ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก – ตอนที่ 24 บทที่ 2 ความทรมานของสีฟ้า – ยามดึกของเหล่าเด็กๆ

ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก

“สแตสินะ ฉันจะจำเอาไว้”

 

พวกเรากลับมาถึงห้องพักของท่านโนอะแล้ว ล้างไม้ล้างมือ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้

หลังจากผ่านวันแสนเหนื่อยล้ามา คืนนั้นทั้งฉันทั้งท่านโนอะก็อยากจะนอนมันซะตรงนี้เลยจริงๆ

 

“ก่อนหน้านี้ ฉันขอให้คุณนีน่าสืบหาข้อมูลของคนที่ชื่อไบรอนแล้วนะคะ น่าจะได้รายงานข้อมูลมาไม่พรุ่งนี้ก็คงวันมะรืน ฉันวางแผนไว้ว่าจะเข้าไปที่ร้านเหล้านั้นพรุ่งนี้อีกครั้งนึงเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ”

“ฉันก็อยากไปด้วยนะ แต่พรุ่งนี้ฉันมีแผนกำหนดการแล้ว ฝากเธอจัดการทีนะคุโระ”

“รับทราบค่ะ”

 

ฉันลุกขึ้นโค้งหัวให้ท่านโนอะ พร้อมกับเตรียมกลับห้องที่จองเอาไว้ให้ฉ―――

 

“อาระ นั่นเธอจะไปไหนน่ะคุโระ?”

“เปล่าค่ะ ฉันแค่กลับห้องฉันเท่านั้นเอง”

“เหรอ ถ้างั้น อีก 3 ชั่วโมงเธอกลับมาที่นี่ได้มั้ย?”

“เอ๊ะ?”

“ฉันไม่อยากให้คนใช้คนอื่นมาทำให้เรื่องมันวุ่นวายถ้าเธอกลับมาที่นี่น่ะ ถ้าเกิดเป็นกลางดึก ไม่มีใครมาที่ห้องนี้หรอก แบบนั้นจะได้ไม่มีใครสังเกตเห็นเธอด้วย”

“…เออคือ ท่านโนอะ เอาจริงเหรอคะ?”

 

“ตอนดึกๆ ฉันอยากกลับไปที่ร้านเหล้านั้นอีกทีนึง อยากจะไปลองคุยกับเด็กคนนั้น คุยกับสแตดูน่ะ”

 

สีหน้าตอนนั้นของฉันเนี่ย

มันจะบิดเบี้ยวไปขนาดไหนกันนะ

 

เที่ยงคืน

ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวระหว่างวัน เด็กสาว 2 คนกำลังเดินเตร่อยู่ในย่านสลัม ทั้งๆ ที่ทั้งคู่ก็ยังอายุ 8 ขวบกันอยู่เลย ทั้ง 2 คนกำลังทำในเรื่องแบบที่คนเขาใช้คำเรียกกันว่า ‘เด็กดีอย่าเลียนแบบนะจ๊ะ’

 

“หยุดเถอะนะคะท่านโนอะ ท่านคิดว่าที่นี่มันเป็นที่แบบไหนกันน่ะคะ? ที่นี่คือสลัม เป็นแดนเถื่อนไร้กฎหมาย ไม่แปลกเลยนะคะที่จะมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ ขนาดในเวลากลางวัน การเดินอยู่ในนี้ก็อันตรายอยู่แล้ว ยิ่งกลางคืนยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย”

“ถึงป่านนี้แล้วยังจะพูดอะไรอีกล่ะ คุโระ?”

 

ใช่แล้ว พวกเราเองนี่แหละ

พอกันทีกับนายเหนือหัวคนนี้น่ะ

 

“ช่วงกลางวันก็ได้นี่คะ? ร้านเหล้านั่นเปิดตั้งแต่ตอนเย็น ถ้ามากันระหว่างวันก็ไม่มีปัญหาไม่ใช่เหรอคะ?”

“เพราะฉันมีกำหนดการต้องไปเข้าร่วมในช่วงระหว่างวันไงเล่า ฉันปล่อยให้คุโระมาคนเดียวไม่ได้อยู่แล้วนี่จริงมั้ย?”

“ถ- ถึงยังงั้นก็เถอะค่ะ แต่มาที่นี่เอาเวลานี้มันก็”

“ถ้าอย่างนั้น เราจะมากันตอนไหนได้ล่ะ เธอรู้ใช่มั้ยว่าอีก 3 วันเราก็ต้องกลับกันแล้วนะ? จะเสียเวลาไปอย่างเสียเปล่าไม่ได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว”

“อึก”

 

ฉันเข้าใจดีเลยค่ะว่าท่านพูดเรื่องอะไรอยู่

ก็รู้นั่นแหละ แต่ว่านี่มันไม่เหมือนกัน

 

“ดูสิ มองเห็นแล้วนะนั่นไง”

“เฮ้อ โธ่ เข้าใจแล้วค่ะ… กะแล้วเชียว ยังเปิดอยู่จริงๆ ด้วย”

 

พอรู้ว่าถึงบ่นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ฉันก็เลยละสายตาหันไปมองที่ร้านเหล้าที่โผล่มาให้เห็นตรงหน้าแทน

ข้างในร้านยังมีร่างเงาเล็กๆ ขยับกันไปมาอยู่เลย

 

“ที่นี่มันโหดร้ายอะไรขนาดนี้เนี่ยถึงได้ให้เด็กตัวเล็กๆ ทำงานกันยันดึกดื่นป่านนี้ น่าเวทนาจริงๆ”

“ท่านโนอะคะ ท่านโนอะ โปรดหันมาดูข้างๆ ท่านด้วยค่ะ ตรงนี้ก็มีเด็กน่าสงสารอยู่อีกคนนึงที่ถูกบังคับให้ทำงานยันดึกดื่นป่านนี้เหมือนกันนะคะ”

 

ท่านโนอะเดินเข้าไปหาร้านเหล้านั่น ไม่ได้สนใจเรื่องที่ฉันแย้งเมื่อกี้นี้เลยซักนิด

 

“คุโระ ตอนที่เธอใช้เวทมนตร์ลบตัวตนของตัวเองไปน่ะ จับไหล่ฉันเอาไว้นะ”

“ได้ค่ะ”

 

ฉันร่ายเวทมนตร์ก่อน แล้วก็จับไหล่ของท่านโนอะเอาไว้ตามที่สั่ง

 

“พอทำแบบนี้แล้ว ฉันรู้สึกแปลกๆ ที่ไหล่ตัวเองเหมือนกันแฮะ เอาล่ะ งั้น ฉันเองก็ด้วย”

 

ไม่กี่วินาทีต่อมา ท่านโนอะก็ใช้เวทมนตร์ทำให้ตัวเองหายไปด้วยเหมือนกัน

แต่เพราะฉันยังจับไหล่ของท่านเอาไว้อยู่ ฉันเลยรู้ว่าตัวฉันยังอยู่ตรงนี้

เหมือนท่านโนอะจะเริ่มออกเดินอย่างช้าๆ ฉันก็เลยออกเดินตามไปด้วยความเร็วช่วงก้าวที่เท่ากัน

คราวนี้ดูเหมือนท่านโนอะตั้งใจจะเข้าไปที่ร้านเหล้านี่นะ แล้วท่านก็เปิดประตูเข้าไปอย่างไม่ลังเลเลย

 

ข้างในร้านนี่แทบจะเหมือนเดิมกับตอนที่เรามาถึงก่อนหน้านี้เลย

จำนวนลูกค้าข้างในเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย แต่หน้าตาของเด็กๆ กับสีหน้าเหนื่อยล้าของพวกเขาก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลย

 

(ไม่มีพักเลยงั้นสินะ โหดร้ายชะมัด)

 

แล้วฉันก็เจอเด็กผู้หญิงผมสีฟ้าที่ชื่อสแตคนนั้นซักที เธอกำลังแบกเครื่องดื่มมาด้วยแขนเรียวเล็กของเธออยู่เลย

ทั้งๆ ที่แขนของเธอมันสั่นระริกเหมือนกับว่าเธอจะทำของหล่นได้ตลอดเวลาเลยก็ตามที แต่แวบแรก สีหน้าของเธอก็ไม่มีวี่แววของความเหนื่อยล้าออกมาให้เห็นเลย

แต่ด้วยความสามารถในการอ่านสีหน้าของฉัน ฉันรู้สึกได้เลยล่ะว่าเธอแค่ทำโป๊กเกอร์เฟสเอาไว้ตลอดเวลาก็เท่านั้นเอง

เด็กคนนั้นน่ะ ทั้งเหนื่อยกว่า ทั้งเจ็บหนักกว่าเด็กคนไหนก็ตามที่อยู่ที่นี่เลย

 

“สั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่นั่นทำบ้าอะไรน่ะฮะ!?”

“คิดว่าตัวเองเป็นใครน่ะฮะ!? ไอ้ผมชั้นต่ำ! คิดจะหือรึไง!?”

 

ถึงจะโดนด่า หรือแม้แต่โดนขู่ก็ด้วย แต่สีหน้าของเด็กคนนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยซักนิด

เธอยังคงทำงานของเธอต่อไปด้วยท่าทางที่แทบจะแยกออกไปเป็นเอกเทศ ยังกับว่าอารมณ์ทั้งหมดของเธอมันโดนทิ้งไปหมดแล้วยังไงยังงั้นเลย

ทั้งๆ ที่เธอเป็นเด็กคนที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเลยแท้ๆ

 

“ชิ ยังไม่พูดอะไรซักคำเหมือนเลยนะ ไอ้เด็กบ้านี่”

“รีบๆ เอาเหล้ามาวางบนโต๊ะซักทีสิวะ”

 

สแตก็เอาเครื่องดื่มวางบนโต๊ะทีละถาดๆ ตามที่ถูกสั่ง

ในตอนที่สแตเดินถอยหลังมา

ชายคนนึงก็เริ่มเทเหล้าขวดนึงราดลงใส่ไปที่หัวของสแตเลย

 

“โอ๊ะโอ! โทษทีว่ะ มือดันลื่นซะได้!”

“แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกนี่ว่ามั้ย? ทำแบบนี้แล้ว จะได้ฆ่าเชื้อในผมชั้นต่ำนั่นของแกไปได้ซักนิดนึงด้วยนี่ จริงมั้ยล่ะ? …ก้าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

เอาล่ะ ฆ่าพวกมันทิ้งเลยดีกว่า

ยังไงก็ไม่มีใครที่นี่รู้ถึงตัวตนของฉันอยู่แล้ว ต่อให้ฉันลงมือก็ไม่มีทางจะโดนจับได้แน่นอน ไม่มีใครรู้เรื่องเวทมนตร์สายความมืดของฉันเลย แม้แต่สาเหตุการตายก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ แล้วเหตุการณ์นี่ก็จะยังคงเป็นปริศนาต่อไปทั้งๆ แบบนั้น

ในตอนที่ฉันกำลังจะร่ายเวทความมืดที่ท่วมไปด้วยความโกรธออกไปอยู่แล้ว…

 

“เฮือก!?”

“น- นี่มันอะไรฟะเนี่ย!?”

 

ชายคนนึงถูกแสงที่ฉายออกมาซัดจนกระเด็นอัดเข้ากระแทกกับกำแพงร้านเหล้า แล้วก็ลอยเหินออกไปนอกร้านเลย

น่าจะยังไม่ตายหรอก แต่ดูท่ากระดูกคงหักไปหลายท่อนอยู่

มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละที่จะทำอะไรแบบนี้ได้

แล้วจู่ๆ มือซ้ายของฉันที่จับหัวไหล่เอาไว้อยู่ก็ถูกกระชากไปข้างหน้า

แล้วจังหวะต่อมา แสงอีกระลอกก็สว่างวาบอีกครั้ง ฉายเข้าใส่ชายอีกคน ซัดให้เจ้านั่นกระเด็นไป และทำเอากำแพงร้านเหล้ากลายเป็นรูไปอีกรูนึง

มือซ้ายของฉันนำฉันไปทางประตูทางออกของร้าน ตรงจุดที่ร่างที่เคยซ่อนเร้นอยู่กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง แล้วก็เดินต่อจนออกมานอกร้าน

 

“ทำอะไรน่ะคะ ท่านโนอ-”

“ใจจริงล่ะ?”

“ทำได้ยอดมากเลยค่ะ”

 

แหงอยู่แล้ว คนที่ร่ายเวทมนตร์ออกมาเมื่อกี้ก็คือท่านโนอะ

แต่ ท่านก็ช่วยฉันไว้เลยล่ะ ถ้าเรื่องมันยังเป็นแบบนั้นต่อ ฉันอาจจะลงเอยด้วยการฆ่าเจ้า 2 คนนั่นไปเลยก็ได้

 

อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่ฉันทนดูต่อไปไม่ไหวเลย

มันรู้สึกเหมือนฉันเห็นตัวเองใช้ชีวิตเหมือนเป็นทาสของพ่อแม่เมื่อชาติก่อน แล้วฉันก็ปล่อยเด็กคนนั้น ปล่อยสแตเอาไว้คนเดียวไม่ได้จริงๆ ฉันโกรธมากจนแทบจะคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่อยู่แล้ว

 

“ฉันเองก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน มาเห็นเด็กสาวที่มีพรสวรรค์มาโดนไอ้พวกไร้น้ำยาพวกนั้นมาดูถูกแบบนั้นน่ะ”

“ฉันเกือบจะฆ่าเจ้าพวกนั้นอยู่แล้ว ขอบคุณนะคะ”

“คุโระเองก็มีด้านโมโหร้ายด้วยเหมือนกันสินะเนี่ย”

 

ตอนที่ฉันหันไปมอง ก็เห็นชาย 2 คนนั้นนอนแผ่อยู่กับพื้น เลือดไหลเจิ่งนองออกมากองเลย

ทิ้งเอาไว้แบบนั้นก็คงไม่ตายหรอก

ถึงฉันจะอยากให้พวกมันตายขนาดไหนก็ตาม แต่ฉันก็ไม่ทำถึงขนาด―――

 

*ตุบ*

 

“ส- สแตจัง!?”

“สแต!”

 

พอมีเสียงแปลกๆ กับเสียงใครบางคนตะโกนเรียกชื่อของสแตดังขึ้น ฉันก็หันขวับไปมองทางต้นเสียง

ตรงนั้น ฉันเห็นสแตล้มทรุดลงไป แล้วเด็กๆ ก็ร้องเรียกเธออย่างลนลานทำอะไรกันไม่ถูกเลย

 

TN: เอาเลย! โนอะซามะ!!

ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก

ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก

Status: Ongoing
ฉันถูกพ่อแม่ทำร้ายทารุณ แล้วกำลังจะเอาฉันไปขายอยู่แล้ว ฉันก็เลยชิงฆ่าตัวตายก่อนซะเลย ตื่นขึ้นมาอีกที ฉันก็มาอยู่ที่ต่างโลกแล้ว ที่นี่ เวทมนตร์ที่ใช้ได้จะถูกตัดสินด้วยสีผม นอกจากสีที่มีแล้วก็จะไม่สามารถใช้เวทมนตร์อื่นได้เลย แล้วฉันดันเกิดใหม่มามีผมสีดำ สีผมชั้นต่ำที่เลวร้ายที่สุด แถมยังโดนดูถูกเหยียดหยามอยู่ตลอดอีกต่างหาก ฉันเหนื่อยกับความอับโชคจากชาติก่อนเต็มทนแล้ว ฉันยอมแพ้กับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ตอนนี้ ฉันก็ต้องมามีชีวิตแบบนี้อีกเนี่ยนะ “ถ้าหากไม่ว่ายังไง เธอก็จะทิ้งขว้างชีวิตของตัวเองอยู่แล้ว แบบนั้นมันเสียของออก เพราะฉะนั้น ใช้มันเพื่อฉันซะสิ” ฉันได้พบกับเจ้านายของฉันที่พูดเอาไว้แบบนั้น แล้วชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไป ฉันกล่าวคำสาบาน จะขออุทิศทั้งชีวิตให้บุคคลคนนี้ ท่านโนอะ แม้จะเป็นเส้นทางสู่ความเป็นใหญ่สูงสุดที่ท่านเดินมุ่งไปนั่นก็ตาม ฉันหวังแต่ขอให้ท่านอยู่กับฉันจนถึงที่สุดก็พอ เพราะงั้นนะคะ ท่านโนอะ ได้โปรดยับยั้งเรื่องความเอาแต่ใจนั่นของท่านด้วยเถอะนะคะ! ※ตัวละครเอกเรื่องนี้ไม่ได้เป็นคนดี ใครต้องการเรื่องแนวแฟนตาซีโลกสวยล่ะก็ ขอเชิญเรื่องอื่นนะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท