ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ – ตอนที่ 35

ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ

            สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน ผมรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่ท่านให้ความสนใจและเข้ามาอ่านนิยายของผม นี่เป็นนิยายเรื่องแรก ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมต้องปรับปรุง ขอบคุณทุกท่านที่เข้าสนับสนุนกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆ ท่านจะสนับสนุนกันต่อไปในอนาคต

 

            ช่วงเวลาสี่โมงเย็นคือช่วงเวลาที่นักเรียน ม.ปลาย ส่วนใหญ่กลับบ้านกัน แต่ก็มีบางส่วนที่ทำกิจกรรมชมรมและบางส่วนที่ยังอยู่โรงเรียนด้วยสาเหตุบางอย่าง ตัวอย่างเช่นฉัน เป็นต้น

            ทั้งที่วันนี้ขอประธานไว้แล้วว่ามีธุระและประธานก็อนุญาตแล้วเพราะไม่มีงานสภานักเรียนอะไรสำคัญมากมาย แต่ก็ยังไม่วายโดนอาจารย์ขอให้ช่วยจัดเอกสาร

            สุดท้ายก็ต้องพาเซริ คุณทาเคโนะอุจิ และเพื่อนของคุณทาเคโนะอุจิอีกสองคนมาเป็นผู้ร่วมชะตากรรมด้วย

            ถ้าถามว่ามันเกิดอะไร ทำไมถึงมาลงเอยแบบนี้ก็คงต้องเล่าย้อนไปเมื่อสักยี่สิบนาทีที่แล้ว

            – “กลับบ้านกันดีๆ นะเด็กๆ ระวังสุขภาพด้วย โดยเฉพาะเครื่องแบบฤดูร้อน ถ้าตากฝนจะป่วยเอาได้ง่ายๆ นะ” –

            คร๊าบบบบ/ค่าาาาา

            – “อ่อ คุณโอโตเมะ ครูรบกวนเวลาสักแปบซิ มาที่ห้องพักครูหน่อย” –

            – “อ๊ะ ค่ะ” –

            อาจารย์เดินออกไปแล้วฉันก็หันไปมองหน้าเซริที่กำลังมองมา

            – “ไม่รู้มีเรื่องอะไร ฉันขอไปดูก่อนนะ” –

            – “ไปด้วยกันนี่แหละ จะได้ไม่เสียเวลา เสร็จแล้วเราก็ไปกันเลย” –

            – “งั้นก็ไปกัน” –

            แล้วเราทั้งคู่ก็ตรงไปห้องพักครู ระหว่างทางก็บังเอิญเจอคุณทาเคโนะอุจิกับเพื่อน ดูเหมือนจะเดินไปทางเดียวกันฉันก็เลยทักไป

            – “สวัสดีคุณทาเคโนะอุจิ” –

            – “อ้าวคุณโอโตเมะ สวัสดีค่ะ” –

            เราต่างฝ่ายต่างทักทายกัน ฉันทักทายเพื่อนของคุณทาเคโนะอุจิ ทั้งสองคนก็คงจำฉันได้จากการไปติวกันคราวก่อน แล้วก็แนะนำเซริให้ทางฝั่งคุณทาเคโนะอุจิรู้จัก

            พอสอบถามกันไปมาก็รู้ว่าพวกคุณทาเคโนะอุจิกำลังจะเอาสมุดจดที่อาจารย์สอนเลข พวกเราเลยรวมกลุ่มกันไปที่ห้องพักครู

            มาถึงแล้วก็แยกกันไป ฉันเดินไปหาอาจารย์ที่ปรึกษา ส่วนเซริรอข้างนอก คุณคาวากุจิเองก็รอเพื่อนข้างนอกเหมือนกัน

            – “คุณโอโตเมะช่วยหน่อยนะ ถ่ายเอกสารพวกนี้แล้วเอาไปที่ห้องวิทยาศาสตร์ให้ที” –

            ได้ยินคำไหว้วานแล้วก็หันไปมองกองเอกสารบนโต๊ะอาจารย์ แล้วก็หันไปมองหน้าอาจารย์อีกครั้ง

            – “ทั้งหมดเลยหรอคะ?” –

            – “อื้ม เอาสองร้อยชุดนะ” –

            แล้วอาจารย์ก็หันไปมองทางหน้าประตูห้อง

            – “ไหนๆ ก็มากันแล้ว พวกเธอก็เข้ามาช่วยเพื่อนซิ จะได้เสร็จเร็วๆ เดี๋ยวครูเลี้ยงน้ำนะ จะเอาอะไรกัน” –

            อาจารย์ไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธได้เลย สุดท้ายกลายเป็นว่าพวกเราห้าคนต้องมาทำงานถ่ายเอกสารกันอยู่ตรงนี้

            ตัดภาพมาปัจจุบัน ที่ตอนนี้กำลังขนเอกสารไปไว้ที่ห้องวิทยาศาสตร์

            “เรียบร้อย” 

            “““““เฮ้อออ””””” 

            เสียงถอนหายใจ 5 เสียงดังขึ้นพร้อมกัน พวกเราต่างเงียบมองหน้ากันไปมาแล้วก็หลุดขำออกมาพร้อมกัน

            “ฮิๆ อย่างกับนัดกันไว้แน่ะ” 

            “นั่นซินะ ฮ่าๆๆ” 

            แล้วก็ขำกันอยู่สักพักก่อนจะพากันเดินกลับไปที่ล็อกเกอร์

            “ขอบคุณทุกคนนะที่มาช่วย เพราะฉันเลยต้องกลับบ้านช้ากันเลย” 

            ฉันขอบคุณเซริ คุณทาเคโนะอุจิ และเพื่อนๆ ที่มาช่วยฉันทั้งที่อาจารย์วานฉันแค่คนเดียว

            “คิดมากน่า เธอกับฉันก็เพื่อนกันนะ มีอะไรต้องช่วยกันซิ” 

            เซริตบไหล่ฉันเบาๆ ส่งยิ้มเจิดจ้ามาให้

            “นั่นซิคะ เพื่อนกันทั้งนั้น อย่าคิดมากเลยค่ะ” 

            คุณทาเคโนะอุจิเองก็พูดพร้อมกับยิ้มมาให้ เพื่อนเธออีกสองคนก็พยักหน้าไปพร้อมกัน

            “อีกอย่างก็ไม่ได้ถือว่ากลับช้าอะไรเลย ปกติเราก็กลับเวลาประมาณนี้กันอยู่แล้ว ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ” 

            พอคุณทาเคโนะอุจิพูดเสริมมาแบบนั้นฉันก็นึกขึ้นได้ ตอนนี้เกือบจะ 5 โมงเย็นแล้ว

            ปกติถ้าไปช่วยงานที่ห้องสภานักเรียนก็จะกลับบ้านกันประมาณนี้เป็นเรื่องปกติ แต่วันนี้ไม่ได้ไปฉันเลยรู้สึกว่าเวลาผ่านไปนานแล้ว

            “ถ้างั้นพวกฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ ต้องไปซื้อของกันนิดหน่อย” 

            “อื้ม ฉันกับเซริก็จะไปซื้อของเหมือนกัน งั้นไว้เจอกันนะ” 

            “ค่ะ แล้วเจอกัน คุณอาโออิด้วยนะคะ” 

            “จ้า ไว้เจอกันนะ” 

            โบกมือบ๊ายบายและก็แยกกันที่หน้าโรงเรียน…ซะที่ไหนล่ะ พวกเรายังเดินไปทางเดียวกัน

            “เอ๊ะ?!” “อ๊ะ!?” 

            ต่างฝ่ายต่างมองกันแล้วก็หลุดขำออกมา

            “เพิ่งลากันเมื่อกี้ เจอกันอีกแล้วนะคะ” 

            “ฮ่าๆๆ นั่นซินะ ว่าแต่คุณทาเคโนะอุจิจะไปซื้ออะไรหรอ?” 

            “ว่าจะไปซื้อกล่องข้าวใหม่น่ะค่ะ คิดว่าหลังจากนี้จะห่อข้าวมากินทุกวัน” 

            “อ๊ะ ฉันก็จะไปซื้อเหมือนกัน” 

            “คุณโอโตเมะก็จะห่อข้าวมากินที่โรงเรียนเหมือนกันหรอคะ” 

            “ออ..อ่ออ เปล่าหรอก” 

            “เอ๊ะ?” 

            เห็นคุณทาเคโนะอุจิเอียงคอสงสัยแล้วก็รู้สึกผิดกับผู้ชายทั้งโรงเรียน ท่าทางแบบนี้พอมาแสดงให้ฉันเห็นแล้วรู้สึกเสียของยังไงก็ไม่รู้

            “คือว่า…” 

            “อามายะจะทำข้าวกล่องให้ผู้ชายน่ะ” 

            จู่ๆ เซริที่คุยกับเพื่อนของคุณทาเคโนะอุจิอยู่ก็พูดแทรกขึ้น ทำเอาตกใจหัวใจแทบวาย

            “เอ๋..ทำให้แฟนหรอคะ~” 

            คุณทาเคโนะอุจิถามพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ ท่าทางน่ารักน่าชังแม้ว่าจะกำลังแกล้งฉันอยู่ มองแล้วโกรธไม่ลงจริงๆ

            “ปะ…เปล่า คือ..” 

            “นิโนะมิยะคุงหรอ?” 

            “ห๊ะ!?” 

            อยู่ๆ เพื่อนคุณทาเคโนะอุจิก็ถามขึ้นมา ชื่อของเธอคือทาคิซาว่า ริกะ ส่วนอีกคนที่กำลังมองมาอย่างสนใจใคร่รู้นั่นชื่อซาซากิ มาริยะ

            “ไม่ใช่หรอก แล้วไหงชื่อของนิโนมิยะคุงถึงโผล่มาได้ล่ะ?” 

            ฉันทำหน้ามุ่ยตอบพวกเธอกลับไปแต่ไม่ได้จริงจังอะไร พวกเธอเองก็คงรู้เลยหัวเราะกันคิกคัก

            “ก็พวกฉันได้ยินข่าวของคุณสองคนมาตั้งแต่เปิดเรียนแล้วนิคะ คิดว่าคบกันไปแล้วซะอีก” 

            “มะ..ไม่ได้คบกันซะหน่อย” 

            เผลอตอบปฏิเสธแบบตะกุกตะกักไปเสียได้ แบบนี้ก็เหมือนมีอะไรในกอไผ่จริงๆ น่ะซิ ไม่ได้ๆ ต้องใจเย็นๆ

            สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนออก ความเร็วในการเต้นของหัวใจลดลงมาจนเกือบเป็นปกติ

            “ไม่ได้คบกันจริงๆ นะ เป็นแค่เพื่อนกันธรรมดา ไม่ได้มีอะไรพิเศษ” 

            “แต่ดูเหมือนนิโนะมิยะจะเห็นเธอพิเศษนะ” 

            “เอ๊ะ! เซริ พูดอะไรเนี่ย” 

            “เอ๊ะ!? จริงหรอ? ยังไงๆ เล่าให้พวกเราฟังมั่งซิคุณอาโออิ” 

            เสียงหัวเราะคิกคักจากเซริและเพื่อนๆ ของคุณทาเคโนะอุจิทำให้ฉันปวดหัวนิดๆ หันกลับมามองคุณทาเคโนะอุจิเห็นเธอมองมายิ้มๆ ฉันเลยยิ้มตอบแบบเหนื่อยๆ

            “คุณโอโตเมะไม่ได้สนใจนิโนะมิยะคุงหรอคะ?” 

            คุณทาเคโนะอุจิถามขึ้นระหว่างที่เราเดินคู่กันไปแล้วปล่อยสามสาวสามสหายของพวกเราไว้ด้านหลัง

            “ก็ไม่ได้กระตือรือร้นขนาดนั้นหรอก จะว่าไงดี ไม่ได้รังเกียจอะไรเขาหรอกนะคะ แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษอะไร” 

            “แต่นิโนะมิยะคุงแสดงออกชัดเจนนะคะว่าสนใจคุณโอโตเมะ แม้แต่ห้องฉันยังรู้เลยค่ะ” 

            “อ๊ะ งั้นหรอ เขาแสดงออกชัดแบบนั้นเลยหรอ?” 

            “ฉันเองก็ไม่ได้รู้จากปากเขาหรอกนะคะ แต่เห็นพวกผู้ชายที่อยู่ชมรมเดียวกันจะพูดแบบนั้น ประมาณว่าผู้หญิงที่สนใจเป็นแบบคุณโอโตเมะน่ะค่ะ” 

            “แบบนี้มีหวังฉันได้โดนผู้หญิงทั้งโรงเรียนเกลียดขี้หน้าแน่ๆ -_-” 

            ถอนหายใจอย่างห่อเหี่ยว คุณทาเคโนะอุจิมองฉันแล้วขำเบาๆ ฉันชำเลืองมองเธอก็เห็นเธอหันกลับไปมองข้างหน้าแล้ว

            “นิโนะมิยะคุงไม่ใช่คนไม่ดีอะไรหรอกนะคะ เขาแค่ไม่ค่อยมีประสบการณ์กับผู้หญิงแค่นั้นเอง” 

            “เอ๊ะ? คุณทาเคโนะอุจิรู้จักกับนิโนะมิยะคุงด้วยหรอ?” 

            “เราเรียน ม.ต้น ด้วยกันค่ะ สมัยก่อนเรามักจะรวมกลุ่มอยู่ด้วยกันเลยค่อนข้างจะสนิทกัน เขาหน้าตาดีเลยถูกผู้หญิงมารุมล้อมบ่อยๆ แต่แทนที่จะชินกับผู้หญิง เขากลับกลัวที่จะเข้าหาผู้หญิงซะงั้น ตอนนั้นเพื่อนๆ ก็ช่วยกันดันหลังเขาเต็มที่เลยค่ะ แต่เขาก็ไม่กล้าจีบใครสักคนเลย ฮุๆๆๆ” 

            คุณทาเคโนะอุจิเล่าเรื่องสมัย ม.ต้น ออกมาแล้วก็ขำเบาๆ อย่างนี้นี่เอง สมัยก่อนเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันนี่เอง ช่วงแรกถึงได้มีข่าวลือว่าทั้งสองคนคบกันอยู่

            “งั้นตอนนี้ก็สนิทกันซินะ?” 

            ถามออกไปแล้วพลันรู้สึกเสียใจที่ตัวเองปากไว สีหน้าคุณทาเคโนะอุจิแข็งค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะระบายยิ้มเศร้าๆ ออกมา

            “นั่นซินะคะ” 

            ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่ โชคดีที่มันไม่ได้ดำรงอยู่นานนักเพราะเราเดินมาถึงสถานีรถไฟแล้ว

            “พวกคุณอาโออิจะไปซื้อของที่ไหนกันหรอ มาด้วยกันกับพวกเราไหม?” 

            คุณทาคิซาว่าถามเซริกับฉัน อาจเป็นเพราะเธอรู้ว่าเราจะไปซื้อของอย่างเดียวกันเธอจึงชวนพวกเรา

            ฉันมองไปทางคุณทาเคโนะอุจิก็เห็นเพียงเธอยืนยิ้มพยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าท่าทางกลับมาเป็นปกติแล้ว

            ขณะกำลังลังเลว่าจะเอาไง เซริก็ให้คำตอบคุณทาคิซาว่าเรียบร้อย

            “ก็ดีนะ ไหนๆ ก็ซื้อของอย่างเดียวกัน ช่วยกันเลือกก็น่าจะดี อามายะว่าไง?” 

            “อะ อื้มม เอาซิ” 

            แล้วพวกเราห้าสาวก็ออกเดินทางสู่การเลือกซื้อกล่องข้าวด้วยกัน

            ในโซนขายของใช้ในครัวเรือนภายในห้างบันโชวค่อนข้างใหญ่ มีของใช้ในครัวเรือนแทบทุกชนิดที่คนเราจะนึกออก

            ความจริงแล้วฉันตั้งใจไปดูกล่องข้าวที่ร้านสินค้าราคาประหยัดแต่เซริบอกว่าจะตอบแทนทั้งที่ต้องให้ดูมีความตั้งใจหน่อย จะซื้อกล่องข้าวแบบส่งๆ แบบนั้นไม่ได้ พวกคุณทาคิซาว่า กับคุณซาซากิก็เห็นดีเห็นงามด้วย

            อนึ่งพวกเธอรู้เรื่องข้าวกล่องที่ฉันตั้งใจจะทำหมดแล้วแถมดูกระตือรือร้นที่จะช่วยเลือกกล่องข้าวด้วย เซริก็หัวเราะคิกคักตามกันไป ไม่รู้ไปสนิทกันตั้งแต่ตอนไหน

            หลังจากเดินค้นหากันอยู่พักหนึ่งเราก็เจอเข้ากับโซนหีบห่อบรรจุภัณฑ์สารพัดซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีกล่องข้าววางอยู่เรียงรายละลานตา

            “ว๊าว สวยๆ เต็มเลย มาดูเร็วๆ” 

            เซริกับอีกสองคนเดินดูกล่องข้าวพร้อมกับแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างสนุกสนาน เห็นแบบนั้นแล้วก็ชักไม่แน่ใจว่าเธอมาช่วยใครเลือกของกันแน่

            “คุณโอโตเมะอยากได้แบบไหนหรอคะ?” 

            คุณทาเคโนะอุจิที่อยู่อยู่ข้างๆ กันถามขึ้นมา เธอมองมาที่ฉันแล้วหันไปมองสินค้าทางวางเรียงรายตรงหน้า

            “นั่นซินะ เด็กผู้ชายชอบแบบไหนกันมั่งนะ อุตส่าห์ให้เซริมาช่วยเลือกเพราะเธอมีแฟนน่าจะรู้จักความชอบของผู้ชาย แต่ตอนนี้หายไปไหนแล้ว” 

            ฉันบ่นเพื่อนสาวที่ตอนนี้หายไปในมุมใดมุมหนึ่งของโซนบรรจุภัณฑ์แล้ว คุณทาเคโนะอุจิที่ได้ยินก็หัวเราะเบาๆ

            “นั่นซินะคะ ริกะกับมาริยะก็เหมือนกัน ถ้ายังไงให้ฉันช่วยเลือกดีไหมคะ เห็นแบบนี้แต่สมัยก่อนฉันอยู่ชมรมบาสเกตบอลนะคะ คุ้นเคยกับเด็กผู้ชายพอสมควรเลย” 

            “เอ๋…คุณทาเคโนะอุจิเล่นบาสด้วยหรอ จะเก่งเกินไปแล้ว” 

            ฉันตกใจนิดหน่อยที่ได้ข้อมูลใหม่นี้มาแบบไม่ตั้งใจ คุณทาเคโนะอุจิปิดปากหัวเราะคงจะขำท่าทางของฉัน

            “ฉันเป็นผู้จัดการทีม แค่คอยช่วยเหลือสมาชิกในชมรมก็แค่นั้น” 

            “เหหห..สุดยอดเลยนะเนี่ย” 

            “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ฮุๆๆ” 

            ฉันนึกภาพชมรมบาสที่มีคุณคาวากุจิเป็นผู้จัดการทีมแล้วก็รู้สึกว่าคนในทีมคงจะตั้งใจเล่นกันอย่างเต็มที่เพื่อผู้จัดการทีมแน่ๆ

            “ไปกันเลยนะคะ” 

            “อ๊ะ อ่อ… รบกวนด้วยค่ะ” 

            เป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาเดินช็อปปิ้งกันเพื่อนนับตั้งแต่ขึ้น ม.ปลายมา รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างสนุก รู้ตัวอีกทีท้องฟ้าก็มืดซะแล้ว

            เราสี่คนแยกย้ายกันที่สถานีรถไฟ ส่วนคุณซาซากิบ้านอยู่ใกล้กับห้างเดินแยกตัวออกไปก่อนแล้ว

            “วันนี้สนุกมากเลย ไว้มาเที่ยวด้วยกันอีกนะ” 

            “อื้มมม ต้องมาแน่นอนอยู่แล้ว” 

            เซริกับคุณทาคิซาว่าจับมือร่ำลากัน สองคนนี้เพิ่งจะคุยกันจริงๆ วันนี้วันแรกแต่ก็สนิทกันเร็วมาก

            “ขอบคุณนะคุณทาเคโนะอุจิที่ช่วยฉันเลือกของตั้งนาน” 

            “ไม่หรอกค่ะ ฉันเองก็ได้คุณโอโตเมะช่วยเลือกเหมือนกัน ขอบคุณเช่นกันนะคะ” 

            “งั้นหรอออ… แบบนั้นก็ค่อยยังชั่ว” 

            เราสองคนยิ้มให้กันก่อนจะบอกลาแล้วแยกย้ายกันกลับ

            ก้มหน้ามองกล่องข้าวสี่ใบในมือแล้วก็รู้สึกประหลาดใจที่ตัวเองถึงกับพยายามดั้นด้นมาตั้งไกลเพื่อกล่องข้าวแค่นี้

            แต่ที่น่าประหลาดใจมากกว่ากลับเป็นช่วงเวลาที่ได้เดินเลือกซื้อของกับคุณทาเคโนะอุจิที่เราทั้งคู่ต่างพบว่าความชอบพอของเราทั้งสองคนคล้ายกันมาก

            อย่างกล่องข้าวที่ฉันได้มานี้คุณทาเคโนะอุจิแนะนำว่าควรจะมีขนาดใหญ่หน่อย เพราะเด็กผู้ชายกินมากกว่าเด็กผู้หญิงอย่างเรา เป็นความจริงที่ฉันลืมคิดถึงไปซะสนิท จากนั้นเราก็เดินหาเป้าหมายของเรา

            ทันทีที่เห็นเราก็ส่งเสียงร้องบอกอีกฝ่ายพร้อมกัน ตอนนั้นฉันกับคุณทาเคโนะอุจิมองหน้ากันอึ้งๆ แล้วก็ขำกัน

            และที่ตลกกว่าคือตอนที่เดินเลือกกล่องข้าวของคุณทาเคโนะอุจิ เราก็ชี้กล่องข้าวใบเดียวกัน ร้องบอกอีกฝ่ายพร้อมกันอีก คราวนี้ยืนขำกันยกใหญ่เลยทีเดียว

            ทั้งที่ภายนอกไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลยแท้ๆ แต่กลับมีความชอบที่คล้ายกันเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้รู้สึกสนิทกันได้เร็วกว่าปกติ เพราะนอกจากเซริแล้วก็มีแค่คุณทาเคโนะอุจินี่แหละที่ฉันรู้สึกว่าจะสามารถคุยกันได้อย่างสนิทใจ

            รถไฟยังคงแล่นต่อไปเช่นเดียวความคิดในหัวของฉันที่ยังโลดแล่นไม่หยุด รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงประกาศชื่อสถานีแล้ว รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปไวมากๆ

            ฉันลงจากรถไฟแล้วตรงกลับบ้าน จากตอนแรกที่คิดจะแวะซูเปอร์มาเก็ตก็เลิกล้มความตั้งใจเพราะเวลาล่วงเลยมาจนดึกแล้ว เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ค่อยเตรียมแล้วเอาไปให้วันพฤหัสบดี แบบนี้ไม่น่ามีปัญหา ส่วนวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ ฉันต้องเตรียมเก็บข้าวของย้ายกลับบ้าน เนื่องจากพี่สาวจะย้ายออกในสัปดาห์หน้า ดังนั้นวันอาทิตย์นี้คือวันสุดท้ายที่ฉันจะได้อยู่ในบ้านหลังนี้

            ฉันเปิดประตูบ้านพร้อมกับเปิดไฟ พี่สาวยังไม่กลับมาแต่คงอีกไม่นานนัก หลังจากเปลี่ยนรองเท้าแล้วก็เดินเอาของไปเก็บในห้องครัวก่อนจะมานั่งพักที่โซฟา

            ถึงจะเป็นเวลาแค่สองเดือนที่มาอยู่ในบ้านหลังนี้แต่ฉันก็รู้สึกผูกพันกับมันไม่น้อย พอคิดว่าจะต้องย้ายออกจริงๆ แล้วก็ใจหาย

            “เสียดายบ้านดีๆ แบบนี้จังเลยน้าาา…” 

            ฉันเอนหลังฝังตัวเองลงในพนักพิงของโซฟา ลมเย็นที่โชยมากับเสียงครางต่ำเบาๆ แต่สม่ำเสมอของเครื่องปรับอากาศทำให้สมองที่คิดโน่นคิดนี่ของฉันเริ่มจะเฉื่อยชาลง

            ความคิดสุดท้ายที่แวบเข้ามาคือ ไม่อยากย้ายออกเลย

แจ้งท่านผู้อ่าน เรื่องการเลื่อนเวลาลงนิยาย เนื่องจากเป็นช่วงที่โรงเรียนเปิดเทอมแล้ว ทำให้ผู้แต่งมีภารกิจติดพันหลายด้าน ช่วงเวลาที่ลงนิยายอาจจะไม่สม่ำเสมอและห่างกันนานมากกว่าปกติ ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้

 

ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ

ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ

Status: Ongoing
อาคิยามะ เออิชิ เด็กหนุ่มที่เคยมีชีวิตที่ยอดเยี่ยม… วันแรกของชีวิต ม.ปลาย เขาถูกรุ่นพี่ลากไปพัวพันกับการมีเรื่องทะเลาะวิวาทและจบลงด้วยการพาไปเลี้ยงอาหารขอโทษ ที่นั่นเขาได้เจอกับเด็กสาวผู้มีนัยน์ตางดงาม โอโตเมะ อามายะ แต่เธอกลับมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร “นี่ นายน่ะ เป็นเด็กเกเรใช่ไหม?” ประโยคเปิดตัวที่ไม่ธรรมดา จะนำพาความสัมพันธ์ของพวกเขาไปในทิศทางใด…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท