เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา – ตอนที่ 46

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

The Demon Prince goes to the Academy

ตอนที่ 46

 

ราคาสำหรับการทำลายรูปปั้นหินนั้นสูงกว่าที่คิด

 

“ไม่ใช่”

 

“ยังไม่ได้”

 

“นี่มันแย่กว่าเดิมอีก”

 

เอลเลนชี้ให้เห็นว่าเทคนิคดาบทั้งหมดที่ฉันทำนั้นผิด จากนั้นเธอก็แสดงวิธีใช้เทคนิคที่ถูกต้องให้ฉันดู

 

“นายต้องทำแบบนี้สิ”

 

“……เอ่อ”

 

“ลองดูสิ”

 

ให้ตายเถอะ นี่ฉันพึ่งจะโดนบูมเมอแรงย้อนกลับใส่สินะ นี่คือราคาสำหรับการแกล้งเธอ มันทำให้ฉันหงุดหงิดจริงๆ

 

ขณะที่ฉันติดตามการเคลื่อนไหวของเธออย่างเงอะงะ เธอก็ส่ายหัว

 

“ไม่ใช่แล้ว นั่นมันไม่เห็นจะเหมือนเลยสักนิด”

 

เอลเลนแสดงการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องให้ฉันอีกครั้งทีละขั้นตอนและบอกให้ฉันทำซ้ำอีกครั้ง แน่นอน ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ท่าทางของฉันก็ดูแย่สำหรับเธอ

 

นี่คือสิ่งแลกเปลี่ยนกับการทำให้ เอลเลน อาร์โทเรียส ผู้เป็นเหมือนพระพุทธรูปหินโกรธ เธอจึงมาการฝึกดาบให้ฉันแบบกรณีพิเศษ

 

คนที่แข็งแกร่งที่สุดในชั้นเรียนของฉันกำลังสอนฉัน ดังนั้นวิธีนี้ก็คงผลลัพธ์ดีล่ะมั้ง

 

เธอเป็นคนที่ไม่คิดที่จะช่วยฉันแม้ว่าฉันจะขอร้องเธอเป็นการส่วนตัวก็ตาม

 

แต่ตอนนี้ เธอไม่ได้ทำเพื่อช่วยฉัน เอลเลนที่โกรธหลังจากที่ฉันวิจารณ์และล้อเลียนเธอ ได้ให้บทเรียนแก่ฉันในการทำแบบเดียวกันกับฉัน

 

ผลลัพธ์นั้นดี แต่กระบวนการนั้นไม่

 

ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ฉันเลยรู้สึกรำคาญมากขึ้น

 

“มันไม่ใช่แบบนั้น”

 

เอลเลนบอกฉันซ้ำๆ ว่า “ไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช่แบบนั้น” ราวกับจะแก้แค้นบทเรียนที่ฉันสอนให้เธอ

 

อะไรกันเนี่ย….

 

อันที่จริง ฉันควรจะรู้สึกขอบคุณในตอนนี้ เพราะเด็กผู้หญิงที่มีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกที่ยุ่งอยู่กับการฝึกฝนของเธอเองมาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยฉันในการฝึกดาบ

 

นั่นคือสิ่งที่ฉันควรจะรู้สึก

 

ฉันโมโห ทั้งๆที่ฉันไม่สมควรแต่ฉันโมโหมาก ฉันคงต้องเปลี่ยนความคิดก่อน

 

ฉันนี่มัน

 

ฉันเป็นร่างอวตารของพวกหน้าซื่อใจคด ฉันได้ค้นพบว่ามันสนุกมากที่ได้แกล้งคนอื่นแต่กลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเมื่อมีคนแกล้งฉัน

 

เด็กก็คือเด็ก ดังนั้นจึงไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับเรื่องนั้น

 

อย่างไรก็ตาม ฉันเป็นผู้ใหญ่ดังนั้นมันค่อนข้างแย่ ฉันค่อนข้างจะบิดเบี้ยวเล็กน้อยล่ะนะ

 

“ฉันรู้ว่าเธอเก่ง เอ่อ แต่ถ้าเธอจะสอนฉัน ทำไมเธอไม่สอนฉันให้มันดีๆล่ะล่ะ?”

 

เมื่อเผชิญหน้ากับธรรมชาติที่น่าเกลียดของตัวเอง ฉันก็เลือกมองข้ามมันไปซะเลย

 

“ทำแบบนี้ไง”

 

เอลเลนแสดงท่วงท่าที่เกือบจะงดงาม เธอมองมาที่ฉันด้วยสายตาสงสัย สงสัยว่าทำไมฉันทำไม่ได้

 

ฉันเป็นอวตารที่สมบูรณ์แบบของพวกหน้าซื่อใจคด

 

แล้วเจอกันที่ห้องอาหาร

 

ฉันจะเอาคืนเธอในภายหลังแน่

 

* * *

 

หลังจากวันนั้น เมื่อใดก็ตามที่เราทำบางอย่างในครัวและเอลเลนทำอาหาร ฉันจะตำหนิเธอและจู้จี้ในขณะที่ให้คำแนะนำกับเธอ และตอนที่ฉันอยู่ในโรงยิม เอลเลนจะให้บทเรียนที่เข้มงวดกับฉันมากในขณะที่ฉันกำลังฝึกทักษะการใช้ดาบ

 

เหมือนเราสั่งสอนกัน หากมีใครได้ยินคำเหล่านี้ คนหนึ่งอาจคิดว่าสิ่งที่เราแบ่งปันคือมิตรภาพที่สวยงาม

 

อย่างไรก็ตาม ฉันไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราคือมันไม่ใช่มิตรภาพจากการสั่งสอนซึ่งกันและกัน แต่เป็นความอาฆาตพยาบาท

 

“ยัยบ้านี่ ทำไมเธอถึงไม่รู้เรื่องอะไรง่ายๆ แบบนี้เยล่ะ? เธอไม่รู้ว่าถ้วยตวงคืออะไรงั้นเหรอ? หรือวิธีอ่านหนังสือทำอาหาร”

 

“น่ารำคาญน่า”

 

ในห้องครัว

 

“นายต้องขยับแขนมากขนาดนี้ ในระดับนั้น แบบนี้ ทำไมนายทำไม่ได้ฮะ”

 

“เพราะฉันหมดแรงแล้วไงล่ะ นี่ก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วนะ ถ้าฉันสามารถเคลื่อนไหวได้ในสภาพนี้ มันคงจะแปลกมากเลยล่ะ”

 

“แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ”

 

“…ก่อนหน้านั้นฉันทำได้ดีกว่านี้! ตอนนั้นฉันอยู่ในสภาพที่ดีล่ะนะ!”

 

“…ถ้านายคิดว่าแบบนั้นดีกว่า…. บางทีนายอาจต้องทนทุกข์ทรมานเพิ่มอีกสักหน่อย”

 

“นายเก่งมากเลยใช่มั้ยล่ะ”

 

ในโรงยิม

 

เช่นนี้เรากำลังสร้างสายโซ่แห่งความอาฆาตพยาบาทที่เกิดจากการสั่งสอนสุดโต่งของเรา

 

แม้ว่าเธอจะพูดเสมอว่ามันน่ารำคาญ แต่เธอก็สนุกกับการทำอาหารอย่างแน่นอน เธอดูเหมือนเบื่ออาหารว่าง ฉันเห็นว่าเธอทำตามที่ฉันสอนแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเก่งก็ตาม

 

ในทางเทคนิคแล้ว เธอดูเหมือนจะต้องการเรียนรู้วิธีทำอาหารด้วยตัวเองจริงๆ แม้ว่าจะฟังคำแนะนำของฉันแล้วก็ตาม แทนที่จะแค่อยากจะอวดว่าเธอทำอาหารอะไรให้ฉันดู

 

ฉันต้องการเรียนวิชาดาบเพื่อเพิ่มความสามารถทางกายภาพอยู่แล้ว ดังนั้นฉันจึงทำตามที่เอลเลนบอกเสมอ

 

ไม่ใช่แค่การฝึกดาบเท่านั้น

 

“พยายามกว่านี้อีก”

 

ฉันสู้กับเอลเลนด้วย เมื่อฉันรีบแทงดาบเข้าหาเธอ เอลเลนเอาดาบของเธอมาจ่อกับฉันแล้วเลื่อนดาบออกด้านนอก และฟาดเข้าที่ช่องท้องของฉันด้วยด้านขวาของเธอ

 

-พัค!

 

“โอ้ย!”

 

ทันทีที่ฉันล้มลง เอลเลนก็เอาดาบมาจ่อคอฉัน

 

“นายตายแล้ว”

 

นี่ไม่อาจจะเรียกว่าการฝึกต่อสู้ด้วยดาบอีกต่อไป มันเป็นเพียงการฟาดฟันฝ่ายเดียว ไม่ว่าฉันจะทำอะไร เธอก็ส่งฉันบินในทันที

 

“นี่มันไม่ใช่การทุบตีร่างกายเหรอ? นั่นมันฟาวล์ไม่ใช่รึไง?”

 

เมื่อได้ยินคำพูด ของฉัน เอลเลนก็เอียงศีรษะ

 

“ไม่มีสิ่งนั้นในการต่อสู้จริง”

 

นั่นเป็นคำพูดที่โหดร้ายสำหรับเด็กที่จะพูด แต่เธอพูดถูก ดังนั้นฉันจึงหาข้อหักล้างไม่ได้

 

หลังจากนั้น เอลเลนก็สอนวิชาดาบในรูปแบบต่างๆ เทคนิคการรุกและการรับในขณะที่ฝึก เอลเลนนั้นรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้เรียนรู้จากการบรรยายทฤษฎีการใช้ดาบ

 

เป็นความจริงที่การฝึกกับคู่นั้นมีประโยชน์มากกว่าการฝึกฝนเทคนิคการใช้ดาบอย่างหัวชนฝาด้วยตัวคนเดียว

 

ฉันลองดูข้อมูลทางกายภาพของเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่มีรายละเอียดใดๆ และความสามารถหลายอย่างของเธอถูกแก้ไข ที่ได้รับการประกาศในห้องเรียน มันเป็นเหมือนรูปแบบที่เรียบง่ายของหน้าจอสถานะก็ว่าได้

 

รอยัลคลาส ปี 1 A-2 เอลเลน

 

[พละกำลัง 16.5(B)] [ความว่องไว 18.3(B+)] [ความคล่องแคล่ว 20.2(A-)] [เวทมนตร์ 23(A)][พลังกาย 15.3(B-)]

 

พรสวรรค์

 

[ความชำนาญด้านอาวุธ][การควบคุมเวทมนตร์]

 

มันดูง่ายมากเมื่อเทียบกับสถานะของฉันที่ระบบแสดงให้ฉันเห็น ข้อมูลที่เครื่องสแกนร่างกายไม่สามารถเข้าใจได้จะไม่แสดงบนนั้น ตัวอย่างเช่น อันดับของทักษะดาบหรือทักษะที่มี

 

เอลเลนมีความสามารถมากมาย แต่วิหารได้ลดรายชื่อพวกนั้นลง เหลือเพียงความชำนาญด้านอาวุธและการควบคุมเวทมนตร์ แม้ว่าเธอจะมีความสามารถรอบด้านอยู่แล้ว แต่ความชำนาญด้านอาวุธ การควบคุมเวทมนตร์ก็เป็นอีกความสามารถหนึ่ง ซึ่งรวมพรสวรรค์การจัดการเวทมนตร์ ความไวเวทมนตร์ และการเติบโตของเวทมนตร์

 

เพียงแค่มีพรสวรรค์ทั้งสองนี้ เธอก็นำหน้าเบอร์ทัสไปไกลแล้ว แต่พวกเขายังกล้าเรียกเธอว่าเลขที่ 2

 

เธอไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์เพื่อที่จะเก่งขึ้น

 

แม้ว่าเมื่อพิจารณาถึงความสามารถทางกายภาพของเธอแล้ว เอลเลนก็เหนือกว่าฉันมาก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในอันดับ F หรือ D

 

ในการจัดอันดับการต่อสู้ มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในอันดับ

 

ในระบบการจัดหมวดหมู่นั้น เอลเลนอยู่ในระดับที่สูงอย่างน่าขันอยู่แล้ว

 

สถานะระดับ S หรือสูงกว่านั้นจะอยู่ในระดับเหนือมนุษย์แล้ว อันดับนั้นสามารถเข้าถึงได้โดยผู้ที่มีระดับปรมาจารย์หรือสูงกว่าเท่านั้น

 

ฉันไม่รู้ว่าระดับการต่อสู้ของเธอจะเป็นอย่างไร แต่น่าจะสูงกว่าระดับ A

 

ไม่มีเพื่อนร่วมชั้นของเธอหรือใครก็ตามในรอยัคลาสมีความสามารถทางกายภาพในระดับนั้น

 

“เอิ๊ก!”

 

“ฮึก!”

 

“เครก!”

 

“อูวาร์ก!”

 

.

 

.

 

.

 

ดูเหมือนว่ายัยบ้านี่นั่นแค่ใช้การสอนเป็นข้ออ้างเพื่อทุบตีฉันไม่ใช่รึไง?

 

อย่างไรก็ตาม ฉันก็ยังได้เรียนรู้อะไรหลายสิ่งหลายอย่างผ่านสิ่งนั้น

 

ท้ายที่สุดแล้ว ทักษะดาบไม่ใช่แค่การใช้ดาบเท่านั้น แต่รวมถึงร่างกายทั้งหมด รวมถึงหมัดและเท้าด้วย มีแม้กระทั่งเทคนิคที่ใช้ลักษณะของการต่อสู้ซึ่งรวมถึงการใช้ดาบเป็นเพื่อช่วยคว้าปลอกคอของคู่ต่อสู้

 

นั่นคือเหตุผลที่ฉันตระหนักว่าแขนที่ไม่ได้ถือดาบก็มีความสำคัญเช่นกัน ไม่ว่าจะถือดาบด้วยมือทั้งสองข้าง เพื่อเบี่ยงเบนดาบของศัตรู เพื่อปราบศัตรูมือเปล่า หรือจับใบมีดของศัตรู

 

มีมากมายจนฉันไม่สามารถจดจำได้ทั้งหมด

 

“ฮึ!”

 

– ตุ้บ!

 

ในตอนนั้น เธอปัดดาบของฉันออก เธอเกือบจะบดขยี้ฉัน โดยไม่ลืมการทำอะไรแปลกๆ โดยจ่อดาบมาที่คอของฉันแล้ว…

 

“นายตายแล้ว”

 

…บอกฉันว่าฉันตายหลังจากชนะฉัน

 

“เธอตัวหนักนะ รู้มั้ย….”

 

แม้ว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งของวิชาดาบ แต่ช่วยอย่าขึ้นขี่ฉันแบบนั้นได้มั้ย ระหว่างที่เราฟาดฟันกัน เอลเลนแสดงให้ฉันเห็นหลายๆ วิธีในการเอาชนะด้วยดาบ คราวนี้เธอแสดงให้ฉันเห็นบางอย่างที่น่าตะลึง

 

“……เธอกำลังเยาะเย้ยฉันอยู่หรือเปล่าฮะ?”

 

“อะไร?”

 

“ตอนนี้คุณกำลังถือดาบกลับหัวเพื่อเอาชนะฉันรึเปล่า”

 

เธอถือดาบของเธอและตีฉันที่ศีรษะด้วยด้าม เมื่อฉันเห็นแบบนั้น ฉันรู้สึกว่ามันไร้สาระ

 

เอลเลนส่ายหัว

 

“…มันเป็นวิธีใช้มันจริงๆ กับศัตรูที่ติดอาวุธหนัก”

 

“มีเทคนิคแปลกๆ แบบนี้ด้วยในการใช้ดาบด้วย? เกิดอะไรขึ้นถ้ามันตัดมือขึ้นมาล่ะ?

 

“มันไม่ตัดง่ายๆ หรอก”

 

เอลเลนบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้เพียงเพราะนี่คือดาบฝึกหัด แต่ฉันไม่ไว้ใจเธอ 100% เรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม อย่างที่ฉันรู้อยู่แล้วจากประสบการณ์ตรง เอลเลนไม่ได้อยู่ในระดับที่ต้องเรียนวิชาดาบเหมือนเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ

 

เอลเลนพยายามสอนฉันเกี่ยวกับทักษะการใช้ดาบของเธอ รวมถึงวิธีปราบศัตรู และบอกให้ฉันลองทำดูด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอทุบตีฉันมากเสียจนไม่สามารถนับจำนวนการพ่ายแพ้ของฉันได้อีกต่อไป ดังนั้นในท้ายที่สุด เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอธิบายให้ฉันฟังอย่างช้าๆ

 

เธอสอนฉันถึงวิธีหักเหดาบ วิธีใช้แขนซ้ายของฉันโดยไม่ถือดาบ และสุดท้ายก็คล้ายกับเทคนิคการโค่นล้มเพื่อทำให้คู่ต่อสู้ล้ม ซึ่งดูเหมือนพวกเขาออกมาจากเกมศิลปะการต่อสู้เลย

 

ถึงกระนั้นฉันก็เริ่มสงสัยว่าฉันจะทำสิ่งเหล่านี้ได้มั้ยนะ

 

“นายช้าเกินไป และท่าทางของนายก็งุ่มง่าม”

 

แม้ว่าฉันจะถูกบดขยี้ภายใต้เธอ เอลเลนก็ส่ายหัวราวกับว่าไม่เป็นเช่นนั้น ไม่สิ ถ้าฉันเป็นเด็กวัยรุ่นจริงๆ ฉันคงตื่นเต้นมากที่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้!

 

เธอไม่เห็นหรือว่า เลขที่ 5 คลิฟฟ์แมน ซึ่งยืนอยู่ข้างเราในขณะนี้ กำดาบของเขา กำลังดูเราโดยสงสัยว่าเรากำลังทำอะไรอยู่? เธอไม่เห็นเขาเหรอ?

 

เดี๋ยวก่อน

 

ทำไมเธอถึง

 

เธอมองมาที่ฉันราวกับว่าฉันเป็นแค่เด็กเหลือขอ!

 

“อีกครั้ง”

 

ไม่ใช่แค่ฉัน แม้แต่เอลเลนก็เหงื่อท่วมตัวเช่นกัน เพราะเธอคอยช่วยฉันมานานแล้ว

 

ฉันคิดว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสม คู่ต่อสู้ของฉันหยิ่งมากและเห็นฉันเป็นแค่เด็ก

 

ผลที่ตามมา

 

“แขนฉันจะฉีกแล้ว!”

 

“มันจะไม่แน่นอน”

 

เราทั้งคู่จดจ่ออยู่กับการฝึกทักษะดาบและบทเรียน

 

* * *

 

วันที่ดวลกันคือหลังเวลาอาหารกลางวันของวันอาทิตย์

 

และตั้งแต่วันศุกร์ เอลเลนบังคับให้ฉันทำอะไรแปลกๆ

 

“จับไว้ให้แน่น”

 

-ปัง!

 

“!”

 

เธอกระแทกเข้ากับด้านข้างของดาบที่ฉันถืออยู่ในขณะที่เล็งไปข้างหน้า

 

ดาบฝึกหัดซึ่งรอดพ้นจากเงื้อมมือของฉัน กระทบพื้นโรงยิม

 

“ทุกเทคนิคในโลกนี้ไร้จะประโยชน์ทันทีหากนายทำดาบหลุดมือ”

 

หากสูญเสียไป คุณจะจบลงด้วยการตาย

 

“การยึดเกาะของนายยังอ่อนแอเกินไป”

 

การจับของฉันอ่อนแอมากจนฉันจะเสียดาบด้วยการตีเพียงครั้งเดียวแบบนั้น เอลเลนพยายามทดสอบแรงจับของฉันเมื่อวันศุกร์ เธอจึงกระแทกดาบของฉันออกไปแทนที่จะกดข่มฉัน โดยต้องการให้ฉันจับดาบให้แน่นที่สุด

 

ไม่เพียงแต่มือของฉันรู้สึกซ่าๆ เท่านั้น ยิ่งเราฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง การจับของฉันก็ยิ่งอ่อนแอลง

 

และ

 

เราทำอย่างนั้นมานานแค่ไหนแล้วนะ? เมื่อเอลเลนฟาดดาบของฉันอีกครั้ง ดาบก็แตกเป็นเสี่ยงๆ

 

“อะ อะไรน่ะ…?”

 

เมื่อดาบหัก มือของฉันก็ไม่เจ็บ แต่เธอฟาดแรงจนทำลายดาบได้จริงๆ หรือ? เอลเลนมองไปที่ดาบฝึกหัดที่หักและหยิบชิ้นส่วนที่เหลือขึ้นมา

 

“ดาบฝึกหัดมักจะไม่ทนทานเท่าไหร่ มันแตกหักง่าย”

 

ดูเหมือนว่าเธอจะทำหักไปสองสามอันก่อนหน้านี้แล้ว

 

“นี่คือสิ่งที่วิหารใช้เหรอ?”

 

“มันคงเป็นปัญหาถ้าดาบฝึกหัดมีคุณภาพที่สูงเกินไป”

 

มันจะเป็นปัญหาใหญ่ถ้าใครได้รับอันตรายจากการใช้สิ่งเหล่านี้ และดูเหมือนว่าพวกเขาจงใจใช้วัสดุคุณภาพต่ำเพราะหากทนทานเกินไปก็ไม่มีอะไรดีตามมา แม้ว่ามันจะไม่มีข้อได้เปรียบ แต่ก็สามารถกลายเป็นอาวุธไม่มีคมได้หากใช้ความแข็งแกร่งเพียงพอ

 

“อย่าปล่อยดาบของนายสิ”

 

“มันไม่ได้ทำง่ายอย่างที่คิดนะเฟ้ย”

 

หลังจากที่ดาบหักฉันก็ล้มลงบนพื้น ฉันไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไปเพราะมือของฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะหัก

 

แรงยึดเกาะเป็นสิ่งสำคัญ

 

ดังนั้น เอเดรียน่าจึงมุ่งเน้นไปที่ความแข็งแรงในการยึดจับระหว่างการฝึกร่างกายของเธอ เธอยังคงฝึกฝนการยึดจับของเธอ โดยกล่าวว่าการยึดจับที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้ด้วยดาบ

 

วันนี้เอลเลนทำการทดสอบต่อไปว่าฉันจะทำดาบหลุดมือมั้ยโดยการตีมันในมุมต่างๆ

 

คลิฟฟ์แมนก็กลับไปพักผ่อนด้วย ดังนั้นในโรงยิมจึงมีแค่เราสองคน แน่นอนว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่เราสามคนเสมอไป เบอร์ทัสและอีริชก็มาฝึกด้วยในบางครั้ง

 

เบอร์ทัสยิ้มแปลกๆ บนใบหน้าเมื่อเห็นฉันฝึกกับเอลเลน เขาไม่ได้พูดอะไรมากเกี่ยวกับการดวลที่ฉันวางแผนไว้ แม้ว่าเขาจะดูภูมิใจเล็กน้อยที่ได้เห็นฉันพยายามฝึก

 

เขาคงประทับใจในการเฝ้าดูผู้ใต้บังคับบัญชาหมายเลข 1 ของเขาทำได้ดีแม้ว่าจะถูกปล่อยทิ้งไว้ตามลำพังก็ตาม

 

นอกจากนี้ เนื่องจากฉันจดจ่ออยู่กับการฝึกซ้อมเพื่อการดวลตัวต่อตัว ปัญหาบางอย่างของฉันก็หมดไป คนอื่นๆคงไม่อยากมายุ่งกับฉันตอนนี้สักเท่าไหร่

 

ถึงกระนั้น ทุกคนก็เฝ้ารอคอยวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้

 

มันเป็นวันที่ไอ้เจ้าโรคจิตไรน์ฮาร์ดจะถูกสั่งสอน ทุกคนที่เกลียดฉันจะมาดูการต่อสู้แน่นอน

 

“นายจะแพ้”

 

จู่ๆ เอลเลนก็บอกฉัน ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้พูดอะไรเลยจนถึงตอนนี้เกี่ยวกับการต่อสู้ของฉัน

 

มันคงเป็นเรื่องแปลกสำหรับเธอที่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆฉันถึงจดจ่อกับการฝึกแบบนั้น

 

“ฉันรู้อยู่แล้ว”

 

ทุกคนบอกฉันว่าฉันจะแพ้ และฉันก็รู้ดี เอลเลนก็รู้ว่าฉันไม่มั่นใจเรื่องนี้เหมือนกัน แล้วทำไมจู่ๆ เธอถึงพูดเรื่องนี้ล่ะ?

 

“นายต้องการที่จะชนะมั้ย?”

 

เธอถามฉันอย่างนั้น ฉันไม่รู้ว่าเธอมีเจตนาอะไร แต่การเห็นเอลเลนถามแบบนี้ แสดงว่าเราสนิทกันมากขึ้นหรือเปล่านะ?

 

ฉันอยากจะชนะ

 

“ก็ตามปกติน่ะ”

 

คงจะดีถ้าฉันสามารถชนะได้ แต่ไม่ว่าจะชนะหรือไม่ก็ตาม ฉันจะได้รับคะแนนเป็นสามเท่าเป็นรางวัล เอลเลนไม่แม้แต่จะมองมาที่ฉันด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ เธอก็หันมาจ้องที่ฉันตรงๆ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่สงบนิ่งของเธอจ้องมองมาที่ฉัน

 

เธอช่างงดงามจริงๆ

 

“ฉันรู้วิธีที่จะทำให้นายชนะ”

 

“…พูดอะไรของเธอน่ะ?”

 

เธอหมายถึงอะไร? ไม่ว่าฉันจะคิดถึงเรื่องนี้มากแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่ฉันจะเอาชนะคนที่มีพรสวรรค์ด้านดาบระดับสูงในหมู่นักเรียนชั้นปีที่สองได้หรอก ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เอลเลนดูเหมือนจะรู้อย่างน้อยหนึ่งวิธีที่ทำให้ฉันชนะการดวลครั้งนี้

 

“มันคืออะไร?”

 

“……คิดให้ดีว่าการดวลคืออะไร”

 

นั่นคือทั้งหมดที่เอลเลนพูด

 

“เดี๋ยวก่อน เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย”

 

ฉันถามว่าเธอหมายความว่ายังไง แต่เธอก็ปิดปากไว้ราวกับว่าเธอไม่ต้องการบอกฉันมากกว่านี้

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

Status: Ongoing
หลังจากที่ตายนักเขียนนิยายสุดห่วยได้ถูกส่งไปเป็นหนึ่งในตัวละครของนิยายของเขา “ให้ตายเถอะ!! ทำไมฉันถึงต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย!” ด้วยความโชคร้าย ตัวละครที่ได้จากการสุ่มนั้นคือเจ้าชายปีศาจ ตัวละครที่ไม่มีในเรื่อง ไม่ใช่แม้กระทั่งตัวประกอบด้วยซ้ำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน