ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 23 มาดูกันว่าเจ้าจะยื้อชีวิตตัวเองได้นานแค่ไหน!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 23 มาดูกันว่าเจ้าจะยื้อชีวิตตัวเองได้นานแค่ไหน!

บทที่ 23 มาดูกันว่าเจ้าจะยื้อชีวิตตัวเองได้นานแค่ไหน!

“อย่าตกใจ รีบต่อสู้กลับเร็วเข้า!”

“หลบการโจมตีซะ!”

ผู้บำเพ็ญในกลุ่มผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าหลิงเยว่เสียอีก พวกเขาทั้งหมดตะโกนให้หลิงเยว่สู้กลับหรือไม่ก็หลบการโจมตี

บางคนคิดว่าเด็กสาวกลัวมากจนขาแข็ง แล้วนางจะสู้กลับได้อย่างไร?

แต่ก็อย่างที่ทุกคนรู้ดี เสียงตะโกนของพวกเขาไปไม่ถึงลานประลองหมายเลขเก้าสิบเจ็ด

สาเหตุที่หลิงเยว่ไม่ขยับไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะในสายตาของนางลูกไฟลูกนั้นมันไม่ได้เร็วเลย เด็กสาวสามารถหลบมันได้อย่างง่ายดายด้วยการขยับไปด้านข้างเพียงเล็กน้อย

แต่นางไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก!

ลูกไฟลูกเล็กปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ ในมือของเด็กสาว จากนั้นจึงซัดลูกไฟเล็ก ๆ ในมือออกไปปะทะโดยไม่ลังเล ขณะเดียวกันเมล็ดพืชจำนวนหนึ่งกำมือก็กลิ้งไปที่เท้าของผาวฮุยโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว แม้แต่กลุ่มผู้ชมก็ไม่สังเกตเห็นเมล็ดพืชเม็ดจิ๋วเหล่านั้นด้วยซ้ำ

เมื่อผาวฮุยเห็นลูกไฟเล็ก ๆ ที่ปล่อยออกมาจากมือของหลิงเยว่เขาก็หัวเราะอย่างดูถูก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่มันไม่ต่างอะไรกับการทุบก้อนหินด้วยไข่

“สาวน้อยคนนี้ช่างโง่เขลาเสียจริง”

“เฮ้อ… ข้าคิดว่าข้าควรไปดีกว่า ไม่อยากเห็นภาพที่เด็กน้อยถูกลูกไฟระเบิดใส่จนร่างเละเป็นชิ้น ๆ!”

โห!!!

ทันทีที่ผู้บำเพ็ญพูดจบก็มีคนอุทานเสียงดัง

พวกเขาเห็นว่าลูกไฟลูกเล็กไม่ได้ถูกลูกใหญ่กลืนกิน ทว่าเมื่อลูกไฟทั้งสองปะทะกัน ลูกไฟลูกเล็กกลับขยายตัวและห่อหุ้มลูกไฟลูกใหญ่ไว้ก่อนจะพุ่งตรงต่อไปหาผาวฮุยที่กำลังมีสีหน้าดูถูกเหยียดหยามด้วยความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

เมื่อเป็นเช่นนี้ดวงตาของเด็กหนุ่มก็เต็มไปด้วยความกลัว เขาสัมผัสได้ว่าลูกไฟที่กำลังมานั้นรุนแรงและร้อนยิ่งกว่าลูกไฟที่ตนขว้างออกไปก่อนหน้านี้เสียอีก เขาจึงหันหลังกลับ คิดอยากจะหลบหนี แต่กลับรู้สึกว่าขณะนี้เท้าของตนหนักมากเสียจนไม่อาจก้าวขาออกไปได้

แน่นอนว่าในขณะนี้มีเถาวัลย์เล็ก ๆ นับไม่ถ้วนพันรอบเท้าของเขา ผาวฮุยรีบควักมีดออกมา ทว่าในขณะที่กำลังจะตัดเถาวัลย์ ลูกไฟก็พุ่งมาถึงตัวของเขาแล้ว!

ด้วยเสียง ‘ตูม!’ ลูกไฟก็ระเบิดดังสนั่น

“อ๊าก!!”

เสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของผาวฮุยเสียดแทงแก้วหู

หลิงเยว่ถอยหลังอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าซีดเซียว

ผาวซ่านซึ่งนั่งชมอยู่ลุกขึ้นยืนและมองหลิงเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น

“ฆ่าเขาให้ตายในขณะที่เขากำลังพลาด หลิงเยว่!”

“หยุดตะโกนได้แล้ว นางไม่ได้ยินเจ้าหรอก!”

ลู่เป่ยเหยียนปิดหูของเขา เขาอยู่ห่างจากอวี้เจินที่กำลังตะโกนเหมือนคนบ้าจนสุดปอด

โม่จวินเจ๋อรู้ว่าทำไมหลิงเยว่ไม่คว้าโอกาสนี้

“นางยังไม่เคยฆ่าใคร” ว่านอวี้เฟิงแสดงความเข้าใจทันที แต่ในฐานะผู้บำเพ็ญ ผู้ใดจะไม่เคยมีเลือดติดมือบ้าง?

สิ่งที่โลกบำเพ็ญเซียนนี้เน้นย้ำก็คือ ข้าจะไม่รุกรานผู้อื่น เว้นแต่พวกเขาจะทำให้ข้าขุ่นเคือง หากมีใครทำให้ขุ่นเคือง ทั้งกลุ่มของคนผู้นั้นจะต้องถูกถอนรากถอนโคน!

หลิงเยว่จะต้องเอาชนะอุปสรรคนี้ให้ได้ก่อน!

ในท้ายที่สุดเด็กสาวก็ไม่คว้าโอกาสนี้และปล่อยให้ฝ่ายชายเดินออกจากทะเลเพลิง

ขณะที่ผาวฮุยเดินออกมา เขาได้ประทับมือและท่องวัจนะอย่างแผ่วเบา พลันเกิดแสงสีฟ้าเย็นเยียบขึ้นใต้ฝ่าเท้าของเขา

“หืม! เด็กคนนี้กำลังอัญเชิญอสูรรับใช้มางั้นหรือ?”

“เด็กโง่ เจ้ารีบขัดขวางเขาเร็วเข้า!”

แม้จะรู้ว่าคนบนลานประลองจะไม่ได้ยินพวกเขาก็ตาม ทว่าผู้ชมก็ยังคงกรีดร้องด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

เดิมทีระดับการฝึกตนของหลิงเยว่ต่ำกว่าผาวฮุยอยู่แล้ว นางควรใช้ประโยชน์จากการเพลี่ยงพล้ำของคู่ต่อสู้ในการฆ่า แต่เด็กสาวกลับถอยเสียอย่างนั้น!

กระทั่งตอนนี้ที่คู่ต่อสู้กำลังจะเรียกอสูรรับใช้ออกมา นางก็ยังไม่คิดจะหยุดอีกฝ่าย!

ผู้ชมต้องการเปิดสมองของหลิงเยว่ดูเหลือเกินว่ายังมีสติอยู่ข้างในนั้นหรือไม่!

งูน้ำแข็งยักษ์สองหัวสีน้ำเงินผุดขึ้นมาจากพื้นดิน การปรากฏตัวของมันทำให้อุณหภูมิบนลานประลองลดลงทันที

“อสรพิษสองหัวระดับสาม ซ้ำยังเป็นธาตุน้ำแข็งที่หายากอีก!”

“ดูเหมือนว่าผู้ดูแลผาวจะทุ่มทุนอย่างมากเลยนะนี่!”

ผาวฮุยที่มีสภาพสะบักสะบอมกระโดดขึ้นไปบนหนึ่งในหัวงู ชี้ไปที่หลิงเยว่พลางพูดอย่างชั่วร้าย “ฉีกนางให้เป็นชิ้น ๆ!”

อสรพิษสองหัวที่ดุร้ายพ่นละอองน้ำแข็งสีน้ำเงิน พลางเหวี่ยงหางยาวไปทางหลิงเยว่ไปพร้อม ๆ กัน

หลิงเยว่ไม่ได้ตื่นตระหนก เพียงแต่ใช้วิชาเคลื่อนคล้อยไร้ลักษณ์อย่างใจเย็นเพื่อหลบการโจมตี

“มาดูกันว่าเจ้าจะยื้อชีวิตตัวเองได้นานแค่ไหน!”

“ตรึงร่าง!”

เมื่อผาวฮุยท่องวัจนะตรึงร่างสำเร็จ ร่างกายของหลิงเยว่ก็ถูกตรึงให้แข็งค้างอยู่กับที่ และตรงหน้าเด็กสาวคือปากงูขนาดใหญ่ที่สามารถกลืนกินคนทั้งตัวได้

หลิงเยว่เงยหน้าขึ้น รูม่านตาพลันหดตัว นางไม่มีเวลาเหลือพอจะคลายวัจนะตรึงร่างอีกแล้ว ทันใดนั้นเด็กสาวก็ถูกงูยักษ์กลืนกินไปทั้งร่างในคราวเดียว!

“มันจบแล้ว”

ลู่เป่ยเหยียนทรุดตัวลงบนเก้าอี้และหลับตาลง

ผู้บำเพ็ญหลายคนก็มีความเห็นอย่างเดียวกัน

“ยังไม่จบ ศิลาชี้ชะตายังไม่ได้ประกาศอะไรออกมาเลย!”

มือของหลงหว่านโหรวที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกว้างกำลังกำหมัดแน่น นางไม่เชื่อว่าศิษย์น้องห้าที่ได้รับการเคี่ยวกรำมาทั้งเดือนจะตายจากปากอสรพิษสองหัวง่าย ๆ เช่นนี้

ผาวฮุยยืนอยู่บนหัวงูและหัวเราะอย่างสะใจ

“ศิลาชี้ชะตาประกาศเร็ว ๆ เข้าสิ ว่าข้าเป็นผู้ชนะแล้ว!”

ศิลาชี้ชะตายังคงเงียบงัน ซึ่งหมายความว่าหลิงเยว่ยังมีชีวิตอยู่หลังจากถูกกลืนกิน

ข้าเดาว่าผู้ชนะคงจะถูกประกาศหลังจากอีกฝ่ายหมดลมหายใจจริง ๆ สินะ

ผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่ส่ายหน้าและเดินออกไปพร้อมกับถอนหายใจ ผู้บำเพ็ญขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นห้าที่มีร่างกายเปราะบางจะมีความสามารถมากพอออกมาจากท้องของอสรพิษสองหัวได้อย่างไรกัน?

ถ้าเป็นผู้ฝึกกายาหรือผู้ฝึกกระบี่อาจจะเป็นไปได้

แน่นอนว่าหากอนุญาตให้ใช้อาวุธวิญญาณ แผ่นค่ายกล หรือยันต์ในการต่อสู้นี้ โอกาสที่หลิงเยว่จะออกมาจากท้องของงูยักษ์ก็อาจจะมีมากขึ้น ทว่าน่าเสียดาย…

เจ้าของทักษะลูกไฟที่น่าทึ่งและวิชาเคลื่อนไหวที่น่าตื่นตาเมื่อครู่นี้ ถูกกลืนลงไปอยู่ในท้องของงูเสียแล้ว

แต่โม่จวินเจ๋อกำลังรอดูอยู่

บุคคลผู้ยิ่งใหญ่อีกสามคนบนก้อนเมฆก็รออยู่เช่นกัน

ผู้บำเพ็ญบางคนที่ยังอยากเห็นปาฏิหาริย์เกิดขึ้นก็รออยู่เช่นกัน

จนกระทั่ง…

ต้นกล้าเล็ก ๆ ที่สั่นเทาโผล่ออกมาจากหลังของงู เห็นดังนี้โม่จวินเจ๋อก็ยกมุมปากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

หลิงเยว่ผู้นั้นไม่เคยบ่นอะไรสักคำเมื่อถูกทุบตี เพราะเด็กสาวไม่มีวันยอมแพ้ เขามั่นใจ

ในไม่ช้า ต้นกล้าสีเขียวอ่อนก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

อสรพิษสองหัวมีตันกล้าขึ้นตามตัวเต็มไปหมด!

สิ่งนี้ทำให้เหล่าผู้ชมแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา

อสรพิษสองหัวที่ในตอนแรกที่ดูเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยจู่ ๆ ก็กรีดร้องเสียงดัง ก่อนกลิ้งตัวถูกับพื้นลานประลอง พยายามสลัดต้นกล้าที่เติบโตบนตัวมันให้หลุดออก!

แน่นอนว่าผาวฮุยก็ถูกงูที่กลิ้งตัวไปมากับพื้นนั้นสะบัดออกไปกองอยู่ที่พื้นไกลออกไป สีหน้าของเขาเผยความงุนงงเป็นอย่างมาก ดวงตาพลันเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นต้นกล้าอ่อนสีเขียวงอกขึ้นทั่วตัวอสูรรับใช้ของเขา

เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน?!

นี่คือความคิดของเหล่าผู้ชม

รวมถึงผู้อาวุโสของสำนักสายในและสายนอกที่มาดูความสนุกสนาน แม้แต่ชิงยวนก็ถอนหายใจเบา ๆ

นี่เป็นวิชาแบบไหนกัน?

รากอันละเอียดอ่อนของต้นกล้าอ่อนนั้นฝังลึกอยู่ในเนื้อหนังของอสรพิษสองหัว ไม่ว่ามันจะดิ้นรนแค่ไหนต้นกล้าก็ไม่หลุดออกไป ต้นกล้าทั้งหมดดูดซับปราณในร่างของงูอย่างร่าเริง และรากก็แผ่กระจายไปทั่วร่างของงู

หลิงเยว่ที่ถูกกลืนเข้าไปกำลังหลับตาและนั่งขัดสมาธิในท้องงู แม้ว่ากลิ่นในนี้จะน่าขยะแขยง แต่นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับมัน จิตใจยังคงมุ่งไปที่การควบคุมเหล่าต้นกล้าเท่านั้น

นี่เป็นครั้งแรกที่นางใช้ต้นกล้าเป็นปรสิตจำนวนมากเช่นนี้ ทำให้ปราณในร่างของหลิงเยว่ก็ลดลงฮวบฮาบ

อสรพิษสองหัวที่แต่เดิมอ้วนท้วนนั้นผอมแห้งอย่างรวดเร็ว และพวกต้นกล้าที่ดูดกลืนปราณของงูก็เติบโตอย่างรวดเร็ว

ผาวฮุยรู้สึกว่าปราณของเขาถูกอสรพิษสองหัวดูดกลืนไปเช่นกัน ซึ่งทำให้ตนเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ

“รีบสะบั้นสัญญากับงูนั่นซะ!” ผาวซ่านตะโกนด้วยดวงตาสีแดงเลือด

เขาไม่รู้ว่าหลิงเยว่ไปเรียนวิชาร้ายกาจนี้มาจากไหน แต่ถ้าปล่อยให้ต้นกล้าเติบโตมากไปกว่านี้ ผลที่ตามมาและค่าใช้จ่ายที่จะต้องเผชิญนั้นร้ายแรงกว่ามาก ร้ายแรงเกินกว่าเขาจะรับได้

นั่นมันลูกชายแท้ ๆ ของเขาเชียวนะ!

ผาวฮุยไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าหากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ปราณจะต้องหมดอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงตัดสัญญากับอสรพิษสองหัวอย่างเด็ดขาด

เมื่อไม่มีแหล่งปราณคอยสนับสนุน อสรพิษสองหัวก็คำรามและความกลัวตายก็ทำให้มันคลั่งทันที มันเริ่มพ่นน้ำแข็งไปรอบ ๆ อย่างไม่เลือกเป้าหมายและพ่นใส่ตัวเองด้วยต้องการปลิดชีพตน

ผาวฮุยที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนจึงคลานไปที่มุมลานประลอง เขาอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นอสรพิษสองหัวที่กำลังบ้าคลั่งไปทั่ว ใช่แล้ว นี่แหละคือวิธีที่ดีที่สุด ระเบิดตัวเองฆ่านังหลิงเยว่นั่นไปด้วยกันเลย!

คำอธิษฐานของผาวฮุยได้ผล และอสรพิษสองหัวไม่สามารถทนต่อการทรมานเช่นนี้ได้ มันจึงระเบิดตัวเองขึ้นมาจริง ๆ!

ตูม!

ปราณน้ำแข็งสีฟ้าเต็มท้องฟ้าและปกคลุมลานประลองหมายเลขเก้าสิบเจ็ดทั้งหมด!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท