เมื่อคาบเรียนสุดท้ายจบลง ผมก็ได้ออกจากโรงเรียนพร้อมกับเชียเพื่อเดินทางกลับบ้าน
“ฮื้ม~ ฮืม ฮื่มม~”
เชียฮัมเพลงพร้อมกับกระโดดก้าวเท้าเหยงๆน้อยๆ เป็นภาพที่ผมไม่ค่อยคุ้นตาสักเท่าไหร่
“….เชีย มีอะไรงั้นเหรอ? ดูเธอจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยนะ”
ขณะที่เดินข้างเธอผมก็เอ่ยถามออกไป
“อ๊ะ รู้ได้เลยเหรอคะ!?”
“อื้ม….”
นักเรียนรอบตัวมองเราสองคนด้วยสายตาอบอุ่นและพูดกันเบาๆว่า ‘คงเจอเรื่องอะไรดีๆมาสิน้าเด็กคนนั้น’
เมื่อผมรู้สึกตัวว่ากำลังถูกมองด้วยสายตาแบบไหน ผมก็รู้สึกประหลาดใจมากจริงๆ
บางทีที่เชียฮัมเพลงไปแบบนั้นอาจจะทำโดยที่ไม่รู้ตัวเลยด้วยซํ้า
“แล้ว..มีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้นงั้นเหรอ?”
“ฉันได้รับจดหมาย ‘ขอบคุณ’ สำหรับท่านเบเรต์ด้วยล่ะค่ะ!”
“จดหมายขอบคุณ?”
“ค่ะ!! ”
เธอยื่นหน้าเล็กๆของเธอเข้ามาใกล้ มองหน้าผมด้วยดวงตากลมโตสีฟ้าคราม และพูดด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับหัวเราะคิกคักไปด้วย
“อะ เอ่อ…แต่ฉันก็เห็นแค่จ่าหน้าซองนะคะ มันเขียนว่า ‘ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงอีกครั้ง สำหรับคำปรึกษาของคุณ’ แล้วเขาก็บอกว่า ‘ช่วยฝากเอาไปให้ทีนะครับ’ แบบนี้น่ะค่ะ! ”
“อะ อ๋าา~”
“ฉันรู้สึกภูมิใจมากเลยล่ะค่ะ เอะเฮะเฮะ~”
“ง..งั้นเหรอ….”
เมื่อผมเห็นเธอทำหน้าประหลาดๆเพื่อที่จะหุบยิ้มของตัวเอง ผมกลับรู้สึกว่ามันน่ากลัวมากกว่าอีกนะ ขอร้องล่ะถ้าจะยิ้มก็ช่วยยิ้มแบบปกติทีเถอะ!
มีคนเดียวที่ผมนึกออกที่จะฝากจดหมายแบบนี้มาให้
เชียพูดเหมือนว่าเธอรู้จักเขา แต่ผมกลับไม่รู้ชื่อของเขานี่สิ
ถึงแม้ว่าขุนนางระดับเอิร์ลจะทรงอำนาจมาก แต่สำหรับตระกูลของเขามันยิ่งกว่านั้นอีกตามที่ลูน่าบอก ไม่น่าแปลกที่เชียจะรู้จักเขา
ขนาดสาวใช้ก็ยังรู้เรื่องนี้เลย ผมได้ตระหนักถึงคำพูดของลูน่าเมื่อวานอีกครั้ง
เพื่อที่จะล้วงข้อมูลจากเชียทีละนิด ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและเอ่ยถามเชียไป
“แล้วไปได้จดหมายนั่นมาจากใครเหรอ?”
“จากท่านอลันค่ะ”
“อ๋าานั่นคือเขางั้นเหรอ! คนที่มีผมสีแดงๆปะ?”
“ค่ะ! ”
“แล้วก็มีดวงตาม่วงด้วยปะ! ”
“ค่ะ!! เขายังเป็นน้องชายของท่านเอเลน่าด้วยนะคะ! ”
“อื้อออมอมออมมอึม!?” //TN: WTF?
เมื่อผมได้รับข้อมูลจากเชียทีละเล็กละน้อย ชิ้นส่วนต่างๆก็เริ่มปะติดปะต่อกัน หัวใจของผมเริ่มเต้นโครมคราม ขาของผมราวกับถูกพันธนาการจนก้าวไม่ออก
คำพูดสุดท้ายของเชียทำให้ผมเหงื่อแตกพลั่ก
(อะ..เอาจริงดิ!? ก็ว่าดูคล้ายๆเอเลน่า ที่แท้ก็เป็นน้องชายของเธอเองหรอกเรอะ……)
หรือก็คือ ตอนพักกลางวันฟังเรื่องปัญหาของน้องชายของเอเลน่า และหลังจากนั้นผมก็เข้าไปให้คำปรึกษาเขาทันที
ถึงจะบังเอิญแค่ไหนแต่นี่มันก็เกินไปมั้ง
“หืม? ท..ทำไมท่านเบเรต์ถึงดูประหลาดใจแบบนั้นล่ะคะ? หรือว่าจะไม่รู้เหรอคะ?”
“ป-เปล่านะ แน่นอนว่ารู้อยู่แล้ว…”
“น..นั่นสินะคะ! เรื่องแค่นี้ท่านเบเรต์ก็ต้องรู้อยู่แล้วสินะคะ! ขอโทษที่พูดอะไรแปลกๆค่ะ”
“อะ อือ…”
นี่คือผลจากการโกหกสินะ เหมือนโดนเชียพูดประชดประชันแบบใสซื่อเลยแหะ
พอโดนคนที่ปกติจะไม่พูดจาประชดประชันแบบเชีย พูดใส่เข้าแบบนี้ก็ทำเอาผมเจ็บจี๊ดเลยล่ะ
หากสถานการณ์แบบนี้ยังดำเนินต่อไปหัวใจดวงน้อยๆของผมได้แหลกสลายเป็นเม็ดทรายแน่
เพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นผมจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“จ จะว่าไปฉันวางแผนจะไปเที่ยวเล่นแถวๆนี้น่ะ เชียมีที่ไหนแนะนำบ้างมั้ย? ฉันไม่ค่อยรู้จักพวกที่เที่ยวแถวนี้สักเท่าไหร่เลย..”
“ที่เที่ยวเล่นเหรอคะ? ก็มีอยู่หลายที่เลยนะคะ ว่าแต่จะไปกันกี่คนเหรอคะ”
“ไปกันสองคน กับเด็กผู้หญิงที่ชื่อลูน่าน่ะ”‘
“เอ๊ะ……”
ทันทีที่ผมเอ่ยชื่อนั้น เชียก็หยุดเดินและมองมาที่ผมด้วยสีหน้าไม่สบายใจอย่างชัดเจน
“อะ..ท ท่านลูน่าน่ะเหรอคะ? ที่เป็นบุตรสาวคนที่สามของตระกูลบารอนและเป็นเดียวในโรงเรียนที่เรียนในห้องสมุด…”
“ใช่ๆ”
(แค่บอกชื่อไปเฉยๆก็รู้ได้ในทันทีเลยเหรอ…สมแล้วล่ะนะ)
ในขณะที่ผมกำลังรู้สึกประทับใจ เชียก็ก้มหน้ามองตํ่าและผมก็ได้ยินสิ่งที่ไม่คาดคิด
“น่าเสียดายนะคะ แต่ว่าท่านลูน่าคงไม่ยอมมาเที่ยวด้วยหรอกค่ะ”
“เอ๊ะ? ทำไมล่ะ?”
“ถ้าให้อธิบายสั้นๆ ก็เพราะท่านลูน่าชอบอ่านหนังสือมากกว่าที่จะออกมาเที่ยวเล่นน่ะค่ะ”
“อะ ก็นะ..นั่นก็เป็นไปได้…”
ถ้าเป็นคนปกติมันก็คงจะดูไม่สมเหตุสมผล แต่เพราะเป็นลูน่ามันจึงดูสมเหตุสมผลขึ้นมาทันที
“แต่ว่า ถ้าฉันเป็นคนชวนเธอก็คงจะไม่ปฏิเสธหรอกมั้ง? ใช่มั้ยนะ…”
“ความจริงคือ เธอปฏิเสธคำเชิญของทุกคนเลยล่ะค่ะ เธอมักจะพูดว่า ‘อ่านหนังสือมันสนุกกว่า’ น่ะค่ะ”
“จริงเหรอ!?”
“ค่ะ เธอมีแนวโน้มจะพูดว่า ‘ฉันไม่อยากเจียดเวลาว่างไปเล่นกับคุณหรอกนะ มันเสียเวลาเปล่า’ ยิ่งถ้าเป็นผู้ชายเธอจะพูดด้วยสีหน้าเย็นชาเป็นพิเศษเลยล่ะค่ะ…. ฉันคิดว่าเธอน่าจะรำคาญเพราะได้รับคำเชิญมาไม่หวาดไม่ไหว ”
เชียขมวดคิ้วมุ่นสีหน้าดูลำบากใจ
“แล้วท่านลูน่ายังเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเวลาว่างของเธอเป็นอันดับแรกเสมอ ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่ท่านเบเรต์เป็นคนเอ่ยปากชวนเธอเองใช่มั้ยคะ? ใช่ใช่มั้ยคะ!! ”
ไม่รู้ว่าทำไมเชียถึงเน้นคำว่า ผมเป็นคนชวนเธอเองจริงๆใช่มั้ย ราวกับว่าเธอจะขอคำยืนยันว่า ‘ลูน่าไม่ได้เป็นคนเอ่ยชวนผม’
เชียเร่งเร้าให้ผมรีบตอบ
“อะ..อือ เพราะฉันติดหนี้บุญคุณเธออยู่น่ะ”
“ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ…เอ่อคือ…..”
อย่างนี้นี่เอง คงเพราะกลัวผมจะเสียความรู้สึกสินะ
เอาล่ะเชีย ผมเข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อแล้วล่ะ //TN: ไม่ได้เข้าใจอะไรเล๊ยยยยย
“เอาล่ะ! เชียเรามาลืมเรื่องที่พูดไปเมื่อกี้กันเถอะเน๊อะ ตกลงไหม?”
“อะ ค่ะ!!? ”
“ถ้างั้นก็กลับบ้านกันเถอะ! ”
เป็นเด็กที่อ่อนโยนอะไรแบบนี้เชียน้อยของเรา
ถึงผมจะโดนปฏิเสธก็ไม่เป็นไรหรอกนะเชีย ฮึกก~ รู้สึกเหมือนอกหักชอบกลแหะ แต่ก็ช่างเถอะชีวิตต้องเดินหน้าต่อไปนี่นะ…
******
—หลังจากนั้น ทั้งเบเรต์และเชียก็อาจจะต้องตะลึงงันทั้งคู่
เพราะเขาก็ดันได้รับคำตอบจากลูน่าว่า ‘ตกลง’ เสียอย่างนั้น
และหลังจากนั้นก็ทำให้อารมณ์ของเชียดูหม่นหมองลง ทว่านั่นเป็นเรื่องราวในอนาคตอันใกล้นี้….