หลังจากที่เเฟนทิ้งผมไป จู่ๆสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนก็ลากคอผมไปที่บ้านซะงั้น – ตอนที่ 2 วันอันแสนวุ่นวาย

หลังจากที่เเฟนทิ้งผมไป จู่ๆสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนก็ลากคอผมไปที่บ้านซะงั้น

ในวันอาทิตย์สุดสัปดาห์ ไม่กี่วันหลังจากที่ผมนัดเดทกับเรีย

การซักซ้อมของชมรมฟุตบอลเสร็จก่อนตะวันลับขอบฟ้า โซระขอให้ผมช่วยเก็บลูกบอลที่กระจายอยู่รอบๆสนาม

[“ฟู่ว~ หมดแล้วสินะ”]

[“เหมือนจะเป็นอย่างที่พูดค่ะ ขอบคุณนะคะรุ่นพี่ช่วยได้มากเลยค่ะ~!”]

โซระโค้งคำนับผมเพื่อเป็นการขอบคุณ

เธอเพิ่งทำความสะอาดลูกบอลที่พวกเราเตะไปรอบๆ…เเละยังคอยช่วยเหลือสมาชิกในชมรม

หลังจากเปลี่ยนชุดในห้องชมรมแล้ว ผมออกมานอกห้องและพบโซระที่รอผมอยู่ที่แถวประตู

[“รุ่นพี่อาซาฮิโอกะ เรากลับบ้านกันเลยไหมคะ~?”]

[“ก็ได้อยู่หรอก เเล้วโชวล่ะ?”]

[“พี่บอกว่ามีธุระ เลยกลับไปก่อนหน้านี้เเล้วค่ะ”]

[“หมอนั่น ยังยุ่งเหมือนเคยเลยสินะ”]

เมื่อลองคิดดูเเล้ว โชวบอกว่าวันนี้มีนัดบอดกับสาวห้องอื่นนี่นา

ผมเดาว่าคงรีบกลับบ้านเพื่อที่จะไปลองชุดที่คนหล่อเหลาเท่านั้นที่ใส่มันเข้า

[“รอเเปปนึงนะ ฉันขอบอกติดต่อเรียก่อน”]

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเเละเปิดไลน์เพื่อส่งข้อความไปหาเธอ

[“ติดต่อเนี่ย…หมายความว่ายังไงคะ~?”]

[“บอกเธอว่าพวกเราสองคนกลับบ้านด้วยกันไง”]

[“เเล้วทําไมต้องบอกล่ะคะ?”]

โซระทำสีหน้าเเเปลกไป

[“กันไม่ให้เข้าใจผิดทีหลังหน่ะ”]

ถ้าโชวอยู่ด้วย มันจะไม่มีปัญหาในการกลับบ้านกับโซระ

เพราะการที่ชายหญิงกลับบ้านด้วยกันสองต่อสองอาจนําไปสู่ความเข้าใจผิดได้

อันที่จริง ถ้าผมไปหาเพื่อนสมัยเด็กเมื่อช่วงวันหยุดฤดูร้อนที่ผ่านมาโดยไม่บอกเรีย พวกเราคงมีปัญหากันเเน่ๆเพราะเธอคงคิดว่าผมนอกใจเธอ

ผมมั่นใจว่า เรียรู้ว่าผมกับโซระไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรเเบบนั้น เเต่เพื่อกันความเข้าใจผิด ผมจึงส่งข้อความไปหาเรียผ่านไลน์ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ตอบกลับมาว่า “ก็ได้” เเละผมกับโซระเริ่มเดินออกจากรั้วโรงเรียน

[“การออกไปข้างนอกด้วยเนี่ย ยุ่งยากใช่ย่อยเลยนะคะ~”]

โซระที่เดินอยู่ข้างๆผม บ่นพึมพํา

[“ก็นะ ความเข้าใจผิดเล็กๆน้อยๆอาจนําไปสู่การเลิกกันได้อ่ะนะ อย่าประเมินตัวเองสูงไป”]

[“เหหห~…ขนาดนั้นเลยหรอคะ”]

มันดูเป็นคําตอบที่ดูกํากวม ดเหมือนผมจะไม่มั่นใจในตัวเอง

[“ว่าเเต่ โซระไม่เคยเดทกับใครมาก่อนเลยหรอ? ออกจะฮอตเเท้ๆ”]

หลังจากโซระได้เป็นหัวหน้าชมรมฟุตบอล ก็ได้มีผู้ชายหลายคนมาขอเข้าร่วมชมรมของเธอ ผมรู้จักโซระตั้งเเต่ม.ต้น จึงรู้ว่าเธอเป็นที่นิยมมาก

เหตุผลที่โซระกลับบ้านกับผมนั้นก็เพราะเพื่อไม่ให้หนุ่มๆมาตามจีบ เเต่โดยปกติเเล้วหน้าที่นี้จะเป็นของโชว

[“ไม่เคยเลยสักครั้ง โดยปกติฉันถูกสารภาพรักเยอะจนนับไม่จํานวนครั้งไม่ได้ เเต่ว่าฉันปฏิเสธไปหมดเเล้วค่ะ”]

[“เสียของจริงๆ ทั้งๆที่เธอมีโอกาสได้ลองสักครั้งในชีวิต”]

[“ถึงเห็นฉันเป็นเเบบนี้เเต่ฉันเป็นคนรักเดียวใจเดียวนะคะ~? ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะรวยหรือจะดังสักเเค่ไหน ฉันจะไม่คบกับใครทั้งนั้นนอกจากคนที่ฉันชอบจริงๆค่ะ ถ้าคบกับคนที่ไม่ชอบฉันขอยอมตายดีกว่าค่ะ”]

โซระส่ายหัว

[“เเล้วมีคนที่ชอบไหม?”]

[“…ก็มี”]

[“…จริงดิ”]

ถ้าโชวซึ่งเป็นซิสคอนได้ยินว่าน้องสาวตัวเองบอกมีคนที่ชอบเเล้ว คงเป็นลมเเน่ๆ เเล้วก็ยังมีสมาชิกในชมรมฟุตบอลคอยตามจีบโซระอีก

[“เเล้วเธอเอาใจเขาไหม?”]

[“ก็นิดนึง~..”]

โซระมองมาที่ผมอย่างไม่พอใจ กล่าวเป็นอีกนัยหนึ่งได้ว่าความรักของเธอไปได้ไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่

โชวก็เป็นที่นิยมเเต่ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานสักเเค่ไหนเขาก็ยังหาในคนที่ชอบไม่ได้สักที พี่น้องคู่นี้มีหลายๆอย่างที่คล้ายกันจนน่าเเปลกใจ

[“จ้องมาที่ฉัน ฉันจะไปรู้อะไรเหล่า…ถ้ามีปัญหาอะไรก็พูดมาสิ”]

[“ถ้าพูดออกไปจะไม่โดนเกลียดใช่ไหม~?”]

[“…ก็จริงเเฮะ”]

ถึงกระนั้น ผมเเน่ใจว่าต้องมีผู้ชายสักคนตกหลุมรักโซระเพราะคําพูดอันเผ็ดหวานของเธอ

[“คือว่ารุ่นพี่อาซาฮิโอกะ ฉันมีที่ที่อยากเเวะ ช่วยไปเป็นเพื่อนฉันได้ไหมคะ~?”]

[“อยากเเวะที่ไหนหล่ะ?”]

[“คาเฟ่เเมวค่ะ เป็นที่ไว้ฮีลใจค่ะ~”]

โซระทําท่าเเมวกวักเรียกเเละส่งเสียงร้อง “เหมียวๆ”

[“มันก็ไม่ต่างอะไรจากเดทไม่ใช่หรอ? โทษทีเเต่ไปกับคนอื่นดีกว่ามั้ย?”]

[“เอ๋~”]

ไหล่ของโซระทรุดลงด้วยความผิดหวัง

ถ้าเเค่กลับบ้านด้วยกันผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เเต่อันนี้มันเกินไปหน่อย

ผมไม่เคยไปที่นั่นกับเรียเลยด้วยซํ้า….ไม่สิ เรียเเพ้ขนเเมวรึเปล่านะ

[“ช่วยไม่ได้ งั้นค่อยไปเดทที่คาเฟ่เเมววันหลังล่ะกาน~”]

[“ช่วยทําอย่างงั้นเถอะ”]

เเต่ผมไม่ไปเดทหรอกนะ

[“งั้นเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ช่วยซื้อหนังสืออ้างอิงภาษาอังกฤษให้หน่อยสิคะ”]

[“ได้สิ งั้นไปกัน”]

[“เย้!”]

พวกเราตัดสินใจไปเดินร้านหนังสือในเมือง

เมื่อเราถึงร้านหนังสือในย่านการค้า ผมจับเเขนโซระที่เท้าของเธอกำลังจะหันไปทางโซนที่มีมังงะเเนวโชโจ หลังจากนั้น ผมพาเธอไปยังโซนหนังสืออ้างอิง

[“ชิ…อุตส่าห์อยากอ่านสักครั้ง”]

ในขณะที่โซระบ่นพึมพําอยู่นั้น เธอหยิบหนังสืออ้างอิงเล่มหนึ่งขึ้นมาเเละเริ่มพลิกดูเนื้อหาด้านใน

[“เอาเล่มไหนดีน้าา~”]

ทุกครั้งที่ผมเห็นหนังสืออ้างอิงเรียงกันเป็นตับ ผมก็ได้นึกสงสัยว่า ทําไมหนังสืออ้างอิงพวกนี้เเต่ละคนเลือกไม่เหมือนกันสักคน ทั้งๆที่เนื้อหาด้านในทุกเล่มเหมือนกันหมด

เพราะงั้น การเปรียบเทียบเนื้อหาข้างในของหนังสืออ้างอิงหรือตัดสินใจว่าเล่มไหนดีกว่ากันนั้นดูไม่มีประโยชน์สักเท่าไหร่นัก

ในความคิดผมเเล้ว ถ้าคุณมีเวลากังวลว่า “จะเลือกซื้อหนังสืออ้างอิงเล่มไหนดีนะ” คุณควรถามตัวเองก่อนว่า “คุณให้เวลากับในศึกษาหนังสือเล่มนั้นได้มากเเค่ไหน”  

[“จะว่าไป ฉันได้ยินมาว่ารุ่นพี่อาซาฮิโอกะได้ที่สองของการสอบกลางภาคที่ผ่านมางั้นหรอคะ?”]

โซระถามผมขณะที่เธอพลางดูหนังสืออ้างอิง

[“อ่า ใช่เเล้ว”]

[“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหยาบคายหรอกนะคะ เเต่ตอนฉันอยู่ม.ต้นฉันจําได้ว่ารุ่นพี่อาซาฮิโอกะไม่ต่างอะไรจากเด็กไม่เอาไหน สอบตกเกือบทุกวิชา ทําไมพอมาม.ปลายกลายเป็นเด็กเรียนขึ้นมาได้คะเนี่ย~?”]

หยาบคายจริงนะ…เธอมองผมเป็นคนเเบบนั้นหรอเนี่ย ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ

มันคือเรื่องจริงที่ตอนม.ต้นผมสอบตกเกือบทุกวิชา

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่โชวกับเรียช่วยติวให้ผม ทําให้คะเเนนสอบผมพุ่งสูงปรี๊ด

[“ทําไมน่ะหรอ…นั้นก็เพราะฉันเริ่มให้ความสําคัญกับการเรียนยังไงล่ะ”]

[“เเล้วมีเหตุผลไหมคะว่า ทําไมรุ่นพี่ถึงให้ความสําคัญกับเรื่องเรียน?”]

[“นั้นก็เพราะ ฉันอยากเข้ามหา’ลัยดีๆ ได้ที่ทํางานดีๆ เเละอยากให้เรียมีความสุขหน่ะ”]

[“เห~ มีความรักมาเกี่ยวข้องนี่เอง…ไม่อยากฟังเลยน้า~”]

โซระเลิกคิ้วทั้งสองข้าง

[“เธอถามฉันเองเเต่กลับรับไม่ได้เองเนี่ยนะ…เอาเถอะ สรุปเลือกได้รึยังว่าจะซื้อเล่มไหน”]

[“เอ๊ะ เลือกได้เเล้วค่า~ เอาเล่มนี้”]

โซระโชว์ปกหนังสืออ้างอิงที่เธอในมือเลือกให้ผมดู

[“นี่เธอ…สุดท้ายเเล้ว เธอก็เอาอันที่เธอหยิบขึ้นมาดูตอนเเรกสินะ…”]

[“ฉันเชื่อในเซ้นส์ของตัวเองค่า”]

ถ้าเจ้าตัวโอเค ผมก็โอเค

สุดท้ายเเล้ว โซระก็ซื้อหนังสืออ้างอิงอีกเล่ม จากนั้นพวกเรามุ่งหน้าออกจากร้านหนังสือ

[“งั้น เรากลับกันเลยไหม”]

[“ค่ะ!”]

[“กลับไปที่บ้านเเล้ว ตั้งใจเรียนล่ะ เเล้วอย่ามาไม่พอใจทีหลังนะเพราะเธอเลือกเองกับมือ”]

[“ถึงไม่บอก ฉันก็รู้ค่า~”]

ผมกําลังจะกลับบ้าน เเต่เหลือบไปเห็นโซระทำหน้ามุ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ที่หน้าร้านหนังสือ

[“…เอ๊ะ? นั้น….รุ่นพี่ชิอินะไม่ใช่หรอคะ~?”]

[“หืม? ไหน?”]

[“ตรงนั้นค่ะ”]

โซระชี้ฝ่าฝูงชนไปที่ทางออกของย่านการค้า

ผมเดินไปจุดที่โซระชี้เเละพบเเผ่นหลังของหญิงสาวที่ดูคล้ายกับเรีย

[“ถึงมองจากข้างหลังจะคล้ายกันก็เถอะ..เเต่นั้นคงไม่ใช่เรียใช่ไหม”]

[“ทําไมถึงคิดเเบบนั้นหรอคะ?”]

[“เพราะ…กําลังเดินจับมืออยู่กับผู้ชายอยู่ ผู้หญิงคนนั้น”]

ผู้ชายหน้าตาทรงเจ้าชู้กําลังเดินเคียงข้างกับหญิงสาวที่ส่วนสูงไล่เลี่ยกับเรีย ผมสีบลอนด์เเสกข้าง ทั้งคู่จับมือเเละพูดคุยกันอย่างมีความสุขเกี่ยวกับเรื่องอะไรบางอย่าง”]

โซระสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นคือเรีย เเต่ไม่มีทางที่เรียจะไปคบกับผู้ชายคนอื่น

นั้นก็เพราะ ผมส่งข้อความไปบอกเรียเรื่องที่ผมกับโซระจะกลับบ้านด้วยกันก่อนหน้านี้เเล้ว เนื่องจากเรามีกฏว่า ต่างคนต่างต้องรายงานสถานการณ์ของกันเเละกัน ยกตัวอย่างเช่น ออกไปตามลําพังกับเพศตรงข้าม

เเต่ผมไม่ได้รับข้อความใดๆ จากเรีย

เเต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นคือเรีย เเสดงว่าเธอกําลังนอกใจผมอยู่อย่างเเน่นอน

ไม่มีทางที่เรียจะนอกใจผม

[“มันอาจจะเป็นฉากชู้สาวก็ได้นะคะ~! รุ่นพี่อาซาฮิโอกะ อย่าไว้ใจรุ่นพี่ชิอินะมากเกินไปสิคะ!?”]

[“ถึงเธอจะพูดอย่างงั้นก็เถอะ…”]

ผู้หญิงคนนั้นน่าจะคือเรีย….

[“…เอ๊?”]

มันกะทันหันมาก

ผู้หญิงสาวที่เดินอยู่ข้างหน้านั้นจู่ๆก็หันหน้ากลับมาโดยทันที

ผมไม่รู้ว่าทําไมเขาถึงหันกลับมา

เเต่ว่า──

[“โกหก…ใช่ไหม…? เรีย…”]

ผู้หญิงคนนั้นคือเรียเเน่นอน

เรีย เดินต่อไปข้างหน้าโดยไม่สังเกตเห็นผม

[“เดี๋ยวก่อน…เรีย…”]

ประสาทสั่งการของผมสั่งให้ตะโกนชื่อเธอออกมาดังๆ ถึงเเม้ว่ามันห่างเพียงไม่กี่เมตรข้างหน้าก็ตาม

ผมอยากจะถามด้วยความโมโหสุดขีดว่า หมอนั่นที่จับมือเธออยู่ข้างๆมันเป็นใครมากจากไหน

ทําไม──

[“ทําไมเธอดูมีความสุขขนาดนั้นนะ….”]

เมื่อผมเห็นใบหน้าอันมีความสุขของเรีย ร่างกายผมกลับขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้เพียงเล็กน้อยราวกับเป็นอัมพาต

ทําให้ผมนึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน

──ฉันก็รักนายเหมือนกันนะ ชินเซย์

เรียหัวเราะอย่างเคอะเขินเเละกระซิบข้างหูผมขณะที่เธอกอดร่างผม

คําพูดในตอนนั้น…โกหกรึเปล่านะ?

ตอนนี้ผมรู้เเล้วว่าทําไมช่วงนี้เรียทําตัวเเปลกไป

เรีย ย้อมผมสีดําของตัวเองเป็นสีบลอนด์เเละกลายเป็นสาวเเต่งหน้าจัดเพื่อให้เหมาะกับสเปคของไอ้หมอนั้น

ความจริงที่ว่า เธอหยุดรับผมที่บ้านในตอนเช้า ความจริงที่เธอคุยกับใครบางคนผ่านทางโทรศัพท์ ทั้งหมดนั้น….

เพราะเธอนอกใจผมเเล้วคบกับไอ้หมอนั้นอยู่สินะ…..

[“ระ…รุ่นพี่อาซาฮิโอกะ…เป็นอะไรรึเปล่าคะ? หน้าตา…”]

[“…อ่า”]

ไม่มีทางที่ผมจะไม่เป็นไรอยู่เเล้ว ผมรู้สึกเจ็บบริเวณกลางอก

ความทรงจําเกี่ยวกับเรียวนเวียนอยู่ในหัวของผมเเละจบลงเมื่อเห็นฉากที่อยู่ตรงหน้า

ความสัมพันธ์ของผมกับเรียจะจบลงเเล้ว ในใจผมบอกอย่างนั้น

ผมไม่มีวันจะไปสร้างความทรงจํากับเธออีก

ไม่ได้มีเพียงเเต่ความทรงจําที่เคยมีความสุขด้วยกัน ความทรงจําที่เคยทะเลาะกันก็ด้วย

ถึงกระนั้น ผมก็ยังมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้

เพราะถ้าหลังจากนี้ ผมยังคงความทรงจําใหม่ๆกับเรีย มันคงจะเป็นความทรงจําที่เเสนเจ็บปวดอย่างเเน่นอน

[“ในเมื่อมันเป็นเเบบนี้เเล้ว ทําอะไรต่อดีนะ…”]

มันเป็นครั้งเเรกในชีวิตของผม ที่ผมอยู่ในเหตุการณ์นอกใจในที่เเห่งนี้

โดยทั่วไปเเล้ว ผมไม่รู้ว่าจะทําอย่างไรในสถานการณ์เเบบนี้ดี

ไปตามเรีย? หรือถามความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหมอนั้นคืออะไร? สุดท้ายเเล้ว…มันก็เเค่นั้นไม่ใช่เหรอ? มันยังเหลือที่ให้ผมยืนเคียงข้างอยู่อีกหรอ?

นอกจากนี้…ผมไม่รู้ว่า ผมจะทํายังไงกับไอ้คนเลือดขึ้นหน้าอย่างไอ้หมอนั้นด้วย

ผมอาจปล่อยเรียไป

ตอนนี้ผมรู้สึกสับสนเเละจิตใจไม่อยู่กับตัว ว่าหลังจากนี้จะเดินไปทิศทางไหนดี

[“ตอนนี้รุ่นพี่อาซาฮิโอกะ…อยากทําอะไรกับรุ่นพี่อิชินะล่ะคะ?”]

โซระถามผมอย่างสงวนท่าที

[“ทําอะไร…?”]

[“ก็เเบบ…จะเลิกกับรุ่นพี่อิชินะหรือว่าจะคุยคืนดีกับรุ่นพี่ชิอินะ อะไรประมาณนั้นค่ะ…”]

[“…คืนดี…”]

การคืนดีกันเนี่ยไม่มีทางเป็นไปได้เลย

การเลิกกับเรียเพราะเธอนอกใจผม จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ในความคิดผม

เเม้เรียจะบอกว่าเธอกลับเนื้อกลับตัวเเล้ว ถึงกระนั้น ผมก็ไม่มีวันเชื่อเธออีกต่อไป

[“ฉัน…อยากเลิกกับเธอ ล่ะมั้ง”]

[“ถ้างั้นถ่ายรูปฉากที่รุ่นพี่ชิอินะจูงมือกับผู้ชายคนนั้น เเล้วก็ส่งรูปพร้อมเเนบข้อความบอกว่าเราเลิกกัน ถ้าทําอย่างนั้น ฉันไม่คิดว่ารุ่นพี่ชิอินะจะเถียงกลับรุ่นพี่ได้อย่างเเน่นอนค่ะ เเม้ว่าจะเป็นการตัดความสัมพันธ์ฝ่ายเดียวก็ตาม”]

ผมควรจะเริ่มต้นบทสนทนายังไง เเล้วพูดถึงเรื่องนี้ตอนไหนดีนะ

ถ้าจะอิงตามคําเเนะนําของโซระ ซึ่งดูส่งผลกระทบต่อผมหลังจากนี้น้อยสุด

ผมไม่ต้องการที่จะต้องเก็บเรื่องนี้ไปคิดวันหลังอีก

[“…งั้นเอาตามนั้นล่ะกัน”]

ผมยังคงตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงกระนั้น ผมทําตามคําเเนะนําของโซระโดยหยิบโทรศัพท์ออกมาเเละถ่ายรูปโดยเล็งไปที่เเผ่นหลังของเรียกับผู้ชายคนนั้น

เมื่อผมซูมกล้องเข้าไปจนเห็นทั้งคู่อยู่ในเฟรม ผมใคร่ครวญว่า ‘ทําไมไม่ใช่เรานะที่จะได้ยืนอยู่ข้างๆเรีย’ ทันใดนั้น นํ้าตาก็ได้ไหลออกมาอย่างไม่รู้สึกตัว

ท้ายที่สุดเเล้ว พวกเขาก็หายเข้าไปในดงฝูงชนเเละผมไม่เห็นพวกเขาอีกต่อไป จากนั้นผมจึงเปิดไลน์ขึ้นมา

ขณะผมพิมพ์ไปมือผมก็สั่นไป ผมไม่เคยคิดเลยว่าเราจะเลิกลากันเเบบนี้

โซระยังคอยอยู่ข้างๆผม…ถึงกระนั้น ผมรู้สึกสมเพชตัวเองเเละร้องไห้ออกมา

(เรีย ฉันมีเรื่องสําคัญที่จะบอกเธอ)

เมื่อผมส่งข้อความนั้นไป เธอตอบกลับรวดเร็วจนน่าตกใจ

(มีอะไรหรอ? เรื่องสําคัญเนี่ย จะสารภาพรักฉันหรอ? ยิ้ม)

(เปล่า)

(เอ๋~ น่าเบื่อ)

ยังมีหน้ามาพูดเรื่องตลกทั้งๆที่ตัวเองนอกใจฉันไปเเล้วเเท้ๆเนี่ยนะ?

สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือระงับความโกรธที่พลุ่งพล่านในตัวผมไว้

(เเล้ว เรื่องสําคัญที่หมายถึงเนี่ยคืออะไร?)

(ตอนนี้ฉันอยู่ที่ย่านการค้าน่ะ)

เมื่อผมส่งข้อความไป เรียกลับไม่ตอบกลับ

ระหว่างที่ผมรอคําตอบจากเรียรู้สึกเวลาผ่านไปนานเเสนนานเหลือเกิน

(เเล้ว?)

ในที่สุดเรียก็ตอบกลับ เเต่ผมรู้สึกว่าคําพูดของเธอดูเหมือนที่จะยอมจํานนอะไรสักอย่าง

บางทีเธอเดาได้ว่าผมจะพูดอะไรต่อ

ผมส่งรูปที่พึ่งถ่ายมาพร้อมเเนบข้อความไปว่า “เราเลิกกันเถอะ”

หลังจากนั้นไม่นานเรียก็โทรมาหาผม

ผมไม่รู้จะพูดอะไรดีเเละผมเริ่มที่ไม่อยากจะออกไปจากที่เเห่งนี้

ผมไม่อยากได้ยินเสียงของเธออีกเเละผมจะไม่นึกถึงเธออีกเเล้ว

เเม้ว่าผมจะมีความคิดเหล่านั้นอยู่ในหัว เเต่โซระยั้งมือผม ที่กําลังเอื้อมมือไปยังหน้าจอสายเรียกเข้าโดยที่ผมไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด บางทีอาจเป็นเพราะความรักของผมที่มีต่อเรียนั้นไม่สมหวัง

[“…โซระ?”]

[“ฉันคิดว่ารุ่นพี่ไม่ควรรับโทรศัพท์นะคะ เพราะถ้ารุ่นพี่อาซาฮิโอกะรับโทรศัพท์ก็ต้องมารับฟังข้อเเก้ตัวของรุ่นพี่ชิอินะ…บล็อกเบอร์ไปเลยไม่ดีกว่าหรอคะ?”]

