นิยาย ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 78 สมบัติจากหลุมศพ
ตอนที่ 78 สมบัติจากหลุมศพ
มู่หรงหยุนชิงยิ้มจาง ๆ
“วัตถุโบราณที่มีค่าส่วนใหญ่มักถูกซ่อนอยู่ใต้ดิน ตราบใดที่สามารถฟอกสีได้ มันก็ไม่มีความเสี่ยง
“คุณมู่หรงคะ มีอันตรายมากมายในโลกนี้ที่คุณมองไม่เห็น แน่นอนว่ามีวัตถุโบราณที่มาจากดิน อย่างไรก็ตามดินยังแบ่งออกเป็นจุดมงคลและจุดดุร้าย
ดังนั้นถ้าหากคุณเก็บสิ่งที่เป็นมงคลก็สามารถนําความโชคดีมาให้ แต่ถ้าคุณพบเจอบางสิ่งบางอย่างที่ออกมาจากหลุมศพ และยิ่งมันถูกหล่อเลี้ยงเอาไว้นานเท่าไหร่ พลังงานที่เลวร้ายก็ยิ่งก่อตัวมากขึ้นเท่านั้น
และหากคุณนํามันกลับมาที่บ้านหรือที่ร้าน มันก็จะสร้างแต่ความหายนะให้กับคุณ.. อย่างน้อยธุรกิจก็ล่มจมหรือสุขภาพย่าแย่และครอบครัวก็อาจจะย่อยยับ ฉะนั้น ฉันขอฟันธงเลยว่ากระถางธูปหยกใบนั้นมาจากหลุมศพที่ดุร้าย”
หลังจากฟังหยางซื่อเหมยอธิบายแล้ว มู่หรงหยุนซึ่งก็นึกถึงการกระทําที่แปลกประหลาดของเธอตอนที่ลงมือทําร้ายหลินตงหนานในวันนั้น และกระพริบตาถี่ก่อนที่จะเอ่ยถามว่า
“ได้ฟังคุณหนูหยางอธิบายแล้ว คิดว่าคุณหนูน่าจะเคยเรียนรู้หลักวิชาฮวงจุ้ยใช่หรือเปล่า?”
“ก็พอจะเข้าใจบ้างเล็กน้อย” หยางซื่อเหมยกล่าว
“แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่ากระถางธูปหยกใบนั้นมาจากหลุมศพ?”
“โดยธรรมชาติบางคนมีความไวต่อสนามแม่เหล็กของพลังหยินและหยาง และฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น” หยางซื่อเหมยหัวเราะ
“คุณหนูหยางเป็นคนแปลกจริง ๆ ไม่ทราบว่าคุณสามารถเข้าใจคาถาโบราณกับเวทย์มนต์หรือสิ่งลึกลับแนวนี้บ้างหรือเปล่า?” มู่หรงหยุนซึ่งเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ
“ฉันรู้แค่ศาสตร์ฮวงจุ้ยกับการทํานายดวงเท่านั้น!” หยางซื่อเหมยกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยอีกว่า
“หากคุณมู่หรงต้องการคําแนะนําในเรื่องนี้ ฉันมีส่วนลดให้คุณยี่สิบเปอร์เซนต์”
ท่านอาจารย์หยูชิงเคยบอกหลายครั้งแล้วว่าไม่ให้เธอแสดงความสามารถเกี่ยวกับเรื่องคาถาหรือเวทย์มนต์มิฉะนั้นจะเกิดหายนะขึ้น
“โอ้คุณซึ่ง! ดูลูกศิษย์ของคุณส์..แทนที่จะบอกว่าเธอเชียวชาญการประเมินของเก่า แต่กลับบอกว่าตนเองเป็นปรมาจารย์ฮวงจุ้ย..น่าสนใจมากเลยนะ”
เมื่อเห็นเธอหลีกเลี่ยงที่จะตอบ มู่หรงหยุนซึ่งจึงไม่ได้สอบถามต่อ แต่หันหน้าไปหัวเราะทางอาจารย์ของเธอ ขณะที่ซึ่งชวนยิ้มอย่างอ่อนโยน โดยเขาก็เพิ่งทราบเรื่องนี้เช่นกันเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอตอบมู่หรงหยุนซึ่ง
จากนั้นการแสดงออกของเธอก็เปลี่ยนไป ขณะที่สีหน้าของเธอเรียบเฉยด้วยริมฝีปากที่ยิ้มเล็กน้อย สําหรับความเร็วในการพูดของเธอนั้นก็มีความผ่อนคลาย และเมื่อเผชิญหน้ากับดวงตาของมู่หรงหยุนซึ่ง เธอก็โต้ตอบอย่างตรงไปตรงมา ทําให้ดูแล้วเห็นว่าเธอไม่ธรรมดาเลยที่เดียว
ส่วนมู่หรงหยุนซึ่งแม้ว่าภายนอกเขาจะดูอ่อนโยน แต่อันที่จริงมันเป็นเหมือนดาบที่ซ่อนคมอยู่ในฝัก และเมื่อมองดูเขาจะสามารถรู้สึกได้ถึงอานาจบางอย่างได้โดยไม่รู้ตัว
แต่ตอนนี้เขามองไปที่หยางซื่อเหมย เด็กสาวกลับไม่ได้มีความเกรงกลัวแต่อย่างใดและมีท่าทีสงบนิ่งโดยไม่ตื่นตระหนก
เด็กสาวคนนี้มีเป็นคนแบบไหน และเคยผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้างถึงเป็นคนที่มีลักษณะแบบนี้?
ในความเป็นจริงยกเว้นจากประสบการณ์การเกิดใหม่เช่นนี้แล้ว หยางซื่อเหมยก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์สําคัญใด ๆ เพราะนอกจากกินดื่มข้างถนนในชาติที่แล้ว เธอก็ใช้ชีวิตสิบปีที่ผ่านมาอยู่กับอาจารย์บนเขาเท่านั้น
สําหรับเหตุผลที่เธอมีท่าทางเช่นนี้ได้มันก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนสมาธิชั้นสูงของเธอในช่วงสิบปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าสิ่งที่สําคัญคือ เธอมีความมั่นใจในตัวเองสูงมากอีกทั้งยังเข้มแข็งและจะไม่ดูถูกตัวเองเด็ดขาด
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือพวกเขาจะไม่ถือว่าผู้อื่นสูงส่งกว่า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ถ่อมตัว หรือทําตัวต่ําต้อยกว่าผู้อื่นอย่างแน่นอน
“คุณมู่หรง ซื้อเหมยติดตามผมเพียงช่วงสั้น ๆ และผมไม่สามารถสอนเธอเกี่ยวกับเรื่องวัตถุโบราณได้ทั้งหมด ดังนั้นเธอจึงติดตามผมด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพื่อสังเกตหยกชุดใหม่ของคุณ ไม่ทราบว่าตอนนี้หยกอยู่ที่ไหนแล้ว ผมแทบจะรอดูไม่ไหวแล้ว” ซึ่งซวนเปลี่ยนหัวข้อ
“ฮ่าฮ่า…คุณซ่งคุณเป็นคนที่รักหยกโบราณและหมกมุ่นกับมันอยู่เสมอ..โอเค! ตอนนี้ผมจะพาคุณไปดู”
มู่หรงหยุนซึ่งยิ้มและกล่าวกับหยางซื่อเหมยอย่างแผ่วเบาว่า
“อย่างไรก็ตาม ผมต้องขอร้องให้คุณหนูหยางช่วยตรวจดูด้วยว่า หยกเหล่านี้มาจากหลุมศพหรือเปล่า? เพื่อที่ผมจะได้จัดการกับมันโดยเร็วที่สุด”
“ถ้าคุณต้องการจัดการกับมัน คุณสามารถปรึกษาฉันได้ แต่ยังคงมีค่าธรรมเนียมที่ได้รับส่วนลดยี่สิบเปอร์เซนต์” หยางซื่อเหมยกล่าว
“ฮ่าฮ่า..มันน่าสนใจ…น่าสนใจมาก” มู่หรงหยุนชิงหัวเราะและพาพวกเขาเข้าไปในห้องทึบที่หรูหราและคลาสสิกห้องหนึ่ง
แต่ทันทีที่หยางซื่อเหมยเดินเข้าไปในนั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นที่บริเวณสันหลังของตนเองจึงเงยหน้าขึ้นมอง ทําให้พบว่าพลังงานที่นี่ค่อนข้างสับสนวุ่นวายหรืออาจกล่าวได้ว่ามีพลังหยินที่แข็งแกร่งกําลังล่องลอยและเกี่ยวพันกัน โดยวิญญาณที่ชั่วร้ายเหล่านี้มาจากหยกในตู้กระจก
และเมื่อซ่งซวนเห็นหยกที่สวยงามและแปลกตา เขาก็ดูเหมือนหลงใหลมันในทันที และต้องการที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสมัน
“คุณซ่ง เดี๋ยวก่อน”
หยางซื่อเหมยหยุดมือของเขา
“ชิ้นส่วนหยกเหล่านี้ไม่เหมาะสําหรับการสัมผัส
“คุณหนูหยางพูดอะไร?” มู่หรงหยุนชิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและรีบสอบถามทันที
“พวกมันมาจากหลุมศพที่ดุร้ายอย่างที่คุณพูดเหรอ?”
หยางซื่อเหมยผงกศีรษะของเธอ ทันใดนั้นหญิงสาวก็นึกถึงตอนที่ตนเองอายุห้าขวบและได้พบกับมารดาของมินกังในโรงพยาบาลเพราะผู้หญิงคนนั้นสวมหยกสีเลือดจนเป็นบ้า
ด้านหน้าหยกเหล่านี้มีสร้อยข้อมือ ต่างหูและจี้ซึ่งมันเข้ากันได้ดี และดูเหมือนว่าพวกมันควรจะถูกหยิบออกมาจากหลุมเดียวกัน นอกจากหลุมแห่งนั้นจะดุร้ายแล้ว ร่างกายที่สวมหยกนั้นก็มีความเคียดแค้นที่รุนแรงมาก
“คุณหนูหยางใช้หลักการอะไรตัดสิน?”
มู่หรงหยุนชิงเองคือผู้ที่รู้ดีที่สุดเกี่ยวกับที่มาของหยกเหล่านี้ และแท้จริงแล้วพวกมันก็ถูกขโมยมาจากกลุ่มโจรหลุมศพ
“ความรู้สึก!”หยางซื่อเหมยกล่าวด้วยรอยยิ้มอีกว่า
“ฉันไม่รู้ว่าคุณมู่หรงเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงที่เป็นบ้าในโรงพยาบาลเมื่อสิบปีก่อน เพราะใส่สร้อยข้อมือหยกโลหิตหรือเปล่า?”
“คุณพูดถึงคุณนายมินเหรอ?” มู่หรงหยุนซึ่งมองขึ้นและลงด้วยความสงสัย
“ถ้าเป็นสิบปีที่แล้ว คุณก็น่าจะอายุประมาณห้าขวบ?”
“ใช่” หยางซื่อเหมยพยักหน้าและกล่าวต่อ
“บังเอิญว่าตอนนั้นฉันอยู่ในโรงพยาบาลด้วย และพบว่าสาเหตุที่คุณนายมินขาดสติคือหยกเลือดที่มีวิญญาณชั่วร้าย จากนั้นเมื่อหยกเลือดแตกแล้ว เธอก็เริ่มค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะปกติ”