เมื่อได้ฟังดังนั้นก็สะดุ้งขึ้นมาทันที
“เอ๋? แบบนั้นมันไม่น่าจะเป็นไปได้ไม่ใช่หรือคะ?”
“ฮะๆ นั่นสิครับ ผมก็แค่พูดเล่นไปงั้นๆ แหละครับ” ผมหัวเราะออกมา
“กลับเข้าเรื่องดีกว่าครับ ถ้าตามความเห็นผม ผมว่าเรื่องในคราวนี้พวกเราไม่ต้องทำอะไรเลยน่าจะเป็นการดีที่สุดครับ”
“อย่างงั้นเหรอคะ? อืม…ถึงจะรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง แต่เอาตามที่คุณโทระว่าก็แล้วกันค่ะ”
“เอ่อ..ถ้ารู้สึกลำบากใจ โซโซจะบอกเรื่องนี้กับที่บ้านก็ได้นะครับ ผมไม่ได้ติดอะไร”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันแค่รู้สึกผิดกับความรับผิดชอบในฐานะของขุนนางเท่านั้นเองค่ะ…แต่พอคิดอีกที…ตอนนี้ฉันเองก็ไม่ได้เป็นขุนนางแล้วด้วย เพราะงั้นคงไม่ได้ถือว่าทำผิดต่อหน้าที่อะไรหรอกค่ะ”
โซโซตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ จนผมอดรู้สึกเห็นใจเธอไม่ได้
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง…ว่าแต่เราจะเอายังไงต่อดีล่ะคะ”
โซโซถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
“นั่นสินะครับ…ถึงจะบอกว่าไม่ต้องทำอะไรก็จริง แต่เพื่อความปลอดภัยของพวกเรา ผมว่าพวกเราควรจะออกเดินทางไปที่อื่นน่าจะดีที่สุดครับ ถึงจะไม่รู้ว่าพวกสาวกเทพมารมีจริงหรือเปล่า แล้วพวกเราถือว่าเป็นผู้พิชิตจริงไหม แต่ถ้าเกิดมีคนมาตามสืบเรื่องของจักรพรรดินีหมาป่าขึ้นมาจริงๆ มันก็จะเสี่ยงพวกเราซะเปล่าๆ น่ะครับ”
“นั่นสินะคะ ถึงจะอยู่หมู่บ้านนี้ต่อไปก็มีแต่จะเพิ่มความเสี่ยง งั้นฉันเห็นด้วยเรื่องการเดินทางค่ะ”
“งั้นเรื่องที่เหลือก็มีแค่เรื่องเพื่อนของผมสินะ ถ้ายังไงผมรีบติดต่อไปบอกเพื่อนไว้ก่อนดีกว่าครับ”
โซโซพยักหน้ารับผมจึงหยิบเครื่องสือสารเวทออกมาแล้วพิมพ์ข้อความไปบอกกับยูกิทันที
[โทระ] : ยูกิ เรื่องระบบการ์ด กับเรื่องจักรพรรดินีหมาป่า อย่าพึ่งเอาเรื่องพวกนี้ไปบอกกับใครนะ นี่เรื่องสำคัญมาก เอาไว้คืนนี้จะโทรไปเล่ารายละเอียดให้ฟัง
ผ่านไปไม่นานก็มีข้อความจากยูกิตอบกลับมา
[ยูกิ] : รับทราบ ว่าแต่บอกกับพวกเราก็ไม่ได้งั้นเหรอ?
[โทระ] : ไม่ได้ คนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี
[ยูกิ] : เห~ ดูลึกลับจังนะ ก็ได้ๆ ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับพวกฮานะ แต่ถือว่านายติดฉันเพิ่มอีกเรื่องนับเป็นสองเรื่องแล้วกันนะเจ้าแมวน้อย
[โทระ] : ก็ได้ๆ ถือว่าฉันติดเธอเพิ่มอีกเรื่องก็ได้ โอเคไหม?
[ยูกิ] : โอเครับทราบ เอาไว้แค่นี้ก่อนนะ เอริจังเหมือนจะโมโหที่ฉันอู้แล้วล่ะ ไปนะ…คืนนี้อย่าลืมโทรมาด้วยล่ะ
“เรียบร้อยครับ”
หลังจากคุยเสร็จ ในขณะที่ผมกำลังจะเก็บเครื่องสื่อสารเวทเข้ากระเป๋า เสียงของโซโซก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน
“คุณโทระคะ เอ่อ..เครื่องนั่นมันคือเครื่องสื่อสารเวทใช่ไหมคะ?”
“เอ๊ะ? ใช่ครับ มันคือเครื่องสือสารเวท อ๊ะ! จะว่าไปโซโซมีเครื่องสื่อสารเวทไหมครับ ถ้ามีผมขอช่องทางการติดต่อไว้หน่อยได้ไหมครับ เผื่อมีเหตุฉุกเฉินอะไรจะได้ติดต่อกันง่ายๆ”
โซโซส่ายหน้า ทำให้ผมถึงกับหน้าเสียเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนเธอจะสังเกตเห็นจึงรีบพูดเสริมขึ้นมา
“มะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากให้ช่องทางการติดต่อนะคะ…พะ เพียงแต่ฉันไม่มีเครื่องมือสื่อสารเวทน่ะค่ะ คือเมื่อก่อนที่บ้านห้ามไม่ให้ใช้น่ะค่ะ เพราะฉะนั้นคุณโทระอย่าเข้าใจผิดนะคะ”
“อ่อ เป็นอย่างนี้เองสินะครับ เอ…แต่ผมว่าโซโซควรจะมีเครื่องสื่อสารเวทติดไว้สักเครื่องน่าจะดีกว่านะครับ”
“เอ่อ…เรื่องนั้นเองก็เหมือนกันค่ะ พอดี…ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนด้วยสิคะ ถ้าคุณโทระสะดวก…ช่วยแนะนำให้หน่อยได้ไหมคะ?”
หน้าของโซโซค่อนข้างแดงในขณะที่พูด ดูเหมือนว่าการที่เธอไม่รู้จักเครื่องสื่อสารเวทในยุคนี้ที่แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ก็ยังรู้จักจะทำให้เธอรู้สึกอายพอสมควร
“ด้วยความยินดีเลยครับ แต่ถ้ายังไงเอาไว้หลังจากนี้ผมจะพาไปซื้อก็แล้วกันนะครับ”
“ขะ ขอบคุณมากเลยค่ะ!”
“ถ้างั้นเรามาดูนี่กันก่อนดีกว่าครับ”
พูดจบผมก็หยิบแผนที่ขนาดใหญ่ออกมาจากช่องเก็บของ ก่อนที่จะกางลงบนโต๊ะประชุม
“เรามาเลือกเป้าหมายต่อไปกันดีกว่าครับ โซโซพอจะมีที่แนะนำหรือที่ๆอยากไปไหมครับ?”
โซโซก้มลองมองดูแผนที่อยู่สักพัก ก่อนที่เธอจะชี้ไปที่จุดหนึ่งบนแผนที่
“ฉันเสนอหมู่บ้านรัฟค่ะ ฉันเคยได้ยินมาว่าที่หมู่บ้านนั้นค่อนข้างมีชื่อเสียงเรื่องผลไม้ค่ะ ฉันอยากไปมานานแล้วแต่ก็ไม่มีโอกาสสักที เอ…แต่ถ้าพวกเราเดินทางจากที่นี่ก็ค่อนข้างจะไกลอยู่พอสมควรเลยนะคะ”
ผมมองไปที่จุดที่เธอชี้บนแผนที่ และพบว่ามันอยู่ห่างจากหมู่บ้านโทเดนที่พวกเราอยู่ตอนนี้ค่อนข้างไกลทีเดียว ถ้าดูจากระยะทางคร่าวๆ ก็น่าจะใช้เวลาเดินทางด้วยเท้าประมาณ 15 วัน ถือเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างนาน
“นั่นสินะครับ ถึงอาจจะไกลไปสักหน่อย แต่ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน…ตรงที่การติดตามหาข่าวของพวกเราน่าจะยากขึ้นไปหลายเท่าเลยล่ะครับ”
หมู่บ้านรัฟที่โซโซชี้อยู่ถือว่าเป็นหมู่บ้านที่อยู่ทางทิศเหนือของเมืองหลวง ซึ่งเป็นคนละทิศกับหมู่บ้านโทเดนที่อยู่ทางทิศตะวันตกอีกด้วย
ระหว่างที่ไล่ดูไปตามเส้นทางของแผนที่ผมก็เสนอความคิดออกมา
“แต่ระยะเวลาเดินทางน่าจะนาน แถมระหว่างทางก็มีหมู่บ้านอยู่ไม่มากเท่าไหร่ ดังนั้นพวกเราน่าจะต้องพักแรมกลางแจ้งอยู่หลายครั้ง โซโซต้องมีเตรียมของอะไรเพิ่มไหมครับ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากออกเดินทางให้ไวที่สุด”
“ต้องเตรียมหลายอย่างเลยค่ะ ฉันยังไม่มีพวกเต็นท์สนาม กับพวกข้าวของเครื่องใช้อีกนิดหน่อย ถ้ายังไงฉันอาจจะขอเวลาเตรียมตัวประมาณสองชั่วโมงได้ไหมคะ?”
“ได้เลยครับ เดี๋ยวผมพาโซโซไปหาซื้อเครื่องสื่อสารเวทก่อน แล้วโซโซก็แยกไปซื้อของ ส่วนผมว่าจะไปรับรางวัลที่พวกเราปราบบอสราชาหมาป่าก่อน แล้วอีกสองชั่วโมงพวกเราค่อยไปเจอกันที่ประตูหมู่บ้านทางทิศเหนือ แบบนี้ดีไหมครับ?”
“ตกลงค่ะ …พูดถึงเรื่องไอเทมขึ้นมา ฉันก็ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้คืนการ์ดให้คุณโทระ”
โซโซพูดจบก็หยิบเอาการ์ดที่ผมฝากเธอไว้ออกมาส่งให้ผม แต่ทันทีที่เธอถอดการ์ดออกมา ประตูมิติสีแดงก็ถูกเปิดออกแล้วเจ้าซิกนัมกับแมรี่ก็กระโดดออกมาก่อนที่ประตูมิติจะถูกปิดไป
“ดูเหมือนว่าถ้าถอดการ์ดออกผลของความสามารถจะไม่มีผลทั้งหมดเลยสินะ ตอนแรกผมคิดว่ารังหมาป่าจะผูกติดกับตัวการ์ดซะอีก”
ผมพูดขึ้นในขณะที่เอามือไปลูบหัวของเจ้าซิกนัม
“จะว่าไปยังไม่ได้อาบน้ำให้เจ้าแมรี่เลยค่ะ…เอาไว้ตอนเย็นนี้จะอาบให้นะ”
โซโซหันไปบอกกับเจ้าแมรี่ที่พอได้ยินก็ส่ายหางรัวๆ
“จริงสิ! คุณโทระ ตอนที่จัดการจักรพรรดินีหมาป่าได้ ฉันได้การ์ดมาอีกใบด้วยค่ะ”
พูดจบโซโซก็หยิบเอาการ์ดใบหนึ่งส่งมาให้ผม
“เอ๊ะ? โซโซก็ได้การ์ดเหมือนกันงั้นเหรอครับ? ผมเองก็ได้การ์ดจักรพรรดินีหมาป่ามาเหมือนกัน”
ผมเองก็หยิบการ์ดใบหนึ่งส่งให้โซโซดู พวกเราต่างแลกการ์ดที่ได้มาให้กันดู
“การ์ดจักรพรรดินีหมาป่างั้นเหรอคะ? …ดูเหมือนว่ามอนสเตอร์ระดับบอสจะมีโอกาสดรอปการ์ดสูงกว่ามอนสเตอร์ปกติสินะคะ…?”
ทันทีที่ผมหยิบมันขึ้นมาชื่อของการ์ดก็ปรากฏขึ้นที่ด้านบนของตัวการ์ดทันที
“หืม? การ์ดอาณาเขตสลับธาตุ…โซโซได้ลองดูหรือยังครับว่าการ์ดมันมีความสามารถอะไรบ้าง”
“ยังเลยค่ะ ตอนนั้นฉันกำลังรีบเดินทางกลับมาที่หมู่บ้าน ก็เลยยังไม่ได้ทดลองอะไรเลยค่ะ”
“งั้นเหรอครับ งั้นเรามาลองดูไปพร้อมๆ กันเลยดีไหมครับ?”
“ดีเลยค่ะ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าการ์ดจะมีความสามารถอะไรบ้างค่ะ”
แต่ก่อนที่ผมจะใส่การ์ดลงไปในช่อง อยู่ๆ ผมก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
เมื่อโซโซเห็นมือของผมค้างอยู่ที่ด้านหน้าช่องใส่การ์ด เธอก็อดสงสัยไม่ได้จึงถามขึ้นมา
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณโทระ?”
“อ่อ ไม่เป็นไรครับ คือพอดีมันมีอะไรบางอย่างที่ยังกวนใจผมอยู่ แล้วเหมือนเมื่อกี้จะเกิดลางสังหรณ์ขึ้นมาพอดีน่ะครับ”
“เอ๊ะ? อะไรบางอย่างที่กวนใจอยู่กับลางสังหรณ์งั้นหรือคะ?”
“ครับ…จะว่าไปโซโซจำตอนที่จักรพรรดินีหมาป่าวิ่งมาหาพวกเราได้ไหมครับ?”
“เอ..จะว่าไป ฉันก็จำตอนนั้นไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่นะคะ…ตอนนั้นฉันได้ยินแค่คุณโทระบอกว่าแย่แล้ว พอรู้ตัวอีกทีเจ้าจักรพรรดินีหมาป่าก็มาอยู่ตรงหน้าแล้วค่ะ…ว่าแต่มันมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?”
ผมทำท่านึกอยู่สักครู่ก่อนจะเริ่มอธิบาย
“คือว่า…ผมกำลังสงสัยว่าเจ้าจักรพรรดินีหมาป่ามันอาจจะตามกลิ่นของราชาหมาป่ามาครับ เพราะตอนที่มันปรากฏตัวตรงหน้าเรา และเท่าที่ผมสังเกตดูตอนนั้นคือมันไม่สนใจคนอื่นเลยนอกจากตัวผมที่ใส่การ์ดอยู่…ผมก็เลยสงสัยว่ามันน่าจะเกิดจากการที่ผมใส่การ์ดเอาไว้ก็ได้ครับ”
โซโซพยักหน้าแสดงความเห็นด้วย
“ฉันไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นมาก่อนเลยค่ะ…นั่นสินะคะ บางทีอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ ไหนจะความสามารถอย่างราชาแห่งหมาป่า ไหนจะอาณาเขตราชาหมาป่า แล้วยังมีรังราชาหมาป่าด้วย…พอมาคิดๆ ดูแล้ว..ตัวการ์ดมันแทบจะถอดแบบความสามารถของตัวราชาหมาป่ามาเลยไม่ใช่หรือคะ? มันเหมือนกับเรากลายเป็นราชาหมาป่าไปจริงๆเลยค่ะ”
“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะแบบนี้ตอนที่เจอเจ้าบอสจักรพรรดินี มันก็เลยจ้องเล่นงานแค่ผมคนเดียว…และเพราะเหตุผลนั้นผมว่าเราอย่าพึ่งลองการ์ดอะไรตอนนี้กันเลยดีกว่าครับ”
พอได้ยินดังนั้น โซโซก็เอียงคอมองด้วยความสงสัย
“ทำไมล่ะคะ? จักรพรรดินีก็ถูกจัดการไปแล้วไม่ใช่หรือคะ? …ขอโทษนะคะ ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่”
“บางทีอาจจะเป็นผมที่คิดมากไปเองก็ได้ครับ…พอดีมีคนเตือนมาว่าถ้ามีจักรพรรดินีแล้วมันอาจจะมีจักรพรรดิอยู่ด้วยก็ได้น่ะครับ”
พอได้ยินแบบนั้นโซโซก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“เรื่องแบบนั้น…ไม่สิ บางทีอาจจะเป็นไปได้ก็ได้ค่ะ ถ้าเกิดว่าจักรพรรดิหมาป่ามีตัวตนอยู่จริงและสามารถตรวจจับพวกเราที่กำลังใส่การ์ดอยู่ได้ล่ะก็…”
“นั่นแหละครับที่ผมกำลังคิด เอาไว้พวกเราเดินทางไปถึงหมู่บ้านรัฟก่อนแล้วค่อยลองน่าจะปลอดภัยกว่าแถวๆ นี้น่ะครับ”
“นั่นสินะคะ…ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะทำยังไงกันดีกับพวกแมรี่ล่ะคะ?”
โซโซพูดขึ้นก่อนจะหันไปมองพวกซิกนัมกับแมรี่ที่กำลังนั่งมองพวกเราอยู่
“อืม นั่นสินะครับ ถ้าให้ออกมาเดินดุ่มๆในสภาพนี้อาจจะเกิดปัญหาได้…งั้นผมจะใส่การ์ดราชาหมาป่าไปก่อน แล้วพอเราออกจากหมู่บ้านแล้วค่อยถอดการ์ดออกมาเก็บไว้ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะครับ”
“นั่นสินะคะ เพราะฉันเองก็ใส่การ์ดมาตลอดเลยด้วยค่ะ”
เมื่อตกลงกันได้แล้วผมก็ทำการยื่นการ์ดคืนให้โซโซ แต่โซโซรีบทำท่าปฏิเสธทันที
“ไม่ได้ครับ การ์ดใบนี้โซโซเป็นคนได้มา ดังนั้นมันเป็นของโซโซครับ”
“เอ๊ะ? แต่ว่า…”
“รับไปเถอะครับ แล้วอีกอย่างรอบนี้ผมก็ไม่ใช่คนจัดการบอสด้วย”
ผมรีบขัดขึ้นทันทีที่เห็นว่าเธอกำลังจะหาข้ออ้างมาเพื่อไม่ยอมรับการ์ดที่เธอได้มา
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะค่ะ…”
“ช่วยรับไปด้วยเถอะครับ ถือว่าเป็นค่าตอบแทนของการ์ดราชาหมาป่าก็ได้นะครับ แถมชื่อของการ์ดเองก็เกี่ยวข้องกับธาตุด้วย ดังนั้นนักดาบแบบผมไม่น่าจะเหมาะกับการ์ดใบนี้ด้วยครับ”
พอได้ยินผมยืนกรานแบบนั้นเธอก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธอีก จึงยอมรับการ์ดไปแต่โดยดี
“กะ ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณโทระ”
“ด้วยความยินดีครับ…งั้นพวกเราไปกันเลยไหมครับ?”
“ค่ะ”
โซโซเก็บการ์ดเข้าช่องเก็บของ ในขณะที่ผมใส่การ์ดราชาหมาป่าเข้าไปเพียงใบเดียว แล้วก็เก็บเจ้าซิกนัมกับแมรี่เข้าไปอยู่ในรัง ก่อนที่พวกเราจะออกจากห้องประชุมมาเพื่อไปเตรียมซื้อของที่จำเป็นสำหรับเดินทาง
ผมพาโซโซไปที่ร้านเครื่องมือสื่อสารเวทก่อน โซโซเลือกซื้อเครื่องสื่อสารเวทรุ่นที่มีราคาไม่สูงมากนักแต่ก็พอจะสามารถใช้งานได้มาเครื่องหนึ่งตามคำแนะนำของผม ก่อนที่จะซื้อแพ็คเกจเครือข่ายเวทเพิ่มไปอีก 1 ปี
พวกเราทำการแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกัน และกำลังจะแยกกันไปทำธุระตามที่ได้ตกลงกันไว้
“คุณโทระพอจะมีอะไรแนะนำเกี่ยวกับพวกของที่จำเป็นในการเดินทางไหมคะ? ถึงจะคิดๆไว้บ้าง แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจว่าจะครบไหมอยู่ดีคะ”
“อืม…นอกจากของใช้ส่วนตัวพวกเสื้อผ้ากับชุดสำรองแล้ว ผมแนะนำให้เตรียมหลักๆเลยก็เป็นเต็นท์กับชุดเครื่องนอนครับ แล้วก็อาจจะมีพวกอุปกรณ์เครื่องครัว เช่น เขียง มีดสำหรับหั่นเนื้อ มีดอเนกประสงค์ขนาดกลาง หม้อ กระทะ ตะหลิว แล้วก็จานชามครับ แต่ถ้ามีงบเหลือก็เตรียมพวกเต็นท์สำรอง ห้องน้ำอเนกประสงค์ ชุดโต๊ะเก้าอี้ขนาดเล็ก โคมไฟเวท แล้วก็พวกเครื่องปรุงอาหารหรือเครื่องเทศที่ชอบเผื่อไปด้วยก็ดีนะครับ”
โซโซหยิบสมุดขนาดเล็กออกมาจดรายการตามที่ผมบอก ก่อนที่จะพยักหน้า
“เยอะกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
ผมพยักหน้าให้
“ครับผม ถ้ามีอะไรก็ติดต่อผ่านเครื่องสื่อสารเวทตามที่ผมสอนไว้ได้เลยนะครับ…แล้วเจอกันที่ประตูหมู่บ้านทางทิศเหนือในอีกสองชั่วโมงนะครับ”
พูดจบพวกเราก็แยกกันไปคนละทาง ผมเดินตรงไปที่โรงแรมเพื่อเก็บของ ก่อนที่จะเดินตรงไปที่ทำการของผู้ใหญ่บ้านโดยการสอบถามชาวบ้านแถวๆนั้นดู และไม่นานผมก็เดินทางมาจนถึงหน้าที่ทำการของผู้ใหญ่บ้านจนได้
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ได้พบกับเคาน์เตอร์ให้บริการอยู่สองช่อง แต่ละช่องมีพนักงานนั่งประจำอยู่ เห็นดังนั้นผมก็เลยเดินเข้าไปที่ช่องหนึ่งแล้วแจ้งเรื่องว่ามาขอรับรางวัลในการจัดการกับราชาหมาป่าโทเดน
“คุณโทระสินะคะ คุณโทมัสได้แจ้งทางเราไว้ล่วงหน้าแล้วค่ะ ขอหลักฐานยืนยันตัวตนได้ไหมคะ?” เจ้าหน้าที่สาวสวยที่ประจำอยู่กล่าวอย่างสุภาพ
“ได้ครับ…นี่ครับ” ผมยื่นบัตรนักผจญภัยให้ทางเจ้าหน้าที่ เธอรับไปดูอยู่สักครู่ก็ส่งคืน
“ยืนยันเรียบร้อย นี่รางวัลของคุณค่ะ”
เจ้าหน้าที่กล่าวพร้อมกับส่งถุงใบหนึ่งมาให้
“ภายในมีเหรียญทองอยู่ทั้งหมด 50 เหรียญ รบกวนช่วยตรวจสอบก่อนออกจากที่ทำการด้วยนะคะ”
ได้ฟังดังนั้นผมก็ค่อยๆนับเหรียญทองที่อยู่ในถุง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีก็บอกขอบคุณพนักงานก่อนที่จะออกมาจากที่ทำการหมู่บ้าน
ดูเหมือนว่าการที่สามารถปราบเจ้าราชาหมาป่าได้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือสำคัญอะไรเท่าไหร่
(ตอนแรกคิดว่าจะนานกว่านี้ เหลือเวลาอีกเยอะเลยแฮะ ทำอะไรดีนะ)
แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของผม
“ไหนๆ ก็จะต้องเดินทางไกล ลองไปดูรถม้าสักคันดีกว่า”
(ถึงจะเหลือเงินในกระเป๋าอยู่แค่ 20 เหรียญทอง แต่พอรวมกับเงินรางวัลก็ได้ 45 เหรียญทอง…บางทีอาจจะซื้อรถม้าราคาถูกๆ ได้อยู่ละมั้ง)
ผมเดินไปสอบถามทางกับชาวบ้านถึงร้านขายรถม้า และดูเหมือนว่าร้านขายรถม้าของหมู่บ้านจะอยู่ออกไปนอกเมืองไม่ไกลเท่าไหร่ ผมคำนวณเวลาและเมื่อเห็นว่าเพียงพอจึงตัดสินใจรีบเดินทางไปทันที และไม่นานผมก็เดินทางมาถึงร้านขายรถม้า
“ถึงจะบอกว่าร้านขายรถม้า แต่ดูเหมือนกับฟาร์มม้ามากกว่าแฮะ”
รถม้าในโลกนี้มีอยู่ด้วยกันหลายระดับ ตั้งแต่รถม้าที่ทำจากไม้ราคาถูกๆ ไปจนถึงรถม้าเวทมนตร์สุดหรูหราที่ราคาแพงหูฉี่
และอาจจะเป็นเพราะร้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน ทำให้ร้านดูไม่ได้หรูหราเหมือนกับในเมืองหลวง แต่ดูเหมือนเป็นธุรกิจครอบครัวที่ทำฟาร์มม้าเลยพ่วงกิจการขายรถม้าเสริมเข้าไปมากกว่า
ผมเดินผ่านซุ้มประตูที่ด้านบนเขียนไว้ว่า [อังเดร] เข้าไปด้านใน และก็ได้พบกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งรีบวิ่งออกมาต้อนรับ
“สวัสดีครับ คุณลูกค้าสนใจมาดูรถม้าใช่ไหมครับ?”
“ใช่ครับ พอจะมีรถม้าราคาถูกๆ แนะนำบ้างไหมครับ พอดีผมมีงบไม่เยอะเท่าไหร่”
เด็กหนุ่มยิ้มให้ก่อนที่จะเริ่มอธิบาย
“มีครับ จริงๆ ตัวของรถม้าที่ร้านเราไม่ได้มีราคาสูงอยู่แล้วครับ แต่ที่แพงน่าจะเป็นตัวม้ามากกว่า ถ้ายังไงเชิญเขามาชมดูก่อนได้ครับ”
ผมพยักหน้าก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินนำเข้าไปที่ด้านใน
ไม่นานพวกเราก็เดินมาถึงโกดังขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง และเมื่อผมเดินเข้าไปด้านในก็ได้พบกับรถม้าหลากหลายรูปแบบตั้งแต่รถม้าที่ดูเหมือนเกวียนขนของธรรมดา และรถม้าที่ดูดีขึ้นมาหน่อยตรงที่มีหลังคากับที่นั่งติดมาให้ด้วย และที่ดูดีที่สุดก็เป็นรถม้าแบบตู้ทึบที่ดูหรูหราขึ้นมาอีก แต่รถม้าทุกคันที่จอดอยู่ที่นี่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่รถม้าที่ทำจากไม้ทั้งนั้น
“รถม้าของที่นี่จะถูกผลิตจากไม้โทเดนทุกคันครับ และเพราะเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายทำให้มีราคาถูกครับ อย่างคันธรรมดาๆ แบบนี้ราคาอยู่ที่ประมาณ 5 เหรียญทองเท่านั้นเองครับ” เด็กหนุ่มคนนั้นชี้ไปที่รถม้าที่ดูเหมือนเกวียนขนของธรรมดาๆ คันแรกที่ผมเห็น
“แล้วคันนั้นราคาเท่าไหร่งั้นหรือครับ” ผมชี้ไปที่รถม้าที่มีหลังคาเป็นผ้า และมีที่นั่งคนขับที่ดูน่าจะนั่งสบายคันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกล
“คันนั้นเป็นรถม้าแบบที่ขายดีมากเลยนะครับ ผ้าใบที่คลุมอยู่ก็เป็นผ้าแบบกันน้ำทำให้ไม่ต้องกังวลในตอนที่ฝนตก แถมเบาะก็ถูกบุด้วยหนังของหมาป่าโทเดนอย่างดี ที่ล้อก็ติดตั้งระบบกันสะเทือนครบทั้งสี่ล้อ เลยทำให้ราคาอาจจะสูงสักหน่อยโดยจะมีราคาอยู่ที่ 30 เหรียญทองแบบไม่รวมม้าครับ”
เด็กหนุ่มอธิบายอย่างคล่องแคล่ว ก่อนที่จะยิ้มแล้วหันมาถามผม
“สนใจลองไปดูใกล้ๆ ก่อนไหมครับ?”
ผมเดินเข้าไปดูรถม้าใกล้ๆ และพบว่างานประกอบดูจะทำได้ดีกว่าที่คิด ถึงจะไม่ได้มีความรู้เรื่องรถม้ามากสักเท่าไหร่ แต่เท่าที่เห็นด้วยสายตาในตอนนี้ก็ยังไม่พบจุดที่ดูไม่เรียบร้อยเลย
ถ้าคุณภาพได้ขนาดนี้ ผมยังมองว่า 30 เหรียญทองเป็นราคาที่รับได้
(ในมือมี 45 เหรียญทอง…ก็ยังพอไหว)
“แล้วม้าที่ไว้ลากจูงราคาอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่งั้นหรือครับ” ผมหันไปถามกับเด็กหนุ่ม
“มีหลายราคาเลยครับ ตัวที่ดีสุดก็จะอยู่ราวๆ 100 เหรียญทองครับ เป็นม้าที่ถูกฝึกมาอย่างดี สามารถฟังคำสั่งได้อย่างแม่นยำ แล้วก็มีความเร็วกับพละกำลังที่สูงมากครับ”
“เอ่อ…ราคามันเกินงบไปหน่อยน่ะครับ ทางร้านพอจะมีตัวที่ราคาไม่เกิน 15 เหรียญทองไหมครับ”
เด็กหนุ่มทำท่าคิดนิดหน่อย ก่อนที่จะพูดออกมา
“จริงๆ ก็มีนะครับ แต่ผมไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ เพราะเป็นม้าป่าที่พึ่งจะถูกจับได้ไม่นาน และยังได้รับการฝึกลากจูงไม่มากเท่าไหร่ครับ”
“แบบนั้นราคาประมาณเท่าไหร่งั้นหรือครับ?”
“ถ้าเป็นม้าป่าที่ถูกจับมาราคาก็จะอยู่ราวๆ 10 เหรียญทองครับ แต่ถ้าคุณลูกค้าเพิ่มงบอีกหน่อย ผมแนะนำเป็นม้าเลี้ยงที่ทางเราเพาะพันธุ์ขึ้นมาเองครับ ถึงจะยังไม่ได้รับการฝึกอย่างเต็มที่ แต่ก็เชื่องกว่าพวกม้าป่าอยู่เยอะเลยครับ ราคาเองก็อยู่ราวๆ 20 เหรียญทองเท่านั้นเองด้วยครับ”
(เกินงบแฮะ ถ้างั้นคงต้องตัดสินใจเลือกม้าป่าแหละนะ…บางทีอาจจะต้องหวังกับความสามารถของเทมเมอร์ดู)
เมื่อตัดสินใจได้ผมก็หันไปบอกกับเด็กหนุ่มที่ยืนรอคำตอบอยู่
“งั้นผมเอาเป็นม้าป่าก็แล้วกันครับ พอดีราคา 20 เหรียญทองมันเกินงบน่ะครับ ช่วยเลือกตัวที่มันเชื่องที่สุดให้หน่อยได้ไหมครับ”
เด็กหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะพยักหน้ารับ
“ความจริงแล้วมีม้าป่าอยู่ตัวนึงที่ผมอยากแนะนำให้ครับ ถึงจะเป็นม้าป่าแต่ท่าทางของมันก็ค่อนข้างดี แถมยังค่อนข้างเชื่องด้วยครับ แต่ราคาจะสูงกว่าตัวอื่นสักหน่อยนะครับอยู่ที่ 12 เหรียญทอง”
“เอาตัวที่คุณแนะนำก็ได้ครับ ถ้ารวมรถม้าด้วยก็จะเป็น 42 เหรียญทองนะครับ แล้วถ้าผมอยากจะใช้งานเลยนี่ต้องรอนานไหมครับ?”
“ไม่นานครับ ผมขอเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงครับ คุณลูกค้าไปชำระเงินที่ตึกด้านหน้าได้เลยครับ เดี๋ยวทางนี้ผมจะรีบจัดการให้โดยเร็วที่สุดเลยครับ”
ผมเดินกลับออกมาและเข้าไปจ่ายเงินที่ตึกตรงทางเข้า และหลังจากนั้นไม่นานรถม้าที่ผมซื้อก็มาจอดอยู่ที่ด้านหน้าของผมเป็นที่เรียบร้อย
รถม้ากำลังถูกลากจูงด้วยม้าตัวใหญ่สีดำเข้ม ร่างของมันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรง
เด็กหนุ่มคนนั้นลงจากที่นั่งคนขับ ก่อนที่จะหันมาถามผม
“คุณลูกค้าขับรถม้าเป็นใช่ไหมครับ?”
“เป็นครับ พอดีเคยเรียนมาบ้างน่ะครับ”
“งั้นดีเลยครับ ขอบคุณที่อุดหนุนร้านของเรานะครับ”
ผมกล่าวขอบคุณเด็กหนุ่มคนนั้นก่อนที่จะขับรถม้าออกมา
“จะกลับเข้าหมู่บ้านอีกรอบก็ต้องเสียค่าเข้าอีก งั้นเดินอ้อมกำแพงหมู่บ้านไปก็แล้วกัน น่าจะไปถึงตอนเวลานัดพอดี”
ผมบังคับรถม้าให้เดินไปตามถนนเรียบกำแพง และไม่นานก็เดินมาถึงประตูทางทิศเหนือของหมู่บ้าน ผมจอดรถม้ารออยู่ที่ข้างกำแพง ก่อนจะส่งข้อความให้กับโซโซว่าออกมาเจอกันที่นอกเมืองได้เลย
โซโซตอบกลับมาว่ารับทราบ และหลังจากนั้นผมก็เห็นร่างของเธอปรากฏตัวออกจากประตูมาแทบจะทันที
โซโซมองหาผมแต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สังเกตที่รถม้าเลย ผมจึงโบกมือพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อของเธอ เมื่อโซโซสังเกตเห็นเธอก็ทำตาโต ก่อนที่จะรีบวิ่งเข้ามาหาผม
“นี่มันอะไรกันคะคุณโทระ!?”
“หืม? ก็รถม้าไงครับ พอดีคิดว่าไหนๆก็ต้องเดินทางไกลก็เลยถือจังหวะนี้ไปซื้อมาสักคัน…จริงๆ อยากได้คันที่ดีกว่านี้อยู่หรอกนะ แต่ยังไม่มีเวลาเก็บเงินก็เลยซื้อได้เท่านี้ไปก่อน…อ๊ะ! จริงสินี่ส่วนแบ่งของโซโซ 25 เหรียญทอง ลองนับดูด้วยล่ะ”
ผมส่งถุงเงินส่วนแบ่งค่าหัวของบอสราชาหมาป่าให้โซโซ เมื่อเธอเห็นดังนั้นก็รีบรับไปแบบงงๆ
“เอ๋? ทำไมฉันได้ส่วนแบ่งด้วยล่ะคะ?”
“ถามอะไรแบบนั้น พวกเราเป็นปาร์ตี้เดียวกันนะ รายได้ที่ได้มาก็ต้องแบ่งกันอยู่แล้วนี่”
“แต่ว่า..” โซโซทำท่าอึกๆอักๆ ผมจึงรีบพูดขัดทันที
“รับไปเถอะครับ เรื่องแบบนี้ก็สำคัญนะ ถึงจะเป็นเพื่อนกัน แต่ยังไงรายได้ของปาร์ตี้ก็ต้องกำหนดให้ชัดเจนด้วยเหมือนกัน จริงๆผมก็ว่าจะมาคุยกับโซโซเรื่องนี้อยู่พอดี…แต่ก่อนหน้านั้นเรารีบออกเดินทางกันก่อนดีกว่าครับ วันนี้ยังเหลือเวลาอีกเยอะ ำวกเราน่าจะไปทันถึงจุดพักแรมแรกที่ผมวางแผนไว้ ส่วนเรื่องอื่นๆเอาไว้เราค่อยมาคุยกันตอนเดินทางก็ได้ครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้นโซโซก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่เดินไปที่ด้านหลังรถม้าและเดินขึ้นบันไดท้ายรถเข้ามานั่งในรถม้าอย่างจำใจยอมรับ
“รถสวยดีนะคะ ราคาเท่าไหร่คะเนี่ย?” เมื่อขึ้นมานั่งเรียบร้อยโซโซก็มองสำรวจไปทั่วๆ อย่างสนใจ
“รวมหมดเบ็ดเสร็จก็ตกอยู่ราวๆ 40 เหรียญทองน่ะ” พูดจบผมก็เริ่มบังคับรถม้าให้ออกเดินไปตามถนนทันที
“ราคาไม่ใช่น้อยๆเหมือนกันนะคะ ถ้ายังไงให้ฉันช่วยออกด้วยดีกว่านะคะ”
พอได้ยินดังนั้นผมก็ยิ้มออกมา โซโซเป็นคนที่มีน้ำใจจริงๆ
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอกครับ ถือว่าเป็นการลงทุนให้ปาร์ตี้ ในฐานะของหัวหน้าปาร์ตี้แล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้วครับ”
“เอ๋? แต่ฉันก็เป็นรองหัวหน้านะคะ!” โซโซรีบขัดขึ้นมา
“เอาน่าๆ รองหัวหน้าเองก็มีอะไรให้ทำอีกเยอะเลยครับ เอาไว้ถึงตอนนั้นโซโซก็คอยช่วยจัดการให้ทีก็แล้วกันนะ ฮะๆ”
“อย่ามาทำตลกเพื่อเปลี่ยนเรื่องนะคะ!”
“เอ๋? ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย…ว่าแต่โซโซได้ของที่ต้องการมาครบไหมครับ?”
โซโซทำท่าทางเหนื่อยใจออกมา เมื่อเห็นว่ายังไงผมก็คงไม่ยอมรับ
“ของที่จำเป็นตามที่คุณโทระแนะนำก็ได้มาครบอยู่นะคะ ถึงจะขาดพวกเครื่องปรุงบางตัวที่ฉันชอบก็เถอะ”
“แบบนั้นก็โอเคแล้วครับ เอาไว้ไปแวะซื้อเพิ่มตามทางก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบนะ”
“ก็คงต้องอย่างนั้นล่ะค่ะ”
โซโซพูดจบก็หันกลับไปมองที่หมู่บ้านโทเดนที่ค่อยๆห่างออกไป
“ถึงจะผิดแผนไปหน่อย แต่โดยรวมวันนี้ก็ถือว่าสนุกดีอยู่นะครับ ฮะๆ”
ผมมองตามเธอไปก่อนจะพูดออกมา
“นั่นสินะคะ ชีวิตนี่อะไรๆก็ไม่แน่นอนจริงๆ ตอนแรกพวกเรายังวางแผนเก็บเลเวลกันที่นี่ยาวๆอยู่เลย ยังไม่ทันถึงวันก็ต้องเปลี่ยนแผนซะแล้วค่ะ…”
“นี่แหละชีวิต อย่าไปยึดติดอะไรให้มากนักเลยครับ ขอแค่เราเข้าใจและรู้สึกสนุกไปกับมัน…แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ”
โซโซพอได้ยินแบบนั้นก็หันมามองหน้าผม
“คุณโทระนี่พูดเหมือนคนแก่เลยนะคะ คุณโทระนี่อายุ 18 จริงๆใช่ไหมคะ?”
“…ก็จริงน่ะสิครับ! แล้วผมก็ยังไม่แก่ด้วยครับ!” ผมรีบตบมุกขอเธอทันที โซโซพอเห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมา
“ดูเหมือนว่าพวกเราเองก็ลงเรือลำเดียวกันจริงๆแล้วสินะคะ”
โซโซพูดต่อมา
“เหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะครับ จะว่ายังไงดีล่ะ บางที อาจจะเป็นโชคชะตาที่พาให้เรามารู้จักกันก็ได้นะครับ…ยังไงหลังจากนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวอีกรอบแล้วกันนะครับ โซโซ”
“ฮะๆ นั่นสินะคะ ถึงตอนแรกฉันจะยังไม่แน่ใจ แต่หลังจากนี้คงต้องขอฝากเนื้อฝากตัวจริงๆแล้วสินะคะ รบกวนด้วยนะคะ คุณโทระ” โซโซพูดพร้อมกับยิ้มให้ผม
ได้ยินแบบนั้นผมก็ยิ้มตอบ
“ด้วยความยินดีครับ”
พวกเราหันไปมองหมู่บ้านโทเดนเป็นครั้งสุดท้าย ในขณะที่รถม้าก็กำลังเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางทิ้งหมู้บ้านโทเดนไว้เบื้องหลังห่างออกไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็หายลับไปจากสายตา