ริงโทนของโทรศัพท์หยุดไปเมื่อโซระชี้เเนะผมเมื่อสักครู่

ทันใดนั้นผมก็ได้รับการเเจ้งเตือนจากเรียผ่านทางโทรศัพท์อีกครั้ง

ผมรู้สึกราวกับเส้นด้ายความเครียดขาดสะบั้นในช่วงเวลาสั้นๆ

[“นั้นสินะ”]

เเม้ว่าผมจะคุยกับเรียในตอนนี้ มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ทะเลาะกันอยู่ดี

ไม่มีทางที่ผมจะคุยเรื่องนี้กับเรียซึ่งนอกใจผมอย่างใจเย็นอย่างเเน่นอน

ในทางกลับกัน ถ้าผมยังคงเพิกเฉยกับสิ่งนี้ ผมคงจะได้ยินเสียงการเเจ้งเตือนเเบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

ผมบล็อกไลน์ของเรียเเละปิดเครื่องเพื่อให้ชัดเจนว่าผมไม่ต้องการคุยกับเธอในขณะนี้

ภาพที่ถ่ายคู่กันซึ่งเมื่อก่อนตั้งค่าไว้เป็นพื้นหลังของโทรศัพท์ได้หายไปในทันที

[“…ไปกันเถอะค่ะ รุ่นพี่อาซาฮิโอกะ”]

โซระจับมือผมเเละเดินไปทิศทางตรงกันข้ามกับฝั่งที่เรียมุ่งหน้าไป โดยโซระดึงตัวผมเเละผมก็เริ่มเดินตามหลังเธอ

[“ไปกันเนี่ย… ไปไหน?”]

[“ถ้ารุ่นพี่ยังอยู่ตรงนี้ รุ่นพี่ชิอินะอาจวกกลับมาหาหรือไม่ก็เจอกันโดยบังเอิญก็ได้นะคะ ไม่ใช่ว่าตอนนี้รุ่นพี่อาซาฮิโอกะ…ไม่อยากเจอหน้ารุ่นพี่ชิอินะไม่ใช่หรอคะ?”]

[“…”]

โซระจับมือของผมที่สั่นอยู่ไว้เเน่น

[“จนกว่าสภาพจิตใจของรุ่นพี่อาซาฮิโอกะจะกลับมาเป็นปกติ ช่วยมาบ้านฉันด้วยค่ะ กว่าพี่ชายจะกลับบ้านก็น่าจะมืดๆ…ละ…เเล้วถ้ารุ่นพี่ไม่ว่าอะไร ฉะ…ฉันจะปลอบใจรุ่นพี่จนกว่าพี่ชายฉันจะกลับบ้านเองค่ะ…”]

[“…อืม ขอบคุณนะ”]

โซระเนี่ยเป็นรุ่นน้องที่ดีจริงๆน้า…

 

 

สิบนาทีต่อมา ผมอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านตระกูลทาคานาชิ

ดูเหมือนว่า พ่อเเม่ของพวกเขาจะไม่อยู่บ้าน เเม้เเต่โชวก็ด้วย ดังนั้นในบ้านหลังนี้จึงมีเเค่ผมกับโซระ

[“เหงื่อเต็มตัวเลย รุ่นพี่ไปอาบนํ้าก่อนดีกว่านะคะ ขืนไม่อาบ ระวังจะเป็นหวัดเอานะคะ~”]

ตัวผมเปียกโชกไปด้วยเหงื่อจากการฝึกซ้อม ดังนั้นผมจึงตัดสินใจยืมห้องอาบนํ้า

ผมถอดเสื้อผ้าในห้องเเต่งตัวเเละเข้าไปในห้องนํ้าเพื่ออาบนํ้า

ผมอดคิดไม่ได้ว่า มันคงจะดีถ้าผมสามารถลบล้างความทรงจำอันเลวร้ายไปพร้อมกับเหงื่อได้

[“…นี่คือความจริงสินะ ที่เรียนอกใจฉัน”]

ในใจของผมตอนนี้ ผมพยายามหนีจากความเป็นจริงเเละคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน

ผมไม่อยากที่จะยอมรับมันเเละไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือความจริง

ผมนึกสงสัยในสายตาของตัวเองเเละอยากเชื่อใจในตัวเรีย

ถึงกระนั้น ความรู้สึกของน้ำอุ่นก็ไหลลงมาที่ผมราวกับชี้ให้เห็นว่านี่คือความจริง

พรุ่งนี้มีเรียน ผมกับเรียซึ่งอยู่ห้องเดียวกัน คงได้ประเชิญหน้ากันทั้งๆที่เเตกหักกันเเล้ว

ผมควรทําหน้ายังไงดี? ผมควรคุยเรื่องอะไรดี?

[“…ไม่รู้อะไรทั้งนั้นตอนนี้…”]

จนถึงตอนนี้ ถ้าเราเจอหน้ากัน เราก็จะคุยกัน

แต่หลังจากนี้ไป ผมไม่คิดว่าผมจะสามารถยิ้มและคุยกับเธอได้อีกเเล้ว

หลังจากที่เธอนอกใจเเละหักหลังผม มันคงยากที่เเม้เเต่จะมองตาเเละคุยกับเธอ  

หรืออาจคุยกันไม่ได้เลยด้วยซํ้า

วันเวลาแห่งความสุขกลับหัวกลับหางไปหมด

หลังจากนี้ไป ชีวิตในรั้วโรงเรียนของผมจะเป็นยังไงต่อไปนะ

[“อยากสร้างความทรงจําใหม่ๆกับเรีย ในชีวิตรั้วโรงเรียนเเบบนี้ต่อไปจังนะ…”]

ความปราถนาเช่นนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกต่อไปเเล้ว

หลังผมอาบนํ้าเสร็จเเละออกจากห้องนํ้า จากนั้นมุ่งหน้าไปห้องเเต่งตัวเเละพบว่ามีเสื้อผ้าวางทิ้งไว้อยู่

[“นี่มัน..ชุดใส่อยู่บ้านของโชวสินะ?”]

เสื้อเชิ้ตคอเปิดสีครามกับกางเกงขาเดฟสีดํา

ราคาดูสมเหตุสมผลดีเเละเขาเป็นหนึ่งในผู้ชายที่เเต่งตัวดูดีที่สุดในชมรมฟุตบอล

ผมเตื้ยกว่าโชวเเต่ยังสามารถใส่ได้อย่างไม่มีปัญหา

ค่อยขอบคุณโชวที่ให้ยืมชุดตอนกลับบ้านล่ะกัน

[“ทํายังไงกับกางเกงในดีเนี่ย…”]

ผมไม่มีกางเกงในสํารอง จะยืมของโชวก็ไม่ได้…

[“หืม?”]

เมื่อมองดูดีๆ มีกางเกงในตัวใหม่ที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อวางอยู่

[“โซระไหวพริบดีจริงๆนะ…”]

ผมรู้สึกเเปลกๆที่จู่ๆมีผู้หญิงซื้อกางเกงมาให้

โซระชอบใส่ชุดชั้นในสีชมพูรึเปล่านะ เห็นผมสีชมพู

[“เห้อ…สุดท้ายเเล้วน่าสมเพชจริงๆนะตัวเรา เเม้กระทั่งรบกวนน้องสาวของเพื่อนสนิทเนี่ย”]

ถ้าเรียไม่นอกใจผม เรื่องเเบบนี้คงไม่เกิดขึ้น

ผมจะทําตัวไม่ให้เป็นภาระรุ่นน้อง

ถึงกระนั้น มันคงยากที่จะบอกว่าเป็นความผิดของผมที่ปล่อยปะละเลยเรียจนถูกเเย่งไป หรือเป็นความผิดเรียที่กระดิกหางไปหาหนุ่มคนอื่น

หัวใจของคนเราน่ะมันไม่แน่นอน จะสั่นคลอนหวั่นไหวเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

เเต่ผมมั่นใจว่า หัวใจของเรียละทิ้งผมไปนานเเล้ว

เมื่อผมเเต่งตัวเเละออกมาจากห้อง โซระก็นั่งรอผมอยู่

[“รุ่นพี่ชอบสีกางเกงในที่ฉันซื้อให้เป็นของขวัญไหมค๊า~?”]

อย่างที่คิด เธอเลือกสีของกางเกงในให้เข้ากับสีผมของตัวเองสินะ

[“ชอบสิ อุตส่าห์ออกไปซื้อมาให้ ขอบคุณนะ”]

[“ด้วยความยินดีค่า~! เเล้วก็อย่าทําอะไรเเปลกๆกับผู้หญิงคนอื่น ตอนใส่กางเกงในนี้นะคะ”]

โซระยื่นนิ้วชี้ออกมาแล้วโบกไปมา

[“มะ…ไม่ทําหรอกนา…”]

เมื่อผมลังเลที่ตอบ โซระก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆผมเเละกระซิบข้างหู

[“──ถ้าจะทําล่ะก็ หลังจากนี้ทํา…กับฉันไหมคะ?”]

[“อั๊ก!?”]

โซระหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นหน้าผมแดงจัด หลังจากนั้นเธอบอกกับผมขณะเดินไปเข้าไปในห้องเเต่งตัวว่า “ฉันขอตัวไปอาบนํ้าก่อนนะคะ~”

[“ไม่ต่างอะไรกับปีศาจน้อยเลยนะ ยัยนี่…”]

ผมกลับมาที่ห้องนั่งเล่นเพราะได้ยินเสียงเสื้อผ้าจากห้องเเต่งตัว

เเละนั่งลงบนโซฟา

[“โชว…ช่วยกลับมาจากงานนัดบอดเร็วๆได้ไหม”]

ผมอยู่ในอารมณ์ที่อยากให้โชว ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของผมฟังคําบ่นของผมในขณะนี้

โชว ยังมีปฏิสัมพันธ์กับเรียเพราะเรียนอยู่ที่เดียวกันตอนม.ต้น

โชวรู้ความสัมพันธ์ของผมกับเรียเป็นอย่างดี เขายังรับฟังผมด้วย

[“เฮ้อ…ว่าเเต่ ฉันจะคุยอะไรกับโชวดีนะ…”]

[“เรียกฉันหรอ?”]

[“เอ๋!?”]

ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงตอบกลับจากข้างหลัง

เพราะโชวซึ่งควรที่จะอยู่งานนัดบอดกลับยืนอยู่ข้างหลังผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

[“ทะ…ทําไมนายถึงอยู่ที่นี่…?”]

[“ฉันต่างหากที่ควรถาม ทําไมนายมาอยู่ที่บ้านฉันตอนที่ฉันไม่อยู่บ้าน?”]

[“ก็จริง นั้นก็เพราะ…”]

[“ไม่ต้องตอบก็ได้ จะว่าไปชินเซย์หลังจากนี้ว่างมะ?”]

ถ้าถามว่าตอนนี้ว่างมั้ย ก็ว่างเเหละ เเละในตอนนี้ผมอยากให้โชวฟังเรื่องของผม

[“ว่างสิ”]

[“งั้นหลังจากนี้เราไปงานนัดบอดกันดีกว่า”]

[“…ห๊ะ? นัดบอด?”]

จะชวนคนที่มีเเฟนเเล้วไปนัดบอดเนี่ยนะ ไม่สิ ตอนนี้ผมไม่มีเเฟนเเล้ว

ผมบอกกับเรียว่า ผมอยากเลิกกับเธอเเละผมไม่คิดว่าเรียอยู่ในฐานะที่จะตําหนิผมได้

[“เออ จะว่าไป นายมีชิอินะอยู่เเล้วนี่หว่า เเต่คิดซะว่ามาช่วยฉันก็เเล้วกันนะ”]

[“ช่วยเนี่ย…มีอะไรเกิดขึ้นหรอ?”]

[“พอดีว่า มีผู้ชายคนหนึ่งยกเลิกงานวันนี้เเต่ฝ่ายหญิงมางานน่ะสิ มันเลยเป็น 2 ต่อ 3 ทําให้มันดูไม่ตื่นเต้นสักเท่าไหร่ ดังนั้นฉันเลยเลื่อนเวลานิดนึง เพื่อหาคนมาเเทน”]

เเละนั้นก็คือเหตุผลที่โชวกลับมาบ้านทั้งๆที่เขาควรจะอยู่ในงานนัดบอด

เพราะเวลาที่ควรจะจัดงานถูกเลื่อนออกไป

[“ก็เลยอยากให้ฉันไปเเทน?”]

[“ใช่เเล้ว ตอนเเรกฉันคิดอยู่ว่าจะเชิญใครมาเเทนดีนะ เเต่นายก็ปรากฏตัวที่บ้านฉันพอดีอย่างกับโชคชะตานําพามาเราเจอกัน เเล้วการไปนัดบอดเพื่อให้จํานวนคนเท่ากันเนี่ย ไม่ถือว่าเป็นการนอกใจใช่ไหม?”]

[“นอกใจ…หรอ”]

ผมอดไม่ได้ที่จะไม่ตอบสนองต่อคําๆนี้

เมื่อโชวเห็นสีหน้าไม่ค่อยปลื้มของผม เขาก็ถามผมว่า “เป็นอะไรไป?”

[“ที่จริงเเล้ว…วันนี้ฉันพึ่งบอกเลิกกับเรียหน่ะ”]

[“เลิกกันเเล้วเหรอ…ถามจริงดิ”]

โชวทำหน้าราวกับนกพิราบกินถั่วลันเตา

[“เกิดอะไรขึ้น ทําไม…ถึงเลิกกับชิอินะ?”]

[“…นั้นก็เพราะ──”]

ผมเหล่าเหตุผลที่ผมเลิกกับเรียให้โชวฟัง ผมอธิบายทุกอย่างตั้งเเต่เริ่มกลับบ้านกับโซระจนจบ

[“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า…ชิอินะเป็นฝ่ายนอกใจเนี่ย”]

โชวที่ฟังอยู่เงียบๆมาตลอดเวลา เขาพึมพําจนน่าประหลาดใจ หลังผมอธิบายจนจบ

[“ฉันก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าเธอจะนอกใจฉัน”]

[“…งั้น! พอดีเลย ชินเซย์ เราไปงานนัดบอดกันดีกว่า!”]

[“ไหงงั้น?”]

หลังจากที่ฟังเรื่องราว ผมไม่คิดว่าการไปงานนัดบอดในช่วงเวลาเเบบนี้จะดีสักเท่าไหร่นัก

ไม่สิ มันอาจเพราะอาการอกหักรึเปล่า?

[“ในเวลาเเบบนี้ เราต้องทําตัวให้สนุกสนานจะได้ลืมเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่กําลังเจออยู่เสิ นอกจากนี้ ฉันจะปล่อยนายไว้ข้างหลังเเละไปงานนัดบอดคนเดียวไม่ได้หรอกนะ”]

อย่างนี้นี่เอง ผมบอกได้เลยว่าเขาใส่ใจผมในเเบบของเขา

เป็นความคิดที่ไม่เลวที่จะทําตามข้อเสนอของโชวในตอนนี้

[“งั้น ฉันขอเข้าร่วมด้วยล่ะกันนะ”]

[“โอ้ว! ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันได้เลย! ฉันจะช่วยผลักดันให้นายมีเเฟนคนใหม่เอง”]

เมื่อผมเห็นโชวพูดออกมาด้วยความมั่นใจ ผมก็เเอบหัวเราะเบาๆ

โชวเเจ้งต่อสาวๆที่เข้าร่วมงานครั้งนี้เเละบอกว่าเขาได้คนเข้าร่วมคนใหม่เเล้ว

ตามคําเเนะนําของฝ่ายหญิง เสนอว่าให้จัดงานนัดบอดอีกสามสิบนาทีข้างหน้า

[“งั้นพวกเรารีบๆไปถึงก่อนเวลานัดดีกว่า”]  

[“อ่า”]

ก่อนหน้านี้ ผมพูดกับโซระไปเเค่ไม่กี่คํากลับตัดสินใจออกจากบ้านทาคานาชิซะเเล้ว เเต่เนื่องจากโซระเเช่นํ้าร้อนนาน เลยตัดสินใจทิ้งกระดาษโน๊ตเเผ่นเล็กๆไว้ในห้องนั่งเล่น

[“เอาจริงๆนะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยที่โซระพาผู้ชายเข้าบ้านโดยที่ฉันไม่รู้เนี่ย ถ้าไม่ใช่นาย ฉันคงโมโหไปเเล้ว”]

หลังจากที่เราออกมาจากบ้านเเละเดินไปได้สักพัก โชวก็พูดอะไรบางอย่างกับผม เเละก็เป็นอย่างที่คิดเขาเป็นซิสค่อนตัวจ๋าเลย

[“โซระดูเเลฉันดีมากเลยนะ เธอยังอุตส่าห์เตรียมเสื้อผ้าให้ฉันหลังอาบนํ้าเสร็จอีก”]

[“คืนชุดมาด้วยนะเข้าใจไหม? มันเเพง”]

[“เเพงเหรอ…โด้กลับดีไหมนะ”]

[“เฮ้ย”]

 

 

ระหว่างเดินทาง โชว ไม่ได้ซักถามผมเกี่ยวกับเรื่องเรียนอกใจไปมากกว่านี้

เขาดูเเลผมตามปกติ ทําให้ผมสบายใจขึ้นมา

หลังจากเดินไปได้สักพัก ผมก็มาถึงสถานที่จัดงานนัดบอด

นี่เป็นครั้งเเรกที่ผมเข้าร่วมงาน

เอาจริงๆ ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่านักเรียนม.ปลายเข้างานนัดบอดมันจะเป็นยังไง

จากที่โชวบอกกับผม เขาว่ากันว่า ธรรมเนียมปฏิบัติส่วนใหญ่สําหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยคือการเข้าร้านอิซากายะ* เพื่อพบปะกันครั้งเเรกเเละเมื่อความตึงเครียดระหว่างสองฝ่ายลดลงด้วยการดื่มเหล้ากันเเล้วให้ไปที่บาร์คาราโอเกะห้องสำหรับสองคน

* อิซากายะคือ ร้านเหล้าแบบญี่ปุ่น โดยจะเป็นร้านอาหารที่ขายเหล้าพร้อมทั้งอาหารแบบง่ายๆ เน้นนั่งดื่มและกินกับแกล้มเบาๆ

เนื่องจากเรายังไม่บรรลุนิติภาวะจึงไม่สามารถพึ่งพาเหล้าได้ เเละสถานที่ที่จัดงานนัดบอดในครั้งนี้คือบาร์คาราโอเกะ

[“คนมีตั้งเยอะเเยะทําไมนายถึงเอาอาซาฮิโอกะมา? ทาคานาชิ”]

บุคคลที่ทักทายผมด้วยสีหน้ารังเกียจก็คือ ซาโต้ อาโออิ สมาชิกอีกคนหนึ่งของชมรมฟุตบอล

[“ที่นี่ไม่ใช่ที่สําหรับคนมีเเฟนเเล้ว กลับไปเลย”]

[“อย่าพูดเเบบนั้นสิซาโต้ ชินเซย์เลิกกับชิอินะเเล้ว”]

[“…ถามจริง?”]

อาโออิมีปฏิริยาคล้ายกับโชว เเต่ปากเบากว่าเล็กน้อย

ไม่เเปลกใจเลยที่เขาทําสีหน้ารังเกียจใส่ผมเมื่อสักครู่ นั้นเพราะเมื่อก่อนอาโออิชอบเรีย

ผมจําได้ว่าเมื่อก่อน อาโออิทําหน้าไม่สบอารมณ์ใส่ผม เมื่อเขารู้ว่าผมกับเรียออกเดทกัน

บางทีเขาอาจคิดว่า ถ้าผมเลิกลากับเรีย ตัวเขาคงมีโอกาสที่จะมายืนเเทนที่ผม

[“ซาโต้ ทําไมนายดูมีความสุขขนาดนั้น รู้สึกตัวปะเนี่ย?”]

[“ปะ…เปล่าสักหน่อย ฉันไม่ได้มีความสุขอะไรขนาดนั้น”]

[“งั้นเหรอ เเต่ฉันเเปลกใจที่นายตัดไม่ขาดจากเรียเนี่ยสิ”]

[“เออะ ตะ…ตัดไม่ขาดตรงไหนห๊ะ”]

อาโออิเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายเเต่เขาเป็นคนประเภทปิดบังอะไรไม่เป็น

ซึ่งหลักฐานก็อยู่ในดวงตาของเขานั้นเเหละ

[“อย่างงี้นี่เอง เพราะเธอเป็นเเฟนของชินเซย์ นายเลยไม่กล้าบอกความรู้สึกออกไปสินะ เเต่ว่านะ หูของนายกระดิกทุกครั้งที่ได้ยินคําว่า “ชิอินะ” เลยนะ ฉันตาดีนะจะบอกให้”]

[“นะ…หนวกหูน่า! ไม่เห็นเป็นไรเลย!”]

ผมไม่รู้มาก่อนเลย โชวมองคนรอบตัวตลอดเวลาเลยสินะ

[“ละ…เเล้วนายเลิกกันตั้งเเต่เมื่อไหร่?  เมื่อวานซืนยังคุยกันปกติอยู่เลย เเถมชิอินะทําข้าวกล่องให้นายกินทุกวันเลยไม่ใช่รึไง?”]

[“ไม่นานมานี้เอง ฉันไปเจอว่าเรียนอกใจฉัน เรื่องมีเเค่นั้นเเหละ”]

[“นอกใจเนี่ย…”]

ผมถูกคนรักนอกใจ

ถ้าไม่ใช่คนรักของตัวเอง การที่ยอมรับข้อเท็จจริงนั้นไหมมันก็ขึ้นอยู่กับความคิดของเเต่ละคน

ผมอยากรู้จริงๆ อาโออิจะยอมรับมันไหม

[“…โหดร้าย ถึงจะยังไงแต่นอกใจนี่มันไม่ใช่แล้ว ถึงจะมีข้ออ้างแบบไหนก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะหักหลังคนอื่น คนๆนั้นเป็นคนแบบนี้เหรอเนี่ย”]

ดูเหมือนว่าอาโออิไม่ใช่ว่าคนที่ชอบทําตัวนอกใจเเล้วจะทําเป็นตาบอดปกป้อง

ถ้านี่เป็นการปกป้องเรีย ผมคงกลับบ้านไปเเล้ว

[“ที่บ้านฉัน ครอบครัวแตกแยกกันเพราะแม่มีชู้ เพราะงั้นเป็นเรื่องปกติที่ให้อภัยกันไม่ได้อ่ะนะ”]

[“…งั้นหรอ”]

[“ได้ยินเป็นครั้งเเรกเลยนะเนี่ย…”]

ทันใดนั้นบรรยากาศก็ดูหนักอึ้งขึ้นมา

เป็นบรรยากาศที่ไม่ใช่การนัดบอดอีกต่อไป

[“ย…ยังไงก็เถอะ! เข้าไปข้างในกันก่อนดีกว่า อีกไม่กี่นาทีสาวๆน่าจะมาถึงเเล้วเเหละ”]

[“อะ…อืม!”]

ผมเชื่อว่าสองคนนี้น่าจะทําให้งานนัดบอดครั้งนี้ดูสนุกสนานขึ้นอย่างเเน่นอน

แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาของผม──หรืออาจเพราะผมถูกนอกใจ จึงทําให้บรรยากาศดูเปลี่ยนไป

[“โทษทีนะ ทั้งสองคน…”]

[“ชินเซย์ผู้ที่ไม่เคยขอโทษใครมาก่อนเนี่ยนะ! จริงไหม? ซาโต้”]

[“จริงร้อยเปอร์เซ็นต์”]

เเน่นอนว่า นี่อาจไม่ใช่ความผิดของผมก็ได้

เเต่ผมก็พูดไม่ได้ว่าผมจะไม่รับผิดชอบ

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าสาเหตุของเรื่องนี้เป็นเพราะผม นั้นเเหละคือความผิดของผม

ถึงกระนั้น ผมอธิบายคําพูดออกมาไม่ถูก

อย่างที่อาโออิพูด การนอกใจคนอื่นไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม ไม่ใช่เรื่องถูก

ตั้งเเต่ที่ผมกับเรียคบกัน ผมอยากให้เธอบอกผมว่า เธอไม่พอใจผมตรงไหน

ความพอใจที่พูดกับผมไม่ได้ เรื่องที่ถ้าไม่เป็นผมก็ไม่สามารถเติมเต็มได้ เรียไปคาดหวังจากไอ้ผู้ชายคนนั้นอย่างงั้นเหรอ…สิ่งที่ผมไม่อาจมอบให้ได้ สิ่งที่ไม่เพียงพอ ไอ้เจ้านั่นมันมีอย่างงั้นเหรอ

สุดท้ายคิดไปเเล้วผมก็ทําอะไรไม่ได้อยู่ดี…

อย่างไรก็ตาม ผมจะอยู่ในอารมณ์เศร้าหมองเเบบนี้ต่อไปไม่ได้

ผมกําลังจะเข้าร่วมงานนัดบอด เเม้ว่าผมจะเป็นเเค่ตัวสํารองก็ตาม

ไม่สิ ถ้าไม่มีเรีย ผมคงไม่ได้มายืนอยู่จุดๆนี้

อย่างที่โชวบอก ความรักครั้งใหม่ของผมอาจกำลังเกิดขึ้นในงานครั้งนี้ก็ได้

มันอาจเป็นความคิดที่ไม่เเย่ ที่จะเริ่มต้นรักครั้งใหม่ในช่วงเวลาแบบนี้

ถ้าผมหาคนรักใหม่ได้ เธออาจช่วยเยียวยาจิตใจอันแตกสลายของผมในตอนนี้ได้

ตราบใดที่เธอจะไม่หักหลังผมอีก──

 

 

พวกเราเข้าไปในบาร์คาราโอเกะและเข้าไปในห้องที่มีพื้นที่สำหรับหกคน

จากนั้นก็นั่งติดกันบนโซฟาสามที่นั่ง

ส่วนฝ่ายผู้หญิงก็นั่งบนโซฟาที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามโดยมีโต๊ะคั่นตรงกลาง

[“อย่าประหม่าเพราะมางานนัดบอดครั้งเเรกเชียวล่ะ ชินเซย์ ฉันบอกฝ่ายนั้นให้ทำตัวดีกับคนที่ชื่อ อาซาฮิโอกะ ชินเซย์ ที่จะมาในวันนี้ไว้เเล้วแหละ ละก็บอกเหตุผลไปว่า ‘เขาพึ่งอกหักมาเพราะแฟนนอกใจและเลิกลากันไป’”]

บางทีพวกเขาอาจสังเกตเห็นใบหน้าเศร้าหมองของผม เเละโชวคอยให้กำลังใจผมด้วยรอยยิ้มที่สดใส

[“งะ งั้นหรอ…เเต้งกิ้วนะ เเล้ว สาวๆที่มาเนี่ยคือใครบ้าง”]

[“นั้นเเหละคือสาเหตุที่เรามาในวันนี้”]

ผมเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับเเจ้งจากผู้หญิงในกลุ่ม

ก็นะ ถึงเเม้ว่าพวกเธอกล่าวเเนะนําตัว ยังไงผมก็ไม่รู้จักอยู่ดีนั้นเเหละ

ในขณะที่ผมกําลังกังวลอยู่ว่า ผมจะพูดคุยกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักกันมาก่อนได้ไหม ทันใดนั้นฝ่ายหญิงก็ได้มาถึง

[“ขอโทษที่ให้รอนานค่า”]

[“โทษทีนะ นานหรอ?”]

หญิงสาวทั้งสองคนได้ปรากฏตัวขึ้นโดยพวกเธอเป็นผู้หญิงที่โด่งดังที่สุดในโรงเรียน

ไอหยา ยังจะหาสาวน่ารักๆมาให้ได้อีกนะ….หลังจากที่ผมชื่นชมเขาอย่างจริงใจ เเต่ผมถึงกับต้องอ้าปากค้าง เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนสุดท้ายที่เดินเข้ามา

[“…”]

หญิงสาวในชุดเครื่องเเบบที่ไม่เรียบร้อย หน้าตาดูไร้อารมณ์และเงียบขรึม ฟุตาบะ เรย์นะ  

การปรากฏตัวที่ไม่คาดคิดของฟุตาบะ หญิงสาวที่ผมเคยสงสัยในตัวเธอมาสักระยะหนึ่ง ทําให้ผมต้องยืดหลังตรงโดยไม่ทันตั้งตัว

ไม่จริงน่า…ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะได้มีโอกาสคุยกับฟุตาบะด้วยวิธีนี้

[“ทําไมถึงเป็นฟุตาบะจัง…?”]

โชวที่นั่งอยู่ข้างๆผม พึมพำอะไรบางอย่างด้วยนํ้าเสียงที่อึ้งเล็กน้อย

[“เป็นไรไป?”]

[“ป่าว…ไม่มีอะไร”]

การตอบกลับของโชวดึงดูดความสนใจผม เเต่ผมไว้ค่อยถามเขาทีหลังล่ะกัน

[“พวกเราก็พึ่งมาเหมือนกัน อย่าถือสาเลยๆ! นั่งลงก่อนสิๆ”]

อาโออิเริ่มตัวเป็นกันเองหลังจากที่เห็นฝ่ายหญิงปรากฏตัว

อาโออิเป็นคนดี เเน่นอนว่าโชวก็ด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ทําให้ผมรู้สึกผิดกว่าเดิม

ในงานนัดบอดครั้งนี้ ทําให้รู้ว่ากว่าจะเชิญผู้เข้าร่วมงานมาเเต่ละคนได้มันลําบากลําบนกว่าที่ผมคิดมาก

ผู้หญิงคนอื่นนอกจากฟุตาบะก็โด่งดังเช่นกันเเละถ้าผมคนนี้ชวนพวกเธอไปงานนัดบอดคงจะปฏิเสธในทันควัน

คิดจะจัดนัดบอดแบบครื้นเครงที่มีชวนสมาชิกดังกล่าวเข้ามา แต่เพราะมีผมที่ถูกเค้าเหม็นหน้าอยู่ด้วย ฝั่งพวกผู้ชายก็เลยมีบรรยากาศอึมครึม

เเม้ว่าโชวจะเป็นคนชวนผมมางานนี้ เเต่ผมไปเหยียบระเบิดของอาโออิอย่างไม่คาดฝันมาก่อน

สักวันหนึ่งผมต้องขอโทษพวกเขาอย่างใจจริง

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้หญิงในงานนัดบอดครั้งนี้ล้วนเป็นสาวสวยที่ผมไม่เคยคุยด้วยมาก่อน เเม้ว่าฝ่ายผู้หญิงจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของผมก็ตาม

การนัดบอดเริ่มด้วยการเเนะนําตัวกันเเละสั่งเครื่องดื่มตามความเหมาะสม

เริ่มจากฝั่งผู้หญิง

[“ฉัน ทานากะ เมงุมิ อยู่ห้องหนึ่งค่ะ! ชอบเล่นเกมเป็นงานอดิเรกค่ะ!”]

ต่างฝ่ายต่างผลัดกันเเนะนําชื่อเเละงานอดิเรก ส่วนฝั่งผู้ชายก็ตอบโต้เเละกระจายหัวข้อที่สงสัย

เเม้ว่าพวกเราจะเป็นผู้ชาย เเต่มีเพียงสองคนที่ตอบโต้กลับซึ่งก็คือสองคนที่ไม่ใช่ผม ซึ่งเขาคุ้นเคยกับการนัดบอดเป็นอย่างดี

ว่ากันตามตรง ผมไม่รู้ว่าจะคุยตอบโต้ยังไงดี

ผมไม่ใช่คนคิดในเเง่บวกเหมือนพวกโชวซะด้วยสิ

เนื่องจากชมรมฟุตบอลของพวกเรามีเเต่คนพวกคิดบวก ผมที่ไม่มีทักษะในการพูดคุยอะไรที่ดูฉลาดหรือน่าสนใจเลยจึงทําตัวกลมกลืนไปกับพวกเขา

[“…”]

[“…”]

สายตาของผมไปสบเข้ากับฟุตาบะซึ่งเธอไม่ได้เเสดงท่าทีอะไรเหมือนกับผม แต่ผมรู้สึกกระอักกระอ่วนจึงหลบสายตาเธอ

ไม่ว่าใครก็คงทำแบบนั้น ถ้าพวกเธอมองคุณด้วยดวงตาอันมีเสน่ห์และชวนเย้ายวนคู่นั้น

หลังจากที่สาวๆทั้งสองคนเเนะนําตัวกันเสร็จเเล้ว ก็ถึงตาของฟุตาบะซึ่งเป็นคนสุดท้าย

[“ฉัน ฟุตาบะ เรย์นะ ที่อยู่ห้องหนึ่งเองนะ ชอบสอดส่องผู้คนเป็นงานอดิเรก”]

[“สะ…สอดส่องผู้คนเหรอ~ ขะ…เข้าใจเเล้ว~”]

โชวซึ่งดูเหมือนจะเคยชินกับการไปนัดบอด กลับเเสดงท่าทีลําบากใจ

มันเป็นงานอดิเรกที่ตอบสนองได้ยากแน่นอน

นั้นก็เพราะมันหัวข้อที่ไม่สามารถเปิดให้ถามต่อหรือประเด็นเเยกย่อยได้เลย

ยกตัวอย่างเช่น ถ้างานอดิเรกของทานากะคือการเล่นเกม เราก็ยังถามต่อได้ว่า ‘ช่วงนี้เล่นเกมอะไรอยู่?’ ‘คุณชอบเล่นเกมเเนวไหน?” หรืออะไรทํานองนั้น ซึ่งคุณสามารถถามต่อเพื่อเเตกเเยกย่อยได้

เเต่ว่า หากการสอดส่องผู้คนเป็นงานอดิเรก คุณจะเเยกย่อยมันออกมาได้อย่างไร

สมองผมว่างเปล่าไปหมด

ถ้าอาโออิบอกผมว่าการสอดส่องผู้คนเป็นงานอดิเรกของเธอตั้งเเต่เเรก ผมคงบอกให้เธออ่านบรรยากาศก่อนพูดออกมา

[“ฉันก็ชอบสอดส่องผู้คนนะ! โดยเฉพาะสาวๆ!”]

อาโออิ คําตอบนั้นทําให้นายดูเป็นคนหน้าด้านขึ้นมาเลยนะ

[“นายคิดยังไงเกี่ยวกับงานอดิเรกของฉัน?”]

[“…”]

[“…นี่ ฟังอยู่รึเปล่า?”]

[“อ่าว ถามฉันหรอ?”]

[“ใช่สิ”]

ผมรู้สึกงงงวย เมื่อฟุตาบะพูดคุยกับคนอย่างผม

ผมจะพูดในสิ่งที่ผมคิดในหัวออกมาไม่ได้

ไม่มีทางที่ผมจะบอกว่า “อ่านบรรยากาศมั้ง” กับท่านฟุตาบะ เรย์นะ หญิงสาวที่เรียนเก่งที่สุดในชั้นเรียน

[“เป็นงานอดิเรกที่ดีหนิ สมกับเป็นคุณฟุตาบะดี”]

[“…งั้นเหรอ ขอบคุณ”]

ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าผมได้รับคําขอบคุณจากเธอ ถึงมันจะดูเป็นคําตอบที่ดูประชดประชันไปหน่อยก็เถอะ

จากนั้นพวกผู้ชายก็เริ่มเเนะนําตัวเองเริ่มจาก โชว อาโออิเเละผม เป็นคนสุดท้าย

[“เอ่อ.. ผมอาซาฮิโอกะจากห้องสองครับ──”]

[“ฉันรู้จักๆ อาซาฮิโอกะคุงคนดังคนนั้นสินะ”]

[“…ครับ?”]

ทานากะเริ่มสนใจในตัวผมหลังจากได้ยินชื่อของผม

คนดังเนี่ย…หมายถึงที่ผมเลิกกับเรียในวันนี้น่ะหรอ?

[“อาซาฮิโอกะคุง เมื่อวันหยุดฤดูร้อนปีที่เเล้วเคยถูกออกข่าวเพราะช่วยชีวิตเด็กประถมจมนํ้าใช่ไหม?”]

[“อ่อ ฉันก็จําได้เหมือนกัน! ถ้าจําไม่ผิด นายได้รับการยกย่องจากอาจารย์ใหญ่ในพิธีเปิดภาคเรียนที่สองสินะ!”]

ทานากะเเละซุซุกิต่างตื่นเต้นเมื่อจําอดีตที่ผมเคยออกข่าวได้

อ่อ ประเด็นนั้นเหรอ…ผมฟังด้วยความรู้สึกหดหู่ใจ

สําหรับผมประเด็นนั้น เป็นประเด็นที่ไม่ค่อยฟังสีกเท่าไหร่สําหรับผม

เพราะนั้นเป็นสาเหตุที่ทําให้ผมมีชื่อเสียงอันโด่งดังในรั้วโรงเรียน

[“ประเด็นนั้นมันค่อนข้าง…”]

โชว ซึ่งรู้สถานการณ์ในตอนนี้ พยายามที่เเทรกการพูดคุย เเต่ก็ไม่สามารถหยุดความตื่นเต้นของเด็กสาวทั้งสองคนลงได้

[“นี่ๆ ช่วยเล่าเรื่องตอนช่วยเด็กผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาให้ฟังหน่อยสิ”]

[“ฉันก็อยากฟังเหมือนกันๆ!”]

[“ไม่ล่ะ ฉันไม่ค่อยอยากพูดถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นสักเท่าไหร่…”]

[“ทําไหมล่ะ? ลงไปช่วยผู้หญิงดูเท่ออก!”]

ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้เลยจริงๆ

ไม่ใช่เพราะผมไม่เต็มใจ ที่จะบอกเล่าเรื่องราวให้คนอื่นฟังเกี่ยวกับในตอนนั้น

[“ขอโทษนะ ขอตัวไปเข้าห้องนํ้าก่อน”]

[“เอ๋!? ตอนนี้เนี่ยนะ!?”]

ผมออกจากห้องราวกับกําลังจะหนี

 

 

[“เฮ้อ…”]

ผมอยู่คนเดียวบนทางเดินซึ่งห่างออกไปไม่ไกลจากห้องนัดบอดมากนัก

วันนี้เป็นวันที่ผมควรต้องรู้สึกแย่หรือเปล่านะ

เเน่นอนว่า มันไม่ใช่ความผิดของพวกเธอที่ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น

เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะเดาอะไรบางอย่างโดยไม่รู้สถานการณ์ของอีกฝ่าย

ถ้าเป็นเรื่องของเรีย ผมก็คงพูดเเบบนี้เช่นกัน

ถ้าเกิดว่าผมเหตุว่าทําไมความรู้สึกของเรียเปลี่ยนไป เหตุการณ์เเบบนี้คงไม่เกิดขึ้น

ถ้าผมรู้ว่ามันจะเกิดเรื่องเเบบนี้ ผมอาจมัดใจเรียได้ก่อนที่เขาจะนอกใจผม

ผมควรที่จะมองกลยุทธ์ของฝ่ายตรงข้ามให้ขาดมากกว่านี้…

[“──มาอยู่อะไรตรงนี้ ทําอะไรอยู่หรอ?”]

ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้น เมื่อถูกเรียก  

ฟุตาบะ ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าผมด้วยสีหน้าสงสัย

[“…ฉันกําลังคิดถึงเรื่องการดําเนินชีวิตน่ะ”]

[“เเล้วมันใช่สิ่งที่ต้องคิดในระหว่างอยู่ในงานนัดบอดเหรอ?”]

[“มนุษย์ก็คือสัตว์ประเภทหนึ่งอ่ะนะ เเล้ว มีธุระอะไรกับฉันหรอ?”]

ถ้าให้ผมเดาเธอสงสัยว่าผมถึงหนีออกมาสินะ

เเละก็เป็นอย่างที่ผมคิด ฟุตาบะดูไม่สนใจสองคนนั้นสักเท่าไหร่เเละยังพูดเเบบไร้ความรู้สึกเหมือนเคย

[“ฉันมาถามนายเพราะดูเหมือนนายกําลังโกหกฉันอยู่”]

[“…โกหกอะไร?”]

ผมเอียงศีรษะเเละไม่รู้ว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไร

[“ก่อนหน้านี้ ที่ฉันถามว่า ‘คิดเห็นยังไงกับงานอดิเรกของฉัน?’ นายโกหกใช่ไหมล่ะ”]

เรื่องนั้นเองเหรอ…

ตอนนั้นผมคิดว่าผมทําได้ดีเเล้วซะอีก สุดท้ายเเล้วเธอก็มองออกสินะ ที่ผมตอบกลับเธอไปเเบบโกหก

สมเเล้วที่เธอมีงานอดิเรกเป็นการสอดส่องผู้คน

[“ตอบฉันมาตามตรงนะ นายคิดยังไงเกี่ยวกับงานอดิเรกของฉัน?”]

[“…ฉันคิดว่าเธอควรอ่านบรรยากาศสักหน่อยนะ”]

เธอขอให้ผมตอบอย่างตรงไปตรงมาเเละเพื่อตอบสนองความต้องการเธอ ผมก็จึงตอบรับความต้องการเธอ ผมเดาว่าเมื่อเธอได้ยินคําตอบของผมเเล้ว เธอคงจะมองผมใหม่

[“…ฟุฟุ”]

เห็นไหมล่ะ เธอเริ่มหัวเราะเยาะกับคําตอบผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

[“ขอโทษด้วยนะที่พูดเเบบนั้นไป เเต่ว่าถ้าเธอให้ฉันตอบตรงๆในสถานการณ์นั้นบรรยากาศมันจะเเย่ลงไปอีก ดังนั้นฉันเลยไม่มีทางเลือกนอกจากพูดส่งๆออกมา”]

ฟุตาบะต่างจากผม ผมสามารถอ่านบรรยากาศได้ ดังนั้นผมจึงกลั้นใจสิ่งที่ผมอยากพูดออกมาจริงๆไว้

[“ไม่เป็นไร ฉันไม่โกรธหรอก เพราะมันคือความตั้งใจของฉันเอง ที่บอกว่า การสังเกตผู้คนคืองานอดิเรก”]

[“ตั้งใจ?”]

วินาทีนั้น ผมคิดว่าฟุตาบะกําลังเเก้ตัวอยู่ เพราะเธอรู้ว่างานอดิเรกของตนเป็นสิ่งที่คนอื่นมองว่ามันเเปลก เเต่เมื่อผมมองไปที่ใบหน้าของเธอกลับดูเหมือนว่าจะเป็นข้อเท็จจริง

[“คือฉันอ่ะนะ อยากสร้างตัวเองให้เป็นผู้หญิงที่รับมือในสายตาคนอื่นยากๆหน่ะ”]

[“รับมือยาก…หมายความว่ายังไง?”]

ผมยอมรับว่ามันยากที่จะสร้างมันขึ้นมา เเม้ว่าผมมีความคิดเกี่ยวกับมันพอสมควร

[“ดูเหมือนผู้ชายนอกจากนาย ค่อนข้างชินกับงานนัดบอดเลยนะ”}

[“ก็นะ…พวกเขาชินกันพอสมควรเลยเเหละ”]

[“ฉันต้องการให้พวกเขามองฉันเป็นจุ้นจ้านเจ้าปัญหา ฉันเลยเเสดงความเห็นเเย่ๆไปจนพวกเขาจนมุมตอบไม่ได้น่ะ”]

ฟุตาบะปัดมือผมสีดำขลับที่ปรกไหล่ด้วยความหงุดหงิด

ทั้งๆที่จุดประสงค์ของงานนัดบอดมันก็บอกอยู่จากชื่อของมันอยู่เเล้วซึ่งคือการให้ชายหญิงมีปฏิสัมพันธ์กัน เเต่มาบอกว่าการพูดคุยกันมันน่ารําคาญเนี่ย…

หรือบางที ฟุตาบะไม่ได้อยากจะมางาน? ไม่สิ คงเป็นอย่างงั้น

ผมไม่คิดว่าคนอย่างฟุตาบะจะเข้าร่วมงานนัดบอด ผมเชื่อมั่นอย่างงั้น

เพราะฟุตาบะ เรย์นะ ในความคิดของผมเป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องรักๆใคร่ๆ

เหตุผลที่ผมคิดเช่นนั้น นั้นก็เพราะว่าตั้งเเต่ปีที่เเล้ว ผมได้ยินเรื่องหนุ่มๆพากับไปสารภาพรักกับฟุตาบะ เรย์นะ เเต่สุดท้ายเเล้วเธอก็ปฏิเสธหมดทุกคน

ผมไม่เคยได้ชินด้วยซํ้าว่าฟุตาบะมีคนที่ชอบ

เพราะถ้าเธอมีคนที่ชอบก็ต้องเห็นเธอออกดงออกเดทบ้างเเหละ

ทุกคนต่างอิจฉาในความสวยฟุตาบะ

จึงทําให้นําไปสู่การคาดเดาว่าตัวฟุตาบะเองไม่สนใจเรื่องรักๆใครๆ เเละเเน่นอนว่าผู้คนรอบๆตัวเธอก็ต่างคุยซุบซิบเกี่ยวกับเรื่องนี้

ผมคิดว่าเธอจะเปลี่ยนใจเมื่อได้เข้าร่วมงานครั้งนี้ แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิด

บางทีเหตุผลที่เธออยู่ในชุดเครื่องแบบแทนที่จะเป็นชุดไปรเวท อาจเป็นเพราะเธอไม่ต้องการมา

[“…งั้นเธอจะมางานนี้ทําไม?”]

[“เพราะฉันได้ยินมาว่านายมางานด้วยน่ะ”]

[“เพราะฉันเหรอ…?”]

ผมรู้สึกกระวนกระวายชั่วขณะหนึ่ง เเล้วดวงตาสีฟ้าของฟุตาบะก็เปล่งประกายขึ้นดั่งกับมองผมเป็นของเล่น

[“หรือว่าเธอกวนฉันอยู่รึไง?”]

[“ทําไมคิดงั้นหล่ะ?”]

[“ฉันพึ่งจะตัดสินใจที่จะมางานนี้ได้ไม่นานมานี้เอง มันเลยดูไม่สมเหตุผลสักเท่าไหร่”]

พวกผู้หญิงคงรู้ว่าผมกำลังจะเข้าร่วมงาน ผ่านการติดต่อของโชวเมื่อสามสิบนาทีที่แล้ว

สมาชิกที่เข้าร่วมงานมันควรถูกเลือกไว้ก่อนหน้านี้หมดเเล้ว

ดังนั้น การที่ฟุตาบะรู้ว่าผมจะเข้าร่วมงานนัดบอดครั้งนี้ มันจึงไม่สมเหตุสมผล

[“อ่อ คือเรื่องนั้นอ่ะนะ…ใครจะได้คู่กับใครมันถูกกําหนดไว้ตั้งเเต่เเรกอยู่เเล้วน่ะ ในงานนัดบอดครั้งนี้”]

[“กําหนดไว้เเล้ว…?”]

เเล้วการมาหาคู่ซึ่งๆหน้าในงานนัดบอดมันมีความหมายยังไงกันเเน่?

[“เรื่องนี้เรารู้กันเเค่นี้นะ คุณทานากะเป็นคนเสนอให้จัดงานนัดบอดครั้งนี้ขึ้นมาหน่ะ”]

[“เอ๊ะ งั้นหรอกเหรอ?”]

ถ้าให้ว่ากันตามตรง ผมนึกว่างานนัดบอดในครั้งนี้ฝ่ายชายจะเป็นคนเสนอซะอีก

ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ฝั่งหญิงจะเป็นคนเสนอ

[“นายที่จู่ๆได้เป็นตัวสํารองของงานครั้งนี้ คงไม่เคยได้ยินมาก่อนสินะ”]

ฟุตาบะยิ้มมุมปากเล็กน้อย

[“…เเล้ว ถูกกําหนดไว้เเล้วนี่หมายถึงยังไง?”]

[“ผู้ชายคนนั้นชื่อทาคานาชิคุงสินะ? คุณทานากะชอบเขาน่ะ”]

[“อ่อ เข้าใจเเล้ว”]

เพราะงั้นเเบบนี้เลยบอกว่าถูกกําหนดไว้เเล้วสินะ ผมนึกสงสัยว่าโชวจะรู้ตัวรึเปล่าว่า คุณทานากะชอบตัวเองอยู่

[“เเต่ดูเหมือนว่าเขาจะชอบฉันนะ”]

[“โชวกับ…คุณฟุตาบะ?”]

ผมไม่เคยได้ยินเเม้เเต่คําเดียวจากปากโชวว่า เขาสนใจในตัวฟุตาบะ

ผมปฏิเสธไม่ได้ถ้าเป็นเรื่องความสวยของฟุตาบะ เเต่ผมสงสัยว่าเธอมีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าโชวชอบตัวเธอเอง

[“นายคงสงสัยว่าทําไมฉันพูดอย่างงั้น เมื่อวันก่อน เขามาสารภาพรักกับฉันหน่ะ”]

[“…โกหกใช่ไหม?”]

[“ฉันจะไปโกหกเกี่ยวกับเรื่องนี้ทําไม ไม่งั้นก็ลองไปถามเจ้าตัวสิว่าจริงหรือไม่จริง”]

[“เเต่ว่าเรื่องนี้ ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะ…”]

[“มันก็ขึ้นอยู่กับคนไหมด้วยล่ะ? ว่าคนๆนั้นจะบอกคนรอบข้างไหมว่าเขาสารภาพรักกับผู้หญิงคนนี้”]

ไม่มีท่าทีที่โชวสารภาพรักกับฟุตาบะ  

ผมไม่เห็นโชวจะมาปรึกษาอะไรกับผมสักนิด เเละไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเขาไปสารภาพรักด้วยซํ้า

หรือว่าโชวอกหักโดยที่ผมไม่รู้กันนะ…โชวผู้น่าสงสาร

[“ซาโต้คุงก็เหมือนกัน เขามาสารภาพรักฉันตอนอยู่ปีหนึ่ง──”]

[“อ่อ ถ้าเป็นเรื่องซาโต้ฉันรู้อยู่เเล้ว”]

ในโรงเรียนมัธยมเเห่งนี้ มีหนุ่มๆมากมายที่ถูกฟุตาบะปฏิเสธ ซึ่งอาโออิ สมาชิกชมรมฟุตบอลก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นเดียวกัน มันจึงเป็นข้อมูลใหม่ที่ไม่น่าเเปลกใจสักเท่าไหร่นัก

เดิมที ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องอาโออิที่ถูกปฏิเสธสักเท่าไหร่ เพราะมันมักเป็นอย่างงี้เสมอ

เเต่ในกรณีของโชวมันต่างออกไป ผมจึงไม่รู้สึกว่ามันน่าสงสาร

[“…เเล้วก็คุณซุซุกิชอบซาโต้คุงเป็นทุนเดิมอยู่เเล้ว”]

[“ถามจริง ชะตาของเเต่ละคนถูกกําหนดไว้ตั้งเเต่ก่อนเริ่มงานเเล้วสินะ…”]

โชว ผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลยบอกกับผมว่าเขาจะคอยสนับสนุนความรักครั้งใหม่ของผม เเต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนถูกหักหลังยังไงก็ไม่รู้

[“เอาซะฉันนึกอยากกลับบ้านขึ้นมาเลย…”]

นั่นเป็นความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมาของผม เมื่อได้ยินเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันบิดเบี้ยว

ทานากะชอบโชวที่พึ่งสารภาพรักกับฟุตาบะได้ไม่นานมานี้

ซุซุกิชอบอาโออิซึ่งเคยสารภาพรักกับฟุตาบะมาก่อน

ส่วนตัวฟุตาบะเองก็ยังคงไม่มีคนในใจ

กล่าวเป็นอีกนัยหนึ่งได้ว่า ผมอยู่นอกสายตาโดยสมบูรณ์

ไม่มีที่ว่างให้ผมสําหรับการเริ่มต้นความรักครั้งใหม่

ผมตกเข้ามาอยู่ในวังวนสถานการณ์ที่ยุ่งยากกว่ายิ่งกว่ารักสามเส้าเสียเเล้ว

[“นึกยังไงถึงอยากกลับบ้านหล่ะ?”]

ฟุตาบะที่อาจกล่าวได้ว่าสร้างสถานการณ์ที่ยุ่งยาก เอียงหัวด้วยความสงสัย

เเลดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้

[“เพราะฉันไม่ยุ่งกับเรื่องรักๆใครๆของใครทั้งนั้น…”]  

ไม่น่าแปลกใจเพราะเดิมทีผมมาเพื่อให้เติมจํานวนให้ทั้งสองฝั่งเท่ากันเเค่นั้น

อย่างไรก็ตาม ผมเริ่มตั้งคำถามถึงจุดมุ่งหมายในชีวิต

ผมมาอยู่ที่นี่เพื่ออะไร?

จะมีประโยชน์อะไรถ้าผมจะอยู่ที่นี่เเล้วผมไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ได้?

…เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน?

[“หรือว่าคุณฟุตาบะชอบผู้ชายคนที่ไม่ได้มาในวันนี้เหรอ…?”]

จากที่ผมได้ยินมา ผู้หญิงมีคนในใจเเล้วว่าพวกเธออยากเป็นคู่ของหนุ่มคนไหนในงานนัดบอดครั้งนี้

ผมมาที่นี่เพื่อมาเเทนผู้ชายที่จู่ๆ ยกเลิกนัดกระทันหัน เเล้วถ้าฟุตาบะเล็งไปที่เด็กผู้ชายคนนั้น…

เเค่คิดก็รู้สึกว่าซับซ้อนเเล้ว เเล้วยังทําให้ผมรู้สึกเเปลกเเยกไปอีก

[“ฟุฟุ ฉันมีคนในใจอยู่เเล้ว เเละนั่นก็คือเหตุผลที่ฉันมางานนัดบอดครั้งนี้ด้วยหล่ะนะ”]

ฟุตาบะยิ้มเขินๆ

[“อย่างที่คิด เพราะเเบบนั้นสินะ”]

ผู้ชายที่ไม่ได้มาในวันนี้คือคนที่ฟุตาบะชอบ…ผมมั่นใจว่าผู้ชายคนอื่นจะเกลียดผู้ชายที่ฟุตาบะชอบเพราะความอิจฉา

ว่ากันว่า มีกลุ่มเเฟนคลับอย่างไม่เป็นทางการในชื่อ “กองกําลังฟุตาบะ เรย์นะ”  

มันยากสําหรับผู้ชายที่จะสร้างศัตรูด้วยกองกําลังเหล่านั้น──

[“คนที่ฉันชอบก็คือนายนั่นเเหละ”]

[“ห๊ะ? มันจะเป็นเเบบนั้นได้ยังไง”]

ทันทีที่เธอบอกผมเช่นนั้น ทําให้ผมรู้ทันทีเลยว่าเธอโกหกผมอยู่เเน่ๆ ผมปฏิเสธโดยทันทีเพราะเธอคงหยอกผมเล่นอยู่เเน่ๆ

[“มันจะเป็นอย่างงั้นได้ยังไง นายมีเหตุผลอะไรที่บอกว่าคําพูดฉันมันไม่จริง?”]

ฟุตาบะกอดอกเเละดูไม่พอใจกับคําพูดผม

[“จากที่เราคุยกันมา คุณฟุตาบะชอบผู้ชายคนที่ควรจะมาในวันนี้เเทนฉันใช่ไหมล่ะ?”]

[“ฉันยังไม่เคยพูดเรื่องนั้นออกมาเลยนะ”]

[“เเต่ เธอบอกว่าที่เธอมางานนี้เพราะมีคนในใจหนิ…”]

[“ฉันเคยบอกนายไปละนะ ที่ฉันมางานนี้เพราะฉันได้ยินมาว่านายมางานนี้…เดิมทีเเล้ว ฉันก็มาเเทนผู้หญิงคนที่ไม่ได้มาในวันนี้เหมือนกันนั้นเเหละ”]

[“เเทน?”]

วินาทีนั้น ผมไม่เข้าใจว่าเธอพูดอะไรอยู่เเต่ฟุตาบะยิ้มมองผมเป็นของเล่น

[“ผู้หญิงที่ควรจะมาแทนที่ฉัน…ชื่อคุณซาซากิ เเละเมื่อลองมองจากมุมมองของเธอ การเข้าร่วมงานนัดบอดจะมีประโยชน์อะไรถ้าคนที่เธอสนใจจะไม่มาจริงไหมล่ะ? เเล้วหากเป็นงานนัดบอดธรรมดาแต่ถ้าเธอรู้ว่าคู่ของงานนัดบอดถูกกําหนดไว้ตั้งเเต่เเรกเเล้วล่ะก็มันจะยิ่งไปกันใหญ่”]

[“ที่เธอจะสื่อก็คือ…เธอรู้เรื่องที่ฉันจะมางานนี้เเบบกระทันหัน เธอเลยมาเเทนที่คุณซาซากิใช่ไหม?”]

[“ใช่เเล้ว ถ้าให้พูดตามตรงหลังจากที่นายเข้าร่วมงานนี้ในฐานะตัวสํารอง คุณซาซากิบอกว่าเขาไม่อยากมางานนี้ทันที ฉันได้ยินมาว่าคุณซาซากิจะมางานนี้เเม้ว่าผู้ชายในดวงใจเธอจะไม่มา เเต่สุดท้ายเเล้วเธอก็ล้มเลิกความคิดนั้น จากนั้นคุณทานากะซึ่งมีปัญหาเพราะจํานวนคนไม่ครบสามคน ได้หาผู้เข้าร่วมงานอย่างเร่งด่วนในไลน์กลุ่มของห้อง เเต่เผอิญฉันไปเห็นชื่อของนายในชื่อของฝ่ายผู้ชายพอดี ฉันเลยตัดสินใจมางานนี้หน่ะ”]

เมื่อลองคิดดูเเล้ว เมื่อฟุตาบะปรากฏตัวขึ้นโชวซึ่งน่าจะรู้จักสาวๆเป็นอย่างดี กลับเเสดงสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นฟุตาบะมาเข้าร่วมงานในครั้งนี้

ฟุตาบะที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นเเสดงว่าโชวก็ไม่รู้เหมือนกันสินะ…

[“เพราะงั้น นั่นคือวิธีที่ฉันได้เข้าร่วมงานครั้งนี้ เเต่ยังไงก็ตาม…ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ ฉันถูกคุณทานากะกับคุณซุซุกิบอกว่าอย่าเเตะต้องหนุ่มในใจของพวกเธอ ฉันก็เลยบอกไปว่างั้นอย่ามาเเตะต้องคนในใจฉันก็เเล้วกัน”]

[“งะ…งั้นเหรอ…”]

[“นายพอใจกับคําตอบไหม?”]

ฟุตาบะเอาคิ้วลงด้านหนึ่งเเละเอียงหัว

เเม้ผมจะรู้สถานการณ์เเล้วเเต่ผมไม่อยากจะเชื่อเลย

สิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือเรื่องธรรมดากว่านั้น

[“ถึงกระนั้น ไม่อยากเชื่อเลยเพราะฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงชอบฉัน”]

ผมไม่เคยมีความสัมพันธ์กับฟุตาบะจนกระทั่งวันนี้ เเม้ว่าฟุตาบะจะเป็นฮิเมมิยะผมก็ไม่คิดว่าฮิเมมิยะที่จู่ๆหายไปในวันหนึ่งโดยไม่บอกลาผมสักนิดจะชอบผม

[“‘บอกเหตุผลที่ฉันชอบนาย’ เนี่ยเป็นคําถามที่ชวนน่าอายอยู่เหมือนกันนะ”]

[“อะไรกัน พูดไม่ได้เหรอ? สุดท้ายเเล้วเธอก็เเค่ล้อฉันเล่นสินะ”]

[“เปลี่ยนเรื่องไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกน….!?”]

ทันใดนั้น จู่ๆ ร่างกายของผมก็แข็งทื่อและหัวมีเเต่ความว่างเปล่า

จู่ๆก็มีบางอย่างมาปิดปากผมและมีเสียงอู้อี้ดังออกมา

ต่อหน้าผมคือใบหน้าเเดงเปล่งปลั่งของฟุตาบะ

[“อึ้ก!?”]

กว่าผมจะรู้ตัวก็โดนฟุตาบะจูบเข้าให้เเล้ว

[“อ….อือ….อื้อ…”]

ฟุตาบะค่อยๆดื่มดําไปกับริมฝีปากของผมในขณะที่ทําเสียงหวาน

เนื่องจากผมยืนพิงกำแพง ฟุตาบะจึงดันผมให้ชนกับกำแพง หน้าอกอวบอิ่มของเธอกําลังย่ำยีกับหน้าอกของผมอย่างนุ่มนวล

ไม่สิ ริมฝีปากของเธอนุ่มนวลกว่าที่ผมคิด…

[“อะ….อื้อ!?”]

ในที่สุดผมก็ได้สติคืนมาจากความสุขที่จู่ ๆ ก็เข้ามาครอบงำผม จากนั้นผมดึงฟุตาบะออกจากตัวด้วยมือทั้งสองข้าง

[“จะ..จู่ๆ ทําอะไรของเธอเนี่ย!?”]

[“ฉันตัดสินใจไปเเล้วนะ? นี่คือการพิสูจน์ความรักว่าฉันชอบนายจริงๆ”]

ฟุตาบะพูดโดยไม่ลังเล

[“ถึงเธอจะโกหก เเต่ให้มีขอบเขตหน่อยเซ้!?”]

[“เอ๊ะ เเค่เมื่อกี้ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? งั้น อีกครั้งล่ะกัน….”]

[“อื้อ…อื้ออ!?”]

ผมตัดสินใจปล่อยให้ร่างกายไหลไปตามความรู้สึกที่ต้องการโดยไม่ขึดขืนดั่งสายนํ้า เเละริมฝีปากของผมก็ถูกล่วงละเมิดอีกครั้ง

คราวนี้เธอเลียริมฝีปากของผมด้วยปลายลิ้น

ทันใดนั้นลิ้นของฟุตาบะก็รุกล้ำเข้ามาในปากของผม

มันโดนลิ้นของผมและผมรู้สึกถึงรสชาติหวาน

จะว่าไป ฟุตาบะ ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของนํ้าผึ้งมานี่นา…

ครั้งนี้ผมมีเหตุผลพอที่จะจูบกับฟุตาบะอีกครั้ง ผมจึงรีบผละตัวออกมา น้ำลายค่อยๆหยดจากปากของผมกับฟุตาบะเป็นสายๆ

[“ฮะ…เเฮก…เเฮ่ก เธอมีจุดประสงค์อะไรกันเเน่ห๊ะ!?”]

[“ก็บอกว่าพิสูจน์ความรักไง”]

ฟุตาบะพูดในขณะที่แก้มของเธอแดงระเรื่อเเละเธอมองมาที่ผมอย่างปลาบปลื้มใจ

[“จู่ๆก็เข้ามาจูบเนี่ย…”]

[“วันนี้นายเลิกกับเเฟนเพราะเขานอกใจนายใช่ไหม? หลังจากนี้ ริมฝีปากของนายจะเป็นของฉันตลอดไปชั่วนิรันดร์”]

[“พูดอะไรของยัยนี่เนี่ย…”]

บ้าไปเเล้ว คนๆนี้เเปลกไปเเล้ว เธอเป็นคนประเภทที่ผมไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วย

ไม่ว่ายังไง ฉันต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้…

[“กะ…ใกล้เวลาเเล้ว งั้นฉันขอกลับไปที่ห้องก่อนนะ”]

[“อุ๊ยเขินด้วย น่ารักจุง~”]

ผมพยายามวิ่งหนีจากเธอเพราะกลัวงั้นเหรอ?

ไม่ว่าฟุตาบะจะเป็นฮิเมมิยะหรือ ฮิเมมิยะเป็นฟุตาบะก็ไม่สําคัญเเล้วในตอนนี้

ผมต้องจัดการสถานการณ์ในตอนนี้อย่างใจเย็น อย่างเเรกผมรักษาระยะห่างกับฟุตาบะก่อนดีกว่า

 

—-

Section 5

—-

 

ในที่สุดเมื่อผมกลับมาหาทุกคนเพื่อหนีจากฟุตาบะ ผมรู้สึกประหลาดใจถึงการเปลี่ยนแปลงในห้องนัดบอด

เพราะว่าทานากะกับคาเครุและซูซูกิกับอาโออินั่งกันเป็นคู่

เกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ผมกับฟุตาบะไม่อยู่……?

[“พวกเรานี่เร้าร้อนเเรงกันทั้งคู่เลยนะ”]

ฟุตาบะที่กลับมาที่ห้องช้า เข้ามากระซิบข้างหูผม

อยู่ดีๆฟุตาบะก็เข้ามาจูบผม จึงไม่เเปลกที่ผมเเพ้เธอ

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นผลจากการเกาเเกะของทานากะกับซุซุกิรุุเปล่านะ

พวกเขามีส่วนร่วมในบทสนทนาอย่างมีความสุขเเละทุกคู่ก็หมกมุ่นอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง

ไม่มีช่องว่างให้ผมเข้าเเทรกในบทสนทนาได้เลย อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องยากสําหรับผมทีจะพูดคุยกับฟุตาบะ

เอาจริงๆผมก็ไม่ได้รังเกียจฟุตาบะหรอก…

[“…กลับบ้านดีไหมนะ”]

[“อาซาฮิโอกะ จะกลับเเล้วหรอ? กลับเร็วไปป่าว?”]

บอกผมกลับเร็ว เเต่ไม่หัดมองตัวเองเล๊ย อาโออิ มาได้เเปปๆก็เริ่มเข้าใกล้ตัวผู้หญิงซะเเล้ว

นั้นคือโลกของคนคิดบวกงั้นเหรอ อยู่คนละโลกกับผมเลย

[“สถานการณ์ของทุกคนเป็นไปได้ด้วยดีสินะ ถ้างั้นฉันขอตัวก่อน…”]

[“ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นหรอกชินเซย์ นายยังไม่ได้ร้องเพลงสักเพลงเลยใช่ไหม?”]

ดูจากท่าทางเเล้ว นายก็ยังไม่ได้ร้องเลยไม่ใช่รึไงฟร่ะ?

มาคาราโอเกะบ่อยจนติดเป็นนิสัย เเต่กลับไม่ทําอะไรเลยนอกจากคุยกะสาว

[“โชวคุง อย่าไปบังคับเขาสิ”]

[“งั้นเหรอ? เมงุมิ”]

ก่อนที่ผมจะรู้ตัว พวกเขาเรียกชื่อกันห้วนๆอย่างกับสนิทสนมกันเเล้วหรือว่าเขาใช้มนต์สะกดอะไรบางอย่าง?

ในตอนที่ผมคุยกับฟุตาบะ เธอยังใช้สรรพนามเรียกผมว่า “นาย” อยู่เลย ส่วนผมเรียกเธอว่า “คุณฟุตาบะ”  

ผมผ่านอะไรมามากเพื่อไปถึงจุดที่ผมสามารถเรียกเรียได้ด้วยชื่อจริงของเธอหลังจากที่เรารู้จักกันมา

[“เเต่มันก็…จริงเเฮะ อาซาฮิโอกะอาจไม่อยู่ในอารมณ์นั้นก็ได้ ฉันไม่ได้รั้งนายเเล้ว นายจะกลับเลยก็ได้นะ”]

อาโออิเป็นห่วงใยผมตลอดเวลา นายนี่เป็นคนดีจริงๆ!

[“อาโออิคุง เอ้า อ้ามม~”]

[“โอ้ว..ขอบคุณนะ…ฮิๆ”]

เเล้วจะมาจู๋จี๋อะไรเวลานี้วะเนี่ย

[“สรุปเเล้วนายจะกลับบ้านสินะ ถ้างั้นฉันก็ขอกลับด้วยเหมือนกัน”]

ฟุตาบะ พูดอย่างเป็นธรรมชาติด้วยสีหน้าอันเเน่วเเน่

ผมไม่อยากให้เธอมายุ่งกับผมเพียงเพราะผมจะกลับบ้าน ไม่งั้นผมจะถูกโชวเเละคนอื่นๆไม่ชอบขี้หน้าในภายหลัง

[“เอ๋!? ฟุ…ฟุตาบะจังก็จะกลับด้วยหรอ!? มะ ไม่…อยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อยหรอ?”]

[“ฟุตาบะจังอย่าพึ่งกลับเถอะนะ ไหนๆมาเเล้วทั้งที ทําตัวให้ร่าเริงหน่อยสิ”]

เห้ย ไอหมอนี่ ทีตอนฉันบอกจะกลับบ้านปฏิกิริยาต่างจากตอนนี้ลิบลับเลยนะ

ตอนที่ผมบอกเขาว่าผมจะกลับบ้าน ตัวเขากลับกําลังนั่งอยู่บนโซฟาชิวๆ เเต่ทันทีที่ฟุตาบะบอกจะกลับบ้าน เขาเอนตัวไปพร้อมกับสะโพกลอยขึ้นเพื่อพยายามที่จะรั้งเอาไว้

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะสวยและโดนใจเราแค่ไหน สุดท้ายเเล้วพวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดีจริงไหมล่ะ?

ปฏิบัติตัวเเบบนี้ไม่โหดร้ายไปหน่อยหรอ?

ฟุตาบะ ยังคงไม่เเสดงออกทางสีหน้าเหมือนทุกทีเเละส่งสายตาเย็นชาไปที่ผู้ชายสองคนที่พยายามรั้งเธอไว้

เธอจะทําอะไรกันเเน่เนี่ย? อย่างที่คิด จะอยู่ต่อสินะ?

ผมอยากให้เธออยู่ที่นี่ เเต่ถ้าเธออยากกลับบ้านจริงๆ ผมก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปห้ามเธอ

ถ้าผมไม่กลับบ้าน ฟุตาบะเองก็คงไม่กลับ เเต่ตอนนี้ผมอยากกลับบ้าน

ผมทนดูพวกเขาทั้งสี่คนหยอกล้อกันเล่นขําๆไม่ได้

เมื่อผมสบตาของฟุตาบะ เธอยิ้มให้ผมเเละปัดผมสีดําของเธอไปด้านหลังขณะที่เธอพูด

[“งั้นฉันจะเขาพาฉันกลับบ้านนะ”]

[“…เอ๊?”]

ด้วยเหตุนี้ ฟุตาบะจึงควงแขนกับผมด้วยสีหน้าที่ดูโอ้อวด

ชายทั้งสองคนที่เห็นภาพในตอนนี้ได้ตัวเเข็งราวกับรูปปั้นหิน

[“ว๊า…!?”]

ผมกําลังครุ่นคิดอยู่ว่าผู้หญิงคนนี้จะทําอะไรกันเเน่ เเต่กว่าจะรู้สิ่งที่เธอทํามันก็สายไปเเล้ว

[“ชินเซย์…ตั้งเเต่เมื่อไหร่…!?”]

[“อาซาฮิโอกะ…นะ นี่หมายความว่าอะไร?”]

โชวและอาโออิแสดงสีหน้าสิ้นหวัง

โชวที่เพึ่งสารภาพรักกับเธอไปเเละถูกปฏิเสธ ผมเลยคิดว่าเขาอาจยังมีใจให้กับเธออยู่ก็เป็นได้ เเต่ตอนนี้ผมรู้เเล้วจากปฏิกิริยาทางสีหน้าของเขาเเล้วว่า อาโออิก็ยังมีใจให้ฟุตาบะอยู่เช่นกัน

ทานากะชอบโชว ส่วนโชวมีใจให้ฟุตาบะ เเละฟุตาบะชอบผม

ซุซุกิชอบอาโออิ ส่วนอาโออิมีใจให้ฟุตาบะ เเละฟุตาบะชอบผม

ผมได้สร้างความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนขึ้นมาซะเเล้ว

เพียงคําพูดของฟุตาบะคําๆเดียว ทําให้ผมกระโดดขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของชนชั้นวรรณะ ซึ่งผมไม่ซาบซึ้งเลยสักนิด

[“…ชิ่งหนีทันไหมนะ…”]

[“ฉันไม่ยกโทษให้นายเเน่…”]

ผมคิดว่าตัวเองอยู่นอกสายตาแล้วเเท้ๆ แต่นี่มันอะไรกัน

มิตรภาพของพวกเราพังทลายลงด้วยเสียงอันดังกระหึ่ม…

เเล้วที่โชวบอกว่าเขาจะคอยสนับสนุนรักครั้งใหม่ของผมล่ะ?

[“ฟุตาบะเนี่ยชอบคนเเบบอาซาฮิโอกะคุงสินะ”]

[“เหหห~ เหลือเชื่อ…”]

ในทางกลับกัน ทานากะและซุซุกิเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

จะว่าไป สองคนนี้รู้หรือเปล่าว่า คนที่พวกเขาชอบซึ่งนั่งอยู่ข้างๆนั้นแอบชอบฟุตาบะอยู่

ไม่สิ ถ้าพวกเธอรู้คงไม่ชวนมางานตั้งเเต่เเรก…เป็นการดีกว่าที่จะไม่รู้

[“นี่~ วันนี้นายไม่ไปส่งใช่ไหม?”]

[“ห๊า?”]

ผมไม่เข้าใจความหมายที่เธอจะสื่อ เลยตอบไปด้วยเสียงแหลมสูงโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ใบหน้าของฟุตาบะเปลี่ยนเป็นสีแดงฉ่ำและเธอเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยดวงตาโต

[“พวกเราจูบกันไปเเล้ว ต่อไปก็…”]

[“นี่ เราอยู่ต่อหน้าคนอื่นนะ เธอพูดอะไรออกมา!”]

ยัยนี่กล้าพูดออกมาได้ยังไงในสถานการณ์เเบบนี้!

[“เฮ้ยยยย! ไอ้อาซาฮิโอกะ นี่มันหมายความว่ายังไงว๊ะ!”]

[“จูบ…? ชินเซย์กับฟุตาบะจังน่ะเหรอ…?”]

อาโออิโมโหขั้นสุด ส่วนโชวเขามองบนฟ้าด้วยความรู้สึกที่อ้างว้าง

[“มะ ไม่ใช่สักหน่อย! อะ อันนั้นคุณฟุตาบะบังคับฉันต่างหาก!”]

[“ถูกบังคับให้จูบงั้นเหรอออออ!?”]

[“ทําไปตั้งสองครั้งเเน่ะ”]

[“ส สองครั้ง…”]

อาโออิซอกแซกกับข้อเเก้ตัวของผม โชวรู้สึกหดหู่มากกว่าเดิมเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่ไม่ควรพูดในที่สาธารณะจากปากฟุตาบะ งามไส้เเล้วไหมล่ะ ถ้าผมยังไม่กลับบ้านฟุตาบะคงพูดหมดเปลือกเเหงๆ

ไม่สิ มันสายไปเเล้ว

[“โทษทีนะ ไว้คุยครั้งหน้าดีกว่า”]

ผมออกจากบาร์คาราโอเกะพร้อมกับฟุตาบะที่อยู่ในท่าควงเเขนผมอยู่

 

——-

สามารถติดตามได้ที่ FB : Mxgic

——-

หลังจากที่เเฟนทิ้งผมไป จู่ๆสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนก็ลากคอผมไปที่บ้านซะงั้น

หลังจากที่เเฟนทิ้งผมไป จู่ๆสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนก็ลากคอผมไปที่บ้านซะงั้น

Status: Ongoing
[“กะ…โกหก..ใช่ไหม?”] ชินเซย์ เห็นเเฟนของเขา เรีย นอกใจตัวเองครั้งเเรกในชีวิตเเละเธอได้ส่งข้อความมาหาผมว่า “เราเลิกเถอะ” ความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งสองคนก็จบลง เเละหลังจากนั้น ผมถูกลากตัวไปงานนัดบอดด้วยความรู้สึกอกหัก ผมพยายามลุกออกจากที่นั่งอย่างเงียบๆ เเต่ทันใดนั้นก็มีสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียนเดินมาหาผม ฟุตาบะ เรย์นะ เเละมาขโมยจูบเเรกของผมไป― [“ที่ฉันมางานนัดบอดครั้งนี้ก็เพราะนายเลยนะ”] จากนั้นผมก็โดนเธอหิ้วกลับบ้านทั้งแบบนั้น!? เรย์นะ มีภาวะความเป็นผู้นําเเต่ในทางกลับกัน เมื่อผมอยู่กับเธอสองต่อสองตัวเธอนั้นเปลี่ยนไปคนละขั้ว เธอมีนิสัยเงอะงะเเถมนิสัยเสียอีก….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท