ตอนที่ 316 ยอมอ่อนข้อ
ฤกษ์งามยามดี ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์
ชื่อปีไท่หนิง!
หมายความถึงความงดงาม
เฉลิมฉลองทั่วหน้า บรรดาขุนนางได้รับแรงบันดาลใจ
เรื่องแรกที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ทรงทำหลังขึ้นครองราชย์คือแต่งตั้งเถาฮองเฮาเป็นพระพันปี
จากนั้นรับภรรยาและบุตรของเขาเข้าวัง แต่งตั้งจ้งซูอวิ้นเป็นฮองเฮา
จากนั้นรับสั่งให้สำนักพิธีหารือพระนามของฮ่องเต้องค์ก่อน
ท่ามกลางภัยจากภายนอกและภายในมากมาย
ฮ่องเต้องค์ใหม่ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ยังคงยืนกรานแผนการที่ฮ่องเต้องค์ก่อนวางเอาไว้ ไม่ปรับเปลี่ยนแม้แต่น้อย รับสั่งให้สำนักหยาเหมินทำงานตามแผนและบุคลากรเดิม
วันที่ยี่สิบเก้า ฮ่องเต้องค์ก่อนเข้าสุสานหลวง พระนามอิงจง
พระนามนี้มีความเห็นที่หลากหลาย แอบซ่อนกลอุบายของขุนนางตระกูลใหญ่เอาไว้
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้กลับพยักหน้าอนุญาตโดยไม่มีข้อคัดค้านแต่อย่างใด
เห็นได้ชัดว่าภายในใจของเขาก็มีการประเมินต่อฮ่องเต้เช่นเดียวกัน
การสืบทอดราชบัลลังก์ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น
ชีวิตยังต้องดำเนินต่อ!
องค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่ ไม่ เวลานี้ควรจะเป็นเชื้อพระวงศ์ เซียวเฉิงเย่มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากในระยะนี้
ทุกคนต่างรู้ว่าเขาทำให้ฮ่องเต้องค์ใหม่ทรงขุ่นเคือง แม้จะไม่ถึงขั้นถูกทุกคนทับถม แต่ก็ยากลำบากในการย่างก้าว
งานในราชสำนักของเขายังถูกรักษาเอาไว้ ถึงแม้ฮ่องเต้องค์ใหม่จะไม่ได้สถาปนายศศักดิ์ให้เขา แต่ก็ไม่ได้ต้อนให้เขาขนมุม
แต่แล้วเนื่องจากท่าทีของฮ่องเต้องค์ใหม่ งานในสำนักหยาเหมินของเขา เฮ้อ ไม่พูดเสียดีกว่า
เขาจึงไม่ได้ทำงานเสียเลย ไม่อยากต้องทนกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม เอาแต่คลุกตัวดื่มสุราอยู่ภายในจวน
หลี่ปิ้งถิงเห็นเขาเป็นเช่นนี้ จึงกลุ้มใจอย่างมาก
นางเกลี้ยกล่อมเสียงเบา “ให้ข้าไปขอร้องคนหรือไม่ ท่านคุกเข่ายอมรับผิดกับฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงอภัยให้ท่าน”
“เหตุใดจึงให้ข้าคุกเข่าอ้อนวอน ข้าต่างหากที่เป็นบุตรชายคนโต ข้าเป็นพี่ใหญ่”
เซียวเฉิงเย่ถามด้วยเสียงดุดัน ดวงตาแดงก่ำเหมือนนักพนันที่พ่ายแพ้
หลี่ปิ้งถิงขมวดคิ้ว เตือนเขา “ทุกสิ่งถูกกำหนดเอาไว้แล้ว แต่ก่อนพวกท่านเป็นพี่น้อง แต่เวลานี้เป็นกษัตริย์กับขุนนาง เขาเป็นกษัตริย์ ท่านเป็นขุนนาง สถานการณ์ในเวลานี้ หากท่านไม่ยอมก้มหัว ชีวิตมีแต่จะยากลำบากยิ่งขึ้น”
ชะงักไปสักพัก นางก็พูดขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงเบา “วันนี้ขันทีถ่ายทอดพระราชโองการออกไปยังจวนองค์ชายสองเพื่อแต่งตั้งเซียวเฉิงเหวินเป็นท่านอ๋อง พระนาม ‘ผิง’ หรือท่านอ๋องผิงชิน พี่น้องคนอื่นของท่านต่างก็ได้รับการแต่งตั้ง ยศต่ำสุดอย่างน้อยก็เป็นถึงแม่ทัพเฟิงกั๋ว แม้แต่องค์ชายหกที่กำเนิดจากเจี่ยซูเฟยยังได้รับการแต่งตั้ง บรรดาพี่น้อง มีเพียงท่านที่ไม่ได้รับยศ เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทกำลังทรงรอท่านก้มหัวยอมรับผิดอยู่”
“ข้าไม่ผิด ข้ายอมรับผิดอันใด”
เซียวเฉิงเย่ตะโกนด้วยความไม่พอใจ จากนั้นจึงหยกเหยือกสุราเขวี้ยงจนแตกละเอียด
หลี่ปิ้งถิงตกใจเล็กน้อย นางขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
นางสูดลมหายใจเข้า “แม้ท่านจะอาละวาดอยู่ในจวนด้วยความไม่พอใจก็ไร้ประโยชน์ เขามองไม่เห็น! แม้เขาจะเห็น เขาก็มีแต่จะหัวเราะเยาะท่าน เวลานี้ลองคิดทบทวนอย่างละเอียด ความจริงแล้วเมื่อหลายปีก่อนท่านก็ถูกตัดออกจากสนามแล้ว มิฉะนั้นเหตุใดฮ่องเต้องค์ก่อนจึงไม่ยอมแต่งตั้งท่านแม่เสียที”
“เจ้าหุบปาก!”
เซียวเฉิงเย่อยากฆ่าคน
มารดาผู้ให้กำเนิดของเขาเป็นภรรยาเดิมของเสด็จพ่อแท้ๆ แต่เพียงเพราะจากไปเร็ว จึงไม่ได้รับการแต่งตั้งแต่อย่างใด
ส่วนองค์ชายใหญ่อย่างเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วน
มันคือความเจ็บปวดที่ใหญ่ที่สุดในใจของเขา อีกทั้งยังเป็นเรื่องต้องห้ามของเขา
เขาไม่คิดว่าหลี่ปิ้งถิงจะกล้าเปิดแผลของเขา
“เจ้าคู่ควรที่จะเอ่ยถึงท่านแม่ข้า?” เซียวเฉิงเย่เดินเข้าใกล้
หลี่ปิ้งถิงก้าวถอยหลัง “ก่อนแต่งงานกับท่าน ข้าต้องเรียกท่านแม่ท่านว่าท่านป้า หลังจากแต่งงานกับท่านแล้ว ข้าควรเรียกว่าท่านแม่ มีอันใดผิดหรือ”
ใช่ มีอันใดผิด
“บอกให้เจ้าหุบปาก เจ้าไม่ได้ยินหรือ”
เซียวเฉิงเย่ตะโกนด้วยความหงุดหงิด เหมือนสัตว์ที่ถูกขังไร้ทางออก
หลี่ปิ้งถิงเห็นท่าทางของเขาเช่นนี้ก็รู้สึกสงสาร
เขาไม่ได้รับในสิ่งที่ตนเองต้องกันแม้ในตอนสุดท้าย แม้แต่ฐานะของมารดาผู้ให้กำเนิดก็นำมาไม่ได้
นางก้มหน้าพึมพำ “หากฮ่องเต้องค์ก่อนทรงฟื้นขึ้นมาก่อนจากไป ท่านว่าพระองค์จะทรงให้ความเป็นธรรมแก่ท่านแม่หรือไม่”
เซียวเฉิงเย่ได้ยินจึงร้องไห้โฮออกมา
“อ้าก…”
เขาคำรามเสียงดังเพื่อระบายความทุกข์ภายในใจ
หลี่ปิ้งถิงดวงตาแดงก่ำ นางนั่งลงกอดหัวของเขาเอาไว้ ดึงเขาเข้ามาในอ้อมกอด
นางลูบหลังของเขาเบาๆ เพื่อปลอบประโลม “สวรรค์ไม่ตัดหนทางมนุษย์จนหมดสิ้น ทุกอย่างจะดีขึ้น”
เซียวเฉิงเย่ร้องไห้ด้วยความเศร้าโสก
เขาเอนกายพิงอยู่ในอ้อมกอดของหลี่ปิ้งถิง ร้องไห้เหมือนเด็กตัวโต
เวลานี้ ความอ่อนแอของเขา ความไร้เรี่ยวแรงของเขา ด้านที่แย่ที่สุดของเขาล้วนปรากฏต่อหน้าภรรยา หลี่ปิ้งถิง
เวลานี้ เขาร้องไห้อย่างเปิดเผย ระบายความไม่เป็นธรรมและความน้อยใจที่สั่งสมอยู่ในใจมาหลายปี…
“ข้าไม่ดีตรงไหน เพียงเพราะท่านแม่จากไปเร็ว ข้าจึงต้องทนรับทุกสิ่งนี้หรือ”
เขาถามในขณะที่กำลังร้องไห้
คำถามนี้เขาซ่อนมันไว้ในใจอย่างน้อยสิบกว่าปี เขาอยากถามตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่กล้าถาม
หลังจากเติบใหญ่ยิ่งไม่กล้าถาม
จนกระทั่งเวลานี้ เขาไม่มีคนให้ถามแล้ว
คนที่สามารถตอบเขาได้ตายไปแล้ว
ก่อนจากไปยังไม่ยอมให้ความเป็นธรรมต่อท่านแม่ของเขาแม้แต่น้อย
เพราะเหตุใด
เหตุใดภรรยาเดิม ภรรยาที่ผูกผมแต่งงานจึงได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
เพราะเหตุใด
เฮ้อ…
หลี่ปิ้งถิงถอนหายใจ “คนเก่าจะเทียบคนใหม่ได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นพระพันปีเถาทรงออกแรงอย่างมากในช่วงเวลาที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงแย่งราชบัลลังก์”
“เจ้าหมายความว่า ท่านแม่ข้าจากไปเร็ว ไม่เคยช่วยเหลือเสด็จพ่อ ดังนั้นจึงสมควรถูกละเลยหรือ ข้าเองก็สมควรถูกรังเกียจหรือ”
เซียวเฉิงเย่ถามรัว
หลี่ปิ้งถิงตั้งใจตอบคำถามเขา “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้ ข้าอยากจะบอกว่าคนที่มีชีวิตอยู่สำคัญที่สุด”
เซียวเฉิงเย่หัวเราะเสียงเย็น เขากุมหน้าอกของตนเอง หัวใจของเขาเจ็บปวดอย่างมาก
“ข้าก็เป็นคนที่มีชีวิต เหตุใดเขาจึงมองไม่เห็นข้า เดิมทีข้าเป็นโอรสองค์โต เขาเป็นฮ่องเต้ แต้ข้ากลับเป็นโอรสองค์โตไม่ได้ ฐานะของข้ากระอักกระอ่วนเพียงชั่วพริบตา เวลานี้ลองคิดดูแล้ว ข้ายินดีที่จะให้เขาไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ยินดีที่จะยังอาศัยอยู่ในจวนอ๋อง หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ยังคงเป็นบุตรชายคนโตอย่างถูกต้อง”
“ถึงแม้จะยังอยู่ในจวนอ๋อง แต่ฮ่องเต้องค์ก่อนก็ไม่มีทางแต่งตั้งท่านเป็นผู้สืบทอด”
หลี่ปิ้งถิงโจมตีจินตนาการอันงดงามของเซียวเฉิงเย่พังทลายลงทันที
สีหน้าของเขาเจ็บปวด อยากจะโต้แย้ง แต่เขาก็ทำได้เพียงอ้าปากอย่างไร้เสียง
หลี่ปิ้งถิงถอนหายใจ “องค์ชาย เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว ปล่อยวางเถิด เรื่องสำคัญที่สุดในเวลานี้คือการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างท่านกับฝ่าบาท อย่างน้อยก็ให้เขาแต่งตั้งท่าน มิฉะนั้นบรรดาพี่น้องต่างมียศ มีเพียงท่านที่ยังเป็นเชื้อพระวงศ์ ท่านเคยคำนึงถึงอนาคตหรือไม่ ไม่เพื่อตัวเอง แต่อย่างน้อยก็เพื่อบุตรของเรา”
เซียวเฉิงเย่หัวเราะเสียงเย็น “พวกเขาบอกว่าก่อนเสด็จพ่อสวรรคต พระองค์ไม่ทรงฟื้นขึ้นมา เจ้าเชื่อหรือ”
หลี่ปิ้งถิงพยักหน้า “ข้าเชื่อ! ตอนนั้น เขาเป็นองค์รัชทายาทแล้ว สืบทอดราชบัลลังก์อย่างถูกต้องเหมาะสม เขาไม่จำเป็นต้องโกหกเรื่องนี้ นอกจากนี้แม้ฮ่องเต้องค์ก่อนจะทรงฟื้นขึ้นมา พระองค์ก็ไม่ทรงเปลี่ยนพระทัย แต่งตั้งองค์รัชทายาทใหม่
ข้ารู้ว่าท่านไม่พอใจ แต่ท่านไม่อาจเป็นปรปักษ์กับฮ่องเต้องค์ใหม่ ท่านทำเช่นนี้เหมือนกำลังสงสัยว่าเขาได้ครอบครองราชย์บัลลังก์อย่างไม่ถูกต้อง สงสัยการตายของฮ่องเต้องค์ก่อน ไม่ว่าฮ่องเต้องค์ใดก็ทนไม่ได้
หากวันนั้นไม่ได้อยู่ในพระราชวัง อีกทั้งยังอยู่ต่อหน้าบรรดาขุนนางทั้งหลาย เขาคงออกรับสั่งให้ประหารท่านไปแล้ว ท่านต้องดีใจที่เวลานั้นคนที่ลงโทษท่านคือเขา ไม่ใช่พระพันปีเถา หากเป็นพระพันปีเถา เกรงว่าวันนั้นท่านคงไม่ได้ออกจากพระราชวังมาอย่างครบส่วน”
เซียวเฉิงเย่กัดฟันกรอด
เขารู้เหตุผลทั้งหมด แต่เขาก็ไม่สามารถกลืนความไม่เป็นธรรมนี้ลงไปได้
สุดท้ายแล้ว ใจของเขาก็ยากที่จะยอมรับ!
เขาจับขาของตนเอง พยายามให้ตนเองสงบลง
“ให้ข้าก้มหัวให้เขา สู้ฆ่าข้าเสียดีกว่า”
“แต่ว่าเวลานี้ ท่านกำลังเหมือนตายทั้งเป็น” หลี่ปิ้งถิงมักจะพูดจี้ใจดำเขาได้อย่างแม่นยำ
เซียวเฉิงเย่โกรธจัด “เจ้าจงใจอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับข้าใช่หรือไม่”
หลี่ปิ้งถิงหัวเราะเยาะตนเอง “คู่รักที่ยากจนและต่ำต้อยมักประสบปัญหามากมาย แม้ว่าเราจะไม่ยากจน แต่สถานะและสถานการณ์ของเราในเวลานี้กลับน่าอับอายมากกว่าคู่รักที่ยากจนและต่ำต้อยเสียอีก ท่านสามารถคิดอย่างบ้าคลั่งได้ตลอดทั้งวัน แต่ข้าไม่สามารถทำตามท่าน คล้อยตามกับตวามคิดของท่านได้ ข้าต้องคำนึงถึงลูกของเรา
อดทนเอาไว้ แลกกับความปลอดภัย เหตุใดจึงไม่ได้ ถึงแม้ท่านไม่อดทน แต่โลกนี้ก็จะบังคับให้ท่านจำเป็นต้องทน ท่านลองดูงานในสำนักหยาเหมินของท่าน ท่านเองยังไม่ยอมไปสำนักเหยาเหมิน ไม่ต้องพูด ข้าก็จินตนาการได้ว่าคนเหล่านั้นทับถมและเหยียดหยามท่านอย่างไร
ท่านเป็นโอรสองค์โตของฮ่องเต้องค์ก่อนแต่กลับต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ยังไม่น่าสงสาร ไม่อนาถพอหรือ หากท่านยังพยายามขัดขืนต่อไป นอกจากจะได้รับเสียงหัวเราะเยาะและคำตำหนิแล้ว ท่านจะไม่ได้สิ่งใด ท่านระบายความโกรธไม่ได้ อีกทั้งยังต้องมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป สักวันหนึ่งท่านจะต้องเสียสติเพราะโลกนี้!”
“ไม่! ไม่! ข้าไม่มีทางมีชีวิตอยู่แบบที่เจ้าพูด”
เซียวเฉิงเย่ปฏิเสธระรัว สีหน้าหวาดกลัว
อนาคตที่หลี่ปิ้งถิงพรรณนาให้เขาฟังน่ากลัวเกินไป
ยากจนได้ แต่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรีได้
เวลานี้เขายังมีศักดิ์ศรีอยู่หรือ
เขาเกิดความแค้นอย่างมากขึ้นในใจ…
“ย่อมต้องมีวิธีอื่น! ไม่ได้มีเพียงคุกเข่ายอมรับผิดเท่านั้น”
เมื่อเห็นสีหน้าบ้าคลั่งของเขา หลี่ปิ้งถิงจึงยกมือตบลงบนใบหน้าของเขาจนเขาอึ้ง
“เจ้าตบข้า?”
เขาไม่กล้าเชื่อ เมื่อลูบคลำใบหน้าแล้วพบว่าความเจ็บยังคงอยู่ ไม่ใช่ฝัน
นางตบเขา
ผู้ใดให้ความกล้าแก่นาง
บังอาจนัก!
เขาอ้าปากต้องการจะด่า แต่ไม่คิดว่าหลี่ปิ้งถิงดุยิ่งกว่าเขาเสียอีก
นางกดเสียงต่ำ พลันพูดทีละคำอย่างจริงจัง “ข้าไม่สนใจว่าท่ายกำลังวางแผนทำสิ่งใด อีกทั้งไม่สนใจว่าความคิดของมท่านจะบ้าคลั่งเพียงใด แต่เวลานี้ท่านต้องเข้าวังยอมรับผิด ข้าจะไปขอร้องเยียนอวิ๋นฉี ให้นางช่วยประสานกับในวัง ส่งเล่มขออภัยโทษของท่านเข้าไป
อย่างไรก็ตาม ท่านจะทำให้ฮ่องเต้ทรงเกลียดชังท่าน กดขี่ท่านอยู่ตลอดไม่ได้ ท่านจะทำให้องครักษ์จินอู่ลาดตระเวรอยู่นอกจวนทุกวันไม่ได้ ไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด ก่อนอื่นต้องทำให้คนหยุดระวังท่านเสียก่อน ท่านก็ไม่เด็กแล้ว อย่าได้เอาแต่ใจ ใจเย็นลงอีกหน่อย ยืดได้หดได้อย่างลูกผู้ชายได้หรือไม่”
เซียวเฉิงเย่ยังคงความงงเอาไว้
มือของเขายังวางอยู่บนใบหน้า ไร้ซึ่งสติ
มันคือคำพูดที่ปิ้งถิงจะพูดออกมา?
เดิมทีนางเป็นสตรีที่อ่อนโยน เหตุใดจึงพูดจาเช่นนี้ออกมา
หลี่ปิ้งถิงกวาดตามองเขาอย่างเยือกเย็น นางรู้ว่าเขากำลังคิดเรื่องใดอย่างเห็นได้ชัด
นางหัวเราะเยาะ “สตรีนางใดอยู่ในสถานการณ์เดียวกับข้า ล้วนจะถูกบังคับให้เปลี่ยนแปลง”
เช่นนี้หรือ
เขาเลวเพียงนี้เชียวหรือ