ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 405 ความเคลื่อนไหวที่บรรยายไม่ได้

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 405 ความเคลื่อนไหวที่บรรยายไม่ได้

ตอนที่ 405 ความเคลื่อนไหวที่บรรยายไม่ได้

หลังอาหารเย็น เซี่ยไห่ต้องการกลับไปที่ห้องเต้นรำ แต่คุณแม่เซี่ยกลับยืนกรานให้เขาพาลินดาออกไปด้วย เพราะวันนี้ลินดาไม่ได้ขับรถมาเอง

ลินดาขัดขืนยิ่งกว่าเซี่ยไห่เสียอีก “คุณป้า ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ ฉันนั่งแท็กซี่กลับเองได้”

คุณแม่เซี่ยแย้งว่า “เซี่ยไห่มีรถทั้งที เราจะปล่อยให้เธอขึ้นรถกลับเองได้ยังไง ให้เขาพาเธอกลับไปส่งที่พักแล้วค่อยเลยไปที่ห้องเต้นรำก็ได้ เขาแค่ไปตรวจสอบธุรกิจเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำงานจริงจังอะไร แน่นอนว่ามีเวลาเหลือเฟือ หรือเธอจะตามเขาไปที่ห้องเต้นรำก็ได้นะ ได้ยินมาว่าตอนกลางคืนมีคนเข้าไปเต้นรำกันตั้งเยอะแยะ บรรยากาศข้างในคึกคักมาก”

คุณแม่เซี่ยกระตือรือร้นมาก เกือบจะผลักลินดาเข้าไปในรถอยู่แล้ว

ตอนนี้ดึกมากแล้ว หลินเซี่ยจึงตั้งใจว่าจะติดรถของเซี่ยไห่กลับไปเช่นกันด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่หู่จือไม่ยอมท่าเดียว รบเร้าให้เธอขี่มอเตอร์ไซค์เท่านั้น

เขาเบื่อการนั่งอุดอู้ในรถจะแย่ การนั่งอยู่บนเบาะมอเตอร์ไซค์เจ๋งกว่าเป็นไหน ๆ

ก่อนที่หลินเซี่ยจะจากไป คุณแม่เซี่ยก็หยุดเธอไว้และพูดกับเธอเพียงลำพัง

“เซี่ยเซี่ย ช่วงนี้เรื่องระหว่างพ่อกับแม่ของหลานเป็นยังไงบ้าง? ดูเหมือนว่าสองคนนั้นสนใจแต่การทำธุรกิจ ไม่มีความคิดอื่นต่อกันเลยหรือยังไง?”

หลินเซี่ยส่ายหน้าด้วยความลำบากใจ “คุณย่า ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่”

ตอนแรกพ่อเธอริเริ่มเข้าตีสนิทกับหลินจินซานเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอคิดว่าพ่อคงกำลังริเริ่มที่จะตามจีบแม่ของเธออีกครั้ง

ถึงอย่างนั้น ช่วงหลังมานี้กลับไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ทุกครั้งที่เธอเข้าไปกินข้าว ก็เห็นว่าทั้งสองต่างยุ่งกับงานของตัวเองทุกที

พวกเขาถือว่าอีกฝ่ายเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจโดยไม่มีนัยยะอื่น เช่นเดียวกับสหายร่วมรบ

หลินเซี่ยไม่แน่ใจว่าชายหญิงวัยกลางคนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจกันแน่

“เซี่ยเซี่ย เธออย่าลืมใส่ใจเรื่องการทำให้พวกเขากลับมาสานสัมพันธ์กันล่ะ”

หลังจากได้ยินสิ่งที่คุณแม่เซี่ยพูด หลินเซี่ยก็ตอบกลับ “คุณย่า ต่อให้พวกเราเร่งรีบเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ เราทำอะไรไม่ได้มากนัก สู้ให้เวลากับพวกเขาหน่อยดีกว่า”

“เฮ้อ”

“ไม่ต้องห่วงนะคะคุณย่า ไว้วันหลังอย่าลืมแวะมาที่ร้านของฉันนะคะ เดี๋ยวฉันจะตัดผมให้”

ลินดานั่งอยู่บนที่นั่งผู้โดยสาร รอจนกว่ารถจะขับเคลื่อนออกมาไกลจากบ้านตระกูลเซี่ยพอสมควร แล้วหันไปบอกกับเซี่ยไห่ว่า “จอดรถริมถนนตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันจะโบกแท็กซี่กลับเอง”

เซี่ยไห่มองใบหน้าที่ไม่แยแสของลินดา ดูเหมือนหล่อนพยายามหลีกเลี่ยงเขาเต็มทน ทันใดนั้นก็รู้สึกโมโหอย่างอดไม่ได้

เขาไม่ใช่สัตว์ร้ายสักหน่อย ทำไมถึงแสดงท่าทางเหมือนอยากหลีกเลี่ยงกันขนาดนี้?

ผ่านมาตั้งกี่ปีแล้ว นับตั้งแต่เขาบังเอิญเปิดประตูเข้าไปแล้วเห็นหล่อนเปลือยกายอาบน้ำ แต่หล่อนกลับยังคงหวาดระแวงเหมือนเขาเป็นโรคจิต นี่มันดูถูกกันชัด ๆ!

“เธอจะกังวลอะไรขนาดนั้น? กลัวว่าฉันจะฉวยโอกาสเอาเปรียบเธอหรือไง?”

ดวงตาของเขากะพริบปริบ ปรายตาไปที่ร่างสวมชุดสูทสีดำรัดรูปเหมาะกับฤดูร้อน แล้วพูดต่อ “ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ใช่คนไม่เลือกแบบนั้น”

ลินดาไม่ตอบคำพูดของเขา ยังคงพูดคำเดิม “จอดรถ”

“ไม่จอด ส่งพระถังซัมจั๋งต้องส่งให้ถึงชมพูทวีป ถ้าฉันไม่ไปส่งเธอถึงหน้าประตูที่พัก เดี๋ยวเธอก็กลับไปบ่นกับแม่ฉันอีก แล้วเธอก็จะมาสร้างปัญหาให้ฉัน”

เซี่ยไห่ก็ค่อนข้างหัวรั้นเช่นกัน ยิ่งลินดาทำท่าทีไม่สนใจเขามากเท่าใดเขาก็ยิ่งสูญเสียความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น

ทันทีที่ผู้ชายมีความปรารถนาที่จะพิชิต เขายิ่งอยากทำทุกอย่างเพื่อที่จะเอาชนะ

ในเมื่อเขาไม่ยอมจอด ลินดาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อ

ระหว่างทาง ลินดาไม่พูดอะไร เซี่ยไห่จึงเริ่มอยู่ไม่สุข หาประเด็นต่าง ๆ มาพูดอย่างเสียไม่ได้ “จริง ๆ แล้วพอมองใกล้ ๆ เธอก็หน้าตาสวยดี วันหลังลองแต่งตัวเป็นผู้หญิงดูบ้างสิ ไม่มีผู้ชายคนไหนเขาชอบผู้หญิงห้าวดีเดือดแบบเธอหรอกนะ”

คำพูดของเขาทำให้ลินดาตอบสนองในที่สุด เธอมองไปด้านข้างแล้วเผชิญหน้าเขาด้วยสีหน้าเย็นชา “ฉันไม่สนใจหรอกว่าพวกเขาจะชอบฉันไหม! ฉันเหมือนคนที่ใช้ชีวิตในแต่ละวันเพื่อทำให้ผู้ชายพอใจหรือไง? แล้วทำไมฉันต้องลงทุนเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้คนอื่นมาชอบด้วย?”

เซี่ยไห่หายใจไม่ทัน พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ชูนิ้วโป้งให้เธอแล้วพูดว่า “เจ๋งเป้ง”

ลินดาใช้โอกาสนี้พูดกับเซี่ยไห่ว่า “ถ้านายกลับไปเมื่อไหร่ช่วยอธิบายกับคุณป้าให้ชัดเจนด้วย อย่าปล่อยให้ท่านเข้าใจผิดแบบนี้อีก ไม่งั้นมันจะส่งผลกระทบต่องานของเซี่ยอวี่กับฉัน”

เมื่อไหร่ก็ตามที่หล่อนโต้เถียงกับเซี่ยอวี่ ตราบใดมี่คุณป้าเซี่ยยังออกหน้าปกป้องหรือแทรกแซง พวกหล่อนจะไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างที่ควรจะเป็น

เรื่องงานและเรื่องส่วนตัวควรแยกจากกันให้ออก

เซี่ยไห่ตอบว่า “เข้าใจแล้ว ไว้ฉันจะอธิบายให้ท่านฟังพรุ่งนี้”

ขณะที่หลินเซี่ยขี่มอเตอร์ไซค์พาหู่จือไปถึงประตูอาคารพักอาศัย พวกเขาก็บังเอิญเจอกับเฉินเจียเหอที่เพิ่งจะกลับจากการทำงานล่วงเวลา

หู่จือตะโกนเรียกอย่างตื่นเต้น “พ่อ พ่อฮะ ดูผมสิ”

เฉินเจียเหอหยุดเดิน เมื่อหันไปเห็นคนสองคนอยู่บนมอเตอร์ไซค์ คนหนึ่งตัวใหญ่และอีกคนตัวเล็ก เขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ไปซิ่งมอเตอร์ไซค์กันมาเหรอ?”

“ใช่ครับ เราเพิ่งไปบ้านยายทวดมา”

หลินเซี่ยจอดรถ มองเฉินเจียเหอซึ่งเหงื่อออกโซมกายหน้ามันแผลบและมีท่าทางเหนื่อยอ่อน สายตาพลันเกิดแววสงสารแล้วถามว่า “กินข้าวมาหรือยังคะ?”

เฉินเจียเหอตอบว่า “ผมกินมาจากโรงงานเรียบร้อยแล้ว”

หลินเซี่ยจอดมอเตอร์ไซค์อยู่ชั้นล่างของตัวอาคาร หลังจากบิดกุญแจล็อกก็จับมือเฉินเจียเหอและถามด้วยความกังวลว่า “ช่วงนี้คุณงานยุ่งมากเลยเหรอคะ? ดูเหมือนว่าคุณไม่ได้เลิกงานตามเวลาปกติมานานแล้ว”

หวังซิ่วฟางและคนอื่น ๆ เลิกงานตามเวลาปกติ ในขณะที่เฉินเจียเหอกลับถึงบ้านอย่างต่ำสองทุ่มทุกคืน

เฉินเจียเหออธิบาย “เราอาจต้องทำงานล่วงเวลาหลายวันหน่อยก่อนที่จะย้ายเครื่องจักรไปโรงงานแห่งใหม่ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนโรงงานเดิมทั้งหมด และขนส่งอุปกรณ์ไปยังที่ใหม่ แถมยังมีชุดตัวถังเครื่องยนต์ที่ต้องติดตั้งให้เสร็จก่อนจะย้ายไปที่โรงงานใหม่ ไหนจะงานส่วนอื่นที่ต้องขนย้ายไปที่โรงงานยานยนต์อื่น ตอนนี้เป็นช่วงที่ยุ่งที่สุดแล้วล่ะ”

งานของเฉินเจียเหอนั้นค่อนข้างพิเศษ ไม่เพียงแต่เขาต้องรักษาความแข็งแกร่งทางร่างกายให้พร้อมตลอดเวลา เขายังต้องรักษาสภาพจิตใจให้ปลอดโปร่งทุกเมื่ออีกด้วย ในฐานะสมาชิกในครอบครัว เธอจึงไม่กล้าเอาเรื่องอื่นมารบกวนจิตใจเขา หลินเซี่ยจึงไม่ได้ถามอะไรมากเกี่ยวกับงาน ได้แต่จูงมือเฉินเจียเหอกลับบ้าน เพื่อปล่อยให้เขาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

เฉินเจียเหออุ้มเด็กชาย จูงมือหญิงสาว แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ถ้าเราได้ย้ายไปอยู่ที่โรงงานใหม่ ผมจะหาเวลาพักผ่อน และใช้เวลาร่วมกับทุกคน”

หู่จือเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “พ่อครับ ใกล้จะถึงวันหยุดฤดูร้อนของผมแล้ว เราออกไปเที่ยวด้วยกันได้ไหม? ผมอยากไปดูพิธีเชิญธงขึ้นเสา”

“ได้ พ่อจะพยายามเคลียร์ตัวเองให้ว่างนะ”

ครอบครัวทั้งสามคนเพิ่งกลับมาถึงบ้าน ก่อนที่เฉินเจียเหอจะมีเวลาเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำล้างตัว เซี่ยไห่ก็รีบพรวดพราดเข้ามา

ทันทีที่เขาผลักประตูเข้าไป พอเห็นสภาพเฉินเจียเหอ ก็จ้องมองเขาด้วยความรังเกียจ “ทำไมวันนี้นายโทรมสะบัดอย่างนี้ล่ะ?”

เฉินเจียเหอ “…”

“มีเรื่องอะไร?” เฉินเจียเหอถามด้วยความหงุดหงิด

เซี่ยไห่ตอบว่า “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ฉันแค่แวะมาถามเฉยๆ ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้บอกให้นายช่วยคิดหาวิธีที่จะทำให้ถังจวิ้นเฟิงยอมเอามอเตอร์ไซค์ไปขี่โดยไม่มีภาระทางจิตใจหรอกเหรอ? อย่าบอกนะว่านายลืมไปแล้ว?”

“ฉันงานยุ่งมาสองสามวันแล้ว”

หลินเซี่ยขอให้หู่จือเข้าไปในห้องเพื่ออ่านหนังสือ จากนั้นก็เดินออกมาและพูดอย่างสบาย ๆ “งั้นคงต้องแกล้งจัดฉากว่าคุณทำจักรยานของเขาพังโดยไม่ได้ตั้งใจ และบอกให้เขาเอามอเตอร์ไซค์ไปใช้พลาง ๆ ก่อน”

เซี่ยไห่ถอนหายใจ “ถ้าเขารู้ว่ามันถูกซื้อมาให้เขาโดยเฉพาะ เขาคงไม่รับไว้ง่าย ๆ แน่”

“งั้นก็บอกว่าคุณตั้งใจซื้อมาให้เฉินเจียเหอ แต่เขาไม่อยากได้ เลยยกให้เจ้าหน้าที่ถังแทนเป็นไง”

เซี่ยไห่ “!!!”

เขามองดูเฉินเจียเหอด้วยความรังเกียจ พูดเยาะเย้ยอยู่ในใจ ไม่อยากได้งั้นเหรอ หมอนั่นหวังว่าเขาจะซื้อรถคันนั้นให้ตัวเองด้วยซ้ำ!

“แต่เมื่อหลายวันก่อนตอนเขาอยู่ต่อหน้าฉัน…”

เฉินเจียเหอขัดจังหวะเขา “กลับไปได้แล้ว เราต้องรีบพักผ่อน”

คำพูดของเซี่ยไห่ถูกเฉินเจียเหอขัดจังหวะ เดิมทีเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างให้อีกฝ่ายขายหน้า แต่หลังจากมองดูใบหน้าที่เหนื่อยล้าและอิดโรยของเฉินเจียเหอ เขาก็ตอบว่า “ได้ ฉันไปก่อนนะ”

เซี่ยไห่ฮัมเพลงแล้วเดินจากไป หลินเซี่ยพูดเบา ๆ

“คุณเข้าไปอาบน้ำเถอะค่ะ”

เฉินเจียเหอถอดเสื้อออก ก่อนจะมองเธอด้วยสายตาออดอ้อนและแพรวพราวลึกล้ำ “อาบให้ผมหน่อยสิ”

หลินเซี่ย “!!!”

เขาขยับแขนอย่างยากลำบาก ทำราวกับเป็นเด็กน้อยผู้น่าสงสาร “ผมเหนื่อยสายตัวแทบขาด วันนี้ยกแขนไม่ขึ้นเลย ที่รักช่วยถูหลังให้ผมหน่อยได้ไหม?”

หลินเซี่ยมองไปทางอื่นด้วยความเขินอาย พูดว่า “งั้นเข้าไปล้างหน้าอย่างเดียวก็พอ”

“เนื้อตัวผมสกปรกเกินไป ถ้าไม่อาบก็จะไม่สะอาด กลัวว่าคุณจะรังเกียจที่ผมตัวเหม็นหึ่ง”

ว่าแล้วเขาก็ผลักหญิงสาวไปชิดกับกำแพงพร้อมสบตาเธอ “โอเคไหม? หืม?”

หลินเซี่ยถูกเขาทำให้จนตรอกแถมยังไม่มีที่หลบเลี่ยง ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลง “ได้ คุณเข้าไปก่อนสิ”

“เข้าไปด้วยกันนี่แหละ”

เฉินเจียเหอถอดเสื้อผ้าจนเหลือแค่กางเกงชั้นในติดกาย แล้วจูงมือภรรยาของเขาเข้าไปในห้องน้ำ

ไม่นานหลังจากประตูปิดลง น้ำเสียงสะบัดสะบิ้งของหญิงสาวก็เล็ดลอดออกมาสู่ด้านนอก

“ที่รัก คุณไม่ได้บอกว่าคุณเหนื่อยเกินไปจนยกแขนไม่ขึ้นหรอกเหรอ?”

“หยุดขยับสักทีได้ไหม? ยืนให้มันตรง ๆ!”

“ฉันไม่อาบให้คุณแล้ว ฉันจะออกไปข้างนอก…”

หู่จือออกมาดื่มน้ำข้างนอกพอดี บังเอิญได้ยินเสียงแม่เถียงกับพ่ออยู่ในห้องน้ำ จึงตะโกนอย่างประหม่าไปทางประตูห้องน้ำ

“พ่อ แม่ ทะเลาะกันเหรอ?”

เสียงของเฉินเจียเหอดังออกมา “ไม่ได้ทะเลาะ หู่จือกลับเข้าไปนอนเถอะ แม่กำลังช่วยพ่อสระผมอยู่”

“โอ้”

ทันทีที่หู่จือส่งเสียงตอบรับ เสียงจากข้างในห้องน้ำก็เงียบลงทันที

ถึงอย่างนั้น… ถ้าตั้งใจฟังดี ๆ คนด้านนอกอาจจะยังได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่บรรยายไม่ได้…

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ลินดาคือสาวยุคใหม่ที่หลงยุคไปยุคเก่าหรือเปล่าเนี่ย

อ้าวพี่เหอ ไหนบอกว่าเหนื่อย แล้วการกระทำของพี่มันคืออะไร ร้ายกาจมากนะคะ

ไหหม่า(海馬)

……………………………………

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ? เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท