‘ลีนเอ๋ย โยมิ ช่วยเราที’
…วันนึง ผ่านมาประมาณ 3 เดือนแล้วหลังจากโยมิจัดการฆ่ามีอาไป พวกเราก็ได้ยินเสียงเหนื่อยอ่อนจากท่านจอมมาร เป็นเสียงแบบที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
ซึ่งก็เป็นตอนที่ฉันกำลังอ่านหนังสือพลางนั่งหลังชนหลังกับโยมิอยู่พอดี
‘…เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ท่านจอมมาร?’
‘ต้องขอโทษพวกเจ้าด้วย เราเข้าใจว่าตอนนี้พวกเจ้าอยู่ระหว่างหยุดพักร้อน แต่อย่างไรแล้ว พวกเจ้ามาที่ปราสาททีนะ… เอาไว้เรามาคุยรายละเอียดเพิ่มเติมกันที่นี่จะเป็นการดีกว่า……’
แล้วโทรจิตก็จบลงแค่นี้
“…เหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้นซักอย่าง หรือว่าสถานการณ์ในสงครามจะแย่ลงงั้นเหรอ…?”
“ไม่รู้สิ แต่ถ้าท่านจอมมารพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหนื่อยขนาดนี้ล่ะก็ คงเป็นเรื่องใหญ่แน่เลย …ไปกันเถอะ โยมิ ไปช่วยท่านจอมมารกันเถอะ”
“อื้อ แน่นอนอยู่แล้ว”
ทั้งฉัน ทั้งโยมิ… โดยเฉพาะโยมิน่ะ พวกเราทั้ง 2 คนติดหนี้บุญคุณท่านจอมมารอย่างใหญ่หลวงเลย
ถึงท่านจะตัวเล็ก แต่ท่านน่ะยิ่งใหญ่มากเลย
พวกเราคือกองทัพจอมมารที่ควรเป็นดาบเป็นโล่ให้ท่านนะ
ถ้ามีอะไรที่กวนใจท่านจอมมารล่ะก็ มันก็เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องช่วยจัดการสิ่งกวนใจเหล่านั้นให้ท่านสิ
ฉันกับโยมิก็มุ่งหน้าไปที่ปราสาทท่านจอมมาร ด้วยอารมณ์ตึงเครียดในใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“………ขอโทษนะคะ ฉันขอฟังอีกทีนึงได้มั้ยคะ?”
ห้องโถงแห่งจอมมาร
จะบอกว่าที่นี่เป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามารก็ไม่ใช่การพูดเกินไปเลย และฉันอาจจะเป็นคนแรกที่พูดออกมาโดยมีสีหน้าที่ดูติงต๊องแบบนี้เลยก็ได้
โยมิที่อยู่ข้างๆ ฉันเองก็ทำสีหน้าดูติงต๊องไม่ต่างกันเลย
“…ถูกต้องแล้ว …ในยามที่เราได้ยินเช่นนั้น เราเองก็มีสีหน้าไม่ได้ต่างไปจากเจ้าเลย…”
ท่านจอมมารที่นั่งอยู่ในเก้าอี้ตัวในสุดก็มองมาที่พวกเราด้วยสีหน้าที่บอกว่า ‘ใช่มั้ยหล้า~’
แล้วท่านก็พูดขึ้นด้วยสีหน้ารู้สึกผิดแต่ก็สง่างามว่า
“รูสเอ่ยว่าจะขอถอนตัว พวกเจ้าจงจัดการทำอะไรกับเรื่องนี้เสียด้วยล่ะ”
ท่านจอมมารพูดคำๆ เดิม เหมือนเดิมเป๊ะแบบคำต่อคำเลย
“…พวกเจ้าหาได้ฟังเราผิดไปไม่”
“ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากเป็นข้อผิดพลาดนะคะ”
“คือเรื่องดังกล่าวนี้ พวกเจ้าทราบกันใช่ไหมว่าเราไม่ได้เอ่ยหยอกล้อพวกเจ้าเล่นเลยแม้แต่นิด?”
“ฉันก็อยากให้มันเป็นแค่การล้อเล่นค่ะ”
นี่มันเกิดขึ้นจริงๆ เหรอเนี่ย?
“คือ ตอนนี้น่ะ พวกเรามาคุยรายละเอียดกันก่อนก็แล้วกัน……”
ตอนนี้ ผู้บริหารลำดับที่ 3 ของกองทัพจอมมาร ‘แม่ทัพแห่งเพลิงผลาญ’ รูส ดราเกรย์
ชายที่บ้าการต่อสู้ ซึ่งถือว่าหาได้ยากในกองทัพจอมมารที่มีแต่คนใจดีล่ะนะ
เขาเป็นเจ้าชายของเผ่ามนุษย์มังกร และเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมารด้วย
“…แล้วไหงคุณรูสถึงกลายไปเป็นฮิคิโคโมริได้กันนะ?”
“คุณรูสน่ะเป็นคนที่ไม่มีวิสัยทัศน์ ชอบมองแต่เป้าหมายระยะสั้น… ไม่ชอบวางแผนอะไร…… เราไม่เคยคิดว่าเขาจะทำเรื่องแบบนี้เลยนะเนี่ย เพราะเขาเป็นคนรักอิสระจะตาย”
“โยมิ การเลือกคำพูดของเจ้านับว่าน่าชื่นชม แต่เจ้าจะไม่พยายามเก็บสิ่งที่อยู่ในใจไม่ให้หลุดออกมาอีกซักหน่อยฤๅ?… อีกทั้ง ดูเจ้าจะเลือกใช้คำยากๆ บ่อยขึ้นเสียด้วยนี่”
ก็ ถ้าพูดง่ายๆ เขาก็เป็นคนบ้าๆ คนนึง
เป็นคนประเภทที่ไม่คิดอะไรล่วงหน้า หรือก็คือพวกที่ทำอะไรไปโดยไม่คิด… เป็นคนบ้าคนละแบบกับคุณอารอนล่ะนะ
จากที่ฉันเคยได้ยินจากท่านจอมมารมา เมื่อตอนที่คุณรูสเพิ่งขึ้นมาเป็นผู้บริหารครั้งแรก เขาไปท้าคุณเกรย์สู้ ก่อนจะโดนคุณเกรย์อัดซะยับเลยด้วย
ท่านจอมมารเอามือก่ายหน้าผาก ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เลย
“…เป็นดังที่เจ้าว่า เขานั้น… ในสงครามครั้งที่ผ่านมา เขาได้พ่ายแพ้ในการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งกับ 12 อัครสาวกคนหนึ่งมา”
…เข้าใจแล้ว ก็จริงนะ ฝีมือคุณรูสน่ะเป็นของจริงเลย เพราะงั้นในสมรภูมิ เขาถึงถือสถิติไร้พ่ายมาตลอด
แต่พอแพ้เข้าให้ เขาก็เลยช็อก จนขอถอนตัวเลย
อือ เป็นแบบนี้นี่เอง…
เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว-……
“……จิตใจจะเปราะบางเกินไปแล้วนะคะ!”
“จิตใจอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอ!? แพ้มาครั้งเดียวแล้วชีวิตจบสิ้นเลยหรือไงคะ!? ขนาดทั้งเราทั้งลีนเองก็แพ้เหล่าผู้บริหารมาเป็นร้อยๆ ครั้งเลยนะคะ!”
น- นี่ โกหกใช่มั้ยคะ ผู้บริหารของกองทัพจอมมาร!?
เจอแค่นี้ก็ถึงขั้นทิ้งการทิ้งงาน ขอถอนตัวแล้วเนี่ยนะ!?
“เป็นเช่นนั้นแล… เราก็ไม่เคยคิดเลยแม้แต่นิดว่านายนั่นจะมีจิตใจแสนเปราะบางได้ถึงปานนี้… อาการบาดเจ็บของเจ้าหมอนั่นได้หายสนิททั้งหมดแล้ว แต่กลับไม่ยอมออกจากห้องของคนเองมาได้ 1 สัปดาห์เต็มๆ เลยทีเดียว…”
“น- นี่ คงไม่ใช่ฆ่าตัวตายไปแล้วหรอกนะคะ ใช่มั้ยคะ…?”
“ไม่เลย ดูเหมือนว่าจะยังสามารถทานอาหารตามปกติ เราเห็นว่าเมดที่อยู่ที่นั่นก็ยังคงทำอาหารไปให้ทุกวันอยู่เหมือนอย่างเคย กลับกันเลยเสียด้วยซ้ำ เพราะมีการเขียนโน้ตบอกว่าอยากฝากให้ซื้ออะไรมาให้ที ใส่เอาไว้ในจานชามที่เขาทานเสร็จแล้วอีกต่างหาก…”
“นี่มันแค่นีทเลยนี่คะ! ยิ่งกว่านั่น มันยิ่งน่าหงุดหงิดที่เป็นนีทแล้วยังมีเมดมาดูแลอีกนะคะเนี่ย! ไประเบิดประตูห้องแล้วลากเขาออกมาเลยดีกว่าค่ะ!”
“เป็นดังเจ้าว่า… จักรพรรดิของเผ่ามนุษย์มังกร… กล่างคือ พ่อของรูสได้บอกกับเราว่า ‘ถ้าเป็นไปได้ ช่วยรอจนกว่าหัวใจของเจ้าลูกชายจะฟื้นฟูได้มั้ยครับ เขาไม่ได้จะถอนตัวเพราะเจ้าตัวอยากจะทำ เพราะเจ้าลูกชายเองก็ทำเต็มที่แล้วเหมือนกันครับ……’ จักรพรรดิของเผ่ามนุษย์มังกรเองก็เป็นอดีตผู้บริหาร เราเองก็เคยได้พึ่งพากำลังของเขามาเป็นเวลาไม่น้อยเช่นกัน ด้วยเหตุนั้น เราจึงไม่จะอาจเมินเฉยความต้องการของเขาได้…”
“โปรดอย่าโดนหลอกสิคะ! ท่านจอมมาร! นั่นมันคำพูดของผู้ปกครองที่ไม่ได้ความ ที่มัวแต่โอ๋ลูกที่ไม่ได้ความของตัวเองนะคะ!”
ทิ้งไว้แบบนี้ล่ะก็ ไม่ดีแน่
ถึงยังไง คุณรูสเองก็เป็นผู้บริหารของกองทัพจอมมารที่ยอดเยี่ยม และพรสวรรค์ในการเป็นผู้บัญชาการของเขาเองก็ใช้ได้เลย
ถ้าคุณรูสยังถอนตัวไปแบบนี้ สภาวะในสงครามจะต้องเปลี่ยนแปลงไปจนผิดปกติแน่ๆ ซึ่งแน่นอน ต้องไปในทางที่แย่ต่อพวกเรากองทัพจอมมารอยู่แล้ว
“เมินเรื่องที่ควรเมินเหล่านั้นไปก่อนเถิด เราไม่อาจทราบได่เลยว่านี่เป็นผลกระทบทางจิตใจจากการถูกข่มเหงในระยะยาวหรือไม่ การพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียวแล้วกลับทำให้สะเทือนใจมากจนถึงขั้นขังตัวเองไว้ในห้องจนเป็นนีทเช่นนี้หาได้เป็นเพียงเรื่องขบขันแต่อย่างใด เช่นนั้นแล้ว ทั้งหมดที่พวกเจ้าควรทำก็คือ จงพังประตูห้องของเจ้านั่นออก แล้วลากเจ้านั่นออกมากลางแสงแดดให้ได้เสียก่อนที่ทุกสิ่งจะสายเกินแก้ไข หากได้ออกมาอยู่ท่ามกลางแสงตะวันอันเจิดจ้า ทุกชีวิตก็สามารถค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นได้เสมอนั่นแล”
“ท่านพูดเรื่องที่ดีเลยนะคะ แต่อย่างลีนก็เป็นแวมไพร์ที่ถูกรักจากดวงจันทร์ไม่ใช่เหรอคะ?”
โยมิ อย่าไปตบมุกลามปามแบบนั้นสิ
“…อึม คือ เราเล็งเห็นว่านี่อาจเป็นเพียงหนทางเดียวที่มีเสียแล้ว ด้วยเหตุนั้นแล เราจึงจำเป็นที่จะต้องเรียกตัวพวกเจ้ามา ณ ที่นี้”
“…จะว่าไป พอมาคิดๆ ดูแล้วเนี่ย อาจจะสายไปหน่อยที่จะถามแบบนี้ แต่ท่านยังไม่ได้บอกเลยนี่คะว่าทำไมพวกเรา 2 คนถึงถูกเรียกตัวมาล่ะคะ ไม่ต้องเรื่องบุคลากรหรอกค่ะ แต่แค่ทหารธรรมดาๆ ซักคนก็น่าจะพังประตูห้องๆ นึงได้แล้วนี่คะ ทำไมถึงเป็นพวกเรา… แถมยังต้องเป็นพวกเราทั้ง 2 คนเลยล่ะคะ?”
“…ภารกิจนี้เป็นไปได้มากทีเดียวว่าจะล้มเหลว หากว่าไม่ได้ขุนพลจตุเทวอสุราเสียอย่างน้อย 2 คนเป็นคนลงมือจัดการ อีกทั้งซากุระเองก็ไม่เหมาะสมกับภารกิจนี่เลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนเกรย์นั้น ณ ขณะนี้ก็กำลังอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจอื่นอยู่ ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้เรียกพวกเจ้าทั้ง 2 คนมาอย่างไรเล่า”
…??
แล้วทำไมก็อิแค่การลากนีทไม่ได้ความคนนึงออกจากห้องมาให้เห็นแสงเดือนแสงตะวันมันถึงได้เป็นภารกิจสุดหินขนาดนั้นเลยล่ะคะเนี่ย?
“เออคือ… หรือว่า ท่านจักรพรรดิแห่งเผ่ามนุษย์มังกร ที่เป็นอดีตผู้บริหารแห่งกองทัพจอมมารจะเข้ามาขัดขวางอย่างนั้นเหรอคะ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นเลย หากนับจากสมัยที่เขาแข็งแกร่งที่สุดแล้ว พลังของเขาก็นับว่าลดลงไปมากโขทีเดียว แน่นอนว่าเขาก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ แต่ก็อยู่เพียงระดับที่ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารคนใดก็สามารถรับมือได้อย่างไม่ลำบากยากเย็นแต่อย่างใด… ปัญหาหลักชิ้นใหญ่ในครานี้นั้นคือเมดของรูสต่างหากเล่า”
เมด?
อะไรกันหนอ เป็นดาร์กเอลฟ์กึ่งทหาร เป็นเมดนักสู้แบบคุณเชอรี่หรือไงนะ?
“ชื่อของนางคือฟลูเรเทีย หนึ่งในสมาชิกที่เก่าแก่ที่สุดของกองทัพจอมมาร”
……………………ว่าไงนะคะ?
เมื่อกี้ ฉันได้ยินว่า สมาชิกที่เก่าแก่ที่สุดงั้นเหรอคะ
“เอ๊ะ เก่าแก่ที่สุด… เอ หมายความว่ายังไงน่ะคะ?”
“หลายร้อยปีก่อนนั้น ได้มีมนุษย์มังกรที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งช่วยร่วมก่อตั้งกองทัพจอมมารขึ้นมากับเรา คนๆ นั้นก็คือฟลูเรเทีย นางนับว่าเป็นหนึ่งในคนที่รู้จักมักคุ้นกับเรามาอย่างยาวนานที่สุดเลยด้วยเช่นกัน”
“…นี่หมายความว่า เป็นนักรบที่เก่าแก่ที่สุดของกองทัพจอมมารเลยอย่างนั้นเหรอคะ!?”
“แล้วไหงคนระดับนั้นถึงได้ไปทำงานเป็นเมดให้คุณรูสได้ล่ะคะเนี่ย!”
“นางน่ะ เราเองก็หาทราบได้เช่นกันว่านางชื่นชอบในสิ่งใด แต่นางนั้นเป็นคนหย่อนยานและรักในอิสระ… เราไม่ต้องการจะฟังหรอกว่าเหตุไฉนนางจึงปรารถนาจะไปเป็นเมด นับเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ นางได้ถอนตัวจากการเป็นผู้บริหารไปตั้งนานแสนนาน อีกทั้งยังได้เกษียณตัวเองไปแล้วด้วย เพราะอย่างนั้น หลังจากที่เกษียณไปแล้ว นางต้องการจะไปทำสิ่งใดก็หาได้เป็นปัญหาไม่… แต่ที่ได้ก่อเกิดเป็นปัญหาในครานี้นั้น ก็คือการที่นางอยู่ที่นั่นและเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ที่สุดเสียมากกว่า…”
พอพูดแบบนั้นแล้ว ท่านจอมมารก็ยกมือขึ้นกุมขมับเลย
นี่แสดงว่าคนที่ชื่อฟลูเรเทียน่ะแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?
แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยสินะคะ ว่าแต่ เป็นสมาชิกที่เก่าแก่ที่สุดของกองทัพจอมมารงั้นเหรอ แค่ฟังก็ทำให้รู้สึกลางไม่ดีเลยนะคะเนี่ย
“จะว่าไป เธอแข็งแกร่งขนาดไหนเหรอคะ?”
“เราไม่มั่นใจนักว่านางจะเทียบเคียงได้กับเกรย์ ณ ตอนนี้ หรือไม่แน่ นางก็อาจแข็งแกร่งกว่าอยู่เล็กน้อยก็เป็นไปได้”
…อาเระ นี่มันอาจจะไม่ใช่ภารกิจที่ไม่สามารถจัดการได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ไม่ใช่ว่าเอาชนะไม่ได้สินะคะ?
โยมิเองก็อยู่ที่นี่ด้วย ถ้าเป็นการสู้ 2 รุม 1 แบบนี้ล่ะก็ พวกเราไม่แพ้แน่
ถ้าฉันใช้เวทมนตร์โจมตี ควบคู่กับให้โยมิเข้าประชิดตัวล่ะก็ เราคงสามารถกดดันเธอด้วยวิธี hit & away (โจมตีเสร็จและคอยหนี) ได้อยู่นะ
“เรายังมีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกพวกเจ้าเอาไว้เสียก่อนนะ หากว่าพวกเจ้ากำลังคิดจะท้าทายนางโดยการใช้วิธีโจมตีระยะประชิดร่วมกับเวทมนตร์สนับสนุนล่ะก็ ขอให้พวกเจ้าล้มเลิกความคิดดังกล่าวไปเสีย ณ ตอนนี้ก่อนเลย เพราะไม่ว่าจะเป็นเวทมนตร์ใด ก็ไม่อาจส่งผลกับนางได้เลยแม้แต่นิด”
……………………ว่าไงนะคะ?