ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 67 ปัญหาเละเทะ

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 67 ปัญหาเละเทะ

แม่ทัพใหญ่ลั่วออกจากห้องลั่วเซิงไปก็ทำหน้าขรึมทันที เขาเรียกอวิ๋นต้งมาด่าใส่หน้าโครมๆ ในห้องหนังสือ

“เจ้าโง่ ใครให้เจ้าทิ้งเรื่องของจินหลิงกลับมาเมืองหลวง”

“ข้าถูกลอบสังหารแล้วอย่างไร เจ้ามาเมืองหลวงแล้วมีประโยชน์หรือ หมอเทวดาน่ะเจ้าเชิญมาหรือ”

“ซี้ซั้วกลับมาก็แล้วไป เหตุใดจึงไม่กำชับให้ลูกน้องดูแลน้องบุญธรรมของเจ้า สุดท้ายทำให้น้องบุญธรรมของเจ้าไม่มีแม้แต่คนคอยปกป้องกลับมา เจ้ารู้หรือไม่ว่าระหว่างที่น้องเจ้าเข้าเมืองเจอโจรป่าด้วย!”

อวิ๋นต้งก้มศีรษะยอมถูกสั่งสอนแต่โดยดี รู้สึกขอบคุณลั่วเซิงในใจโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว ท่านพ่อแค่รู้ว่าคุณหนูสามเจอโจรป่ายังโมโหขนาดนี้ หากรู้ว่าเจอคนไล่สังหารด้วย…

เมื่อคิดถึงผลที่ตามมา เขาก็อดขนลุกไม่ได้

“เจ้าห้า เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก” แม่ทัพใหญ่ลั่วดุด่าพอใจแล้วก็สรุป

“ลูกไม่ดีเอง ทำให้น้องบุญธรรมตกอยู่ในอันตราย พ่อบุญธรรมโปรดลงโทษ”

“ลงโทษน่ะมีแน่นอน แต่ตอนนี้มีเรื่องหนึ่งให้เจ้าทำ”

อวิ๋นต้งกำหมัด “พ่อบุญธรรมโปรดสั่งขอรับ”

ผู้บัญชาการลั่วมองดอกกล้วยไม้ที่เบ่งบานบนขอบหน้าต่าง น้ำเสียงเยือกเย็น “นำคนกลุ่มหนึ่งร่วมกับข้าราชการท้องถิ่นไปกำจัดโจรป่าระหว่างทางตั้งแต่จินซาถึงเมืองหลวงให้สิ้น!”

“ขอรับ” อวิ๋นต้งรับคำสั่งจากไป

เมื่อความโมโหของผู้บัญชาการลั่วบรรเทาลงเล็กน้อย เขาสั่งคนใช้ให้ส่งตั๋วเงินกล่องหนึ่งไปที่เรือนเสียนอวิ๋นย่วน ซึ่งก็คือเรือนของลั่วเซิง

เซิงเอ๋อร์เสียเงินไปมากกับไคหยางอ๋อง เขาต้องชดเชยให้บ้าง

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผู้บัญชากากรลั่วก็เริ่มส่ายศีรษะ

คิดไม่ถึงเลยว่าไคหยางอ๋องจะยากจนเช่นนี้ ชื่อเสียงโด่งดังในใต้หล้าของเขาช่างเสียเปล่า

หลังจากที่ผู้บัญชาการลั่วออกจากเรือนเสียนอวิ๋นย่วนแล้ว คุณชายสามเซิ่งก็เข้าไปเยี่ยมน้องสาว

“น้องดีขึ้นหรือยัง ข้าเจอรูปปั้นข้างนอกปั้นได้ไม่เลว เลยซื้อกลับมาให้เจ้าสองอัน” คุณชายสามเซิ่งยื่นรูปปั้นคู่หนึ่งให้

มันคือกระต่ายหยกที่สดใสคู่หนึ่ง

เดิมคุณชายสามเซิ่งไม่กล้าออกไปข้างนอก คนในเมืองหลวงไม่ได้เรียบง่ายซื่อสัตย์เหมือนคนจินซา หากถูกสตรีชั้นสูงจับเขาไปเลี้ยงจะทำอย่างไร

ทำให้ท่านลุงและเหล่าอี๋เหนียงเข้าใจผิด เห็นได้ว่าเขามีอันตรายเช่นนี้

ทว่าอยู่แต่ในจวนแม่ทัพใหญ่ลั่วก็น่าเบื่อมาก ในจวนมีแต่ผู้หญิง อย่าเพิ่งพูดถึงความสนิมสนมเลย แม้จะสนิทสนมกันแต่ก็เล่นด้วยกันทั้งวันไม่ได้ ไม่แน่ว่าในเมืองหลวงจะมีของอร่อยกินเล่า หากได้เจอของเล่นสนุกๆ ยังซื้อกลับมาเอาใจน้องสาวได้อีก

แต่เมื่อคิดถึงกระเป๋าเงิน คุณชายสามเซิ่งก็กลัดกลุ้มอีกครั้ง

ว่ากันว่าอยู่ในบ้านขัดสน อยู่บนถนนมั่งมี ก่อนออกจากบ้านท่านแม่ให้เงินเขาจำนวนไม่น้อย แต่วันนี้เดินดูแล้วเพิ่งรู้ว่าของในเมืองหลวงนั้นแพงมาก

ต้องใช้อย่างประหยัดแล้ว ไม่เช่นนั้นไม่มีเงินกลับบ้านจะทำอย่างไร

เมื่อคิดถึงอาหารที่ได้กินในหอสุราคึกคักแห่งหนึ่ง คุณชายสามเซิ่งก็ถอนหายใจ

แพงก็แพง อร่อยสู้ฝีมือน้องสาวก็ไม่ได้

ลั่วเซิงหมุนรูปปั้นกระต่ายคู่หนึ่ง เผยรอยยิ้มจางๆ “น่าสนใจดี”

ครานี้หงโต้วเดินเข้ามา ถือกล่องไม้งดงามกล่องหนึ่งไว้ในมือ “คุณหนู แม่ทัพใหญ่ลั่วส่งของมาให้ท่านเจ้าค่ะ”

“เปิดดูเถอะ”

หงโต้วเปิดกล่องไม้ เม้มปากพูดว่า “คุณหนู ตั๋วเงินเจ้าค่ะ”

คุณชายสามเซิ่งเหล่มอง จากนั้นก็ต้องตกใจ

ตั๋วเงินเต็มกล่อง ใบที่วางอยู่บนสุดมูลค่าหนึ่งร้อยตำลึง นะ… นี่มันเงินจำนวนเท่าไรกัน!

คุณชายสามเซิ่งมองไปที่ลั่วเซิง

ลั่วเซิงสีหน้าเยือกเย็น “เอาไปเก็บเถอะ”

คุณชายสามเซิ่งมองไปที่หงโต้วอย่างตะลึงงัน

สาวใช้ก็มีสีหน้าสงบนิ่งมากเช่นกัน “บ่าวจำได้ว่าก่อนหน้านี้กล่องเก็บตั๋วเงินเต็มแล้ว หรือไม่ให้บ่าวเก็บตั๋วเงินกล่องนี้ไว้ในกล่องที่อยู่ข้างในสุดใบนั้นเจ้าคะ”

ลั่วเซิงพยักหน้าอย่างไม่สนใจนัก

คุณชายสามเซิ่งจับหน้าอกตนเอง หัวใจเจ็บแปลบ

เขาไม่มีความรู้กว้างขวางเท่าสาวใช้คนหนึ่งเลย เขาถึงกับเห็นสีหน้าของหงโต้วดูหมดความอดทนกับการเก็บกล่องตั๋วเงินกล่องนั้น!

คุณชายสามเซิ่งที่ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากไปพร้อมกับฝีเท้าอันหนักหน่วง

ลั่วเซิงผลักประตูออกไป เดินทอดน่องในเรือน เมื่อความเหนื่อยล้าในตัวถูกสลัดทิ้งแล้วก็นั่งลงบนม้านั่งหินใต้ต้นไม้

โค่วเอ๋อร์ยืนโบกพัดอยู่ข้างๆ ส่วนสาวใช้อีกคนกำลังปอกถั่วเม็ดสนอย่างตั้งอกตั้งใจ

ลั่วเซิงสั่งหงโต้ว “เรียกนายบำเรอที่ข้าเลี้ยงสองคนนั้นมาเถิด”

ลั่วเซิงไม่ได้เลี้ยงผู้ชายเพียงคนเดียว นางเลี้ยงสามคน ในเมื่อหายป่วยแล้วก็ถึงเวลาต้องจัดการปัญหาเละเทะนี้แล้ว

หงโต้วไปเรียกพวกเขามา ลั่วเซิงนั่งรอใต้ต้นไม้ โยนถั่วเม็ดสนเข้าปากเรื่อยๆ

ผ่านไปไม่นาน หงโต้วก็พาชายหนุ่มสองคนเดินผ่านประตูโค้งรูปพระจันทร์เข้ามา

ลั่วเซิงมองไปอย่างสงบ

ชายหนุ่มด้านหน้ามีอายุราวสิบแปดสิบเก้า เขามีดวงตาเหมือนดอกท้อ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาสง่างาม คนที่ไม่รู้คงคิดว่าเขาเป็นนายน้อยผู้สูงศักดิ์จากตระกูลหนึ่ง

ผู้ที่เดินตามข้างหลังดูไปแล้วมีอายุไม่ต่างจากลั่วเฉินเท่าไรนัก เขาก้มหน้าเดินเข้ามา ดูหวาดกลัว

ลั่วเซิงอดเงียบไม่ได้

เด็กน้อยเช่นนี้ยังพากลับมาเลี้ยงที่บ้านได้ นางยอมแพ้คุณหนูลั่วจริงๆ

ไม่สิ นางไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะสู้ด้วยซ้ำ

ตอนที่ยังเป็นท่านหญิง แค่นางเข้าครัวท่านแม่ยังต้องถอนหายใจบอกว่าไม่ได้เรื่อง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลี้ยงนายบำเรอ

แม้นางและเว่ยเชียงถูกหมั้นหมายตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่เคยมีการล่วงเกินใดๆ จนเมื่อแต่งงานแม้แต่ปลายนิ้วก็ไม่ได้แตะ

คุณหนูลั่วอายุสิบห้า นางมีชีวิตอยู่มาแล้วสิบเจ็ดปี

ในแง่ของความตื่นเต้นเร้าใจ นางสู้คุณหนูลั่วไม่ได้ แต่ในแง่ของความพึงพอใจ นางมั่นใจว่าตนเองไม่แพ้

ท่านพ่อและท่านแม่รักกันมาก และรักนางมากเช่นกัน

ถึงแม้ท่านแม่จะรู้สึกว่าการกระทำบางอย่างของนางไม่เหมาะสมกับการเป็นท่านหญิง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วนางก็ได้ในสิ่งที่ต้องการ

พี่สาวสองท่านที่แต่งออกเรือนไปไกลส่งของมาให้ตามเทศกาล จดหมายที่ส่งไปมาหาสู่ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์พี่น้องของพวกนางลดลงเลย

จนเมื่อน้องชายสุดท้องกำเนิด จวนเจิ้นหนานอ๋องมีทายาท ครอบครัวก็ยิ่งสมบูรณ์

เพราะว่าสมบูรณ์ เมื่อสูญเสียจึงยิ่งเจ็บปวด เจ็บปวดรวดร้าวใจแทบจะอยากตายให้รู้แล้วรู้รอดไป

ทุกวันที่ตื่นขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าน้องเล็กที่คิดว่าเหลือรอดอันที่จริงตายตั้งแต่คืนนั้น นางจำต้องแทงกริชเข้าที่หัวใจของซือหนาน ทุกๆ ลมหายใจของนางมีเพียงความเจ็บปวด

ลั่วเซิงเหม่อไปนาน ชายหนุ่มที่ดูโตกว่าเลิกคิ้วยิ้ม “คุณหนูออกไปนานเช่นนี้ คิดถึงข้าหรือไม่”

แสงทอประกายในดวงตาดอกท้อคู่นั้นราวกับเต็มไปด้วยความอาวรณ์

ลั่วเซิงตั้งสติได้ กลับมามีสีหน้าราบเรียบดังเดิม

“ข้าจำได้ว่าเจ้าคือคนที่องค์หญิงฉางเล่อส่งมาใช่หรือไม่” นางมองและถามชายหนุ่มผู้งดงาม

ชายหนุ่มไม่ค่อยเข้าใจเหตุใดลั่วเซิงจึงถามเช่นนี้ เขาขานตอบเบาๆ

“ข้าไม่เลี้ยงนายบำเรอแล้ว เจ้ามาจากไหนก็กลับไปที่นั่นเถอะ”

ชายหนุ่มชะงัก สีหน้าค่อยๆ ซีดขาว “คุณหนูจะไล่ข้าไปหรือ”

ลั่วเซิงชะงักงัน ที่แท้ท่านนี้เต็มใจหรือ

“ซือหนานทำร้ายท่านพ่อข้า ต่อไปข้าไม่สนใจเลี้ยงนายบำเรอแล้ว ข้าก็แค่คืนเจ้ากลับให้เจ้าของ ไม่ใช่ไล่เจ้าไปเสียหน่อย”

ชายหนุ่มยิ้มเศร้า “ของที่องค์หญิงให้ไปแล้วย่อมไม่รับคืน ของขวัญที่ถูกส่งคืนกลับไปมีแต่จะถูกทำลาย หมิงจู๋มีชีวิตเดียว คุณหนูได้โปรดเห็นใจ”

ลั่วเซิงยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้วเบาๆ

นี่คือจะคืนกลับไปก็ทำไม่ได้ใช่หรือไม่

นางหันไปมองชายหนุ่มที่มีอายุเพียงสิบสามสิบสี่

หนุ่มน้อยจะร้องไห้แล้ว “หากคุณหนูไม่ต้องการข้าแล้ว ต้าไป๋จะทำอย่างไร”

ต้าไป๋คือใครกันอีก!

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท