Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 124 ผู้บัญชาการกองพันนักเลง! (1)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

ขณะ​ควบ​ที่​ขี่ม้า​ตัว​ใหญ่​ใน​ชุด​เกราะ​เต็มยศ​ โจว​เหว่​ย​ชิงก็​มีสีหน้า​สงบนิ่ง​ขณะที่​พวกเขา​ควบม้า​ไป​ข้างหน้า​ เด็กหนุ่ม​หยิบ​ขน​มอบ​แห้ง​ออก​มาจาก​แหวน​มิติ​และ​เริ่ม​กัด​กิน​ แต่​เมื่อ​เขา​พยายาม​จะมอบให้​ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​ เธอ​กลับ​ปฏิเสธ​มัน​อย่าง​หงุดหงิด​ อย่างไรก็ตาม​ นั่น​ไม่ใช่เพราะ​หญิงสาว​ยัง​โกรธ​เขา​เรื่อง​ก่อนหน้านี้​ แต่​เป็น​เพราะ​ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​รู้สึก​ว่า​เขา​ยอม​ง่าย​เกินไป​ ทหารคุ้มกัน​เหล่านี้​ปฏิบัติ​ต่อ​เขา​อย่าง​เหยียดหยาม​ แต่​เด็กหนุ่ม​กลับ​ยัง​พยายาม​อดทน​ นั่น​ย่อม​ไม่ใช่สิ่งที่​เธอ​ชอบใจ​นัก​

ทหารคุ้มกัน​ของ​เซินปู้​ล้วน​ถูก​คัดเลือก​มาจาก​กรม​ทหาร​ เป็นยอด​ฝีมือ​เหนือ​เหล่า​ทหาร​ทั้งหมด​ แม้ว่า​พวกเขา​จะไม่ใช่จ้าว​มณีสวรรค์​ทุกคน​ แต่​ส่วนใหญ่​ก็​เป็น​ถึงจ้าว​มณียุทธ์​ เพียงแค่​ระดับ​ระดับ​พลัง​ปราณ​ของ​พวกเขา​ไม่สูงมาก​เท่านั้นเอง​ ถ้านี่​คือ​อาณาจักร​เกาทัณฑ์​สวรรค์​ พวกเขา​คงจะ​ได้​เป็น​นายทหาร​ยศ​สูงแล้ว​แน่ๆ​

ม้าชั้นดี​ 22 ตัว​เหยียบย่ำ​ไป​ตาม​เส้นทาง​ และ​ต้อง​ใช้เวลา​มากกว่า​ 2 ชั่วโมง​ก่อนที่​ค่ายทหาร​จะปรากฏ​สู่สายตา​พวกเขา​

หลังจาก​คำนวณ​อย่าง​คร่าวๆ​ โจว​เหว่​ย​ชิงก็​คาด​ว่า​พวกเขา​เดินทาง​มาอย่าง​น้อย​ 300 ลี้​แล้ว​ ถ้าค่ายทหาร​ตรงหน้า​พวกเขา​เป็น​กองพัน​นักเลง​จริงๆ​ ทหาร​ค่าย​นี้​ก็​ตั้งอยู่​อย่าง​โดดเดี่ยว​มาก​

อย่างไรก็ตาม​ อย่าง​น้อย​กองพัน​นักเลง​ก็​ไม่ได้​ตั้งอยู่​บน​ที่ราบ​โล่ง​ เพราะ​ไม่ไกล​จาก​ที่นี่​ก็​เป็น​พรมแดน​ระหว่าง​อาณาจักร​จ้งเทียน​และ​อาณาจักร​วั่น​โซ่ว​แล้ว​ ดังนั้น​เมื่อ​พื้นที่​โดยรอบ​เป็น​เนินเขา​และ​ยอดเขา​ แม้ไม่ใช่ยอดเขา​สูงสุด​ แต่​ก็​เพียงพอ​จะทำให้​ภูมิประเทศ​ค่อนข้าง​ซับซ้อน​ไม่ถูก​ตี​แตก​ได้​ง่าย​แล้ว​

โจว​เหว่​ย​ชิงเห็น​พื้นที่​ค่าย​กองพัน​นักเลง​ส่วนใหญ่​ตั้งอยู่​บน​บริเวณ​เนินเขา​แห่ง​หนึ่ง​ ดังนั้น​จึงสามารถ​มอง​เห็นได้ชัด​เจน​แม้มอง​จาก​ระยะ​ไกลๆ​ กระโจม​เหล่านั้น​ถูก​กาง​ไว้​อย่าง​ลวกๆ​ ไม่เป็นระเบียบ​ตามมีตามเกิด​ ส่วนใหญ่​สกปรก​และ​ขาด​รุ่งริ่ง​ ไม่มีแม้แต่​ธงของ​กองทัพ​ให้​เห็น​ กระทั่ง​เนินเขา​เล็ก​ๆ นั้น​ก็​ยังคง​เต็มไปด้วย​หญ้า​รกชัฏ​และ​บรรดา​พืชพันธุ์​ต่างๆ​ ไม่ว่า​จะมอง​อย่างไร​ ค่าย​แห่ง​นี้​ก็​ทำให้​สถานที่​ทั้งหมด​ดู​เยือกเย็น​และ​มืดมน​ เกือบจะ​เรียก​ได้​ว่า​เป็น​พื้นที่​รกร้าง​ด้วยซ้ำ​

“หยุด​!” ในขณะที่​พวกเขา​อยู่​ห่าง​จาก​ตัว​ค่าย​ประมาณ​ 500 เมตร​ เสียง​ตะโกน​ก็​แหวก​อากาศ​ออกมา​ทำลาย​ความ​เงียบ​อย่าง​กะทันหัน​ จู่ๆ ชายฉกรรจ์​ประมาณ​สิบ​กว่า​คน​ก็​กระโดด​ออกมา​จาก​ข้าง​โขดหิน​ ขวาง​เส้นทาง​ของ​พวกเขา​เอาไว้​

คน​พวก​นี้​เป็น​ทหาร​จริง​หรือ​! เมื่อ​ได้​เห็น​พวกเขา​เป็นครั้งแรก​ โจว​เหว่​ย​ชิงก็​ชะงัก​ไป​ ทหาร​เหล่านี้​ไม่ได้​แต่งกาย​อย่าง​ที่​ควรจะเป็น​ หรือ​แม้กระทั่ง​ดู​สะอาด​ตา​ เครื่องแบบ​ทหาร​ของ​พวกเขา​ดู​ยุ่งเหยิง​มาก​ บางคน​ก็​มีไม่ครบชุด​ด้วยซ้ำ​ ในความเป็นจริง​คือ​เสื้อผ้า​ส่วนใหญ่​ของ​พวกเขา​ขาด​รุ่งริ่ง​และ​ฉีกขาด​ตาม​จุด​ต่างๆ​ มีเพียง​ไม่กี่​คน​เท่านั้น​ที่​ได้รับ​การ​ซ่อม​ปะชุน​อย่าง​น่าเกลียด​บ้าง​ แต่​นั่น​ก็​ถือว่า​ดี​ที่สุด​ใน​กลุ่มคน​ทั้งหมด​แล้ว​ ไม่มีใคร​มีอุปกรณ์​ป้องกัน​เช่น​เกราะ​หนัง​หรือ​อะไร​เทือก​ๆนั้น​แม้แต่น้อย​ อุปกรณ์​ที่​ดูจะ​เข้าท่า​ที่สุด​เพียง​อย่าง​เดียว​ใน​บรรดา​คน​ทั้ง​ 10 นี้​คือ​อาวุธ​ 3 ชิ้น​ นั่น​ก็​คือ​หอก​ ส่วนที่เหลือ​มีเพียง​ไม้ค้ำ​ยาว​ๆ เท่านั้น​

อย่างไรก็ตาม​ เมื่อ​เทียบ​กับ​อุปกรณ์​ห่วยแตก​เหล่านั้น​แล้ว​ พวกเขา​ก็​ดู​แข็งแกร่ง​และ​ดุร้าย​จริงๆ​ ทั้งหมด​น่าจะ​อายุ​ระหว่าง​ 25-35 ปี​ ตัว​สูงใหญ่​และ​ล่ำสัน​ เพราะ​เสื้อผ้า​ที่​ขาด​รุ่งริ่ง​ กล้ามเนื้อ​สีทองแดง​สุขภาพ​ดี​ของ​พวกเขา​จึงเปิดเผย​ออกมา​ให้ได้​เห็น​ ประกอบ​กับ​ใบ​หน้าที่​ดู​แข็งกร้าว​และ​ดื้อรั้น​ มัน​จึงยาก​จะอธิบาย​ได้​ว่า​พวกเขา​เป็น​ทหาร​หรือ​กลุ่ม​โจร​ที่​ใช้ความรุนแรง​กัน​แน่​

หัวหน้า​ทหารคุ้มกัน​ฟาด​แส้ออก​ไป​กลางอากาศ​ เสียง​สั่นสะเทือน​ดัง​ทำลาย​ความ​เงียบ​ทันที​ “หยุด​อะไร​! ไอ้​พวก​กุ๊ย​อันธพาล​ ดู​ตัวเอง​เสีย​บ้าง​! เหมือน​ขอทาน​ซะจริงๆ​! ถูก​ส่งมาที่นี่​แต่กลับ​ไม่เรียนรู้​การ​ทำตัว​ให้​ซื่อสัตย์​อีก​เหรอ​? พวกเรา​เป็น​ทหารคุ้มกัน​ส่วนตัว​ของ​ผู้บัญชาการ​กรม​ทหาร​ที่​ 16 เซินปู้​ และ​เรา​มาที่นี่​เพื่อ​พา​ผู้บัญชาการ​กองพัน​คน​ใหม่​มาหา​พวก​เจ้า นี่​คือ​ผู้บัญชาการ​กองพัน​โจว​ รีบ​มาทักทาย​เขา​เร็ว​เข้า​”

ชายหนุ่ม​นั่ง​บน​ม้าด้วย​ท่าทาง​สูงสง่า มอง​ลง​ไป​ที่​ทหาร​กองพัน​นักเลง​ด้วย​ความรู้สึก​ที่​เปี่ยม​ด้วย​อำนาจ​และ​เหนือกว่า​ ทหารคุ้มกัน​ทุกคน​แต่งกาย​ด้วย​ชุด​เกราะ​อย่าง​ดี​ อวัยวะ​ส่วนสำคัญ​ถูก​ปกป้อง​ด้วย​เกราะ​โลหะผสม​ไทเทเนียม​ บน​ร่าง​ยัง​ประกอบ​ไป​ด้วย​ดาบ​ยาว​ ธนู​ยาว​และ​อาวุธ​ต่างๆ​ แม้แต่​ม้าของ​พวกเขา​ก็​ถูก​ปกป้อง​ด้วย​เกราะ​หนัง​ใน​ตำแหน่ง​ที่​สำคัญ​ๆ อาจ​กล่าว​ได้​ว่า​มีอาวุธ​ที่​สามารถ​ต่อสู้​ได้​จริงๆ​ ครบครัน​ตั้งแต่​หัว​จรด​เท้า​ และ​มัน​ก็​แสดงให้เห็น​ความแตกต่าง​ระหว่าง​พวกเขา​กับ​ทหาร​กองพัน​นักเลง​เหล่านี้​อย่าง​ชัดเจน​ ราวกับ​ฝ่าย​หนึ่ง​เป็น​สวรรค์​ อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​เป็น​นรก​

โจว​เหว่​ย​ชิงไม่ส่งเสียง​ใดๆ​ มอง​ทหาร​กองพัน​นักเลง​อย่าง​เงียบๆ​ เพื่อ​ดู​ว่า​พวกเขา​จะทำ​อย่างไร​ต่อไป​

คน​ที่​น่าจะเป็น​ผู้นำ​กองพัน​นักเลง​ส่งเสียงร้อง​ออกมา​ และ​ไม่นาน​ศีรษะ​แล้ว​ศีรษะ​เล่า​ก็​โผล่​ออกมา​จากข้าง​โขดหิน​ ใน​ช่วงเวลา​สั้น​ๆ นั้น​ก็​มีชาย​เกือบ​ร้อย​คน​ปรากฏตัว​ขึ้น​มาพร้อมด้วย​กลิ่นอาย​กระหายเลือด​และ​อาวุธ​ที่​สภาพ​ย่ำแย่​พอๆ กัน​ ทว่า​พวกเขา​ก็​ยังมี​รูปร่าง​บึกบึน​สมชายชาตรี​ อย่างไรก็ตาม​ เพียงแค่​รูปร่าง​ของ​ฝ่าย​นั้น​ก็​ทำให้เกิด​ความกลัว​ใน​จิตใจ​ของ​ทหารคุ้มกัน​ทั้ง​ 20 คน​แล้ว​ เพราะ​หาก​ถึงกับ​ถูก​ส่งตัว​มาที่นี่​ เหล่า​ทหาร​ที่​น่ารังเกียจ​เหล่านี้​ก็​ต้อง​ไม่ใช่คนดี​หรือ​พวก​มีน้ำใจ​แน่​!

“เจ้ามาที่​กองพัน​นักเลง​เพื่อ​โอ้อวด​อำนาจ​รึ​ไง? นั่น​เป็น​ความผิดพลาด​อย่าง​มหันต์​เสียแล้ว​! ผู้บัญชาการ​กองพัน​บัดซบ​อัน​ใด​ พา​มัน​กลับ​ไป​ที่​ที่​เจ้าพบ​นั่นแหละ​ พวกเรา​เป็น​กลุ่มคน​อายุสั้น​ที่​ถูก​ทอดทิ้ง​มานาน​แล้ว​ ไม่ต้องการ​ให้​ผู้ใด​มาชี้นำ​ ข้า​จะให้​เวลา​เจ้า 1 นาที​ ถ้าไม่ไสหัว​ไปให้พ้น​ ข้า​ก็​ไม่รังเกียจ​ที่จะ​ให้​สร้าง​ ‘อุบัติเหตุ​’ ให้​พวก​เจ้าทุกคน​หรอก​นะ​”

คน​ที่​เอ่ย​คือ​ผู้ชาย​ตัว​ใหญ่​กล้าม​โต​ที่​ผิว​แทบจะ​กลายเป็น​สีดำ​สนิท​จาก​การ​โดน​แดด​เผา​ ชาย​ผู้​นั้น​ยืน​ตระหง่าน​อยู่​บน​เนินเขา​ใน​สภาพ​เปิด​เปลือย​ท่อน​บน​ ใต้​แสงตะวัน​อัน​แรง​จ้า กล้าม​เนื้อที่​น่ากลัว​ของ​เขา​เปล่งประกาย​ระยิบระยับ​จน​เกือบจะ​แย่ง​ความสนใจ​ไป​จาก​เดือย​แหลม​ขนาดใหญ่​ใน​มือขวา​ซึ่งมีความ​ยาว​เกือบ​ 8 ฉื่อ​ไป​แล้ว​ นัยน์ตา​ของ​ชายหนุ่ม​มีร่องรอย​ความ​กระหายเลือด​อยู่​ภายใน​ แวววาว​ด้วย​ความโหดเหี้ยม​ดุร้าย​เหมือน​หมาป่า​

แม้พวกเขา​จะมีจำนวน​เพียง​ 20 คน​ แต่​ทหารคุ้มกัน​เหล่านี้​ก็​มีทักษะ​และ​มีอาวุธ​ครบครัน​ หาก​ต้อง​เผชิญหน้า​กับ​ทหาร​ธรรมดาๆ​ ซึ่งไร้​อาวุธ​ที่​เหมาะสม​สัก​ร้อย​คน​ พวกเขา​ก็​คงจะ​จู่โจมได้​อย่าง​นึก​ดูแคลน​และ​ไม่ต้อง​กลัว​ว่า​จะสอน​บทเรียน​ให้​อีก​ฝ่าย​หลาบจำ​ไม่ได้​ อย่างไรก็ตาม​ แม้จะไม่รู้​แน่ชัด​ว่า​เป็น​เพราะเหตุใด​ แต่​ผู้ชาย​หลาย​ร้อย​คน​ที่อยู่​ตรงหน้า​พวกเขา​กลับ​มีกลิ่นอาย​ความเหี้ยมโหด​ที่​ทำให้​ทุกคน​ต้อง​หยุด​การกระทำ​ของ​ตนเอง​ชั่วคราว​และ​ระงับ​ความ​หยิ่งยโส​ไว้​ภายใน​

หัวหน้า​ทหารคุ้มกัน​กล่าว​อย่าง​เคร่งขรึม​ “การพา​ผู้​บังคับ​กองพัน​คน​ใหม่​ของ​เจ้ามาที่นี่​อยู่​ภายใต้​คำสั่ง​ของ​กองทัพ​ภาคเหนือ​และ​เรา​ก็​ปฏิบัติ​ตามคำสั่ง​เท่านั้น​ ตอนนี้​เรา​พา​เขา​มาที่นี่​แล้ว​ ดังนั้น​สิ่งที่​เจ้าจะทำ​ต่อไป​จึงไม่ใช่เรื่อง​ของ​เรา​อีก​ พวกเรา​จะกลับ​ไป​เดี๋ยว​นี้แหละ​” หลังจาก​พูด​เช่นนั้น​ เขา​ก็​หมุน​ม้ากลับ​เพื่อที่จะ​พา​คน​ของ​ตน​จากไป​ เมื่อ​ต้อง​เผชิญหน้า​กับ​ทหาร​กองพัน​นักเลง​ที่​เห็นได้ชัด​ว่า​กล้าได้กล้าเสีย​เช่นนี้​ เขา​ก็​ไม่ต้องการ​จะอยู่​ต่อให้​นาน​นัก​

“ ข้า​กลัว​ว่าการ​จากไป​แบบ​นั้น​จะเป็นเรื่อง​ที่​เป็นไปไม่ได้​” ในขณะนั้น​ น้ำเสียง​เกียจคร้าน​ก็​ดัง​ขึ้น​และ​ดึงดูด​ความสนใจ​ของ​ทุกคน​ไป​ในทันที​

คน​ที่​เพิ่ง​เอ่ย​ประโยค​นั้น​ออกมา​คือ​โจว​เหว่​ย​ชิง เด็กหนุ่ม​ที่นั่ง​อยู่​บน​ม้าด้วย​ท่าทาง​สูงสง่าขณะ​สวม​ชุด​เกราะ​ผู้บัญชาการ​กองพัน​

“มีอะไร​หรือ​ผู้บัญชาการ​กองพัน​โจว​? ข้า​กลัว​ว่าการ​กลับใจ​จะสาย​เกินไป​แล้ว​ ท่าน​ควรจะ​อยู่​ที่นี่​ต่อ​ดี​ๆ เสีย​” หัวหน้า​ทหารคุ้มกัน​คิด​ว่า​โจว​เหว่​ย​ชิงกำลัง​หวาดกลัว​ ชายหนุ่ม​จึงพูด​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ดูถูก​เหยียดหยาม​ โดยธรรมชาติ​แล้ว​ หาก​ไม่มีคำสั่ง​ใดๆ​ เขา​ก็​ย่อม​ไม่อาจ​พา​โจว​เหว่​ย​ชิงกลับ​ไป​ด้วย​ได้​

โจว​เหว่​ย​ชิงกระพริบตา​ปริบๆ​ และ​พูดว่า​ “กลัว​รึ​? ข้า​จะต้อง​กลัว​อะไร​? สิ่งที่​ข้า​จะพูด​ก็​คือ​…พวก​เจ้าทุกคน​เป็น​ของขวัญ​ต้อนรับ​ที่​ยอดเยี่ยม​ เหมาะ​ที่​ข้า​จะนำ​ไป​บำรุงขวัญ​กำลังใจ​สหาย​ร่วม​กองพัน​และ​เหล่า​พี่น้อง​! ถ้าปล่อย​ให้​เจ้าหนี​ไป​คง​ไม่ดี​แน่​! ดู​เหล่า​อาวุธ​และ​อุปกรณ์​อัน​แสน​งดงาม​แพรวพราว​ที่​พวก​เจ้ามี แล้ว​ดู​ซิว่า​เหล่า​พี่น้อง​ของ​ข้า​ต้อง​สวม​อะไร​? หึ​…อะไร​ที่​ทิ้ง​ได้​ก็​ทิ้ง​ไว้​ที่นี่​ซะ”

ขณะ​พูด​อย่างนั้น​ เขา​ก็​ทะยาน​ออกจาก​หลัง​ม้า โผเข้าหา​หัวหน้า​ทหารคุ้มกัน​

ด้วย​ความตกใจ​ ทหาร​คน​นั้น​จึงร้อง​ว่า​ “ผู้บัญชาการ​กองพัน​โจว​ ท่าน​กำลังจะ​ทำ​อะไร​?!”

โจว​เหว่​ย​ชิงยิ้ม​กว้าง​ เผย​ให้​เห็น​ฟัน​ขาว​สว่าง​ที่​เรียง​กัน​เป็นแถว​ “เมื่อ​เจ้ากลับ​ไป​ที่​ค่าย​ก็​อย่า​ลืม​บอก​ผู้บัญชาการ​กรม​ทหาร​เซินปู้​ด้วย​ล่ะ​ว่า​…บิดา​ผู้​นี้​ไม่เคย​เป็น​คนดี​… แต่เดิม​ข้า​ก็​เป็น​อันธพาล​ร้าย​เช่นกัน​!” ขณะ​พูด​ มือ​ของ​เขา​ก็​ฟาด​ลง​ไป​ที่​หัวหน้า​ทหารคุ้มกัน​ทันที​

สำหรับ​คน​ผู้​นี้​ การ​ที่​เขา​จะสามารถ​เป็น​หัวหน้า​ทหารคุ้มกัน​ส่วนตัว​ของ​เซินปู้​ได้​ ชายหนุ่ม​ย่อม​ต้อง​มีพลัง​และ​พรสวรรค์​ระดับ​หนึ่ง​อยู่แล้ว​ ทันใดนั้น​ พลัง​ปราณ​สวรรค์​อัน​หนา​ทึบ​ก็​พุ่ง​ออกมา​จาก​ร่าง​ของ​เขา​ จากนั้น​ชายหนุ่ม​ก็​ปลดปล่อย​มณีสวรรค์​ทั้ง​ 4 ออกมา​ เขา​ก็​เป็น​จ้าว​มณีสวรรค์​เช่นกัน​!

อนิจจา​ คน​ที่​กำลังจะ​ทำร้าย​เขา​คือ​โจว​เหว่​ย​ชิง ผู้​ซึ่งค่อนข้าง​ไร้​เทียมทาน​ใน​บรรดา​เหล่า​คน​ระดับ​เท่าเทียมกัน​ โจว​เหว่​ย​ชิงไม่ได้​มอง​ด้วยซ้ำ​ว่า​ทักษะ​ธาตุ​ของ​เขา​คือ​อะไร​ พริบตาเดียว​เท่านั้น​ แสงสีเขียว​แห่ง​ทักษะ​โซ่ตรวน​วายุ​ก็​มาถึงร่าง​ของ​ชายหนุ่ม​และ​จำกัด​การเคลื่อนไหว​ของ​เขา​ไว้​ทันที​

แม้หัวหน้า​ทหารคุ้มกัน​คน​นี้​จะอยู่​ใน​ระดับ​มณี 4 ชุด​เช่นกัน​ แต่​เขา​ก็​ต้อง​ประสบปัญหา​เช่นเดียวกับ​จ้าว​มณีสวรรค์​ส่วนใหญ่​ ศาสตรา​มณียุทธ์​ ทักษะ​กักเก็บ​…ซึ่งเป็นเรื่อง​ที่​ยากลำบาก​มาก​ แม้ชายหนุ่ม​จะมีทักษะ​กักเก็บ​และ​ศาสตรา​มณียุทธ์​อยู่แล้ว​ แต่​สิ่งที่​เขา​มีจะเปรียบเทียบ​กับ​โจว​เหว่​ย​ชิงได้​อย่างไร​? เมื่อ​เผชิญหน้า​กับ​ทักษะ​โซ่ตรวน​วายุ​ที่​มีระดับ​ดาว​สูง ชายหนุ่ม​ก็​ไม่มีเวลา​แม้แต่​จะให้​คิด​ตอบสนอง​ ฝ่ามือ​ของ​โจว​เหว่​ย​ชิงก็ได้​ฟาด​ลง​บน​ใบหน้า​ของ​เขา​อย่าง​โหดเหี้ยม​แล้ว​ ด้วย​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​เด็กหนุ่ม​ตรงหน้า​ เขา​จึงถูก​ส่งกระเด็น​ตก​จาก​หลัง​ม้า หมดสติ​ไป​เพราะ​การ​โจมตี​เพียง​ครั้ง​เดียว​

“หึ​ บิดา​คน​นี้​ต้อง​ปวดหัว​สอน​บทเรียน​ให้​เจ้าตั้งแต่​เริ่ม​เลย​สินะ​ ถ้าไม่ใช่เพราะ​ข้า​จำเป็นต้อง​นำ​อาวุธ​ทั้งหมด​ของ​เจ้ามาที่นี่​ เจ้าคิด​หรือว่า​ข้า​จะทน​กับ​เจ้ามานาน​ขนาด​นี้​หรือ​! ถุย​!” โจว​เหว่​ย​ชิงถ่มน้ำลาย​ลง​อย่าง​เหยียดหยาม​

เหตุการณ์​ที่​พลิกผัน​อย่าง​กะทันหัน​ดังกล่าว​ทำให้​ทหารคุ้มกัน​ทุกคน​จ้องมอง​เขา​ด้วย​ความตกใจ​ พวกเขา​ไม่เคย​คาดคิด​มาก่อน​ว่า​โจว​เหว่​ย​ชิงจะกล้า​ลงมือ​กับ​กลุ่ม​ของ​ตนเอง​

“อ้วน​น้อย​โจว​ เจ้าไม่กลัว​ถูก​ศาลทหาร​พิพากษา​ลงโทษ​หรือ​?”

“ช่างศาลทหาร​หัว​เจ้าสิ! ข้า​ บิดา​ผู้​นี้​ถูก​ส่งมาที่นี่​แล้ว​ ใคร​จะสน​เรื่อง​กฎ​กองทัพ​บัดซบ​นั่น​อีก​ล่ะ​วะ​! เฟยเอ๋อร์​ เจ้าจะรอ​อะไร​อยู่​ ลงมือ​ซะ!”

เมื่อ​เขา​พูด​อย่างนั้น​ โจว​เหว่​ย​ชิงก็​กระโจน​ขึ้น​บน​อากาศ​ราวกับ​สายฟ้า​ฟาด​ แม้ว่า​เด็กหนุ่ม​จะใช้เพียง​ทักษะ​ธาตุ​ลม​ แต่​ทหารคุ้มกัน​เหล่านี้​ก็​ไม่ใช่คู่ต่อสู้​เขา​เลย​แม้แต่น้อย​ ความเร็ว​ของ​ทักษะ​สายฟ้า​ทะลวง​จักรพรรดิ​สีเงิน​และ​พลัง​ทำลายล้าง​ที่​แท้จริง​ของ​ทักษะ​สะบัด​ปีก​เฉือน​จักรพรรดิ​สีเงิน​นั้น​ถือว่า​มากเกินไป​สำหรับ​ทหารคุ้มกัน​ธรรมดาๆ​ เหล่านี้​ นอกจากนั้น​ สำหรับ​ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​ผู้​ซึ่งเป็น​เหมือน​วิญญาณ​ภูติ​ผี​ที่​ผุด​ขึ้น​มากลาง​สนามรบ​ มัน​ก็​เป็น​เพียง​เวลา​เสี้ยว​วินาที​เท่านั้น​ ก่อนที่​ทหารคุ้มกัน​ทั้ง​ 20 คน​จะลงมา​นอน​กอง​กัน​อยู่​ที่​พื้น​อย่าง​ง่ายดาย​

โชคดี​ที่​ทั้ง​ 2 คน​ไม่ได้​บ้าคลั่ง​กระหายเลือด​มากเกินไป​ พวกเขา​เพียงแค่​ทำให้​ทหารคุ้มกัน​เหล่านี้​หมดสติ​และ​ไม่ได้​สังหาร​ทิ้ง​ แน่นอน​ว่า​อาการ​บาดเจ็บ​บางอย่าง​ย่อม​ต้อง​เกิดขึ้น​อย่าง​หลีกเลี่ยง​ไม่ได้​อยู่แล้ว​

เด็กหนุ่ม​ปัดเศษ​ฝุ่น​ที่​มือ​ราวกับ​กำลัง​ทำ​อะไร​บางอย่าง​ที่​ไม่สลักสำคัญ​ก่อน​จะกระโจน​ลงมา​เหยียบ​พื้น​อีกครั้ง​

รอบข้าง​ต่าง​เงียบสนิท​ นับตั้งแต่​ที่​พวกเขา​ลงมือ​ บรรดา​ทหาร​ของ​กองพัน​นักเลง​ต่าง​ก็​นิ่งเงียบ​ไม่ขยับตัว​ ทุกคน​ยืน​ดู​พวกเขา​อย่าง​เย็นชา​โดย​ไม่มีสัญญาณบ่งบอก​ว่า​อยาก​จะเข้าร่วม​แม้แต่น้อย​

เมื่อ​มอง​ไป​ยัง​เหล่า​ทหาร​ที่​แสน​เหี้ยมโหด​ โจว​เหว่​ย​ชิงก็​พยักหน้า​ด้วย​ความพึงพอใจ​ก่อน​จะพูดว่า​ “ไม่เลว​เลย​ ดูเหมือนว่า​ข้า​จะมาถูก​ที่แล้ว​” ขณะ​เอ่ย​ เขา​ก็​ล้วง​มือ​เข้าไป​ใน​อก​เสื้อ​และ​ดึง​แผ่น​ป้าย​ที่​ได้รับ​เมื่อเช้า​ออกมา​

“ทุกคน​มอง​ให้​ดี​ นี่​คือ​ตรา​ผู้บัญชาการ​กองพัน​ของ​ข้า​ ข้า​ถูก​ส่งมาที่นี่​โดย​คำสั่ง​ของ​กองทัพ​ภาคเหนือ​ ตั้งแต่​วันนี้​เป็นต้นไป​ ข้า​จะเป็น​ผู้บัญชาการ​กองพัน​พิเศษ​ที่​ 1 เป็น​หัวหน้า​ของ​พวก​เจ้า ข้า​ชื่อ​อ้วน​น้อย​โจว​ และ​พวก​เจ้าก็​สามารถ​เรียก​ข้า​ได้​ตามที่​ต้องการ​ เอาล่ะ​ รอ​อะไร​อยู่​?! ม้าทั้ง​ 22 ตัว​เป็น​ของ​เรา​นับ​จากนี้​ อืม​…ชุด​เกราะ​ เสื้อผ้า​ หมวก​เกราะ​ อาวุธ​ ห้าม​ขาดหาย​ไป​สัก​อย่าง​ เร็ว​เข้า​ อ้อ​ เดี๋ยวก่อน​ แม้ว่า​เรา​จะเป็น​กองพัน​นักเลง​ แต่​เรา​ก็​ยัง​ต้อง​ไว้หน้า​กรม​ทหาร​ที่​ 16 สักหน่อย​ ทิ้ง​กางเกงใน​ไว้​ด้วย​…”

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

Status: Ongoing
นี่คือโลกใบใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร อัปเดตวันละ 2 ตอนในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอมีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!?ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น…หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย!ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตาไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขามันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด!สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า…แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ?ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร!นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใครมาร่วมหัวเราะและร้องไห้ไปกับผลงานชิ้นใหม่ของ Tang Jia San Shao ผู้เขียน ตำนานจอมยุทธ์ภูตถังซาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท