การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า – ตอนที่ 57 องค์ที่ 3 บดขยี้ – อดีตผู้กล้า vs สัตว์อสูร

การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

“…ขอโทษด้วยนะครับ แต่กระผมไม่สามารถตามความเร็วของท่านได้ทัน สมาชิกที่พอจะตามท่านได้ก็อยู่ที่สนามรบกันหมดเลย …กระผมเกรงว่าท่านจะต้องไปที่นั่นคนเดียวเลย ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ”

 

ก็ช่วยไม่ได้นะคะ

สเตตัสความเร็วของเราเกิน 30,000 ไปแล้ว มีแค่ 2 คนเองในกองทัพจอมมารที่สามารถความเร็วระดับนี้ได้

มีคุณเกรย์ที่สอนการใช้งานเวทเสริมแกร่งทางกายภาพและการเคลื่อนไหวร่างกายให้ตัวเราเอง อีกคนก็คือคู่หูของฉัน ลีน แต่ว่าลีนนี่จะตามทันได้ ก็เมื่ออยู่ภายใต้ผลของการอวยพรจากดวงจันทร์นะ

 

สถานการณ์ในตอนนี้ต้องแข่งกับเวลา เราเลยฝากคุณเซดไปรายงานต่อท่านจอมมาร ส่วนเราก็มุ่งหน้าไปยังพื้นที่นั้นด้วยความเร็วสูงสุด พื้นที่ที่มีดอกซึสึเนะ ยาแก้พิษจากดอกมิเซล โตขึ้นเป็นกลุ่มเลย

อย่างเร็วที่สุด พิษของมิเซลจากฆ่าภรรยาของคุณผู้จัดการร้านในเวลาอีกประมาณ 2 วัน หรืออีก 48 ชั่วโมง จากที่คุณเซดบอก จะใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงที่พิษจะทำให้ร่างกายของผู้ได้รับพิษเป็นอัมพาต ดูเหมือนว่าคุณภรรยาจะยังดีอยู่จนถึง 4 ทุ่มเมื่อคืนนี้ แสดงว่าเธอคงได้พิษมาตั้งแต่ประมาณ 5 โมงเย็นของเมื่อวาน แทบจะเป็นเวลาที่เธอกำลังจะกลับเลย

หมายความเวลาผ่านมามากกว่า 1 วันเต็มๆ แล้ว เหลือเวลาอีกแค่ประมาณ 22 ชั่วโมง ถึงเราอาจจะใช้เวลา 5-6 ชั่วโมงเพื่อเดินทางในขาไป แต่ขากลับเราน่าจะใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง คำนวณเอาจากความอ่อนล้าทางร่างกายจากการเดินทางกับการต่อสู้กับพวกสัตว์อสูรล่ะนะ

อีกอย่าง เราได้ยินว่าต้องใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมงถึงจะสกัดยาแก้พิษจากดอกไม้นั้นได้

พูดอีกอย่างก็คือ เราต้องจัดการพวกสัตว์อสูรและก็เก็บดอกไม้ในเวลา 6 ชั่วโมงเป็นอย่างช้าที่สุด

ตอนนี้เราหายใจหอบแล้ว แต่ก็มาถึงหมู่ไม้ตามที่คุณเซดบอกเอาไว้ซักที

เวลาตอนนี้คือตี 1 ผ่านมา 6 ชั่วโมงนับจากเริ่มเดินทาง ตรงตามเวลาที่วางไว้เลย

 

(อุ… ถึงสายตาของเราจะชินกับมันบ้างแล้วก็เถอะ แต่มันก็ยังมืดสนิท มองเห็นยากอยู่ดี… ถ้าลีนอยู่ที่นี่ด้วยก็คง…)

 

ไม่สิๆ มันไม่มีประโยชน์ที่จะไปเรียกหาสิ่งที่เราไม่มีในตอนนี้เลยนะ

สำหรับตอนนี้ คงต้องพึ่งแสงนิดๆ กับเสียงเอาแล้วสิ…  

 

――― จังหวะต่อมา เราก็ต้องโดดถอยหลังออกมาโดยอัตโนมัติเลย

 

จุดที่ฉันยืนอยู่เมื่อเสี้ยววินาทีก่อน ก็มีไฟลูกใหญ่ระเบิดออกตรงนั้น

…อันตรายจริงๆ อย่างที่คิดเลย เราเองก็คงเจ็บไม่น้อยเลยถ้าถูกการโจมตีนั่นเข้าไป

จังหวะที่เราโล่งใจ เราก็ได้ยินเสียงตกดังๆ บนพื้นดังขึ้น พร้อมกับเสียงสั่นสะเทือนดังมาจากพื้น

… ถูกล้อมซะแล้วสินะ

ต้องเป็นสัตว์อสูรที่คุณเซดพูดถึงแน่นอนเลย

แถมมีมากกว่า 1 ตัวด้วย เท่าที่เรารู้มา พวกมันพ่นไฟได้ แถมบินได้ด้วย

รูปร่างของมัน… มืดไปจนมองไม่เห็นเลย แถมดวงจันทร์ยังโดนเมฆบังอีก

 

ใจเย็นก่อนนะตัวเรา ก่อนอื่น มาวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้อย่างใจเย็นก่อน

พ่นไฟเหรอ? ก็ดีกับเราด้วยนะ ช่วยให้มองเห็นได้ดีขึ้นด้วย

งั้น จนกว่าเจ้าพวกนั้นจะพ่นไฟ สายตาที่แย่ของเราก็เป็นอุปสรรคเลย งั้นก็ปิดตาเอาไว้แล้วพึ่งแต่เสียงเลยดีกว่า

…ยืน 4 เท้า น้ำหนักตัวประมาณ 4 ตัน ยาวประมาณ 5 เมตร มีอยู่ 5 ตัว แต่ข้างหลังนั่นคงจะมีอยู่อีกเพียบแน่

 

“…ขอโทษด้วยนะ แต่เราไม่มีเวลาแล้ว เราต้องเชือดพวกนายทิ้ง เพราะมันจำเป็นน่ะ”

 

เหมือนคำพูดนี้จะเป็นสัญญาณเริ่มต้น… พวกนั้นพุ่งโจมตีใส่เราทันที

 

“…ฮ่า!”

“กิย๊าาากก!”

 

รู้สึกได้เลยว่าเราตัดคอมันได้ ไม่มีเสียงของการเคลื่อนไหวแล้วด้วย… นี่ก็ศพที่ 3 แล้วสินะ

แต่ว่า แย่ละสิ เราใช้เวลาไปตั้งชั่วโมงนึง แต่เพิ่งฆ่าได้แค่ 3 ตัวเอง

แถมจำนวนมันยิ่งเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ด้วยตั้งแต่การต่อสู้เริ่มมา ตอนนี้มีพวกมันอยู่ 12 ตัวแล้วที่ล้อมรอบตัวเราอยู่

… ดูท่า พวกมันจะเห็นเราเป็นภัยคุกคามแล้วสินะ

 

ในชั่วโมงที่ผ่านมาทำให้เราได้เรียนอะไรบางอย่าง อย่างแรกเลย เจ้าสัตว์อสูรพวกนี้รูปร่างคล้ายๆ กับเสือดำ

พวกมันล่าเหยื่อกันเป็นกลุ่มตามสัญชาตญาณ ถ้าเราพยายามจะฟันสัตว์อสูรตัวไหน พวกมันตัวอื่นๆ ก็จะโจมตีใส่เราในจังหวะที่เกิดช่องว่างนั่น เราก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดการโจมตี และกลับมาป้องกันการโจมตีนั้น

ถึงอย่างนั้น เราก็ใช้ช่องโหว่ในการเคลื่อนไหวที่ซ้ำไปซ้ำมานั่นได้… ก็เลยฆ่าไปได้ 3 ศพในที่สุด

… แย่แล้วจริงๆ ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ คงเป็นไปไม่ได้แน่ๆ ที่จะจัดการพวกมันทั้งหมดได้ในอีก 5 ชั่วโมงที่เหลือนี่

 

“อย่างน้อย ถ้ามองเห็นได้ล่ะก็…!”

 

ถ้าเรามองเห็นได้ตามปกติล่ะก็ คงจะฟันได้ดีกว่านี้ แม่นยำกว่านี้ แล้วก็เร็วกว่านี้ด้วย

อย่างน้อยที่สุด มันก็คงดีกว่าสถานการณ์ที่เราตกอยู่ในตอนนี้ที่เราต้องต่อสู้โดยมีแค่ต้องฟังเสียงกับดมกลิ่นของศัตรูนิดหน่อยเท่านั้นเอง

เราคิดจะใช้ไฟจากกา่รโจมตีของพวกสัตว์อสูรเพื่อให้มองเห็นได้ดีขึ้นแท้ๆ… พวกมันคงรู้ว่าเรามองไม่เห็นในกลางคืนที่มืดแบบนี้ พวกมันเลยไม่ใช่ไฟมาโจมตีเลยซักนิด

 

“ก๊าาาซซซ!”

“อุบ…! ฮ่า!”

“กู้ววว!”

 

ฟันโดนแล้ว… แต่ว่า ตื้นไป

ที่น่ารำคาญที่สุดคือพวกมันแต่ละตัวก็แข็งแกร่งด้วย

สเตตัสเฉลี่ยคงจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 หรือน้อยกว่านั้นนิดหน่อยล่ะมั้ง

ถ้าเป็นผู้บริหารที่ไม่ใช่อาชีพระดับสูง หรือเป็นลีนที่ไม่มีการอวยพรจากดวงจันทร์ล่ะก็ เจ้าพวกนี้แค่ 2 ตัวคงตึงมือแล้วแน่นอน

เหลืออีก 12 ตัวเลยเหรอ

 

“…ช่วยไม่ได้ คงต้องยอมแพ้สินะ”

 

… ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

เราจัดการเจ้าพวกนี้ไม่ได้ ถ้ามีแค่ประสาทการได้ยินอย่างเดียวแบบนี้

ช่วยไม่ได้ คงต้องยอมแพ้แล้ว… สินะ

 

เรายอมแพ้แล้ว

ความคิดที่จะปิดฉากการต่อสู้นี้เร็วๆ เนี่ย ล้มเลิกความคิดนั้นไปเลยดีกว่า

เรามีเวลา 6 ชั่วโมงในการจัดการพวกมัน แล้วก็เก็บดอกไม้มาด้วย แต่ตอนนี้มันดึกมาก แถมไม่มีแสงจันทร์เลยด้วย เราจัดการพวกมันทั้งหมดไม่ได้แน่

ถ้างั้น ก็รอจนกว่าฟ้าจะสว่างสิ

ใช้พลังที่สำรองไว้ใช้ในการโจมตี ทุ่มไปที่การตั้งรับกับการหลบหลีกซะ

―――แล้ว 4 ชั่วโมงต่อมา… หรือก็คือ 5 ชั่วโมงนับจากที่เราเริ่มสู้กับเจ้าเสือดำพวกนี้

 

“สว่างขึ้นซะที… ฮ่า ในที่สุดก็ใช้ตามองได้แล้ว”

 

อีก 1 ชั่วโมง กับสัตว์อสูรพวกนี้… พอคิดว่านี่คือทั้งหมดที่เราล่อมารวมกันได้ใน 4 ชั่วโมงที่ผ่านมางั้นเหรอ… ทั้งหมด 23 ตัวเลย

เราต้องฆ่าพวกมันทั้งหมดให้ได้ในเวลา 1 ชั่วโมง

 

“…เราไม่ได้ใช้มันก่อนหน้านี้ เพราะคิดว่าถ้าเกิดว่ามองไม่เห็น การเสริมกำลังคงจะทำให้เกิดช่องว่างได้… โทษทีนะ แต่ช่วยปล่อยเราไปซักทีจะได้หรือยัง?”

“{ฟิสิคอลบูสท์ (เสริมแกร่งทางกายภาพ) ――― เพิ่มการหลบหลีก • เพิ่มความแข็งแกร่ง • เสริมการทำลาย • เร่งความเร็วสูง • เร่งความคิด • ไล่ล่า}”

 

…แย่เลยน่า ดูท่าเราจะพึ่งลีนมากเกินไปแล้ว แถมยังมั่นใจในตัวเองมากเกินไปด้วย ที่คิดว่าตราบใดที่ยังฟังเสียงได้ยินได้ ถึงจะมืดสนิทก็ยังฟันศัตรูได้อยู่ดี

ดูแล้ว เราควรจะเรียนเวทเสริมแกร่งทางกายภาพ มองเห็นยามค่ำคืน มาก่อนนะเนี่ย

 

“ตัวเราในตอนนี้สามารถใช้เวทเสริมแกร่งทางกายภาพซ้อนกันได้มากสุดแค่ 6 บทเอง เอาเถอะ… ถ้าเราเอาจริงแล้วล่ะก็ เชือดเจ้าพวกนี้หมดได้แน่”

 

เวทเสริมแกร่งทางกายภาพ

เรามีความเข้ากันได้กับเวทแค่ชนิดเดียว เวทเสริมกำลังที่ใช้ได้แค่กับตัวเองเท่านั้น

ความสามารถหลักของมันคือ ‘สามารถเสริมความแข็งแกร่งแบบระบุตำแหน่งในร่างกาย’

แลกกับการที่เวทนี้ใช้ได้กับแค่ตัวเองเท่านั้น เลยมีการเสริมกำลังหลายรูปแบบที่เทียบไม่ได้เลยกับเวทเสริมกำลังทั่วๆ ไป และยังสามารถร่ายเวทนี้ให้กับตัวเองได้หลายบทพร้อมกันด้วย

ท่านจอมมารกับคุณเกรย์บอกว่านี่คือเวทมนตร์ในฝันสำหรับเหล่านักรบเลย

 

“ก๊าาาาาาซซ!”

“…ช้าไป”

“กุอ๊าาากก!!”

 

ด้วย {เพิ่มการหลบหลีก} ทำให้เราสามารถหลบการโจมตีได้ด้วยการเคลื่อนไหวที่น้อยลง และจาก {เพิ่มความแข็งแกร่ง} กับ {เสริมการทำลาย} ก็เพิ่มความเสียหายให้มากขึ้นในการฟันแต่ละครั้งด้วย

 

“…งั้น มาเริ่มกันเลย―――ได้เวลาละเลงเลือดแล้ว”

 

จากตอนนี้ 40 นาทีผ่านไป

ด้วยเวลาเท่านั้น―――เราก็จัดการเชือดพวกสัตว์อสูรลงทั้งหมดได้ซักที

 

“ฮะ… ฮะ…! อึก… ทันเวลา…พอดี…!”

 

การต่อสู้กับพวกสัตว์อสูรนี่ใช้เวลานานกว่าที่เราคิดมากเลย แถมความอ่อนล้าทางจิตใจกับร่างกายก็หนักกว่าที่เราคิดมากเลย

เราเก็บดอกไม้มาได้แล้ว แต่ก็ผ่านไปเกิน 2 วันแล้วนับจากการติดพิษ… เราอาจจะกลับไปไม่ทันเวลา 5 โมงเย็นก็ได้

ฉันไม่อยากใช้มันเพราะผลย้อนกลับหลังใช้มันหนักมาก แต่ฉันก็ยังใช้ {ฟิสิคอลบูสท์ (เสริมแกร่งทางกายภาพ) ――― เพิ่มความเร็ว • เร่งความเร็วสูง • ลบล้างความเหนื่อยล้า} มาเต็มกำลังมาตลอดเลย

 

จากตอนนั้น―――ผ่านมา 7 ชั่วโมงแล้ว

 

“ดีล่ะ เห็นเมืองแล้ว…!”

 

เราใช้เวทเสริมแกร่งทางกายภาพมาแบบเต็มกำลัง ช่วยให้ลืมความเหนื่อยล้าไปได้ชั่วคราว ถึงอย่างนั้นก็ยังใช้เวลานานอยู่ดี

 

เวลาตอนนี้―――บ่าย 2 แล้ว

ถ้าใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการทำยาจากตอนนี้ ก็จะได้มาตอน 4 โมงเย็นพอดี

ไม่เป็นไรแล้ว ทันเวลาพอดี…

 

“อ๊า…!”

 

แต่ว่า เรากลับล้มลง ตรงหน้าเมืองเลย

เราพยายามรีบลุกขึ้น แต่…

 

“ทำไมล่ะ ขา ขาไม่ยอมขยับ… เลย……!”

 

เราขยับขาไม่ได้เลย

ความอ่อนล้าน่าจะถูกลบล้างไปชั่วคราวนี่นา

แต่เราก็เข้าใจได้ทันทีเลยว่าเกิดอะไรขึ้น

 

…พลังเวทของเราหมดสินะ

เวทที่เสริมความแข็งแกร่งของร่างกายก็เลยหมดฤทธิ์ไปด้วย

เวท {ลบล้างความเหนื่อยล้า} เป็นเวทเสริมแกร่งทางกายภาพที่ช่วยให้เราไม่เหนื่อย แต่จริงๆ แล้วคือทำให้เราลืมความเหนื่อยล้าไปชั่วคราวมากกว่า และในจังหวะที่เรายกเลิกเวทนี้ เราก็จะรู้สึกถึงความอ่อนล้าทั้งหมดที่ถูกลบไปนั่นกลับมาทั้งหมดในทีเดียวเลย

ยิ่งกว่านั้น ทั้ง {เพิ่มความเร็ว} ทั้ง {เร่งความเร็วสูง} ก็ทำให้เหนื่อยมากกว่าจะทำให้เร็วขึ้นซะอีก

…ดูท่าเราจะผ่านขีดจำกัดของตัวเองมาซักพักแล้วสินะ

 

“เรา…! ฮะ…! ฮะ…! เกือบถึงแล้ว…จะถึงอยู่แล้ว แล้วทำไม…!”

 

ไม่… ต้องตั้งสติเอาไว้…ต้องช่วยให้ได้…

 

“เราต้องช่วย… เราตัดสินใจแล้ว เราจะช่วยให้… ฮะ…ฮาาา… จะต้อง…!”

 

เราต้องลุกขึ้นให้ได้… ถ้าทำไม่ได้ ก็คลานไป ยังไงเราก็ต้องไปให้ถึงให้ได้

 

“จะต้องไปต่อ…! ฮะ… ฮะ…. อื้ออออ…”

 

อะ…อือ… จบแล้วงั้นเหรอ…ฮือ…?

 

“เฮ่ เธออยู่นั่นไง! ตรงนี้!”

 

…เอ๋……?

 

“โยมิ เป็นยังไงบ้าง? ปลอดภัยดีใช่มั้ย!?”

“โยมิจัง! ทำได้ดีมากเลย! พวกเราจัดการดอกไม้ต่อให้เองนะ…! ไม่ต้องห่วง พวกเราจัดการให้ทันเวลาแน่นอน!”

“ท่าน จอมมาร…คุณ วีเนล…”

 

พอเห็นเงาร่างเหล่านั้น… เราเลยปล่อยให้สติตัวเองดับวูบไป

 

การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

Status: Ongoing
เซนโจ โยนะ เด็กหญิงที่ถูกกลั่นแกล้งอย่างหนัก ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแก๊สระเบิด หลังจากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของเทพชั่วร้าย อิซึสึ เธอก็ได้มาเกิดใหม่เป็นลูกสาวของผู้นำเผ่าแวมไพร์ [ลีน บลัดลอร์ด] ชีวิตอันสงบสุขกำลังรอเธออยู่ รายล้อมไปด้วยครอบครัวและเพื่อนพ้องที่รักเธอ สิ่งที่เธอต้องการมาโดยตลอดจากชาติก่อน … แต่เวลาเหล่านั้นก็ต้องสิ้นสุดลง จากการกวาดล้างเผ่าพันธุ์แวมไพร์ด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์อย่างไร้เหตุผล “อา เข้าใจแล้ว ชีวิตของฉันต้องพังทลายเพราะว่ามีพวกมนุษย์อยู่งั้นสินะ” อีกด้าน มีเด็กสาวที่ถูกมองเป็นตัวน่ารำคาญในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เธอได้รับ [คุณสมบัติของผู้กล้า] พร้อมทั้งพรสวรรค์และศักยภาพอันล้นเหลือ แต่จิตใจของเธอกลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์ เพื่อล้างสมอง และเปลี่ยนเธอเป็นอาวุธมีชีวิต “จริงๆ แล้ว…ไม่อยากปกป้องพวกมนุษย์ซักหน่อย เราไม่ได้อยากเป็นผู้กล้า…” และพวกเธอผู้เกลียดชังต่อมนุษย์ ก็กลายมาเป็นภัยพิบัติต่อมนุษยชาติ นี่คือเรื่องราวของเด็กสาว 2 คนที่ชีวิตต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของมนุษย์ และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไป เหลือเพียงแค่ชีวิตของตัวเอง และพวกเธอจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อล้างแค้นและกวาดล้างมนุษยชาติให้สิ้น

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท