บทที่ 298 ไม่ต้องใช้ความพยายาม
คิดว่าไป๋เยี่ยจะกลัวเหรอ
แน่นอนว่าไม่!
ไป๋เยี่ยนั้นเข้ากันกับเกาเย่ว์หยางได้ดีกว่าเหล่าหลิวเสียอีก แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนจะดีกว่าความสัมพันธ์ของเขากับเหล่าหลิว
มันไม่เหมือนกัน
สุดท้ายแล้ว ความสัมพันธ์ของเขากับเหล่าหลิวก็เป็นความสัมพันธ์แบบศิษยNอาจารย์ แต่กับเกาเย่ว์หยางนั้น ไป๋เยี่ยกลับเข้ากันได้มากกว่าราวกับว่าเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมานานหลายปี
ดังนั้น ไป๋เยี่ยจึงไม่กังวลเรื่องการตามหาเขาเลย ไม่มีแม้กระทั่งความหนักใจใดๆ
ไป๋เยี่ยยิ้ม “อาจารย์ครับ ผมไม่รบกวนอาจารย์ดีกว่า ผมรู้จักเขาดี เดี๋ยวผมจะไปหาเขาเองครับ”
พูดจบไป๋เยี่ยก็อดใจรอไม่ไหว เขาบอกลาหลิวป๋อหลี่และเดินออกมาจากห้องทำงานทันที
หลิวป๋อหลี่ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง เขามองตามร่างของไป๋เยี่ยที่เดินจากไปพลางถอนหายใจออกมา
เจ้าลูกศิษย์คนนี้นี่…ทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่าง!
อีกอย่าง…นี่มันไม่มีความเป็นมืออาชีพเลยสักนิด!
คุณบอกว่าคุณเป็นนักศึกษาปริญญาโทสาขาโรคสมอง แต่กลับใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเรียนเรื่องทวารหนักและกระดูก ไหงถึงไม่ไปตั้งใจเรียนรู้เรื่องโรคประสาทล่ะ
แบบนี้เราก็เสียหน้าแย่เลยสิ!
จนเหล่าหลิวได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน เขาก็รู้สึกประหม่าทุกครั้งที่ต้องบอกว่าไป๋เยี่ยเป็นศิษย์ของเขา น่าหงุดหงิดชะมัด…
ไม่ได้การละ ต้องไปบอกศูนย์นักศึกษาแพทย์ฝึกงานให้เขากลับมาที่แผนกโรคสมองให้เร็วที่สุด!
เจ้าเด็กนี่ ไม่คิดจะวิจัยอะไรให้เราเลย มาดูกันว่าจะจัดการกับเขายังไงดี!
เหล่าหลิวคิดได้ดังนั้น ก็ใช้เวลาครุ่นคิดอีกพักใหญ่ก่อนจะต่อสายหาหัวหน้าแผนกสมอง
หลังจากที่ไป๋เยี่ยบอกลาเหล่าหลิวแล้ว เขาก็ออกมาโทรหาเกาเย่ว์หยาง เมื่อรู้ว่าเหล่าเกาอยู่ที่โรงพยาบาล ไป๋เยี่ยก็รีบนั่งแท็กซี่ไปที่ยูเนียนทันที
ต้องบอกว่าอาคารโทรมๆ เล็กๆ ของโรงพยาบาลยูเนียนนั้นสู้ผู่เจ๋อไม่ได้เลยสักนิด
โรงพยาบาลผู่เจ๋อเองก็เพิ่งได้รับการปรับปรุงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีการเพิ่มแผนกผู้ป่วยในและอาคารทำวิจัยเข้ามา
ภาพรวมของโรงพยาบาลผู่เจ๋อในปัจจุบันจึงน่าประทับใจมาก!
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลยูเนียนแล้ว ไป๋เยี่ยก็ตรงไปที่ห้องทำงานของเกาเย่ว์หยางทันที ซึ่งเกาเย่ว์หยางก็ไม่ได้ปิดประตู ชัดเจนมากว่าเขาก็กำลังรอไป๋เยี่ยอยู่เช่นกัน
แต่ถึงกระนั้น ห้องทำงานของผู้อำนวยการยูเนียนก็ไม่ใช่ห้องที่คิดจะเปิดก็เปิดได้ตามอำเภอใจ
จะสนิทสนมเพียงใดก็ยังต้องมีมารยาท
ทันทีที่ไป๋เยี่ยเคาะประตูแล้วเดินเข้าไป เขาก็กล่าวทักทายขึ้น “สวัสดีครับ อาจารย์เกา”
ทันทีที่เกาเย่ว์หยางเห็นไป๋เยี่ย เขาก็โล่งใจมาก จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มาสิ รีบนั่งลงเร็วเข้า ชากำลังเดือดได้ที่เลย”
ไป๋เยี่ยกล่าวขอบคุณ
ยิ่งเกาเย่ว์หยางมองไป๋เยี่ยเท่าใด เขาก็ยิ่งเบิกบานใจมากเท่านั้น ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกสบายใจ “เสี่ยวเยี่ย ผมได้ยินมาว่าคุณเพิ่งไปประเทศเมียนมาเมื่อไม่นานมานี้ น่าทึ่งมากจริงๆ นะ คนเป็นหมอน่ะ ต้องมีน้ำใจแบบนี้แหละ”
ไป๋เยี่ยยิ้มและพูดต่อ “ผมเชื่อว่าถ้าอาจารย์เกาอายุน้อยกว่านี้หลายสิบปี อาจารย์จะต้องไปแน่นอน”
เกาเย่ว์หยางยิ้มรับ เขาเคยนำทีมเข้าร่วมกู้ภัยเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เหวินชวนเมื่อหลายปีก่อน คำพูดของไป๋เยี่ยจึงโดนใจเขามาก
ในฐานะที่เป็นศัลยแพทย์กระดูกและข้อ เขาก็ยิ่งรู้สึกกะตือรือร้นยิ่งขึ้น
“พอๆ คุณนี่รู้จักพูดจริงๆ ว่าแต่ทำไมคุณถึงมาผมฉันล่ะ” เกาเย่ว์หยางยังคงยิ้ม
ไป๋เยี่ยกระแอม “อาจารย์เกาครับ ครั้งนี้ผมมาที่นี่เพราะมีเรื่องสำคัญ และผมอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณ”
เกาเย่ว์หยางได้ยินดังนั้นก็ยิ่งสนใจ “ไหนลองพูดมาซิ”
จากนั้นไป๋เยี่ยก็อธิบายเรื่องการจัดตั้งสถาบันวิจัยกระดูกให้เกาเย่ว์หยางฟังอย่างละเอียด
หลังจากฟังแล้ว เกาเย่ว์หยางก็เบิกตากว้าง “ตอนนี้การจัดตั้งสถาบันวิจัยน่ะ ต้องมีผู้นำที่เป็นผู้อาวุโส และ…จะต้องเป็นคนที่มีความสามารถอย่างแท้จริง! ไม่งั้นตั้งสถาบันขึ้นมาก็ไม่มีความหมาย”
ไป๋เยี่ยเข้าใจสิ่งที่เกาเย่ว์หยางพูด ทว่าตอนนี้สิ่งที่เขาขาดมากที่สุดคือเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ถึงพูดออกไปก็ไม่มีมูล แม้แต่เกาเย่ว์หยางอาจจะไม่เชื่อเขาด้วยซ้ำ ไป๋เยี่ยจึงได้แต่ยิ้มอ่อน
ทว่ารอยยิ้มของไป๋เยี่ยกลับดูลึกลับในสายตาของเกาเย่ว์หยางมาก!
เกาเย่ว์หยางแอบคิดในใจ เจ้าไป๋เยี่ยคงไม่ใช่พวกก่อกวนหรอกมั้ง ไม่มีทางที่เขาจะสร้างสถาบันวิจัยกระดูกขึ้นมาได้
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อก่อนหน้านี้เกาเย่ว์หยางก็ได้ไปนั่งรับประทานอาหารกับหลี่เจี้ยนเหว่ยมาก่อน จึงได้รู้ว่าไป๋เยี่ยมีพรสวรรค์ด้านการศัลยกรรมกระดูกมาก เทคนิคการทำกายภาพบำบัดของไป๋เยี่ยไม่ได้ด้อยไปกว่าหลี่เจี้ยนเหว่ยเลย
ตอนนั้นเกาเย่ว์หยางก็ยังไม่ปักใจเชื่อ แต่เขาคิดว่าการที่ไป๋เยี่ยได้ไปเมียนมาแล้วคิดจะก่อตั้งสถาบันวิจัยกระดูกนั้นต้องมีความหมายอย่างแน่นอน…
เกาเย่ว์หยางคิด หัวใจของเขาก็พลันเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ หรือว่าเจ้าเด็กนี่จะไปเจออะไรใหม่ๆ
เมื่อคิดถึงระดับความเก่งกาจของไป๋เยี่ย บวกกับการกู้ภัยแผ่นดินไหวที่เมียนมา เกาเย่ว์หยางก็บังเกิดความคิดว่าไป๋เยี่ยอาจจะไปค้นพบสิ่งที่เหลือเชื่อมาก็เป็นได้
ดังนั้นเขาจึงมองไป๋เยี่ยกลับด้วยสายตาแฝงนัยยะ “คุณ…รับปากผมเรื่องหนึ่งก่อน แล้วผมจะช่วยให้คุณได้รับการอนุมัติโดยเร็วที่สุด”
ไป๋เยี่ยดีใจมาก “ว่ามาได้เลยครับอาจารย์เกา!”
เกาเย่ว์หยางตอบ “มาเป็นอาจารย์ที่ยูเนียน แล้วเซ็นสัญญาอนุญาตให้นักศึกษาในยูเนียนเข้ามาเรียนกับคุณ คิดว่ายังไงบ้าง”
ไป๋เยี่ยได้ฟังก็คิดว่าเงื่อนไขนี้ไม่เลวเลย ออกจะเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำ
การเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยยูเนียนนั้นถือเป็นเรื่องดี ต่อไปเมื่อพิมพ์นามบัตรจะได้ระบุว่าตนเองเป็น ‘อาจารย์ของมหาวิทยาลัยยูเนียน’ ได้
นอกจากนี้ เงื่อนไขที่สองก็คือต้องลงนามในสัญญาของยูเนียน เพื่ออนุญาตให้นักศึกษาระดับปริญญาโทของยูเนียนเข้ามาศึกษาและฝึกงานด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับไป๋เยี่ย
สิ่งที่เราขาดคือบุคลากรระดับทั่วไป ถ้าเซ็นสัญญากับยูเนียน มันจะเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน!
อาจารย์เกาช่วยเราเยอะจริงๆ!
ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็รีบกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า
จากนั้นไป๋เยี่ยก็พูดคุยกับเกาเย่ว์หยางถึงแนวคิดต่างๆ รวมถึงแนวคิดเรื่องการสร้างสถาบันวิจัยควบคู่ไปกับโรงพยาบาลและการจัดประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการศัลยกรรมกระดูก
เกาเย่ว์หยางฟังแล้วก็เอ่ยขึ้น “จริงๆ แล้ว…ถ้าคุณอยากตั้งสถาบัน คุณไปหาซื้อโรงพยาบาลก็ได้นะ ยังไงการอนุมัติก็ยุ่งยากอยู่แล้ว แล้วโรงพยาบาลก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน คุณซื้อแล้วก็ใช้ได้เลย”
“อย่างที่คุณพูดนั่นแหละ ยิ่งสถาบันได้ก่อตั้งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น จะรอช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
แววตาของไป๋เยี่ยทอประกาย เขาก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่เขาจะไปหาโรงพยาบาลได้จากที่ไหน
“อาจารย์เกาแนะนำทีครับ”
เกาเย่ว์หยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “โรงพยาบาลทหารไงล่ะ เพราะช่วงสองปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลทหารยกเลิกสถานะทางการทหารไปแล้ว ตอนนี้ก็ดำเนินการได้อย่างอิสระ ก่อนที่จะมีการปรับโครงสร้าง บุคลากรก็ถูกถ่ายโอนออกไปหมด โครงสร้างของโรงพยาบาลจึงเริ่มแย่ลงทุกวัน ช่วงนี้เบื้องบนเขาก็กำลังคุยเรื่องนี้กันอยู่”
เกาเย่ว์หยางเปรียบเสมือนหมอในทีมบอดี้การ์ดจงหนานไห่ที่เข้าถึงบุคคลระดับสูงได้หลายคน จึงบังเอิญได้ยินข่าวนี้มา
เกาเย่ว์หยางมองไป๋เยี่ยพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าคุณสนใจ ผมก็ไปคุยให้ได้นะ แต่คุณไปเตรียมเงินมาเองนะ ผมไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น!”
“จริงๆ ถึงโรงพยาบาลจะไม่ใหญ่นัก แต่ก็ถือเป็นโรงพยาบาลทหารที่มีอุปกรณ์ครบครันเลยทีเดียว”
ไป๋เยี่ยได้ฟังก็เริ่มหายใจไม่เป็นจังหวะ โอกาสลอยมาแล้ว