ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 139 ไต่เต้าและพังทลาย-12

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 139 ไต่เต้าและพังทลาย-12

หลิวรุ่ยอิ่งตัดสินใจพกบทกวีนี้ติดตัวไปด้วย ไปตามหาร้านทำกรอบบนถนนสายยาวของหอทรงปัญญา หลังจากทำกรอบเสร็จค่อยส่งคืนให้สี่พี่น้องเบญจลักขี

แม้ว่าอักษรตี๋เหว่ยไท่จะล้ำค่ายิ่งนัก แต่ผู้เสียชีวิตนั้นสำคัญกว่า ตนก็มีเจตจำนงแน่วแน่ไม่คิดผูกขาดวิญญาณผู้ภักดีผู้นี้

ครั้นหยิบบทกวีขึ้นมาเขาจึงมองเห็น มีพื้นรองเท้าคู่หนึ่งวางอยู่ใต้บทกวี

พื้นรองเท้านี้ไม่ใช่ขนาดของเขา ใหญ่กว่าเล็กน้อย ทว่าสิ่งของเช่นพื้นรองเท้าใหญ่ไปหน่อยก็ยังสวมใส่ได้ แต่หากขนาดเล็ก เกรงว่าจะใช้เป็นของประดับตกแต่งเท่านั้น

หลิวรุ่ยอิ่งไร้ความทรงจำต่อพื้นรองเท้านี้เช่นกัน

แต่เมื่อเขามองเห็นดอกบัวที่ใช้ด้ายสีดำเย็บปักอย่างวิจิตรงดงาม ก็อดโปรดปรานมันไม่ได้

เพียงรู้สึกว่านี่จะต้องเป็นของที่ระลึกที่ใครบางคนมอบให้เขาเป็นแน่ แต่ผู้ใดจะให้พื้นรองเท้าแก่เขาเล่า

โดยทั่วไปสิ่งของแนบกายส่วนตัวเช่นนี้ นอกจากจะซื้อเองแล้ว มีเพียงคนรักเท่านั้นที่มอบให้

ฝ่ายชายซื้อแป้งชาดให้แก่คนรัก สตรีซื้อถุงเงินหรือปักถุงหอมกับมือแขวนบนกระบี่จอมยุทธ์พเนจรในดวงใจ ล้วนเป็นเรื่องปกติทั่วไป

ชั่วพริบตา ใบหน้าทั้งสองแวบเข้ามาในหัวของหลิวรุ่ยอิ่ง

คนหนึ่งคือเจ้าหมิงหมิง คนหนึ่งเป็นโอวเสี่ยวเอ๋อ

แต่เขารีบส่ายศีรษะ สลัดใบหน้างามพริ้งทั้งสองออกจากหัว

เจ้าหมิงหมิงย่อมไม่ต้องกล่าวถึง บุตรธิดาตระกูลมั่งคั่ง เดินทางไปที่ใดมักพาเกาลัดคั่วน้ำตาลติดสอยห้อยตาม เดาว่าไม่เคยเย็บปักถักร้อยใดๆ มาก่อนแน่นอน

ยิ่งกว่านั้นตนและนางพบหน้าพูดคุยเพียงสองครั้งถ้วน ต่อให้คนจะชื่นชมนางสุดใจ นางไหนเลยจะรู้สึกคนึงหานายกองกรมสอบสวนเล็กๆ คนนี้เล่า

ส่วนโอวเสี่ยวเอ๋อนั้น ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้…

ให้นางจับกระบี่สังหารคนย่อมเป็นความสามารถที่คมกริบที่สุด ให้นางพุ่งเข้าดวลสุราก็เป็นสตรีที่กระดกจนก้นชาม

แต่หากให้ขอให้นางเย็บปัก เกรงว่าทิ่มจนครบสิบนิ้วก็ปักไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงดอกบัวหมึกประณีตบนพื้นรองเท้าดอกนี้

หลิวรุ่ยอิ่งใช้มือฟัน พบว่าด้ายดอกบัวหมึกหลุดออกเล็กน้อยจนหลวม ลักษณะไม่น่าดูเล็กน้อย ไร้ชีวิตชีวาที่สง่างามเกลี้ยงเกลาเหมือนเก่า

เขาเศร้าใจเล็กน้อย รู้สึกราวกับว่าตนได้ทำลายความตั้งใจของใครบางคนและวัตถุที่งดงามด้วยการกระทำเกินเรื่อง

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลิวรุ่ยอิ่งอาศัยความหงุดหงิดทุบจนแตก ดึงด้ายที่หลวมแล้วรื้อดอกบัวหมึกออกจนหมด

เขาคิดว่าดอกบัวหมึกนี้ไม่สมบูรณ์แล้ว ทำให้มันหายไปจนสิ้นจะดีกว่า เหลือเพียงพื้นรองเท้าเปล่าๆ คู่นี้เท่านั้นที่มองแล้วสบายตา

ไม่เช่นนั้นทุกครั้งที่มองเห็นดอกบัวหมึกดูหลวมๆ ก็จะตำหนิตนเองอีกเป็นแน่ แทนที่จะปล่อยให้ตนเองเป็นทุกข์หรือหงุดหงิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า สู้เลิกคิดไปเสียดีกว่า

แต่หลังจากเขารื้อด้ายสีดำชั้นพื้นผิวนี้ออก พบว่ายังมีดอกบัวหมึกอยู่ อีกทั้งรูปลักษณ์เปลี่ยนไปสิ้นเชิง

ใต้ด้ายสีดำยังมีบัวอยู่อีกหนึ่งดอก ทว่าเป็นดอกบัวทองคำที่ปักเย็บจากด้ายสีทอง!

ผู้ใดกันที่ไม่เสียดายเวลามากมายเช่นนี้ปักดอกบัวสองสีมอบให้ตน หากเมื่อครู่เขาไม่ดึงด้ายสีดำชั้นนี้ออกมา อาจไม่มีวันค้นพบว่ายังมีชั้นดอกบัวทองคำอยู่ใต้ดอกบัวหมึก

หลิวรุ่ยอิ่งหยิบพื้นรองเท้า ทันใดนั้นความคิดก็พรั่งพรู

เขารู้สึกว่าทุกสิ่งในโลกนี้ช่างปลอมเกินไป

ผู้คนก็ปลอมเปลือก สิ่งของก็จอมปลอม

เขานึกย้อนก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่ม โอวหย่าหมิงเล่นลูกไม้ใส่ตี๋เหว่ยไท่ จงใจกล่าวถึงการก่อสร้างครั้งใหญ่ของหอทรงภูมิ

ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพียงรู้สึกว่าบุคคลยิ่งใหญ่เช่นนี้ไม่ธรรมดาดังคาด ทุกคำกล่าวล้วนวางกับดักไว้ทุกหนแห่ง ไม่ระวังเพียงครั้งแม้ไม่ล้มทั้งกระดาน แต่ท้ายที่สุดก็จะเสียเปรียบ

หากสถานการณ์ถูกกระตุ้น เช่นนั้นไม่ว่าจะชดเชยอย่างไรในภายภาคหน้า เกรงว่าจะสั้นกว่าผู้อื่นสามนิ้ว…

แต่ตอนนี้หลิวรุ่ยอิ่งถือดอกบัว (ทอง) หมึกในมือแล้วคิดถึงเรื่องเหล่านี้อีกครั้ง เขาเพียงรู้สึกคลื่นไส้อย่างไร้สาเหตุ

บุคคลยิ่งใหญ่เพียงใดก็เป็นบุคคลคนเล็กๆ ในความคิดของเขา

จิตใจคาดว่าอาจใหญ่ไม่เท่ารูเข็มที่ปักดอกบัว(ทอง) หมึก ทั้งร่างกายล้วนไร้ความรับผิดชอบหรือความรู้สึกในจิตใจ มีเพียงผลประโยชน์และผลประโยชน์เท่านั้น

ทันใดนั้นหลิวรุ่ยอิ่งต้องการพูดคุยกับจิ่วซานปั้นยิ่งนัก รู้สึกว่าอย่างน้อยเขาก็เป็นคนจริงใจและซื่อสัตย์ที่สุดจนถึงตอนนี้

เขาเตรียมจะกลับไปหากรอบและเอากวีบทนี้ใส่ในกรอบที่ถนนสายยาวพอดี สู้เรียกให้จิ่วซานปั้นไปกับตนด้วย จะได้มีเพื่อนคุยระหว่างทาง ปล่อยให้ตะกอนในอกสลายไปโดยเร็วที่สุด

หลิวรุ่ยอิ่งเองก็รู้สึกแปลกๆ ตามหลักการแล้วเขาควรจะปรับตัวได้นานแล้วจึงจะถูก

เดิมกรมสอบสวนกลางเป็นสถานที่พบคนประเภทใดก็ใช้วาจาประเภทนั้นอยู่แล้ว

ตนเติบโตมาในที่แห่งนั้น ไยจึงไม่ได้รับอิทธิพลจากมันเล่า

เขารู้ว่าความคิดตนอันตรายยิ่งนัก รู้สึกกลัวอยู่พักหนึ่ง…

เขากังวลว่าเมื่อคืนไม่ใช่เพราะเขาดื่มสุรามากไปแต่เป็นเพราะความปากไวจึงพูดเรื่องเหล่านี้ออกไปต่างหาก

จงรู้ไว้ว่าความคิดของคนไม่ได้เกิดขึ้นทันทีอย่างแน่นอน นี่เป็นการสะสมระยะยาว จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความเห็นต่างกันในเรื่องใหญ่น้อยไม่รู้จบเท่านั้น

ความรู้สึกคลื่นไส้เป็นระลอกและทุกความคิดในใจของเขาเมื่อครู่ หากกล่าวออกไปโดยไม่ตั้งใจ หากถูกผู้สนใจบันทึกเอาไว้ เช่นนั้นสิ่งเดียวที่รอเขาอยู่คือการตัดสินโทษจำคุก

บิดเบือนนำข้อมูลมาบางส่วน ได้ทีขี่แพะไล่เดิมก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์

คนที่มอบถ่านให้ท่ามกลางหิมะนั้นมี แต่น้อยยิ่งนัก

ทุกคนที่พบล้วนควรค่าแก่คำกล่าวขอบคุณ

ไม่ว่าภายภาคหน้าจะมีความยุ่งเหยิง สิ่งกีดขวางใดๆ อย่างน้อยล้วนเป็นแสงสว่างและรากฐานบนเส้นทางไต่เต้าของตน

ไต่เต้าช้า แต่พังทลายเร็ว

ยิ่งไต่เต้าสูงเท่าไรก็ยิ่งพังทลายเร็วขึ้นเท่านั้น

จู่ๆ หลิวรุ่ยอิ่งก็รู้สึกหวาดกลัวอีกครั้ง

ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความคิดเมื่อครู่และความเมาเมื่อคืนของตน แต่เป็นเพราะรู้สึกว่าเส้นทางไต่เต้าของตนราบเรียบเกินไป และมีคนมอบถ่านให้ท่ามกลางหิมะมากเกินไป

ยกเว้นกระบี่ในมือที่ทำให้ฮั่ววั่งติ้งซีอ๋องตาร้อน ทุกสิ่งที่เขาครอบครองตอนนี้ล้วนไร้สาเหตุและไร้เหตุผลสิ้นดี

หลิวรุ่ยอิ่งจำคำพูดชายชราเลี้ยงม้าที่ดูแลตนเป็นอย่างดี บอกกับตนตอนที่เพิ่งเริ่มทำงานจิปาถะในกรมสอบสวนกลาง

เขากล่าวว่าชีวิตคนเสมือนการควบม้า ควบม้าไวย่อมถึงจดหมายเร็วกว่า แต่หากควบม้าไวแต่ไร้ทักษะควบม้าที่เหมาะสม ไม่ช้าก็เร็วจะตกจากหลังม้า กระทั่งอาจถูกม้าเหยียบอีกต่างหาก

หลิวรุ่ยอิ่งไม่เคยเห็นคนตกจากหลังม้ามาก่อน อีกทั้งตอนนั้นยังเยาว์วัย ทั้งทะนงทั้งหยิ่งผยอง ย่อมดูแคลนคำปลอบโยนนี้เป็นธรรมชาติ

แต่ครั้งต่อมา เมื่อเขาไปขอร้องชายชราเลี้ยงม้าผู้นี้ให้ตนขี่ม้าเล่น ชายชราเลี้ยงม้ากลับถอดอาน แป้นเหยียบ และบังเหียนออก

หลิวรุ่ยอิ่งที่ขี่ม้าไม่เป็นย่อมร่วงตกลงมาไม่น้อยครั้ง ทว่าในใจเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ เพราะเขาไม่เคยเห็นผู้ใดขี่ม้าหลังเปล่าบนถนนเลย

แต่ตอนนี้เขากลับเข้าใจเจตนาของชายชราเลี้ยงม้าแล้ว

ตัวม้าเองก็เป็นเช่นนั้น หลังเปลือยเปล่ามีเพียงแผงคอหลังคอให้คนได้ใช้ประโยชน์จากมัน

ส่วนที่เหลือล้วนอาศัยการประสานรูปร่างและพละกำลังของตนจึงจะนั่งบนหลังม้ามั่นคงและหนีบท้องม้าได้

แต่อานม้า แป้นเหยียบและบังเหียนเหล่านั้นล้วนเป็นตัวเสริม เช่นเดียวกับหลิวรุ่ยอิ่งที่เลื่อนขั้นสามระดับได้โดยไร้เหตุผล ทั้งยังได้รับ ‘กระบี่เจ็ดถ้อยสันดาป’ เป็นรางวัลอีกด้วย

หากศีลไม่เสมอกัน ย่อมครอบครองได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น

แม้ว่าเขาจะผ่านการรบมาหลายครั้งหลายหน ในช่วงเวลาเป็นตายสำคัญรักษาตัวเสริมเหล่านี้ไว้ หากเขามีความสามารถแท้จริงสามารถครอบครองได้เมื่อนั้นจะมีผู้ใดจะมาแย่งชิงไปเล่า

หากสิ่งเหล่านี้ถูกนำไปใช้กับตัวฮั่ววั่งและหลิวจิ่งเฮ่า หรือแม้แต่โอวหย่าหมิง แทนที่ทุกคนจะรู้สึกขุ่นเคืองกลับล้วนคิดว่ามันก็ควรจะเป็นเช่นนี้ ต่อให้ความขุ่นเคืองก็กลายเป็นความเกลียดชัง ครั้นแล้วจึงอยากทำลายทิ้ง ให้มันพังทลายลงเสีย

หลิวรุ่ยอิ่งรู้สึกว่าตนควรจะขี่ม้าหลังเปลือยอย่างตรงไปตรงมาก่อนแล้วค่อยเรียนรู้การซ่อนเร้น

กิจธุระในครั้งนี้ เขาได้พยายามขโมยความสนใจมาแล้ว

ครั้งก่อนเผชิญหน้าสถานการณ์แห่งความตายกับตู้เยี่ยนชายชุดขาว ทันใดนั้นหลิวจิ่งเฮ่าฉิงจงอ๋องปรากฏกายรักษาชีวิตเขาเอาไว้

แต่หลิวจิ่งเฮ่ามาได้ครั้งหนึ่ง มาได้ครั้งที่สอง แล้วจะมาทุกครั้งได้อย่างไร

หากเป็นเช่นนั้น หลิวรุ่ยอิ่งคงไม่ต้องทำสิ่งใดแล้ว มีหลิวจิ่งเฮ่าฉิงจงอ๋องอยู่เคียงข้างคอยปกป้องตนตลอดเวลา เช่นนั้นเขามีสิ่งใดที่ทำไม่ได้และมีสิ่งใดไม่กล้าทำอีกเล่า

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น เขาก็คงรู้สึกทรมานใจยิ่งนัก

ท้ายที่สุดตนต่างหากที่เป็นตัวจริง ใช้ประโยชน์จากตัวเสริมไปต่อให้จะยิ่งใหญ่เพียงใด มันก็เป็นของผู้อื่นเท่านั้น

เว้นแต่ ‘กระบี่เจ็ดถ้อยสันดาป’ ทักษะวิชาบุ๋นที่หลิวรุ่ยอิ่งใช้เป็นมีไม่มากนัก แต่อย่างน้อยทักษะกระบี่มาตรฐานกรมสอบสวนหรือ ‘ห้าเทพเจ้า’ เป็นวิชากระบี่ที่เขาฝึกฝนมาตั้งแต่จำความได้

แต่เมื่อเขาได้รับ ‘กระบี่เจ็ดถ้อยสันดาป’ กลับลืมเลือนกระบวนท่ากระบี่นี้ไปนานแล้ว

มนุษย์เราล้วนโปรดของใหม่เบื่อของเก่า โดยเฉพาะเมื่อ ‘ของใหม่’ เป็นการมีอยู่ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า

ระหว่างนั้นเอง คำว่า ‘ซ่อนเร้น’ สองคำนี้ผุดขึ้นในสมองของเขา

ซ่อนเร้นความไม่เอาไหน ไม่แสดงให้ผู้อื่นเห็น

แต่หากบัดนี้สิ่งที่เขาต้องการซ่อนคือ ‘ซ่อนฉลาด’

ทำอย่างไรจะซ่อนความสามารถของตนที่เผยออกไปก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะตั้งใจพลาดพลั้งเล็กน้อยแต่คุ้มค่าก็ตาม

………………………..

“ผู้นำตระกูลโอว ยินดีบอกเล่าความจริงที่วันนั้นสองเรายังสนทนากันไม่จบหรือไม่”

หอทรงปัญญาเป็นสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง

ตี๋เหว่ยไท่นั่งลงเผชิญหน้ากับโอวหย่าหมิง

ด้านหน้าทั้งสองมีเพียงถ้วยชาเย็นชืดหนึ่งถ้วย

ดูเหมือนเพิ่งจะเพิ่งต้มได้ไม่นาน ยังคงมีไอร้อนลอยฟุ้งต่อเนื่อง

“ท่านประมุขหอตี๋หมายถึงยามใดหรือ”

โอวหย่าหมิงกล่าวถามแสร้งแปลกใจ

อันที่จริงความรู้อยู่เต็มอก ตี๋เหว่ยไท่ถามเกี่ยวกับ ‘การก่อสร้างครั้งใหญ่’ ของหอทรงภูมิที่เขากล่าวถึงในวันนั้น

แต่บัดนี้ ในเมื่อตี๋เหว่ยไท่กล่าวถามก่อน เช่นนั้นตนก็เริ่มรุกยึดครองเมืองก่อน

ยิ่งกว่านั้นตนรู้เรื่องนี้ชัดเจนยิ่ง อย่างไรเสียน้ำใจผู้เก่งกระบี่ชั้นสูงไม่ได้หยิบยื่นให้โดยเปล่าประโยชน์

ดังนั้นเขาจึงเอาแต่กล่าววาจาให้เกียรติ สุภาพและห่างเหิน รอจนตี๋เหว่ยไท่อดรนทนไม่ไหวเอ่ยปากถามเขาโดยตรงเสียก่อน เมื่อนั้นราชสีห์ก็จะปริปากพูด

เมื่อคิดถึงตรงนี้ โอวหย่าหมิงยกชาด้านหน้าขึ้นเป่าไอร้อนและจิบมัน

“ชาของท่านประมุขหอตี๋ไม่ธรรมดาดังคาดจริงๆ!”

โอวหย่าหมิงกล่าว จงใจหยิบยกหัวข้อนี้ขึ้นมา

ยามนี้เป็นการเปรียบเทียบว่าผู้ใดจะกล่าวนอกเรื่องได้ไกลกว่ากันและผู้ใดจะกล่าวอ้อมได้มากพอ!

ตี๋เหว่ยไท่ได้ยินสิ่งนี้ ก็รู้จุดประสงค์ของโอวหย่าหมิงโดยพลัน

ด้วยความไม่รีบร้อน จึงกล่าวเรื่องชาให้เขาฟังอย่างละเอียด

กล่าวเล่าเกี่ยวกับที่มา ทั้งสองก็เปลี่ยนชาชนิดอื่นมาลิ้มรสอย่างละเอียด

หากให้คนนอกเห็น นี่ไหนเลยจะเป็นการประชันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน เสมือนสหายโปรดชาสองคนที่แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันเท่านั้น

ในใจตี๋เหว่ยไท่อดชื่นชมโอวหย่าหมิงไม่ได้

แม้ว่ามีแต่เขาที่เอ่ยถาม ตี๋เหว่ยไท่เป็นคนตอบ

แต่ทุกคำถามที่โอวหย่าหมิงถามนั้นมักจะเข้าประเด็นสำคัญเสมอ!

หากไร้ความเข้าใจลึกซึ้งในหัวข้อที่กล่าวถึง คงเป็นไปไม่ได้ที่จะถามเช่นนี้

แต่ตราบใดที่เขาถาม ตี๋เหว่ยไท่จำต้องกล่าวออกไป

ระหว่างที่ทั้งสองถามมาตอบไปเช่นนี้ เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว

…………………………………………………..

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน