ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 1 จอมปีศาจแห่งความวุ่นวาย [เล่ม 1]

ปลายจวักครองใจ

[เล่ม 1] ตอนที่ 1 จอมปีศาจแห่งความวุ่นวาย

ลั่วเซิงจ้องจี้เครื่องหอมสลักลายดอกไม้ผ่านม่านสีเขียวหยกอย่างเหม่อลอย ดวงตาที่เปล่งประกายคู่นั้น บัดนี้ค่อนข้างเลื่อนลอย และด้วยเหตุนี้เสียงคร่ำครวญของสาวใช้ตัวน้อยข้างหูจึงยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ

“คุณหนู ก็แค่คุณชายซู หากท่านชอบฉุดมาก็ได้แล้ว ไม่คุ้มที่จะแขวนคอตายเพื่อเขาเลย ฮือๆๆ…”

ลั่วเซิงขยับลูกนัยน์ตาพลางมองไปยังสาวใช้ที่นอนร้องไห้อยู่ที่หัวเตียง

สาวใช้ผู้นี้มีนามว่าหงโต้ว ทั้งพูดและร้องไห้เก่ง ซึ่งนางได้ยินเสียงปีศาจนี้ดังก้องอยู่ในหูของนางเป็นเวลาสามวันแล้ว นั่นเพียงพอสำหรับนางในการทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

นางคือลูกสาวของแม่ทัพใหญ่ลั่วผู้ทรงอำนาจ แต่เพราะก่อเรื่องจึงถูกส่งไปที่จวนท่านตา ณ ที่แห่งนี้ นางตกหลุมรักชายหนุ่มผู้หนึ่งเข้า หลังจากถูกปฏิเสธจึงโกรธจัดจนแขวนคอตาย

นี่ไม่ใช่หญิงทึ่มคนหนึ่งหรอกหรือ

“หยุดร้องไห้ได้แล้ว” ลั่วเซิงเอ่ยปาก น้ำเสียงแหบแห้ง ลำคอแสบร้อน

ทันใดนั้นเอง เสียงร้องพลันหยุดลงกะทันหัน หงโต้วเงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ “คุณหนู ในที่สุดท่านก็ยอมพูดแล้ว…”

ไม่รอให้หงโต้วเอ่ยต่อ ม่านไม้ไผ่ก็ถูกยกขึ้น สาวน้อยผู้หนึ่งถลันเข้ามาราวกับลมพายุ ทำให้สาวใช้ที่อยู่ข้างนอกตะโกนมาจากทางด้านหลังด้วยความตกใจ “คุณหนูใหญ่ คุณหนูกำลังพักผ่อนอยู่…”

เด็กสาวที่ปรากฏตัวตรงหน้าลั่วเซิงชี้หน้าและด่าทอนางอย่างไร้ความปรานี “ลั่วเซิง เจ้าไม่รู้จักอายบ้างเลยหรือ เพื่อคุณชายรองสกุลซู ทั้งร้องไห้ โวยวายและแขวนคอตาย บัดนี้ท่านย่าให้แม่ข้าไปคุยเรื่องงานแต่งกับสกุลซู สมใจเจ้าแล้วใช่หรือไม่”

ลั่วเซิงมองไปยังเด็กสาวที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

อายุเพียงสิบสี่สิบห้าปี โกรธจัดจนใบหน้าแดงก่ำ ดูสดใสราวกับแสงตะวันฉายยามเช้า

หงโต้วพุ่งออกมาด้วยความโกรธที่ดูเหมือนจะมากกว่าเด็กสาวเสียอีก “กล้าดีอย่างไรมาพูดจาเช่นนี้กับคุณหนูของพวกข้า!”

เด็กสาวถ่มน้ำลายด้วยแววตาเหยียดหยาม “ลั่วเซิง คนอื่นกลัวเจ้า แต่ข้าไม่กลัว เก่งนักก็ให้คนเหล่านั้นมาจับคนทั้งหมดของสกุลเซิ่งเลยสิ”

เมื่อได้ยินถึงเช่นนี้ สาวใช้สกุลเซิ่งใบหน้าซีดขาวด้วยความหวาดกลัว “คุณหนูใหญ่ ท่านกลับไปก่อนเถิด คุณหนูยังไม่หายดี…”

หากทำให้คุณหนูหลานนอกผู้นี้โมโหขึ้นมา อาจสั่งการให้กลุ่มองครักษ์จิ่นหลินจับกุมคนทั้งหมดของสกุลเซิ่งก็เป็นได้

องครักษ์จิ่นหลินน่ะ ทั้งโหดเหี้ยมและเลือดเย็น ลงมือได้แม้แต่ญาติของตัวเองแล้วนับประสาอะไรกับจวนตาเล่า

ทันใดนั้น เสียงของหนุ่มน้อยก็ดังขึ้นที่หน้าประตู “พี่หญิงใหญ่ พี่มาอยู่ในห้องของพี่สาวข้าได้อย่างไร”

เด็กสาวมองไปที่ประตู น้ำเสียงก็พลันอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว “น้องชายไม่รู้หรือว่าท่านแม่พี่ไปจวนสกุลซูแล้ว”

เด็กหนุ่มเดินเข้ามา เหลือบมองลั่วเซิงที่ดูสงบนิ่งอย่างจดจ่อแล้วเอ่ยกับเด็กสาวว่า “รู้แล้ว แต่นี่มันเป็นการตัดสินใจของผู้ใหญ่ พี่หญิงใหญ่มาหาพี่สาวของข้าก็ไม่มีประโยชน์อะไร กลับไปก่อนเถอะ”

เด็กสาวเผยสีหน้าประหลาดใจ

น้องชายหลานนอกเข้าข้างลั่วเซิงอย่างนั้นหรือ

แม้ลั่วเฉินกับลั่วเซิงจะเป็นพี่น้องกันแท้ๆ แต่เจ็ดปีก่อนเขาได้ย้ายมาพักฟื้นร่างกายที่จวนสกุลเซิ่งของพวกนาง หลายปีมานี้ คนทั้งจวนล้วนมองว่าน้องชายหลานนอกคือคนในครอบครัวมานานแล้ว

หลายวันก่อนตอนที่ลั่วเซิงมาถึง นางเห็นน้องชายหลานนอกมองพี่สาวแท้ๆ ของตนอย่างเฉยเมยและเย็นชา บัดนี้เหตุใดถึง…

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เด็กสาวก็ไว้หน้าน้องชายหลานนอก นางจ้องลั่วเซิงตาเขม็งแล้วเอ่ยว่า “งานแต่งที่ใช้วิธีต่ำช้าแย่งมา ข้าจะรอดูความรักอันหอมหวานของเจ้ากับคุณชายรองสกุลซู!”

พอพูดจบ เด็กสาวเปิดม่านเดินจากไป

ม่านไม้ไผ่โบกสะบัดไหวไปมาอย่างแผ่วเบา ทิ้งให้สองพี่น้องสบตากัน

เด็กหนุ่มอายุสิบสองสิบสามริมฝีปากแดงและฟันขาว ใบหน้าหล่อเหลา แต่รูปร่างผอมบางและผิวพรรณค่อนข้างขาว ทำให้เขาดูอ่อนแอ

สีหน้าของเด็กหนุ่มที่พูดแทนลั่วเซิงเมื่อครู่นี้เปลี่ยนเป็นเย็นชา ไม่คิดเก็บซ่อนความเบื่อหน่ายและความโกรธแค้นในดวงตาไว้เลย เขากัดฟันเอ่ยว่า “ลั่วเซิง เจ้าเห็นผู้ชายหล่อเข้าหน่อยก็ต้องเข้าไปพัวพันอย่างนั้นหรือ รู้จักอายหน่อยได้หรือไม่”

หงโต้วที่อยู่ด้านข้างอดพูดแทนคุณหนูของตนไม่ได้ “คุณชายรองสกุลซูไม่ได้มีดีแค่หล่อเท่านั้นนะเจ้าคะ”

คุณหนูของพวกนางสายตาแย่ขนาดนั้นเลยหรือ ใครจะสนใจแค่ใบหน้าหล่อเหลาอย่างเดียวเล่า

ลั่วเฉินไม่ได้เหลือบมองหงโต้วเลยแม้แต่น้อย แต่ยังคงจ้องลั่วเซิง

ในที่สุดลั่วเซิงก็เอ่ยปาก “เมื่อครู่นี้เจ้าปกป้องข้า”

เสียงของนางแหบเล็กน้อยเนื่องจากอาการบาดเจ็บบริเวณลำคอ แต่น้ำเสียงกลับปกติและหนักแน่นนัก

ลั่วเฉินตกตะลึง ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาอันงดงามของเขา จากนั้นเขาก็อับอายจนกลายโทสะ “ท่านไม่ต้องคิดเข้าข้างตัวเอง เมื่อครู่ที่ข้าปกป้องท่าน เพราะเห็นว่าเกิดจากท้องแม่เดียวกัน คนอื่นชี้หน้าด่าท่าน ข้าควรดีใจอย่างนั้นหรือ ตอนนี้ท่านน้าสะใภ้ไปหารือเรื่องการแต่งงานของท่านที่จวนสกุลซู หวังเพียงว่าต่อจากนี้ท่านจะทำตัวดีๆ อย่าทำตัวให้อับอายขายขี้หน้าได้อีก!”

ลั่วเซิงที่ถูกน้องชายด่าทอ เลิกคิ้วถามว่า “เจ้าหมายความว่าการแต่งงานจะเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ”

ลั่วเฉินตกตะลึงอีกครั้ง ใบหน้าโกรธจนแดงก่ำในทันใด

เขาด่าทอมากเพียงนี้ นางกลับฟังไม่เข้าหูเลยหรือ กังวลแต่ว่าการแต่งงานระหว่างนางกับซูเย่าจะเกิดขึ้นหรือไม่

เขามีพี่สาวเช่นนี้ได้อย่างไร…

ลั่วเฉินกำหมัดแน่น ทั้งโกรธและไร้เรี่ยวแรง

“การแต่งงานจะเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ” ลั่วเซิงดูเหมือนจะมองไม่เห็นใบหน้าอันเกรี้ยวโกรธของน้องชาย จึงถามขึ้นอย่างใจเย็น

ลั่วเฉินหลับตา หายใจเข้าลึกๆ ระงับอารมณ์โกรธและตอบด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา “ท่านถึงกับบีบบังคับท่านย่าด้วยวิธีร้องไห้ โวยวาย และแขวนคอตาย ท่านยายจะไม่ตามใจท่านได้อย่างไร”

สกุลเซิ่งและสกุลซูคบค้ากันมาหลายชั่วอายุคน บวกกับตำแหน่งของบิดาพวกเขาที่มีอำนาจคับฟ้า น้าสะใภ้ใหญ่ไปหารือเรื่องการแต่งงานที่จวนสกุลซูด้วยตัวเอง เห็นทีสกุลซูคงตอบตกลงเป็นแน่

ลั่วเซิงที่นั่งพิงตรงหัวเตียงมาโดยตลอดก็เหยียดหลังตรงขึ้นทันที หงโต้วรีบพยุงแขนของนางไว้ “คุณหนู ท่านจะทำอะไรหรือ”

เท้าของลั่วเซิงถึงพื้น ประคองร่างกายที่อ่อนแอให้ทรงตัวได้ พร้อมกับเอ่ยเสียงราบเรียบ “ไปจวนสกุลซู เจ้านำทางด้วย”

หงโต้วไม่ได้ถามต่อ รีบตอบรับทันทีและช่วยพยุงลั่วเซิงเดินออกไป

ลั่วเฉินยืนตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วรีบตามไป

ต้นส้มที่ปลูกในเรือนฝูหนิงถังยังไม่ผลิดอกออกผล และการถอนใจของฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งก็ดังมาจากเรือนพัก “ข้าแค่หวังว่าคุยเรื่องงานแต่งสำเร็จแล้ว นังหนูจะทำตัวดีขึ้นนะ ข้าจะได้นอนหลับสนิทกับเขาบ้าง”

ผู้หญิงมีอายุที่อยู่ด้านข้างคือฮูหยินรองสกุลเซิ่ง น้าสะใภ้รองของลั่วเซิงสองพี่น้อง เมื่อนางได้ยินถึงตรงนี้ก็ยิ้มเยาะในใจ มีคุณหนูหลานนอกอยู่ในจวน สกุลเซิ่งสงบสุขก็แปลกแล้ว

แม่ทัพใหญ่ลั่วสั่งให้คนส่งจดหมายมา ในจดหมายกล่าวไว้ว่าขอให้ฮูหยินผู้เฒ่าช่วยหาคู่ครองที่ดีให้ลั่วเซิงด้วย

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฮูหยินรองถึงกับทุบขาตัวเอง นี่กะให้ลั่วเซิงแต่งงานอยู่กินที่เมืองจินซา เกาะสกุลเซิ่งพวกเขาไปตลอดเลยล่ะสิ!

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งสั่งสาวใช้ที่เข้ามารายงานข่าวว่า “เรียกคุณหนูใหญ่มาพบข้า”

เวลาผ่านไปไม่นาน เด็กน้อยที่ไปด่าทอลั่วเซิงถึงเรือนก็เดินเข้ามาและกล่าวทักทายอย่างนอบน้อม “ท่านย่า ท่านอาสะใภ้รอง”

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งเรียกเด็กสาวให้มาหาและกำชับว่า “จยาอวี้ ห้ามไปหาเรื่องพี่หญิงอีกล่ะ นางเป็นแขกของจวนเรา”

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งคิดถึงหลานนอกจึงแอบถอนใจ นังหนูนั่นน่ะ ขอเพียงไม่ก่อเรื่องนางก็ขอบคุณฟ้าดินแล้ว

เซิ่งจยาอวี้รู้สึกไม่ยุติธรรม ขณะอ้าปากจะเอ่ยก็พบสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาและเอ่ยอย่างเร่งรีบ “ฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูไปจวนสกุลซูแล้วเจ้าค่ะ!”

ทันใดนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งสีหน้าเปลี่ยนและสบตากับฮูหยินรองโดยไม่รู้ตัว

ดวงตาของเซิ่งจยาอวี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น ยกกระโปรงวิ่งออกไป “ท่านย่า ข้าไปดูเอง!”

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งนิ่งเงียบอยู่นาน ตบโต๊ะน้ำชาพึมพำ “เป็นเวรเป็นกรรมเสียจริงๆ”

บุตรสาวที่ทั้งสุภาพและอ่อนโยนแต่เสียชีวิตก่อนวัยอันควร เหตุใดถึงให้กำเนิดจอมปีศาจเช่นนี้ออกมาได้นะ

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย นิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย สิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉาน ท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจ ผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน… สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซา ชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำ หลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆ แม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก! “ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง” “ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ” เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท