทระ – ตอนที่ 10 ลงเรือลำเดียวกัน

To-ra Story : คณะท่องโลกของนายโทระ

เมื่อได้ฟังดังนั้นก็สะดุ้งขึ้นมาทันที

 

“เอ๋? แบบนั้นมันไม่น่าจะเป็นไปได้ไม่ใช่หรือคะ?”

 

“ฮะๆ นั่นสิครับ ผมก็แค่พูดเล่นไปงั้นๆ แหละครับ” ผมหัวเราะออกมา

 

“กลับเข้าเรื่องดีกว่าครับ ถ้าตามความเห็นผม ผมว่าเรื่องในคราวนี้พวกเราไม่ต้องทำอะไรเลยน่าจะเป็นการดีที่สุดครับ”

 

“อย่างงั้นเหรอคะ? อืม…ถึงจะรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง แต่เอาตามที่คุณโทระว่าก็แล้วกันค่ะ”

 

“เอ่อ..ถ้ารู้สึกลำบากใจ โซโซจะบอกเรื่องนี้กับที่บ้านก็ได้นะครับ ผมไม่ได้ติดอะไร”

 

“ไม่หรอกค่ะ ฉันแค่รู้สึกผิดกับความรับผิดชอบในฐานะของขุนนางเท่านั้นเองค่ะ…แต่พอคิดอีกที…ตอนนี้ฉันเองก็ไม่ได้เป็นขุนนางแล้วด้วย เพราะงั้นคงไม่ได้ถือว่าทำผิดต่อหน้าที่อะไรหรอกค่ะ”

 

โซโซตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ จนผมอดรู้สึกเห็นใจเธอไม่ได้

 

“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง…ว่าแต่เราจะเอายังไงต่อดีล่ะคะ”

 

โซโซถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

 

“นั่นสินะครับ…ถึงจะบอกว่าไม่ต้องทำอะไรก็จริง แต่เพื่อความปลอดภัยของพวกเรา ผมว่าพวกเราควรจะออกเดินทางไปที่อื่นน่าจะดีที่สุดครับ ถึงจะไม่รู้ว่าพวกสาวกเทพมารมีจริงหรือเปล่า แล้วพวกเราถือว่าเป็นผู้พิชิตจริงไหม แต่ถ้าเกิดมีคนมาตามสืบเรื่องของจักรพรรดินีหมาป่าขึ้นมาจริงๆ มันก็จะเสี่ยงพวกเราซะเปล่าๆ น่ะครับ”

 

“นั่นสินะคะ ถึงจะอยู่หมู่บ้านนี้ต่อไปก็มีแต่จะเพิ่มความเสี่ยง งั้นฉันเห็นด้วยเรื่องการเดินทางค่ะ”

 

“งั้นเรื่องที่เหลือก็มีแค่เรื่องเพื่อนของผมสินะ ถ้ายังไงผมรีบติดต่อไปบอกเพื่อนไว้ก่อนดีกว่าครับ”

 

โซโซพยักหน้ารับผมจึงหยิบเครื่องสือสารเวทออกมาแล้วพิมพ์ข้อความไปบอกกับยูกิทันที

 

[โทระ] : ยูกิ เรื่องระบบการ์ด กับเรื่องจักรพรรดินีหมาป่า อย่าพึ่งเอาเรื่องพวกนี้ไปบอกกับใครนะ นี่เรื่องสำคัญมาก เอาไว้คืนนี้จะโทรไปเล่ารายละเอียดให้ฟัง

 

ผ่านไปไม่นานก็มีข้อความจากยูกิตอบกลับมา

 

[ยูกิ] : รับทราบ ว่าแต่บอกกับพวกเราก็ไม่ได้งั้นเหรอ?

[โทระ] : ไม่ได้ คนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี

[ยูกิ] : เห~ ดูลึกลับจังนะ ก็ได้ๆ ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับพวกฮานะ แต่ถือว่านายติดฉันเพิ่มอีกเรื่องนับเป็นสองเรื่องแล้วกันนะเจ้าแมวน้อย

[โทระ] : ก็ได้ๆ ถือว่าฉันติดเธอเพิ่มอีกเรื่องก็ได้ โอเคไหม?

[ยูกิ] : โอเครับทราบ เอาไว้แค่นี้ก่อนนะ เอริจังเหมือนจะโมโหที่ฉันอู้แล้วล่ะ ไปนะ…คืนนี้อย่าลืมโทรมาด้วยล่ะ

 

“เรียบร้อยครับ”

 

หลังจากคุยเสร็จ ในขณะที่ผมกำลังจะเก็บเครื่องสื่อสารเวทเข้ากระเป๋า เสียงของโซโซก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน

 

“คุณโทระคะ เอ่อ..เครื่องนั่นมันคือเครื่องสื่อสารเวทใช่ไหมคะ?”

 

“เอ๊ะ? ใช่ครับ มันคือเครื่องสือสารเวท อ๊ะ! จะว่าไปโซโซมีเครื่องสื่อสารเวทไหมครับ ถ้ามีผมขอช่องทางการติดต่อไว้หน่อยได้ไหมครับ เผื่อมีเหตุฉุกเฉินอะไรจะได้ติดต่อกันง่ายๆ”

 

โซโซส่ายหน้า ทำให้ผมถึงกับหน้าเสียเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนเธอจะสังเกตเห็นจึงรีบพูดเสริมขึ้นมา

 

“มะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากให้ช่องทางการติดต่อนะคะ…พะ เพียงแต่ฉันไม่มีเครื่องมือสื่อสารเวทน่ะค่ะ คือเมื่อก่อนที่บ้านห้ามไม่ให้ใช้น่ะค่ะ เพราะฉะนั้นคุณโทระอย่าเข้าใจผิดนะคะ”

 

“อ่อ เป็นอย่างนี้เองสินะครับ เอ…แต่ผมว่าโซโซควรจะมีเครื่องสื่อสารเวทติดไว้สักเครื่องน่าจะดีกว่านะครับ”

 

“เอ่อ…เรื่องนั้นเองก็เหมือนกันค่ะ พอดี…ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนด้วยสิคะ ถ้าคุณโทระสะดวก…ช่วยแนะนำให้หน่อยได้ไหมคะ?”

 

หน้าของโซโซค่อนข้างแดงในขณะที่พูด ดูเหมือนว่าการที่เธอไม่รู้จักเครื่องสื่อสารเวทในยุคนี้ที่แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ก็ยังรู้จักจะทำให้เธอรู้สึกอายพอสมควร

 

“ด้วยความยินดีเลยครับ แต่ถ้ายังไงเอาไว้หลังจากนี้ผมจะพาไปซื้อก็แล้วกันนะครับ”

 

“ขะ ขอบคุณมากเลยค่ะ!”

 

“ถ้างั้นเรามาดูนี่กันก่อนดีกว่าครับ”

 

พูดจบผมก็หยิบแผนที่ขนาดใหญ่ออกมาจากช่องเก็บของ ก่อนที่จะกางลงบนโต๊ะประชุม

 

“เรามาเลือกเป้าหมายต่อไปกันดีกว่าครับ โซโซพอจะมีที่แนะนำหรือที่ๆอยากไปไหมครับ?”

 

โซโซก้มลองมองดูแผนที่อยู่สักพัก ก่อนที่เธอจะชี้ไปที่จุดหนึ่งบนแผนที่

 

“ฉันเสนอหมู่บ้านรัฟค่ะ ฉันเคยได้ยินมาว่าที่หมู่บ้านนั้นค่อนข้างมีชื่อเสียงเรื่องผลไม้ค่ะ ฉันอยากไปมานานแล้วแต่ก็ไม่มีโอกาสสักที เอ…แต่ถ้าพวกเราเดินทางจากที่นี่ก็ค่อนข้างจะไกลอยู่พอสมควรเลยนะคะ”

 

ผมมองไปที่จุดที่เธอชี้บนแผนที่ และพบว่ามันอยู่ห่างจากหมู่บ้านโทเดนที่พวกเราอยู่ตอนนี้ค่อนข้างไกลทีเดียว ถ้าดูจากระยะทางคร่าวๆ ก็น่าจะใช้เวลาเดินทางด้วยเท้าประมาณ 15 วัน ถือเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างนาน

 

“นั่นสินะครับ ถึงอาจจะไกลไปสักหน่อย แต่ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน…ตรงที่การติดตามหาข่าวของพวกเราน่าจะยากขึ้นไปหลายเท่าเลยล่ะครับ”

 

หมู่บ้านรัฟที่โซโซชี้อยู่ถือว่าเป็นหมู่บ้านที่อยู่ทางทิศเหนือของเมืองหลวง ซึ่งเป็นคนละทิศกับหมู่บ้านโทเดนที่อยู่ทางทิศตะวันตกอีกด้วย

 

ระหว่างที่ไล่ดูไปตามเส้นทางของแผนที่ผมก็เสนอความคิดออกมา

 

“แต่ระยะเวลาเดินทางน่าจะนาน แถมระหว่างทางก็มีหมู่บ้านอยู่ไม่มากเท่าไหร่ ดังนั้นพวกเราน่าจะต้องพักแรมกลางแจ้งอยู่หลายครั้ง โซโซต้องมีเตรียมของอะไรเพิ่มไหมครับ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากออกเดินทางให้ไวที่สุด”

 

“ต้องเตรียมหลายอย่างเลยค่ะ ฉันยังไม่มีพวกเต็นท์สนาม กับพวกข้าวของเครื่องใช้อีกนิดหน่อย ถ้ายังไงฉันอาจจะขอเวลาเตรียมตัวประมาณสองชั่วโมงได้ไหมคะ?”

 

“ได้เลยครับ เดี๋ยวผมพาโซโซไปหาซื้อเครื่องสื่อสารเวทก่อน แล้วโซโซก็แยกไปซื้อของ ส่วนผมว่าจะไปรับรางวัลที่พวกเราปราบบอสราชาหมาป่าก่อน แล้วอีกสองชั่วโมงพวกเราค่อยไปเจอกันที่ประตูหมู่บ้านทางทิศเหนือ แบบนี้ดีไหมครับ?”

 

“ตกลงค่ะ …พูดถึงเรื่องไอเทมขึ้นมา ฉันก็ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้คืนการ์ดให้คุณโทระ”

 

โซโซพูดจบก็หยิบเอาการ์ดที่ผมฝากเธอไว้ออกมาส่งให้ผม แต่ทันทีที่เธอถอดการ์ดออกมา ประตูมิติสีแดงก็ถูกเปิดออกแล้วเจ้าซิกนัมกับแมรี่ก็กระโดดออกมาก่อนที่ประตูมิติจะถูกปิดไป

 

“ดูเหมือนว่าถ้าถอดการ์ดออกผลของความสามารถจะไม่มีผลทั้งหมดเลยสินะ ตอนแรกผมคิดว่ารังหมาป่าจะผูกติดกับตัวการ์ดซะอีก”

 

ผมพูดขึ้นในขณะที่เอามือไปลูบหัวของเจ้าซิกนัม

 

“จะว่าไปยังไม่ได้อาบน้ำให้เจ้าแมรี่เลยค่ะ…เอาไว้ตอนเย็นนี้จะอาบให้นะ”

 

โซโซหันไปบอกกับเจ้าแมรี่ที่พอได้ยินก็ส่ายหางรัวๆ

 

“จริงสิ! คุณโทระ ตอนที่จัดการจักรพรรดินีหมาป่าได้ ฉันได้การ์ดมาอีกใบด้วยค่ะ”

 

พูดจบโซโซก็หยิบเอาการ์ดใบหนึ่งส่งมาให้ผม

 

“เอ๊ะ? โซโซก็ได้การ์ดเหมือนกันงั้นเหรอครับ? ผมเองก็ได้การ์ดจักรพรรดินีหมาป่ามาเหมือนกัน”

 

ผมเองก็หยิบการ์ดใบหนึ่งส่งให้โซโซดู พวกเราต่างแลกการ์ดที่ได้มาให้กันดู

 

“การ์ดจักรพรรดินีหมาป่างั้นเหรอคะ? …ดูเหมือนว่ามอนสเตอร์ระดับบอสจะมีโอกาสดรอปการ์ดสูงกว่ามอนสเตอร์ปกติสินะคะ…?”

 

ทันทีที่ผมหยิบมันขึ้นมาชื่อของการ์ดก็ปรากฏขึ้นที่ด้านบนของตัวการ์ดทันที

 

“หืม? การ์ดอาณาเขตสลับธาตุ…โซโซได้ลองดูหรือยังครับว่าการ์ดมันมีความสามารถอะไรบ้าง”

 

“ยังเลยค่ะ ตอนนั้นฉันกำลังรีบเดินทางกลับมาที่หมู่บ้าน ก็เลยยังไม่ได้ทดลองอะไรเลยค่ะ”

 

“งั้นเหรอครับ งั้นเรามาลองดูไปพร้อมๆ กันเลยดีไหมครับ?”

 

“ดีเลยค่ะ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าการ์ดจะมีความสามารถอะไรบ้างค่ะ”

 

แต่ก่อนที่ผมจะใส่การ์ดลงไปในช่อง อยู่ๆ ผมก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 

เมื่อโซโซเห็นมือของผมค้างอยู่ที่ด้านหน้าช่องใส่การ์ด เธอก็อดสงสัยไม่ได้จึงถามขึ้นมา

 

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณโทระ?”

 

“อ่อ ไม่เป็นไรครับ คือพอดีมันมีอะไรบางอย่างที่ยังกวนใจผมอยู่ แล้วเหมือนเมื่อกี้จะเกิดลางสังหรณ์ขึ้นมาพอดีน่ะครับ”

 

“เอ๊ะ? อะไรบางอย่างที่กวนใจอยู่กับลางสังหรณ์งั้นหรือคะ?”

 

“ครับ…จะว่าไปโซโซจำตอนที่จักรพรรดินีหมาป่าวิ่งมาหาพวกเราได้ไหมครับ?”

 

“เอ..จะว่าไป ฉันก็จำตอนนั้นไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่นะคะ…ตอนนั้นฉันได้ยินแค่คุณโทระบอกว่าแย่แล้ว พอรู้ตัวอีกทีเจ้าจักรพรรดินีหมาป่าก็มาอยู่ตรงหน้าแล้วค่ะ…ว่าแต่มันมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?”

 

ผมทำท่านึกอยู่สักครู่ก่อนจะเริ่มอธิบาย

 

“คือว่า…ผมกำลังสงสัยว่าเจ้าจักรพรรดินีหมาป่ามันอาจจะตามกลิ่นของราชาหมาป่ามาครับ เพราะตอนที่มันปรากฏตัวตรงหน้าเรา และเท่าที่ผมสังเกตดูตอนนั้นคือมันไม่สนใจคนอื่นเลยนอกจากตัวผมที่ใส่การ์ดอยู่…ผมก็เลยสงสัยว่ามันน่าจะเกิดจากการที่ผมใส่การ์ดเอาไว้ก็ได้ครับ”

 

โซโซพยักหน้าแสดงความเห็นด้วย

 

“ฉันไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นมาก่อนเลยค่ะ…นั่นสินะคะ บางทีอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ ไหนจะความสามารถอย่างราชาแห่งหมาป่า ไหนจะอาณาเขตราชาหมาป่า แล้วยังมีรังราชาหมาป่าด้วย…พอมาคิดๆ ดูแล้ว..ตัวการ์ดมันแทบจะถอดแบบความสามารถของตัวราชาหมาป่ามาเลยไม่ใช่หรือคะ? มันเหมือนกับเรากลายเป็นราชาหมาป่าไปจริงๆเลยค่ะ”

 

“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะแบบนี้ตอนที่เจอเจ้าบอสจักรพรรดินี มันก็เลยจ้องเล่นงานแค่ผมคนเดียว…และเพราะเหตุผลนั้นผมว่าเราอย่าพึ่งลองการ์ดอะไรตอนนี้กันเลยดีกว่าครับ”

 

พอได้ยินดังนั้น โซโซก็เอียงคอมองด้วยความสงสัย

 

“ทำไมล่ะคะ? จักรพรรดินีก็ถูกจัดการไปแล้วไม่ใช่หรือคะ? …ขอโทษนะคะ ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่”

 

“บางทีอาจจะเป็นผมที่คิดมากไปเองก็ได้ครับ…พอดีมีคนเตือนมาว่าถ้ามีจักรพรรดินีแล้วมันอาจจะมีจักรพรรดิอยู่ด้วยก็ได้น่ะครับ”

 

พอได้ยินแบบนั้นโซโซก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

 

“เรื่องแบบนั้น…ไม่สิ บางทีอาจจะเป็นไปได้ก็ได้ค่ะ ถ้าเกิดว่าจักรพรรดิหมาป่ามีตัวตนอยู่จริงและสามารถตรวจจับพวกเราที่กำลังใส่การ์ดอยู่ได้ล่ะก็…”

 

“นั่นแหละครับที่ผมกำลังคิด เอาไว้พวกเราเดินทางไปถึงหมู่บ้านรัฟก่อนแล้วค่อยลองน่าจะปลอดภัยกว่าแถวๆ นี้น่ะครับ”

 

“นั่นสินะคะ…ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะทำยังไงกันดีกับพวกแมรี่ล่ะคะ?”

 

โซโซพูดขึ้นก่อนจะหันไปมองพวกซิกนัมกับแมรี่ที่กำลังนั่งมองพวกเราอยู่

 

“อืม นั่นสินะครับ ถ้าให้ออกมาเดินดุ่มๆในสภาพนี้อาจจะเกิดปัญหาได้…งั้นผมจะใส่การ์ดราชาหมาป่าไปก่อน แล้วพอเราออกจากหมู่บ้านแล้วค่อยถอดการ์ดออกมาเก็บไว้ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะครับ”

 

“นั่นสินะคะ เพราะฉันเองก็ใส่การ์ดมาตลอดเลยด้วยค่ะ”

 

เมื่อตกลงกันได้แล้วผมก็ทำการยื่นการ์ดคืนให้โซโซ แต่โซโซรีบทำท่าปฏิเสธทันที

 

“ไม่ได้ครับ การ์ดใบนี้โซโซเป็นคนได้มา ดังนั้นมันเป็นของโซโซครับ”

 

“เอ๊ะ? แต่ว่า…”

 

“รับไปเถอะครับ แล้วอีกอย่างรอบนี้ผมก็ไม่ใช่คนจัดการบอสด้วย”

 

ผมรีบขัดขึ้นทันทีที่เห็นว่าเธอกำลังจะหาข้ออ้างมาเพื่อไม่ยอมรับการ์ดที่เธอได้มา

 

“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะค่ะ…”

 

“ช่วยรับไปด้วยเถอะครับ ถือว่าเป็นค่าตอบแทนของการ์ดราชาหมาป่าก็ได้นะครับ แถมชื่อของการ์ดเองก็เกี่ยวข้องกับธาตุด้วย ดังนั้นนักดาบแบบผมไม่น่าจะเหมาะกับการ์ดใบนี้ด้วยครับ”

 

พอได้ยินผมยืนกรานแบบนั้นเธอก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธอีก จึงยอมรับการ์ดไปแต่โดยดี

 

“กะ ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณโทระ”

 

“ด้วยความยินดีครับ…งั้นพวกเราไปกันเลยไหมครับ?”

 

“ค่ะ”

 

โซโซเก็บการ์ดเข้าช่องเก็บของ ในขณะที่ผมใส่การ์ดราชาหมาป่าเข้าไปเพียงใบเดียว แล้วก็เก็บเจ้าซิกนัมกับแมรี่เข้าไปอยู่ในรัง ก่อนที่พวกเราจะออกจากห้องประชุมมาเพื่อไปเตรียมซื้อของที่จำเป็นสำหรับเดินทาง

 

ผมพาโซโซไปที่ร้านเครื่องมือสื่อสารเวทก่อน โซโซเลือกซื้อเครื่องสื่อสารเวทรุ่นที่มีราคาไม่สูงมากนักแต่ก็พอจะสามารถใช้งานได้มาเครื่องหนึ่งตามคำแนะนำของผม ก่อนที่จะซื้อแพ็คเกจเครือข่ายเวทเพิ่มไปอีก 1 ปี

 

พวกเราทำการแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกัน และกำลังจะแยกกันไปทำธุระตามที่ได้ตกลงกันไว้

 

“คุณโทระพอจะมีอะไรแนะนำเกี่ยวกับพวกของที่จำเป็นในการเดินทางไหมคะ? ถึงจะคิดๆไว้บ้าง แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจว่าจะครบไหมอยู่ดีคะ”

 

“อืม…นอกจากของใช้ส่วนตัวพวกเสื้อผ้ากับชุดสำรองแล้ว ผมแนะนำให้เตรียมหลักๆเลยก็เป็นเต็นท์กับชุดเครื่องนอนครับ แล้วก็อาจจะมีพวกอุปกรณ์เครื่องครัว เช่น เขียง มีดสำหรับหั่นเนื้อ มีดอเนกประสงค์ขนาดกลาง หม้อ กระทะ ตะหลิว แล้วก็จานชามครับ แต่ถ้ามีงบเหลือก็เตรียมพวกเต็นท์สำรอง ห้องน้ำอเนกประสงค์ ชุดโต๊ะเก้าอี้ขนาดเล็ก โคมไฟเวท แล้วก็พวกเครื่องปรุงอาหารหรือเครื่องเทศที่ชอบเผื่อไปด้วยก็ดีนะครับ”

โซโซหยิบสมุดขนาดเล็กออกมาจดรายการตามที่ผมบอก ก่อนที่จะพยักหน้า

 

“เยอะกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”

 

ผมพยักหน้าให้

 

“ครับผม ถ้ามีอะไรก็ติดต่อผ่านเครื่องสื่อสารเวทตามที่ผมสอนไว้ได้เลยนะครับ…แล้วเจอกันที่ประตูหมู่บ้านทางทิศเหนือในอีกสองชั่วโมงนะครับ”

 

พูดจบพวกเราก็แยกกันไปคนละทาง ผมเดินตรงไปที่โรงแรมเพื่อเก็บของ ก่อนที่จะเดินตรงไปที่ทำการของผู้ใหญ่บ้านโดยการสอบถามชาวบ้านแถวๆนั้นดู และไม่นานผมก็เดินทางมาจนถึงหน้าที่ทำการของผู้ใหญ่บ้านจนได้

 

เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ได้พบกับเคาน์เตอร์ให้บริการอยู่สองช่อง แต่ละช่องมีพนักงานนั่งประจำอยู่ เห็นดังนั้นผมก็เลยเดินเข้าไปที่ช่องหนึ่งแล้วแจ้งเรื่องว่ามาขอรับรางวัลในการจัดการกับราชาหมาป่าโทเดน

 

“คุณโทระสินะคะ คุณโทมัสได้แจ้งทางเราไว้ล่วงหน้าแล้วค่ะ ขอหลักฐานยืนยันตัวตนได้ไหมคะ?” เจ้าหน้าที่สาวสวยที่ประจำอยู่กล่าวอย่างสุภาพ

 

“ได้ครับ…นี่ครับ” ผมยื่นบัตรนักผจญภัยให้ทางเจ้าหน้าที่ เธอรับไปดูอยู่สักครู่ก็ส่งคืน

 

“ยืนยันเรียบร้อย นี่รางวัลของคุณค่ะ”

 

เจ้าหน้าที่กล่าวพร้อมกับส่งถุงใบหนึ่งมาให้

 

“ภายในมีเหรียญทองอยู่ทั้งหมด 50 เหรียญ รบกวนช่วยตรวจสอบก่อนออกจากที่ทำการด้วยนะคะ”

 

ได้ฟังดังนั้นผมก็ค่อยๆนับเหรียญทองที่อยู่ในถุง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีก็บอกขอบคุณพนักงานก่อนที่จะออกมาจากที่ทำการหมู่บ้าน

 

ดูเหมือนว่าการที่สามารถปราบเจ้าราชาหมาป่าได้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือสำคัญอะไรเท่าไหร่

 

(ตอนแรกคิดว่าจะนานกว่านี้ เหลือเวลาอีกเยอะเลยแฮะ ทำอะไรดีนะ) 

 

แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของผม

 

“ไหนๆ ก็จะต้องเดินทางไกล ลองไปดูรถม้าสักคันดีกว่า”

 

(ถึงจะเหลือเงินในกระเป๋าอยู่แค่ 20 เหรียญทอง แต่พอรวมกับเงินรางวัลก็ได้ 45 เหรียญทอง…บางทีอาจจะซื้อรถม้าราคาถูกๆ ได้อยู่ละมั้ง) 

 

ผมเดินไปสอบถามทางกับชาวบ้านถึงร้านขายรถม้า และดูเหมือนว่าร้านขายรถม้าของหมู่บ้านจะอยู่ออกไปนอกเมืองไม่ไกลเท่าไหร่ ผมคำนวณเวลาและเมื่อเห็นว่าเพียงพอจึงตัดสินใจรีบเดินทางไปทันที และไม่นานผมก็เดินทางมาถึงร้านขายรถม้า

 

“ถึงจะบอกว่าร้านขายรถม้า แต่ดูเหมือนกับฟาร์มม้ามากกว่าแฮะ”

 

รถม้าในโลกนี้มีอยู่ด้วยกันหลายระดับ ตั้งแต่รถม้าที่ทำจากไม้ราคาถูกๆ ไปจนถึงรถม้าเวทมนตร์สุดหรูหราที่ราคาแพงหูฉี่

 

และอาจจะเป็นเพราะร้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน ทำให้ร้านดูไม่ได้หรูหราเหมือนกับในเมืองหลวง แต่ดูเหมือนเป็นธุรกิจครอบครัวที่ทำฟาร์มม้าเลยพ่วงกิจการขายรถม้าเสริมเข้าไปมากกว่า

 

ผมเดินผ่านซุ้มประตูที่ด้านบนเขียนไว้ว่า [อังเดร] เข้าไปด้านใน และก็ได้พบกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งรีบวิ่งออกมาต้อนรับ

 

“สวัสดีครับ คุณลูกค้าสนใจมาดูรถม้าใช่ไหมครับ?”

 

“ใช่ครับ พอจะมีรถม้าราคาถูกๆ แนะนำบ้างไหมครับ พอดีผมมีงบไม่เยอะเท่าไหร่”

 

เด็กหนุ่มยิ้มให้ก่อนที่จะเริ่มอธิบาย

 

“มีครับ จริงๆ ตัวของรถม้าที่ร้านเราไม่ได้มีราคาสูงอยู่แล้วครับ แต่ที่แพงน่าจะเป็นตัวม้ามากกว่า ถ้ายังไงเชิญเขามาชมดูก่อนได้ครับ”

 

ผมพยักหน้าก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินนำเข้าไปที่ด้านใน

 

ไม่นานพวกเราก็เดินมาถึงโกดังขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง และเมื่อผมเดินเข้าไปด้านในก็ได้พบกับรถม้าหลากหลายรูปแบบตั้งแต่รถม้าที่ดูเหมือนเกวียนขนของธรรมดา และรถม้าที่ดูดีขึ้นมาหน่อยตรงที่มีหลังคากับที่นั่งติดมาให้ด้วย และที่ดูดีที่สุดก็เป็นรถม้าแบบตู้ทึบที่ดูหรูหราขึ้นมาอีก แต่รถม้าทุกคันที่จอดอยู่ที่นี่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่รถม้าที่ทำจากไม้ทั้งนั้น

 

“รถม้าของที่นี่จะถูกผลิตจากไม้โทเดนทุกคันครับ และเพราะเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายทำให้มีราคาถูกครับ อย่างคันธรรมดาๆ แบบนี้ราคาอยู่ที่ประมาณ 5 เหรียญทองเท่านั้นเองครับ” เด็กหนุ่มคนนั้นชี้ไปที่รถม้าที่ดูเหมือนเกวียนขนของธรรมดาๆ คันแรกที่ผมเห็น

 

“แล้วคันนั้นราคาเท่าไหร่งั้นหรือครับ” ผมชี้ไปที่รถม้าที่มีหลังคาเป็นผ้า และมีที่นั่งคนขับที่ดูน่าจะนั่งสบายคันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกล

 

“คันนั้นเป็นรถม้าแบบที่ขายดีมากเลยนะครับ ผ้าใบที่คลุมอยู่ก็เป็นผ้าแบบกันน้ำทำให้ไม่ต้องกังวลในตอนที่ฝนตก แถมเบาะก็ถูกบุด้วยหนังของหมาป่าโทเดนอย่างดี ที่ล้อก็ติดตั้งระบบกันสะเทือนครบทั้งสี่ล้อ เลยทำให้ราคาอาจจะสูงสักหน่อยโดยจะมีราคาอยู่ที่ 30 เหรียญทองแบบไม่รวมม้าครับ”

 

เด็กหนุ่มอธิบายอย่างคล่องแคล่ว ก่อนที่จะยิ้มแล้วหันมาถามผม

 

“สนใจลองไปดูใกล้ๆ ก่อนไหมครับ?”

 

ผมเดินเข้าไปดูรถม้าใกล้ๆ และพบว่างานประกอบดูจะทำได้ดีกว่าที่คิด ถึงจะไม่ได้มีความรู้เรื่องรถม้ามากสักเท่าไหร่ แต่เท่าที่เห็นด้วยสายตาในตอนนี้ก็ยังไม่พบจุดที่ดูไม่เรียบร้อยเลย

 

ถ้าคุณภาพได้ขนาดนี้ ผมยังมองว่า 30 เหรียญทองเป็นราคาที่รับได้

 

(ในมือมี 45 เหรียญทอง…ก็ยังพอไหว) 

 

“แล้วม้าที่ไว้ลากจูงราคาอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่งั้นหรือครับ” ผมหันไปถามกับเด็กหนุ่ม

 

“มีหลายราคาเลยครับ ตัวที่ดีสุดก็จะอยู่ราวๆ 100 เหรียญทองครับ เป็นม้าที่ถูกฝึกมาอย่างดี สามารถฟังคำสั่งได้อย่างแม่นยำ แล้วก็มีความเร็วกับพละกำลังที่สูงมากครับ”

 

“เอ่อ…ราคามันเกินงบไปหน่อยน่ะครับ ทางร้านพอจะมีตัวที่ราคาไม่เกิน 15 เหรียญทองไหมครับ”

 

เด็กหนุ่มทำท่าคิดนิดหน่อย ก่อนที่จะพูดออกมา

 

“จริงๆ ก็มีนะครับ แต่ผมไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ เพราะเป็นม้าป่าที่พึ่งจะถูกจับได้ไม่นาน และยังได้รับการฝึกลากจูงไม่มากเท่าไหร่ครับ”

 

“แบบนั้นราคาประมาณเท่าไหร่งั้นหรือครับ?”

 

“ถ้าเป็นม้าป่าที่ถูกจับมาราคาก็จะอยู่ราวๆ 10 เหรียญทองครับ แต่ถ้าคุณลูกค้าเพิ่มงบอีกหน่อย ผมแนะนำเป็นม้าเลี้ยงที่ทางเราเพาะพันธุ์ขึ้นมาเองครับ ถึงจะยังไม่ได้รับการฝึกอย่างเต็มที่ แต่ก็เชื่องกว่าพวกม้าป่าอยู่เยอะเลยครับ ราคาเองก็อยู่ราวๆ 20 เหรียญทองเท่านั้นเองด้วยครับ”

 

(เกินงบแฮะ ถ้างั้นคงต้องตัดสินใจเลือกม้าป่าแหละนะ…บางทีอาจจะต้องหวังกับความสามารถของเทมเมอร์ดู)

 

เมื่อตัดสินใจได้ผมก็หันไปบอกกับเด็กหนุ่มที่ยืนรอคำตอบอยู่

 

“งั้นผมเอาเป็นม้าป่าก็แล้วกันครับ พอดีราคา 20 เหรียญทองมันเกินงบน่ะครับ ช่วยเลือกตัวที่มันเชื่องที่สุดให้หน่อยได้ไหมครับ”

 

เด็กหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะพยักหน้ารับ

 

“ความจริงแล้วมีม้าป่าอยู่ตัวนึงที่ผมอยากแนะนำให้ครับ ถึงจะเป็นม้าป่าแต่ท่าทางของมันก็ค่อนข้างดี แถมยังค่อนข้างเชื่องด้วยครับ แต่ราคาจะสูงกว่าตัวอื่นสักหน่อยนะครับอยู่ที่ 12 เหรียญทอง”

 

“เอาตัวที่คุณแนะนำก็ได้ครับ ถ้ารวมรถม้าด้วยก็จะเป็น 42 เหรียญทองนะครับ แล้วถ้าผมอยากจะใช้งานเลยนี่ต้องรอนานไหมครับ?”

 

“ไม่นานครับ ผมขอเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงครับ คุณลูกค้าไปชำระเงินที่ตึกด้านหน้าได้เลยครับ เดี๋ยวทางนี้ผมจะรีบจัดการให้โดยเร็วที่สุดเลยครับ”

 

ผมเดินกลับออกมาและเข้าไปจ่ายเงินที่ตึกตรงทางเข้า และหลังจากนั้นไม่นานรถม้าที่ผมซื้อก็มาจอดอยู่ที่ด้านหน้าของผมเป็นที่เรียบร้อย

 

รถม้ากำลังถูกลากจูงด้วยม้าตัวใหญ่สีดำเข้ม ร่างของมันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรง

 

เด็กหนุ่มคนนั้นลงจากที่นั่งคนขับ ก่อนที่จะหันมาถามผม

 

“คุณลูกค้าขับรถม้าเป็นใช่ไหมครับ?”

 

“เป็นครับ พอดีเคยเรียนมาบ้างน่ะครับ”

 

“งั้นดีเลยครับ ขอบคุณที่อุดหนุนร้านของเรานะครับ”

 

ผมกล่าวขอบคุณเด็กหนุ่มคนนั้นก่อนที่จะขับรถม้าออกมา

 

“จะกลับเข้าหมู่บ้านอีกรอบก็ต้องเสียค่าเข้าอีก งั้นเดินอ้อมกำแพงหมู่บ้านไปก็แล้วกัน น่าจะไปถึงตอนเวลานัดพอดี”

 

ผมบังคับรถม้าให้เดินไปตามถนนเรียบกำแพง และไม่นานก็เดินมาถึงประตูทางทิศเหนือของหมู่บ้าน ผมจอดรถม้ารออยู่ที่ข้างกำแพง ก่อนจะส่งข้อความให้กับโซโซว่าออกมาเจอกันที่นอกเมืองได้เลย

 

โซโซตอบกลับมาว่ารับทราบ และหลังจากนั้นผมก็เห็นร่างของเธอปรากฏตัวออกจากประตูมาแทบจะทันที

 

โซโซมองหาผมแต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สังเกตที่รถม้าเลย ผมจึงโบกมือพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อของเธอ เมื่อโซโซสังเกตเห็นเธอก็ทำตาโต ก่อนที่จะรีบวิ่งเข้ามาหาผม

 

“นี่มันอะไรกันคะคุณโทระ!?”

 

“หืม? ก็รถม้าไงครับ พอดีคิดว่าไหนๆก็ต้องเดินทางไกลก็เลยถือจังหวะนี้ไปซื้อมาสักคัน…จริงๆ อยากได้คันที่ดีกว่านี้อยู่หรอกนะ แต่ยังไม่มีเวลาเก็บเงินก็เลยซื้อได้เท่านี้ไปก่อน…อ๊ะ! จริงสินี่ส่วนแบ่งของโซโซ 25 เหรียญทอง ลองนับดูด้วยล่ะ”

 

ผมส่งถุงเงินส่วนแบ่งค่าหัวของบอสราชาหมาป่าให้โซโซ เมื่อเธอเห็นดังนั้นก็รีบรับไปแบบงงๆ

 

“เอ๋? ทำไมฉันได้ส่วนแบ่งด้วยล่ะคะ?”

 

“ถามอะไรแบบนั้น พวกเราเป็นปาร์ตี้เดียวกันนะ รายได้ที่ได้มาก็ต้องแบ่งกันอยู่แล้วนี่”

 

“แต่ว่า..” โซโซทำท่าอึกๆอักๆ ผมจึงรีบพูดขัดทันที

 

“รับไปเถอะครับ เรื่องแบบนี้ก็สำคัญนะ ถึงจะเป็นเพื่อนกัน แต่ยังไงรายได้ของปาร์ตี้ก็ต้องกำหนดให้ชัดเจนด้วยเหมือนกัน จริงๆผมก็ว่าจะมาคุยกับโซโซเรื่องนี้อยู่พอดี…แต่ก่อนหน้านั้นเรารีบออกเดินทางกันก่อนดีกว่าครับ วันนี้ยังเหลือเวลาอีกเยอะ ำวกเราน่าจะไปทันถึงจุดพักแรมแรกที่ผมวางแผนไว้ ส่วนเรื่องอื่นๆเอาไว้เราค่อยมาคุยกันตอนเดินทางก็ได้ครับ”

 

เมื่อได้ยินดังนั้นโซโซก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่เดินไปที่ด้านหลังรถม้าและเดินขึ้นบันไดท้ายรถเข้ามานั่งในรถม้าอย่างจำใจยอมรับ

 

“รถสวยดีนะคะ ราคาเท่าไหร่คะเนี่ย?” เมื่อขึ้นมานั่งเรียบร้อยโซโซก็มองสำรวจไปทั่วๆ อย่างสนใจ

 

“รวมหมดเบ็ดเสร็จก็ตกอยู่ราวๆ 40 เหรียญทองน่ะ” พูดจบผมก็เริ่มบังคับรถม้าให้ออกเดินไปตามถนนทันที

 

“ราคาไม่ใช่น้อยๆเหมือนกันนะคะ ถ้ายังไงให้ฉันช่วยออกด้วยดีกว่านะคะ”

 

พอได้ยินดังนั้นผมก็ยิ้มออกมา โซโซเป็นคนที่มีน้ำใจจริงๆ

 

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอกครับ ถือว่าเป็นการลงทุนให้ปาร์ตี้ ในฐานะของหัวหน้าปาร์ตี้แล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้วครับ”

 

“เอ๋? แต่ฉันก็เป็นรองหัวหน้านะคะ!” โซโซรีบขัดขึ้นมา

 

“เอาน่าๆ รองหัวหน้าเองก็มีอะไรให้ทำอีกเยอะเลยครับ เอาไว้ถึงตอนนั้นโซโซก็คอยช่วยจัดการให้ทีก็แล้วกันนะ ฮะๆ”

 

“อย่ามาทำตลกเพื่อเปลี่ยนเรื่องนะคะ!”

 

“เอ๋? ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย…ว่าแต่โซโซได้ของที่ต้องการมาครบไหมครับ?”

 

โซโซทำท่าทางเหนื่อยใจออกมา เมื่อเห็นว่ายังไงผมก็คงไม่ยอมรับ

 

“ของที่จำเป็นตามที่คุณโทระแนะนำก็ได้มาครบอยู่นะคะ ถึงจะขาดพวกเครื่องปรุงบางตัวที่ฉันชอบก็เถอะ”

 

“แบบนั้นก็โอเคแล้วครับ เอาไว้ไปแวะซื้อเพิ่มตามทางก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบนะ”

 

“ก็คงต้องอย่างนั้นล่ะค่ะ”

 

โซโซพูดจบก็หันกลับไปมองที่หมู่บ้านโทเดนที่ค่อยๆห่างออกไป

 

“ถึงจะผิดแผนไปหน่อย แต่โดยรวมวันนี้ก็ถือว่าสนุกดีอยู่นะครับ ฮะๆ”

 

ผมมองตามเธอไปก่อนจะพูดออกมา

 

“นั่นสินะคะ ชีวิตนี่อะไรๆก็ไม่แน่นอนจริงๆ ตอนแรกพวกเรายังวางแผนเก็บเลเวลกันที่นี่ยาวๆอยู่เลย ยังไม่ทันถึงวันก็ต้องเปลี่ยนแผนซะแล้วค่ะ…”

 

“นี่แหละชีวิต อย่าไปยึดติดอะไรให้มากนักเลยครับ ขอแค่เราเข้าใจและรู้สึกสนุกไปกับมัน…แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ”

 

โซโซพอได้ยินแบบนั้นก็หันมามองหน้าผม

 

“คุณโทระนี่พูดเหมือนคนแก่เลยนะคะ คุณโทระนี่อายุ 18 จริงๆใช่ไหมคะ?”

 

“…ก็จริงน่ะสิครับ! แล้วผมก็ยังไม่แก่ด้วยครับ!” ผมรีบตบมุกขอเธอทันที โซโซพอเห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมา

 

“ดูเหมือนว่าพวกเราเองก็ลงเรือลำเดียวกันจริงๆแล้วสินะคะ”

 

โซโซพูดต่อมา

 

“เหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะครับ จะว่ายังไงดีล่ะ บางที อาจจะเป็นโชคชะตาที่พาให้เรามารู้จักกันก็ได้นะครับ…ยังไงหลังจากนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวอีกรอบแล้วกันนะครับ โซโซ”

 

“ฮะๆ นั่นสินะคะ ถึงตอนแรกฉันจะยังไม่แน่ใจ แต่หลังจากนี้คงต้องขอฝากเนื้อฝากตัวจริงๆแล้วสินะคะ รบกวนด้วยนะคะ คุณโทระ” โซโซพูดพร้อมกับยิ้มให้ผม

 

ได้ยินแบบนั้นผมก็ยิ้มตอบ

 

“ด้วยความยินดีครับ”

 

พวกเราหันไปมองหมู่บ้านโทเดนเป็นครั้งสุดท้าย ในขณะที่รถม้าก็กำลังเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางทิ้งหมู้บ้านโทเดนไว้เบื้องหลังห่างออกไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็หายลับไปจากสายตา 

 

To-ra Story : คณะท่องโลกของนายโทระ

To-ra Story : คณะท่องโลกของนายโทระ

Status: Ongoing
ตั้งแต่ที่ได้มาอยู่ที่โลกนี้ เวลาก็ผ่านไป 6 ปีแล้ว แล้วก็…ทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ก็ยังดื้อดึง สุดท้ายก็พ่ายแพ้กลับมา แต่ในเมื่อไม่มีอะไรคาใจแล้ว…ก็ขอออกไปท่องโลกกว้างดูสักครั้งแล้วกัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท