จักรพรรดิมังกร – บทที่ 654 ภัยแห่งความตาย

บทที่ 654 ภัยแห่งความตาย

วัดหลิงซาน ในห้องของเจ้าอาวาส

เจ้าอาวาสฝ่าจื้อและจางเต๋ออู่นั่งตรงข้ามกัน

“โยมจาง รูปปั้นพระแม่กวนอิมพันมือพันตาที่คุณให้อาตมาส่งไป ซึ่งอาตมาได้สั่งให้คนนำไปให้แล้ว”

“ส่งไปถึงก็ดีแล้ว เกรงว่าอีกไม่นานพวกเขาก็คงจะมาแล้วแหละ คุณอย่าถูกจับได้ละ”

เจ้าอาวาสฝ่าจื้อยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย และพูดอย่างใจเย็นว่า: “ถูกจับไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องจากนั่นคือน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่อาตมามอบให้กับคู่สามีภรรยาพวกเขา และเป็นการอวยพรล่วงหน้าให้กับการย้ายบ้านใหม่ของพวกเขา”

“อืม พูดแบบนี้เลย อีกเดี๋ยวถ้าเจอกับพวกเขาก็ให้โกหกว่ามีเรื่องภัยแห่งความตายอะไรพวกนี้เพิ่มอีกนิด และสุดท้ายต้องทำนายดวงชะตาให้กับหลี่โม่ด้วย แล้วก็ให้บอกว่าเขามีดวงชงกับผู้ใหญ่”

“อาตมาเข้าใจแล้ว”

จางเต๋ออู่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นมาพูดว่า: “ถ้าทำเรื่องนี้สำเร็จแล้ว ก็จะมียศศักดิ์และเงินทองที่ให้คุณเสวยสุขอย่างไร้ขีดจำกัด แต่ถ้าหากทำมันล้มเหลวละก็ ผู้คนทั้งหมดในวัดหลิงซานของคุณ ก็คงจะต้องไปเสพสุขในอเวจี!”

“โยมวางใจได้เลย อาตมาจะพยายามทำให้มันถึงที่สุด และทำให้มันดีแน่อนน”

“ดี ถ้าอย่างนั้นผมจะคอยรอดูการแสดงของคุณ อย่าทำให้ผมผิดหวังละกัน”

หลังจากจางเต๋ออู่พูดจบและเขาก็ไพล่หลังเดินออกจากห้องของเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสฝ่าจื้อยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นก็มองไปที่มุมห้อง

ตรงมุมห้องมีกล้องอยู่ตัวหนึ่งที่แทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งนั้นคือจางเต๋ออู่สั่งให้คนมาติดตั้ง

ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องของเจ้าอาวาส ถูกกล้องวงจรปิดจับภาพไว้หมดแล้ว ซึ่งทุกสถานการณ์ก็จะถูกส่งผ่านสัญญาณไปยังห้องที่อยู่ไม่ไปลมากนัก และจางเต๋ออู่ก็ได้เฝ้าดูกล้องวงจรอยู่ที่นั่น

ครั้งนี้เป็นเรื่องที่จางเต๋ออู่สร้างขึ้นโดยส่วนตัว เพื่อที่จะฉวยโอกาสของหลี่โม่ที่ทำให้หลงโปได้รับบาดเจ็บ เพื่อยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งระหว่างหลี่โม่และราชาใหญ่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากจางเต๋ออู่ได้รับข่าว ว่าราชาใหญ่ได้ขยับหมากรุกเพื่อล้อมปิดตายเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมที่จะจัดการกับหลี่โม่

ในเวลานี้เพียงแค่ต้องวางแผนให้ระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นเกิดความขัดแย้งกัน แค่นี้มันก็จะสามารถที่จะทำลายความสมดุลของระหว่างทั้งสองฝ่าย และในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังยืดเยื้อแย่งชิงผลประโยชน์กันอยู่นั้น จางเต๋ออู่กับราชินีของสำนักหลงเหมินก็จะคว้าผลประโยชน์นี้ไปครอง

ซึ่งไม่อาจกล่าวได้ว่าการจัดเตรียมของจางเต๋ออู่นั้นไม่ชาญฉลาด แม้กระทั่งเวลาก็แม่นยำอย่างยิ่ง นอกจากนี้ถ้าหากเขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้จริงๆ ละก็ และท้ายที่สุดเขาก็จะเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่

เจ้าอาวาสฝ่าจื้อหนังตาตกพร้อมกับนั่งยืดตัวตรง ซึ่งเขากำลังครุ่นคิดกับคำพูดที่เดี๋ยวจะพูดในตอนเจอกัน

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีพระภิกษุตัวน้อยเดินเข้ามาแล้วแจ้งว่า: “เจ้าอาวาส โยมหลี่และคนอื่นๆ มาขอพบ”

“เชิญแขกผู้มีเกียรติเข้ามาเร็ว” เจ้าอาวาสฝ่าจื้อพูดอย่างเสียงดัง

พระภิกษุตัวน้อยเปิดประตูห้องของเจ้าอาวาส และเชิญพวกหลี่โม่เข้าไปในห้องของเจ้าอาวาส

หลี่โม่ กู้หยุนหลัน เฉินเสี่ยวถงเดินเข้าไปในห้องของเจ้าอาวาสก่อนหลังตามลำดับ ทันใดนั้นเจ้าอาวาสฝ่าจื้อโค้งคำนับเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวว่า: “อมิตตาพุทธ เจริญพรญาติโยมทั้งหลาย”

“เจ้าอาวาสเกรงใจเกินไปแล้ว ที่พวกเรามาในวันนี้เพื่อที่จะมากราบขอบคุณเจ้าอาวาส”

หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม

“ฮ่าฮ่าฮ่า โยมต่างหากละที่เกรงใจ ที่มอบรูปปั้นพระแม่กวนอิมพันมือพันตาไปให้ เป็นเพราะว่าโยมนั้นจะทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ และอีกทั้งรูปปั้นพระแม่กวนอิมพันมือพันตายังเหมาะสำหรับการขับไล่วิญญาณชั่วร้ายและทำให้บ้านสงบสุขอีกด้วย”

“กราบขอบพระคุณเป็นอย่างมาก แต่ทว่าหากใช้รูปปั้นพระแม่กวนอิมพันมือพันตาในการขับไล่วิญญาณชั่วร้ายและทำให้บ้านสงบสุข เกรงว่าจะดูไม่เหมาะสมหรือเปล่า หากที่บ้านบูชาพวกรูปพระพุทธรูปฉันมักจะรู้สึกว่ามัน……”

ในใจของกู้หยุนหลันรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อได้ยินว่ารูปปั้นพระแม่กวนอิมพันมือพันตานั้นใช้ในการขับไล่วิญญาณชั่วร้ายและทำให้บ้านสงบสุข กู้หยุนหลันก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น

“เจ้าอาวาส ทำไมถึงมอบของขับไล่วิญญาณชั่วร้ายและทำให้บ้านสงบสุขให้ล่ะ ว่ากันว่าฮวงจุ้ยของบ้านพวกเรานั้นดีมากเลย ซึ่งน่าจะไม่ต้องใช้ของขับไล่วิญญาณชั่วร้ายและทำให้บ้านสงบสุขหรอกมั้ง”

เจ้าอาวาสฝ่าจื้อจ้องเขม็งมองกู้หยุนหลัน จากนั้นก็ส่ายหัวและพูดว่า: “ไม่ใช่ การที่ฮวงจุ้ยดีมีส่วนเกี่ยวข้องเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น และหากต้องการเปลี่ยนแปลงโชคชะตา ไม่ใช่เพียงแค่ฮวงจุ้ยอย่างเดียวที่จะสามารถทำได้

อาตมามีทักษะในการทำนายดวงชะตาโดยดูลักษณะหน้าอยู่เล็กน้อย ซึ่งสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของภัยแห่งความตายจากใบหน้าของโยมหลี่ได้เล็กน้อย และตามที่โบราณกล่าวกันว่า หากจุดยิ้นถางของโยมหลี่เป็นสีดำ นั้นแสดงว่าต้องมีภัยแห่งความตายอย่างแน่นอน”

เจ้าอาวาสฝ่าจื้อได้เริ่มนำบทสนทนาไปในทิศทางล่อแหลมอันตรายแล้ว ซึ่งถ้าหากเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ตามปกติแล้วล้วนจะตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก

ซึ่งในขณะนี้ในใจของกู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถงตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมากแล้ว และทั้งสองคนต่างก็เป็นห่วงหลี่โม่มาก และที่เรียกกันว่าเป็นห่วงนั้นก็คือว้าวุ่น ดังนั้นจิตใจของทั้งสองคนได้เริ่มว้าวุ่นไปหมดแล้ว

“เจ้าอาวาสฝ่าจื้อ ทำไมพูดอย่างงั้น? หลี่โม่เขา เขาจะเป็นอะไร?”

กู้หยุนหลันถามอย่างประหม่า

เจ้าอาวาสฝ่าจื้อยิ้มอย่างสงบ และพูดปลอบใจกู้หยุนหลันว่า: “โยมกู้ไม่ต้องตื่นตระหนก ตอนนี้ทุกอย่างมันยังไม่สายเกินไป อาตมาขออนุญาตดูเส้นลายมือของโยมหลี่หน่อย”

กู้หยุนหลันรีบดึงมือหลี่โม่ขึ้นมาแล้วพูดว่า: “หลี่โม่ ให้เจ้าอาวาสดูเส้นลายมือของคุณหน่อยเร็ว”

“อือ จำเป็นต้องดูเส้นลายมือด้วยเหรอ? ผมไม่เชื่อพวกผีสางเทวดา โชคชะตา อภิปรัชญาหรอก”

หลี่โม่ไม่เคยเชื่อในการทำนายดวงชะตาเลย ซึ่งเขารู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นการหลอกลวง

ดังคำกล่าวที่ว่าชีวิตฉัน ฉันกำหนดเอง ไม่ใช่ฟ้าลิขิต หลี่โม่รู้สึกว่าถ้าหากต้องพึ่งพาฟ้าลิขิตและสิ่งอื่นๆ ละก็ ถ้าอย่างนั้นคนก็ไม่จำเป็นต้องสู้ดิ้นรนแล้ว ทุกอย่างรอให้ฟ้าลิขิตกำหนดให้เลย

“หลี่โม่! นี่มันเวลาไหนกันแล้ว คุณให้เจ้าอาวาสดูเส้นลายมือหน่อยจะเป็นไรไป”

“ใช่ พี่หลี่โม่คุณให้เจ้าอาวาสดูเส้นลายมือหน่อยเถอะ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เชื่อแต่พวกเราเชื่อนะ หลังจากดูเส้นลายมือเสร็จ พวกเราขอให้ทำพิธีขับไล่ให้คุณ เพื่อสะเดาะเคราะห์และขออธิษฐานให้มีความสุขความเจริญ”

เฉินเสี่ยวถงที่อยู่ข้างๆ ก็พูดแทรกขึ้นมา

หลี่ม่อรู้สึกจนปัญญากับทั้งสองคนนี้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเดินไปตรงหน้าเจ้าอาวาสฝ่าจื้อ และยื่นมือซ้ายออกไป

“ยื่นออกมาทั้งสองมือ ดังคำกล่าวที่ว่าการดูเส้นลายมือนั้นชายข้างซ้ายหญิงข้างขวา นั่นล้วนเป็นเล่ห์เหลี่ยมของคนปลิ้นปล้อน แต่ความเป็นจริงแล้วมือข้างซ้ายคือการดูสวรรค์ประทาน และมือขวาคือการดูมานะสร้าง”

เจ้าอาวาสฝ่าจื้อพูดอย่างมืออาชีพมาก

ในขณะนี้เจ้าอาวาสฝ่าจื้อแสดงกลเล่ห์เหลี่ยมทั้งหมดออกมา และพยายามเสแสร้งแกล้งทำเป็นเจ้าอาวาสที่มีสมณศักดิ์สูง ด้วยวิธีการเช่นนี้ถึงจะดึงดูดความเชื่อใจของผู้คนได้

หลี่โม่ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปพร้อมกับสีหน้าบึ้งตึงขมขื่น แล้วก็ปล่อยให้เจ้าอาวาสฝ่าจื้อดู

เจ้าอาวาสฝ่าจื้อดูมือทั้งสองข้างของหลี่โม่อย่างพิถีพิถัน จากนั้นก็ส่ายหัวและถอนหายใจยาวๆ

“ภยันตราย ภยันตรายมาก นี้มันเป็นมหันตภัย และเป็นมหันตภัยที่ถูกโชคชะตากำหนดไว้แล้ว”

กู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถงต่างตระหนกตกใจอย่างมาก และทั้งสองคนก็อุทานออกมาพร้อมกัน

“หา! เจ้าอาวาส นี่มันอะไรกันแน่? ท่านรีบพูดให้มันชัดเจนเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“แล้วมีวิธีแก้ไขมันหรือเปล่า ? แล้วต้องทำยังไงถึงจะแก้ไขมันได้? พวกเราสามารถจ่ายเงินได้ ไม่ว่ามากเท่าไหร่ก็ได้!”

หลี่โม่มองไปที่ผู้หญิงสองคนนี้จนไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรแล้ว ถ้าหากว่าวันนี้ตัวเองไม่อยู่ด้วย เกรงว่าทั้งสองคนนี้คงถูกหลอกจนสิ้นเนื้อประดาตัวหมดแล้ว

เจ้าอาวาสฝ่าจื้อที่หนังตาตก ก็กำลังจับยามทำนายเป็นเวลาสักพักใหญ่ และสุดท้ายก็พูดอย่างช้าๆ ว่า: “กฎแห่งกรรมเรื่องนี้มันลึกซึ้งเกินไป อาตมาก็คำนวณได้ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่

แต่อาตมาคำนวณได้ว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่ และขณะที่อาตมาคำนวณ สามารถมองเห็นได้ว่ามีมังกรยักษ์ที่มีคราบเลือดจางๆ พันลำอยู่ ในดวงชะตาของโยมหลี่ ซึ่งนี่มันคือลางไม่ดี”

หลี่โม่หรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็พูดว่า: “ไม่ทราบว่ามังกรยักษ์ที่เจ้าอาวาสพูดนี่มันเป็นยังไง”

“มังกรยักษ์นั่นทั้งตัวปกคลุมไปด้วยเกล็ดเลือดสีแดง อีกทั้งหัวของมังกรยักษ์ได้ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ซึ่งดูแก่หง่อมมากๆ และตรงหัวของมังกรยักษ์เป็นจุดที่เกล็ดระเบิดออก!”

จักรพรรดิมังกร

จักรพรรดิมังกร

Status: Ongoing

เดิมทีเขาเป็นนายน้อยของสำนักหลงเหมิน มีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่งเข้าบ้านภรรยาสี่ปี ปิดบังตัวตน ถูกดูถูกและเหยียบย้ำ ใครก็สามารถรังแกเขาได้ เพื่อลูกสาว เพื่อภรรยาของเขา เขาต้องกลับไปที่หลงเหมิน รับมรดกและหน้าที่ทุกอย่าง! สิ่งที่ดีและสวยงามที่เคยสัญญาไว้กับเธอ ตอนนี้เขาสามารถมอบโลกทั้งใบให้กับเธอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท