ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ – ตอนที่ 49

ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ

           ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาสนับสนุนกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆ ท่านจะสนับสนุนกันต่อไปในอนาคต

 

           เรามาถึงทะเลตอนประมาณ 10 โมงเศษ ภาพท้องทะเลสีครามกว้างไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา ที่ปลายสุดนั่นติดกับผืนฟ้าราวกับว่าพวกมันบรรจบเป็นผืนเดียวกัน

           ฉันและคนอื่นๆ เดินตามยามาโมโต้ไปยังบังกะโลของทางบ้านเขา หลังจากเปลี่ยนชุดแล้วพวกเราก็ออกมารวมกลุ่มกันที่หน้าบังกะโล

           พวกผู้ชายที่เปลี่ยนชุดได้เร็วกว่าออกมายืนรอกันก่อนแล้ว ส่วนผู้หญิงรอเดินออกมาพร้อมกัน

           ตอนแรกฉันไม่ค่อยมั่นใจในชุดว่ายน้ำของตัวเองนักเนื่องจากเซริเป็นคนเลือกให้ โดยเธอให้เหตุผลง่ายๆ ว่าชุดนี้เข้ากับฉัน ทั้งที่ฉันเองยังมองไม่ออกเลยว่ามันเข้ากับตัวเองยังไง

           แต่พอออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดแล้วถูกเพื่อนๆ ชมว่าชุดนี้เข้ากับฉันมากๆ ถึงได้เริ่มมีความมั่นใจขึ้นมาบ้าง แต่พอเทียบกับคนอื่นๆ แล้วก็รู้สึกว่าของตัวเองออกจะดูโตเป็นผู้ใหญ่ไปหน่อย

           “โอ้ววว… ใส่ชุดว่ายน้ำแล้วดูสวยกันทุกคนเลย”

           ยามาโมโต้เป็นคนแรกที่ร้องทักพวกเราที่เดินออกมา แล้วคนอื่นๆ ก็หันมามองแล้วก็ชมพวกเรา ทำเอาพวกผู้หญิงเขินนิดๆ ก่อนจะมีคนแก้เขินให้พวกเรา คุณอาซิมะ เอริกะ สาวมั่นแต่ใจดีประจำห้อง

           “ทำไม พวกฉันใส่ชุดอื่นแล้วไม่สวยหรือไงยะ”

           “ก็สวย… สวยทุกชุดนั่นแหละ”

           ยามาโมโต้ตอบคุณอาซึมะโดยแอบไปหลบหลังนิโนะมิยะแล้วค่อยตอบ ทุกคนเลยขำกับท่าทางแบบนั้นของเขา

           จากนั้นพวกเราจึงหยิบอุปกรณ์ที่เช่าจากบังกะโลมุ่งหน้าสู่ทะเล

           ฉันเดินตามหลังพวกผู้ชายไปพร้อมๆ กับเพื่อนผู้หญิงเป็นกลุ่มใหญ่ เท้าที่สัมผัสทรายละเอียดนั่นให้ความรู้สึกทั้งอ่อนนุ่มและระคายผิวไปพร้อมๆ กัน กลิ่นอายเค็มจากน้ำทะเลลอยมาปะทะหน้าเป็นระยะ เสียงคลื่นกระทบฝั่งแตกตัวเป็นฟองขาวไปตามแนวยาวของชายหาดให้ความรู้สึกว่า อื้มมมม… นี่แหละทะเล

           หลังจากปูเสื่อกางร่มกันเสร็จแล้วพวกผู้ชายก็พากันวิ่งลงทะเลเหมือนเด็กน้อยที่อยากเล่นน้ำจนรอต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว ส่วนพวกผู้หญิงผลัดกันทาโลชั่นกันแดดก่อนจะออกไปเล่น

           ทะเลมันก็ดี แต่แดดดีเกินไปมันไม่ดี

           หลังจากเสริมค่าพลังป้องกันผิวด้วยโลชั่นไปแล้วพวกผู้หญิงจึงออกมาเล่นบ้าง เกมแรกที่เล่นกันคือวอลเลย์บอลชายหาด

           ถึงจะบอกว่าเป็นวอลเลย์บอลแต่ไม่ได้ใช้ลูกวอลเลย์บอลจริงๆ หรอกนะ ใช้เป็นลูกบอลเป่าลมลูกใหญ่ที่บางคนเขาเอาไปตีเล่นในทะเล

           “…นี่แน่ะ รับไปซ้าาา…”

           ไม่รู้เพราะสนุกกันเกินไปหรือยังไงคุณอาซึมะถึงได้ตบลูกบอลโต้กลับมาเต็มแรง

           ใช่แล้วค่ะ เข้าหน้าฉันเต็มๆ

           “อึก…”

           บอลกระเด้งตกไปข้างๆ ฉันยืนนิ่งขยี้ตาเบาๆ

           ถามว่าเจ็บไหมมันก็เจ็บแต่ไม่มาก แล้วถ้าถามว่าทำไมถึงที่ทำเสียงแปลกๆ นั่นก็เพราะทรายมันเข้าตาต่างหาก

           คุณอาซึมะวิ่งเข้ามาดูอาการฉันเป็นคนแรก จากนั้นเพื่อนที่จับกลุ่มอยู่กับคุณอาซึมะก็เข้ามาถามอาการ

           หลังจากลองกะพริบตาดูแล้วยังรู้สึกเคืองตาอยู่หน่อยๆ

           “นี่..คุณโอโตเมะ ลองล้างน้ำดูซะหน่อยนะ”

           ฉันหยีตาข้างหนึ่งมองเจ้าของเสียงที่ยื่นขวดน้ำมาให้ฉันพลางคิดในใจ

           [‘นิโนะมิยะมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?’]

           หันไปมองทางชายหาดก็ยังเห็นเพื่อนๆ ของเขาเล่นน้ำกันอยู่ ท่าทางเหมือนไม่รู้ว่าเพื่อนตัวเองหายไป

           ฉันเลิกสนใจว่าเขาแวบมาตรงนี้ได้ยังไง หันกลับมารับขวดน้ำจากนิโนะมิยะ ตั้งใจว่าจะล้างตาเพราะรู้สึกระคายเคียงมากขึ้นเรื่อยๆ

           “อ๊ะ อย่าเพิ่งไปขยี้ซิ ไหนมาให้ผมดูหน่อย”

           นิโนะมิยะจับข้อมือฉันไว้ไม่ให้ขยี้ตาตัวเอง พร้อมกับขยับเข้ามาใกล้

           มือของเขาสัมผัสที่แก้ม นิ้วมือแตะเบาๆ ใต้ตา ใบหน้าก้มต่ำลงมาอยู่ระดับเดียวกับใบหน้าของฉัน

           …ใกล้ ใกล้ชนิดที่รู้สึกได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

           ฉันกลั้นใจมองใบหน้าชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าหล่อที่สุดในโรงเรียนที่กำลังสำรวจดวงตาฉันอยู่

           ใบหน้าขาวเนียนราวกับเด็กผู้หญิงทั้งที่เป็นนักกรีฑา คิ้วดกดำเป็นทรงสวยราวกับกันมาอย่างดี ดวงตาโตออกจะดูหวานไปนิดสำหรับผู้ชาย จมูกได้รูป และริมฝีปากหยักขึ้นนิดๆ เหมือนกำลังอมยิ้มอยู่

           รวมๆ แล้วคือหล่อ หล่อที่สุดเท่าที่เคยเจอมา

           ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจไหม แต่ระยะห่างแบบนี้มันไม่ดีต่อใจฉันเลย

           ไม่ใช่ว่ารังเกียจการที่มีหนุ่มหล่อมาคอยดูแลเอาใจใส่หรอกนะ แต่ว่าการดูแลในระยะประชิดแบบถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้มันออกจะทำดาเมจต่อหัวใจฉันมากไปหน่อย

           อีกอย่างคือตอนนี้อยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ ด้วย

           [‘ตื่นซิ อามายะ อย่าเคลิ้มเชียวนะ’]

           เสี้ยวหนึ่งของสติสัมปชัญญะปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์ฝันของหนุ่มหล่อตรงหน้าในจังหวะที่นิโนะมิยะปล่อยมือจากหน้าฉัน

           พอสติเริ่มกลับมา ความอายก็กลับมาด้วย

           “ตายังแดงๆ อยู่นะคุณโอโตเมะ ถ้ายังไงไปพักก่อนไหม เดี๋ยวผมไปส่ง”

           “เอ่ออ… ขอบคุณนะนิโนะมิยะคุง ฉันไม่เป็นไรแล้ว ขอไปห้องน้ำก่อนนะ”

           ฉันถอยออกมาเล็กน้อย บอกตรงๆ เลยว่าไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ เอาจริงๆ คือไม่กล้ามองใครเลย ณ ตอนนั้น

           ฉันก้มหน้าแล้วหันหลังเดินหนีออกมาจากตรงนั้นทันที

           ในห้องน้ำ…

           “ทำบ้าอะไรเนี่ย…”

           พอได้ความเย็นของน้ำมาดับความร้อนที่เมื่อกี้เห่อขึ้นมาที่หน้า อารมณ์ปั่นป่วนเมื่อก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนจะสงบลง

           [‘ทำไมเขาถึงได้ทำแบบนั้นกันนะ?’]

           ฉันยืนพิจารณาการกระทำของนิโนะมิยะกับการกระทำของตัวเองเมื่อครู่แล้วก็รู้สึกใจเต้นรัวขึ้นมาอีกครั้ง

           เกิดมายังไม่เคยถูกใครทำแบบนี้มาก่อนแม้แต่คนในครอบครัวก็ยังไม่เคยทำเอาฉันไปต่อไปไม่เป็น

           การที่นิโนะมิยะทำแบบนี้เป็นเพราะเขาคิดว่าฉันจะไม่ว่าอะไรหรือเขาแค่เป็นห่วงฉันมากเกินไปเฉยๆ

           คำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัวแต่กลับหาข้อสรุปไม่ได้ ส่วนคนที่ตอบได้ตอนนี้ก็อยู่ข้างนอกและฉันก็ไม่กล้าไปถามเขา

           “จะแบบไหนก็ไม่ดีต่อใจทั้งนั้น แถมเมื่อกี้ยังอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ ด้วย แล้วหลังจากนี้จะทำตัวยังไงล่ะเนี่ย…”

           ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง แล้วจึงเดินออกมาจากห้องน้ำ

           นิโนะมิยะกับเพื่อนๆ กลับมารวมกลุ่มกันแล้ว ทุกคนนั่งบ้างยืนบ้างอยู่ตรงจุดที่เราปูเสื่อกันไว้ในตอนแรก

           “ฉันขอโทษจริงๆ นะคุณโอโตเมะ ยังเจ็บอยู่มากไหม?”

           คุณอาซิมะลุกขึ้นมาถามทันทีที่ฉันเดินไปถึง คนอื่นๆ เองก็หันมามองกันรวมถึงนิโนะมิยะด้วย

           “ไม่เป็นไรแล้วล่ะคุณอาซิมะ”

           ฉันยิ้มตอบคุณอาซิมะ มาดเท่ๆ ในห้องของเธอดูจะหายไปหมดเพราะความกังวล พอบอกไปว่า ไม่ต้องกังวลหรอก เธอถึงค่อยถอนหายใจโล่งอก

           “ได้นิโนะมิยะดูแลขนาดนั้นต่อให้ตาบอดก็คงหายแหละ”

           เสียงหนึ่งลอยเข้ามากระทบโสตประสาท คุณอาซิมะหันกลับไปมองทางต้นเสียงด้วยท่าทางเอาเรื่องทันทีแต่ถูกฉันห้ามไว้

           ต่อล้อต่อเถียงกันไปก็มีแต่จะทำให้เรื่องราวบานปลายเปล่าๆ ได้มาเที่ยวกันทั้งทีอย่าให้เรื่องเล็กน้อยมาทำให้บรรยากาศเสียเลย

           ทั้งปลอบทั้งปรามคุณอาซิมะจนเธอสงบลงแล้วกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนของเธออีก 4 คน

           ในตอนนั้นเองที่ยามาโมโต้เสนอว่าให้ทุกคนพักกินข้าวกันก่อนเดี๋ยวบ่ายจะไม่มีแรง เราทุกคนจึงเก็บข้าวของตรงนั้นมุ่งตรงไปที่บังกะโลของที่บ้านยามาโมโต้กัน

           หลังมื้อกลางวันพวกเรากลับไปเล่นน้ำกันอีกครั้ง ฉันที่ยังเคืองตาอยู่ไม่ได้ลงไปเล่นกับทุกคนและเลือกที่จะนั่งก่อกองทรายเล่นคนเดียวบนชายหาด

           รู้สึกตัวอีกทีก็มีเงาทอดทับลงมาที่ปราสาททรายตรงหน้า เงยหน้าขึ้นมาก็เจอกับผู้ชายร่างสูงเพรียวกำลังก้มหน้ามองลงมา

           นิโนะมิยะยืนยิ้มแฉ่งพร้อมกับยื่นไอศกรีมมาทางฉัน

           “ผมซื้อมาฝากน่ะ”

           ฉันรับไอศกรีมมาและขอบคุณเขา นิโนะมิยะส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไรแล้วขอนั่งที่เสื่อด้วยคน

           เราสองคนนั่งข้างกันบนชายหาดที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน น่าแปลกที่ไม่มีใครสนใจพวกเราเลยแม้แต่เพื่อนๆ ของเราเอง

           “เอ่ออ… เรื่องเมื่อก่อนหน้านี้ ผมขอโทษนะ”

           นิโนะมิยะทำลายความเงียบระหว่างเราที่ดำเนินมาจนถึงตอนนี้ลง เขามองฉันด้วยสายตาที่แสดงออกชัดเจนว่าเขาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนก่อนกินข้าว

           “ไม่ต้องคิดมากหรอกนิโนะมิยะคุง นี่ไม่ใช่ครั้งแรก อีกอย่างนายก็ไม่ได้มีเจตนาอะไรไม่ดีกับฉันนินา”

           “ถึงจะยังงั้นแต่มันก็ยังเป็นความผิดของผมอยู่ดีที่ทำอะไรไม่คิด บางที… คุณโอโตเมะอาจจะขยะแขยงที่ผมไปทำแบบนั้น”

           ฉันกัดไอศกรีมที่เหลือลงไปในคำเดียวแล้วกลืนจนหมดจึงหันไปมองนิโนะมิยะตรงๆ

           ใบหน้าหล่อเหลานั่นเต็มไปด้วยความวิตกกังวลมองแล้วก็ให้อารมณ์ลูกหมาตอนโดนดุอยู่เหมือนกัน

           “นิโนะมิยะคุงไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ จริงอยู่ว่าถ้าไปทำกับคนอื่นที่ไม่ได้เป็นเพื่อนหรือไม่ได้สนิทกันอาจจะโดนข้อหาล่วงละเมิดทางเพศไปแล้วก็จริง แต่ฉันไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น อีกอย่างเราก็เป็นเพื่อนกัน ที่มาทำแบบนั้นก็เพราะเป็นห่วงก็เข้าใจได้ชัดเจน เพราะงั้นสบายใจเถอะ”

           …ฉันไม่เกลียดนายเพราะเรื่องแค่นี้หรอก

           “ฟู่… ค่อยยังชั่ว ผมกลัวว่า…”

           “ “นิโนะมิย้าาาา… ไปเล่นน้ำกัน” ”

           ยังไม่ทันที่นิโนะมิยะจะพูดจบเขาก็ถูกเพื่อนร่วมห้องผู้หญิงสองคนมาลากไปเล่นด้วยอีกครั้ง

           นิโนะมิยะหันมาหาฉันเหมือนจะขอความช่วยเหลือ ฉันเลยยิ้มให้แล้วพูดกับเขา

“เล่นให้สนุกนะ”

           [‘ไหงทำหน้าเหมือนถูกทิ้งแบบนั้นล่ะน่ะ’]

           นิโนะมิยะถูกลากลงทะเลไปแล้ว ฉันจึงได้กลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง แต่หนี้รู้สึกเบื่อๆ ไม่อยากก่อกองทรายเล่นแล้ว

           ฉันลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายตั้งใจจะไปเดินเล่นสักหน่อย จังหวะเดินผ่านตำแหน่งที่เคยเป็นปราสาททรายที่ตั้งใจก่อไว้ในตอนแรกก็เผลอเหลือบไปมองมันนิดนึง

           โดนย่ำซะเละเลยแฮะ..

                                                                  —

           กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ปาเข้าไปเกือบๆ ทุ่มนึง เป็นวันที่เหนื่อยทั้งกายทั้งใจจริงๆ

           “กลับมาแล้วค่า…”

           “เป็นไงมั่งลูก สนุกมั้ย?”

           “ก็งั้นๆ ค่ะ หนูขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ”

           ฉันตอบแม่ที่ยืนทำอะไรสักอย่างอยู่ในครัวแล้วเดินตรงไปห้องน้ำทันที

           ความเย็นของน้ำช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง พอชำระล้างคราบไคลจากร่างกายต่อไปก็ถึงเวลาชำระล้างความเหนื่อยล้าด้วยการแช่น้ำร้อน

           “ฮ่าาา… ยังกับได้เกิดใหม่เลย”

           รู้สึกเบาสบาย ความอึดอัดทั้งทางกายและทางใจเหมือนจะค่อยๆ ละลายไหลซึมออกมาทางรูขุมขน ละลายปะปนไปกับน้ำร้อนในอ่าง

           “เป็นทริปเที่ยวทะเลที่ห่วยชะมัด -_-”

           นั่นคือรีวิวการไปทะเลหน้าร้อนครั้งแรกของชีวิต ม.ปลาย ของฉัน

           ไม่ใช่ว่ามันจะห่วยไปทุกเรื่องหรอกนะ เรื่องดีๆ มันก็มี อย่างเช่น การได้สนิทกับคุณอาซึมะกับเพื่อนๆ หรือการได้เห็นหน้าหล่อๆ ของนิโนะมิยะในระยะประชิด รวมถึงพวกเพื่อนผู้ชายที่ดูแลสาวๆ ในกลุ่มราวกับเป็นองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิง

           แต่เรื่องที่แย่ดันมีมากกว่านี่ซิ ไม่ว่าจะเรื่องที่โดนเขม่น โดนแขวะ ทั้งทางสายตาและคำพูด ความซวยตอนเล่นวอลเลย์บอลแล้วทรายเข้าตา จากนั้นก็ไม่ได้เล่นน้ำหรือกิจกรรมอะไรเลย ขนาดก่อกองทรายไว้ยังโดนยัยชะนีพวกนั้นตามมาเหยียบ พอหนีออกไปเดินเล่นคนเดียวก็โดนจีบจนนิโนะมิยะต้องเข้ามาช่วย แล้วพวกผู้หญิงสมองผู้ชายที่ตามมาทีหลังนั่นก็พาลว่าฉันสร้างแต่ปัญหา แม้แต่เจ้าคนบ้าลามกนั่นที่บอกว่าตนเองไม่มีแฟนไม่ได้คบกับใครก็ยังเล่นน้ำทะเลกับสาวๆ ได้อย่างเฮฮา

           มีแต่เรื่องขัดใจเต็มไปหมด

           ฉันลุกจากอ่างน้ำร้อนออกมาเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องครัว

           ร่างกายกลับมาสดชื่นแล้วแต่จิตใจยังหมองมัวอยู่ ฉันรู้ดีว่าจะทำยังไงมันถึงจะหาย ให้รอถึงคืนนี้ก่อนเถอะ แม่จะระบายแล้วชวนเซริมาช่วยกันด่าให้หมดเลยคอยดู ฮึ่มมม…

ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ

ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ

Status: Ongoing
อาคิยามะ เออิชิ เด็กหนุ่มที่เคยมีชีวิตที่ยอดเยี่ยม… วันแรกของชีวิต ม.ปลาย เขาถูกรุ่นพี่ลากไปพัวพันกับการมีเรื่องทะเลาะวิวาทและจบลงด้วยการพาไปเลี้ยงอาหารขอโทษ ที่นั่นเขาได้เจอกับเด็กสาวผู้มีนัยน์ตางดงาม โอโตเมะ อามายะ แต่เธอกลับมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร “นี่ นายน่ะ เป็นเด็กเกเรใช่ไหม?” ประโยคเปิดตัวที่ไม่ธรรมดา จะนำพาความสัมพันธ์ของพวกเขาไปในทิศทางใด…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท