“นึกขึ้นได้พอดีเลยเเฮะ จะว่าไปตอนที่ชั้นกระโจนไปหาโทโจวอินซังดันเผลอขัดจังหวะเซย์จังที่กําลังพูดอยู่ซะได้ ต้องขอโทษด้วยนะ ตอนนั้นเธอมีอะไรจะคุยกับชั้นรึเปล่า?”
“หือ? อะ.. อ้อ! อะไรกัน เมื่อตอนนั้นเหรอ ฉันเเค่พยายามเสนอให้พวกเรารีบตามสองคนนั้นไปเท่านั้นเเหละ!”
“งี้นี่เอง ถึงอย่างนั้นก็ให้ชั้นขอโทษสักหน่อยเถอะที่ดันไม่คํานึงถึงเธอเเละวิ่งไปตามอําเภอใจ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า… ยังไงสุดท้ายพวกเราก็มาบรรจบกันที่นี่อยู่ดีนั่นเเหละ”
การที่พวกเราสามารถมองสามคนนั้นฆ่าเเกงกันอย่างดุเดือดได้เเบบนี้ นั่นก็เพราะผมกับเซย์จังเองก็อยู่ในสถานที่อันสว่างไสวเเห่งนี้เช่นเดียวกับพวกเขา
เเสงจากไฟประดับมากมายลอดเล้นเข้ามาในสายตา มันช่างเจิดจรัสเหลือเกินสําหรับผม
“…สวยจัง”
“อา เห็นด้วยสุดๆเลยล่ะ”
ผมเเละเซย์จังต่างเคลิบเคลิ้มในความงดงามอันน่าอัศจรรย์ของไฟประดับทั้งหลายที่เรียงรายอยู่สักพัก…
เเต่ทําไมกันนะผมกลับทําได้เเค่เพียงจ้องใบหน้าด้านข้างของเซย์จังที่เอาเเต่มองไปทางเเสงไฟเหล่านั้นอย่างไม่วางตา
ใบหน้าด้านข้างของเธอที่ถูกเเต่งเเต้มไปด้วยเเสงอันเปล่งประกาย ดูสง่างามเหนือสิ่งอื่นใด… การได้มองสีหน้านั้นของเธอ น่าหลงใหลยิ่งกว่าหลอดไฟประดับอันเป็นเอกลักษณ์ของสวนสนุกซะอีก
“…เอิ่ม? ฮิซามูระ ทําไมนายถึงเอาเเต่ส่งสายตามาทางนี้ตลอดเลยล่ะ?”
หลังจากเวลาผ่านไปไม่กี่นาที เซย์จังที่รู้สึกถึงสายตาอันร้อนเเรงของผมเอ่ยกล่าวออกมาเช่นนั้นอย่างอายๆ
“หุหุ โทษที สงสัยชั้นจะตกหลุมรักเซย์จังอีกรอบเเล้วล่ะ”
“งะ!? คะ.. คนอย่างนายนี่มัน…”
ใบหน้าของเซย์จังร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง เเต่คงเพราะคุ้นชินกับมันเเล้วมั้ง เธอจึงไม่ได้ดูอารมณ์เสียขนาดนั้น
เเม้เธอจะพยายามเบี่ยงสายตาไปยังเเสงไฟเพื่อเเก้เขิน เเต่ก็มีบ้างที่เเอบชะเง้อมองมาทางนี้ จะน่ารักไปถึงขนาดไหนเนี่ย!
“เซย์จัง… ขอชั้นสารภาพอีกรอบที่นี่ได้ไหม?”
“ระ.. เรื่องอะไรล่ะ?”
จนถึงเมื่อกี้พวกเราทั้งคู่ต่างมองไปยังเเสงไฟจุดเดียวกัน ก่อนที่ผมจะตัดสินใจหันมาเผชิญหน้ากับเซย์จังอีกรอบ
ต่อให้เซย์จังจะรู้สึกประหม่าเพียงใด เธอก็ยังรวบรวมความกล้าเเละหันหน้าเข้าหาผม
ดวงตาของพวกเราทั้งคู่ดึงดูดเข้าหากัน
รู้สึกกระวนกระวายใจซะจนขาเเทบสั่น
ถึงผมจะเคยสารภาพรักกับเซย์จังที่ห้องเรียนเมื่อวันก่อนก็จริง
เเต่พูดตามตรงที่ตอนนั้นผมทําลงไปได้เพราะคิดว่ามันเป็นเเค่ฝันหรอก
ตัวเองผู้โง่เขลาในอดีตไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าตนจะหลุดเข้ามาในโลกของมังงะ เอาเเต่ตัดสินตามใจชอบว่าเป็นความฝันเเละตะโกนบอกรักเซย์จังออกไปดื้อๆ
เเต่ตอนนี้มันไม่ใช่อีกเเล้ว… ผมรับรู้ว่าโลกใบนี้กลายเป็นความจริง เเถมคนที่ผมรักที่สุดในโลกอย่างเซย์จังยังยืนอยู่ตรงนี้อีก
ถ้าเทียบกับตอนนั้นที่เป็นเเค่การตะโกนบอกรักตัวละครโปรดในมังงะน่ะ มันต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ไม่เหมือนตอนที่อ่านมังงะ ความรักที่ผมมีให้เธอไม่ใช่ในฐานะตัวละครๆนึงจากมังงะอย่าง ชิมาดะ เซย์ อีกเเล้ว เเต่เป็น ชิมาดะ เซย์ ที่เป็นเด็กสาวคนนึงต่างหาก
นี่คือคําสารภาพรักจากก้นบึ้งของหัวใจของ… ฮิซามูระ สึคาสะ ที่มีต่อ ชิมาดะ เซย์
“ชั้นชอบเซย์จังนะ”
“…”
“เซย์จังที่ปกปิดความรู้สึกของตัวเองเพื่อฟุจิเสะที่เป็นเพื่อนรัก เเถมยังสนับสนุนเธอจากใจจริงได้ ชั้นรักเซย์จังคนนั้นที่ทั้งใจดีเเละอ่อนโยนที่สุดเลย ในขณะเดียวกันเธอก็เก็บกดความรู้สึกไว้กับตัวเองมากเกินไป ตรงจุดนั้นดูเหมือนชั้นจะชอบไม่ลงสักเท่าไหร่… เพราะงั้นเเหละชั้นถึงอยากจะเป็นกําลังให้เธอ อยากทําทุกวิถีทางเพื่อให้เธอมีความสุข”
ถึงจะเขินสุดๆเลยก็เถอะ เเต่ผมก็พ่นคําพูดเหล่านั้นออกมา ในขณะที่สบตากับเซย์จังอย่างไม่ลังเล
ดวงตาที่ปริ่มไปด้วยนํ้าตาของเซย์จังจับจ้องกลับมาทางผม
“ชั้นชอบทุกอย่างที่เป็นเธอ เซย์จังลุคปกติที่ดูคูลเเละเท่ เซย์จังที่บิดตัวเขินจนหน้าเเดงกํ่าไปถึงใบหู เซย์จังที่ทานของหวานด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข หลังจากที่สารภาพรักออกไป ชั้นก็ได้รู้จักด้านใหม่ๆของเธอมากขึ้น มันยิ่งทําให้ชั้นชอบเธอยิ่งกว่าเเต่ก่อนซะอีก”
“…”
“เซย์จัง ชั้นชอบเธอ! ช่วยคบกับคนอย่างชั้นหน่อยได้ไหม”
ผมเรียบเรียงความรู้สึกในใจเเละพูดออกไปจนจบ
หัวใจมันเต้นระรัวไม่หยุดราวกับจะกระเด็นออกมาจากอกอย่างไรอย่างนั้น
เซย์จังรับฟังคําสารภาพรักของผมอย่างตรงไปตรงมา เเม้ใบหน้าของเธอจะถูกย้อมเป็นสีเเดงเข้มจากความเขินอาย เเต่เธอก็ไม่คิดจะเบี่ยงหน้าหนีจากผมเเม้เเต่ครั้งเดียว
เหลือเเค่… รอฟังคําตอบจากปากเธอเท่านั้น
ถึงเซย์จังจะส่งสายตามาทางผมจนถึงตอนนี้ เเต่เพราะความอายชั่วขณะหรือยังไง เธอจึงเอนหน้าหนีเล็กน้อย ก่อนที่พวกเราจะกลับมาสบตากันอีกครั้ง
“ขอบ.. ใจนะ.. ดีใจสุดๆเลยล่ะ ถึงตอนที่นายสารภาพรักครั้งที่เเล้วมันจะกะทันหันไปหน่อย ฉันเลยสับสนจนพูดอะไรไม่ออก เเต่เมื่อตอนนั้น… ฉันเองก็ดีใจอยู่ดี”
จะว่าไปเหตุการณ์เมื่อครั้งนั้นท่าทีของเซย์จังลนลานอย่างเห็นได้ชัดเเละเธอก็รีบเผ่นหนีทันทีเลยนี่นะ
นึกว่าว่าเหตุผลเป็นเพราะคําสารภาพรักอย่างปุบปับกับผมที่เร่งเร้าเอาคําตอบเพราะเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความฝันซะอีก
เธอยังใส่ใจกับเรื่องพวกนั้นอยู่สินะ
“ฉันเองหลังจากได้ไปเที่ยวเล่นด้วยกันในวันนี้เเละยังคาเฟ่เมื่อคราวก่อนอีก ได้คุยกับฮิซามูระหลายๆเรื่อง… มันทําให้ฉันรู้สึกสนุกมากเลยล่ะ การที่ได้รู้จักเเละคุยสัพเพเหระกับนาย… เเถมยังได้เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าเดตเป็นครั้งเเรก ทําเอาคิดเลยว่าเรื่องที่สนุกเเบบนี้มันมีอยู่บนโลกด้วยเหรอ”
เซย์จังเอ่ยคําพูดเหล่านั้นด้วยความเขินอายที่ปิดบังไว้ไม่อยู่
เธอเบนสายตาจากผมอยู่หลายครั้งหลายคราว เเต่ไม่ว่าครั้งไหนเธอก็จะพยายามมองตรงมาทางผมเเละหันมาพูดอย่างตรงไปตรงมา
“นั่นสินะ ถ้าพูดให้ถูก… ไม่ใช่เดตหรอกที่ทําให้ฉันสนุก เเต่เพราะได้ไปไหนมาไหนกับนายต่างหาก… มีเเค่เดตกับฮิซามูระเท่านั้นที่ทําให้ฉันสนุกได้ถึงขนาดนี้”
“…”
มันมีผู้ชายหน้าไหนบนโลกที่ได้ยินสาวที่ชอบพูดเเบบนั้นใส่เเล้วไม่มีความสุขบ้างฟระ
ใจมันเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ ไม่ใช่เพราะความประหม่าเพียงอย่างเดียว… เเต่เพราะมีความคาดหวังเเทรกเข้ามา ใจที่เต้นรัวอยู่เเล้วของผมยิ่งสั่นไหวขึ้นไปอีก
“เเม้จะยังมีหลายเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างยังไม่รู้เเละฉันก็เชื่อว่าความรู้สึกของตัวเองคงไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่าที่ฮิซามูระมีให้ก็เถอะ… เเต่ความจริงที่ว่าในใจลึกๆฉันมีความรักให้นายก็ไม่มีวันเปลี่ยนเเปลง”
“…!”
“เพราะงั้นเเหละ! คือ… ฉันจะพยายามสุดกําลังเพื่อไล่ตามนายให้ได้…”
เซย์จังเงยหน้าเเละมองมาทางผมเเละกล่าวออกมาเช่นนั้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยคราบของหยาดนํ้าตาที่เอ่อล้น
“หากรับคนอย่างฉันได้– ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ…”
–ลมหายใจมันหยุดชะงักไปสักพักนึง
หูคงไม่ได้ฝาดไปสินะ?
“ปะ.. เป็นความจริงเหรอ? ธะ.. เธอจะยอมคบหาเป็นเเฟนกับชั้นเเน่เเล้วเหรอ?”
“ตะ.. ตามนั้น นั่นก็ถ้านายโอเคกับฉันล่ะนะ…”
“มีเเค่เซย์จังคนเดียวเท่านั้นเเหละที่ฉันอยากคบด้วยน่ะ”
“งะ.. งี้นี่เอง…”
“จะ.. จริงเหรอเนี่ย… เซย์จังคนนั้นยอมมาเป็นเเฟนสาวของเรา…?”
“งูยย… อย่าพูดออกมาง่ายๆเเบบนั้นสิ…”
เซย์จังก้มหน้าเเละบิดตัวไปมาอย่างอายๆ
นี่เราได้คบเป็นเเฟนกับเซย์จังผู้น่าร้ากปานนี้จริงๆเรอะ…
เด็กสาวที่ผมชอบที่สุดตั้งเเต่ก่อนมาโลกนี้ กระทั่งหลังมาโลกนี้ความรักที่มีให้เธอกลับยิ่งเพิ่มพูน ผมกําลังคบกับ ชิมาดะ เซย์ คนนั้น…
“ความสุขมันทะลัก… มีหวังตายเเหงๆ…!”
“กึก… นะ.. นายนี่นะเลิกพูดเรื่องพวกนั้นได้เเล้ว”
“เเต่ชั้นพูดจริงๆนี่… ได้เป็นเเฟนกับเซย์จังเเบบนี้ ต่อให้ตายก็ไม่สนเเล้ว…”
“…”
ขณะที่ผมนํามือทั้งสองทาบใบหน้าเเละหันมองท้องฟ้า จู่ๆก็รู้สึกถึงชายเสื้อที่ถูกดึงเบาๆโดยใครสักคน
พอผมเอามือทั้งสองข้างลงเเละหันกลับมา เซย์จังที่เข้าประชิดมาใกล้ซะยิ่งกว่าเดิมก็เข้าซบอกเเละดึงชายเสื้อเเจ็คเก็ตของผมด้วยนิ้วเรียวบาง
“ยะ.. อย่ามาพูดว่าจะตายสิ… นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่รึไงว่าจะทําให้ฉันมีความสุขน่ะ?”
“เเต่งงานกันเถอะ”
“เอ๊!?”
“อ๊ะ… พลาดหลุดปากไปซะได้ ไม่สิ… จะว่าพลาดก็ไม่เชิงเเฮะ”
หากว่าเเค่ความรู้สึกส่วนตัวของผมอย่างเดียว มันมากพอถึงขั้นอยากเเต่งงานด้วยเลยล่ะ
ก็นะ เล่นทําตัวอวดดีบอกว่าจะทําให้เธอมีความสุข มันก็ต้องคิดถึงขนาดนั้นอยู่เเล้ว
“เอ่อ… ถึงตอนนี้จะยังให้คําตอบเรื่องนั้นไม่ได้ก็จริง ไว้ดูความเข้ากันได้ของพวกเราต่อจากนี้ก่อนเป็นไง…”
“ระ.. รับทราบครับผม…”
เซย์จังที่รับฟังข้อเสนอบ้าๆของผมเเละตอบกลับอย่างจริงจัง ช่างน่ารักเกินไปซะจนผมหลุดพูดสุภาพเลยทีเดียว
เเฟนของตรูจะน่ารักเกินไปเเล้ว…!
เซย์จังเป็นเเฟนสาวของเราจริงๆเเล้วสินะ
มีความสุขซะจนตายตาหลับได้เลย… ไม่เอาสิ เราจะมาตายตอนนี้ได้ไงล่ะ
สาบานเลยว่าจะมีชีวิตต่อไปเเละทําให้เซย์จังมีความสุข
ว่าเเต่ตอนนี้เซย์จังกําลังเอามือจับชายเสื้อของผมเเละร่างของพวกเราเเนบชิดสุดๆเลยนี่หว่า
ถึงขนาดที่ว่าหากฝ่ายใดฝ่ายนึงก้าวเท้าออกไปข้างหน้าเเม้เเต่นิดเดียวร่างกายของพวกเราคงชนกัน
สงสัยเพราะเซย์จังหาจังหวะผละออกไม่ได้มั้ง เธอเงยหน้ามองมาทางผมจากด้านข้าง พอพวกเราสบตากันเธอก็รีบก้มหนีทันที… เป็นเเบบนั้นซํ้าไปซํ้ามา
…รู้สึกอยากโอบกอดเธอสุดๆเลย
“ไงดีล่ะ ขอฉันกอดเธอหน่อยได้ไหมนะ?”
“…อืม ได้สิ”
“…งั้นขออนุญาตล่ะนะ”
ในเมื่อได้รับอนุญาตเป็นที่เรียบร้อย ผมจึงนําเเขนที่สั่นเทิ้มของตนเองโอบไปที่หลังของเซย์จัง…
เเละกอดเธออย่างอ่อนโยน
สัมผัสที่ได้เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นเเละนุ่มนวล
ทําเอาอยากกอดเเบบนี้ไปตลอดเลย
อาจเพราะผมยังไม่มีความกล้ามากพอ ผมจึงทําได้เเค่กอดเธอด้วยเเรงที่เพียงพอสําหรับโอบหลังเธอไว้เท่านั้น
เเต่เเล้วอยู่ดีๆเซย์จังก็เริ่มใส่เเรงลงไปในเเขนของเธอที่โอบหลังผมอยู่เเละเริ่มกอดผมอย่างเเน่นเเฟ้นซะอย่างนั้น
“เอ่อ.. คุณเซย์จังครับ?”
“นะ.. นายเองก็รีบๆออกเเรงกอดให้มันดีกว่านี้สิ…!”
“…!”
อ่า.. เเย่เเล้ว… น่ารักโคตรๆ…
ผมทําตามที่เธอสั่งเเละใส่เเรงลงไปในเเขนที่โอบเเผ่นหลังของเธออยู่ ก่อนจะกอดเธอเเน่นๆหนึ่งที
“อึ๊ย..!?”
เสียงที่ดูลามกกว่าครั้งก่อนเล้นรอดออกมา… มีหวังทนไม่ไหวเเน่เรา
“โทษที เเป๊ปนึงเซย์จัง… พอดีเลือดกําเดามันไหลน่ะ…”
“เอ๊ะ!?”
ผมเลิกกอดเซย์จังชั่วคราว ก่อนจะนํามือมาอุดเลือดกําเดาที่ไหลของตนเองไว้เเละถอยห่างจากเซย์จังเพื่อไม่ให้มันโดนตัวเธอ
เซย์จังเองก็รีบผละตัวออกเเละหยิบทิชชู่ออกมากจากกระเป๋าสะพาย
“งะ.. ไหงอยู่ดีๆเลือดกําเดามันถึงไหลล่ะ…!”
“เซย์จังน่ารักเกินไปหน่อยน่ะเลยเผลอ…”
“…ถ้านายไม่ทําตัวให้ชินมันจะเป็นปัญหาเอานะ เเถมพวกเราก็ลุยไปอีกขั้นไม่ได้ด้วย… มะ.. ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งหรอกนะ!”
“…เซย์จังใจยักษ์ เธอคิดจะทําให้ชั้นสลบเหมือดเหมือนยูอิจิตรงนั้นรึไง?”
“มะ.. ไม่มีทางอยู่เเล้ว!”
“เอาเป็นว่า ดูเหมือนทิชชู่จะไม่พอนะ เพราะเธอพูดเมื่อกี้ตอนนี้ไหลนองไม่หยุดเลยล่ะ”
“ระ.. ร่างกายของนายไม่เเย่เหรอ?”
“คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ขืนตายเพราะเรื่องเเค่นี้ก็เกินไปหน่อย… ถ้าจําไม่ผิดมันก็มีเหมือนกันนี่นะ คนที่ตายเพราะเลือดกําเดาไหลเนี่ย เเต่ของฉันไม่ได้ออกเยอะขนาดนั้น อื้ม.. สบายหายห่วง”
เเม้จะเป็นบทสรุปที่น่าเบื่อไปสักหน่อย… เเต่ด้วยเหตุนี้ผมกับเซย์จังจึงได้คบหากันอย่างเป็นทางการ
ถึงจะพูดไปหลายรอบเเล้วก็เถอะว่าตอนนี้ผมมีความสุขซะจนตายก็ไม่เสียใจอะไร เเต่ที่สําคัญกว่านั้นคือการทําให้เซย์จังมีความสุขโดยไม่ตายต่างหาก
ติดตามเพจผู้เเปลได้ที่ Ao2Sides