ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – บทที่ 360 เยี่ยมเยือนสำนักเต๋าดาวตก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บท​ที่​ 360 เยี่ยมเยือน​สำนัก​เต๋า​ดาวตก​

ถึงแม้ผู้อาวุโส​แห่ง​สำนัก​เต๋า​ใต้​บาดาล​นั้น​จะไม่ค่อย​อยาก​จะยอมรับ​ใน​เรื่อง​สำนัก​เต๋า​ดาวตก​นัก​ แต่​พวกเขา​ก็​ทำได้​เพียงแค่​ยอมรับ​มัน​ไว้​เท่านั้น​

นั่น​ก็​เพราะ​สำนัก​เต๋า​ดาวตก​นั้น​มีชื่อเสียง​มากกว่า​สำนัก​เต๋า​ใต้​บาดาล​มาโดยตลอด​

ใน​เมือง​เฉิน​หลิว​แห่ง​นี้​ หาก​ดู​ความ​แข็งแกร่ง​ใน​ภาพรวม​นั้น​ สำนัก​เต๋า​ทั้งสอง​แทบจะ​เสมอกัน​

หากว่า​ทั้งสอง​สำนัก​ต้องสู้​กัน​จริง​ พวกเขา​ก็​ไม่อาจจะ​รับประกัน​ชัยชนะ​ของ​ฝ่าย​ตน​ได้​

นั่น​ก็​เพราะ​สำนัก​เต๋า​ดาวตก​นั้น​มีผู้​บ่ม​เพาะ​บน​เส้นทาง​หุ่นเชิด​โลหิต​ที่​แข็งแกร่ง​กว่า​พวกเขา​มาก​นัก​

เพียงแค่​จุด​นี้​ เหล่า​ตาแก่​ที่อยู่​ภายใน​ห้อง​ต่าง​ก็​คิด​ตรึกตรอง​ซ้ำไปซ้ำมา​

จน​ในที่สุด​แล้วก็​ทำได้​เพียง​เห็นด้วย​กับ​ความเห็น​ของ​ผอ.​ฉีที่​เสนอ​มา

หลังจาก​ผู้อาวุโส​นอก​เฉียน​และ​เสี่ยว​หลูไจ๋​จากไป​ เฉิน​เฉียง​และ​ห​ยาน​เสวี่ย​ก็​ไม่ได้​ใส่ใจใน​เรื่อง​นี้​อีก​ทำ​เพียง​การฝึกฝน​บ่ม​เพาะ​ต่อไป​ โดยที่​ไม่รู้​ถึงการตัดสินใจ​ของ​ผอ.​ฉีและ​ผู้อาวุโส​คนอื่น​แต่อย่างใด​

ยังไง​ซะ ต่อ​ให้ได้​รับรู้​แต่​ใน​เรื่อง​กับ​พวกเขา​ทั้งสอง​แล้​วหา​ได้​ใช่เรื่องใหญ่​ไม่

ต่อให้​เฉิน​เฉียง​จะต้องการ​ใช้สำนัก​เต๋า​ใต้​บาดาล​เป็น​ฐาน​ที่มั่น​ก่อน​จะคืบคลาน​ไป​ส่วน​อื่น​ของ​โลก​ปีศาจ​ก็​ไม่มีใคร​ทำ​อะไร​เขา​ได้​

อย่างไรก็ตาม​ เมื่อ​สถานการณ์​มาถึงจุด​นี้​ พวกเขา​ก็​ทำได้​เพียง​เล่น​ตามน้ำ​เท่านั้น​ เฉิน​เฉียง​เมื่อ​รับรู้​ย่อม​ไม่อิดออด​ที่จะ​ผสมโรง​ และ​ไม่ปกปิด​ความสามารถ​ของ​ตน​ต่อหน้า​คน​เหล่านี้​

อย่าง​มาก​เขา​ก็​แค่​ไป​ที่​เมือง​อื่น​แล้​วหา​สำนัก​เต๋า​อื่น​เข้าร่วม​ก็​เท่านั้น​

นี่​ทำให้​ก่อนที่​ผอ.​ฉีและ​คนอื่นๆ​มาถึง เฉิน​เฉียง​ยังคง​วุ่นอยู่กับ​การสอน​ห​ยาน​เสวี่ย​ให้​ปรุงยา​ได้​

ถึงแม้ผอ.​ฉีและ​หลิว​ฉิงหยุ​น​จะไม่ได้​มีพลังจิต​สูงล้ำ​เท่ากับ​เฉิน​เฉียง​ แต่​เมื่อ​ทั้งสอง​เข้ามา​ใน​บ้านพัก​ของ​ห​ยาน​เสวี่ย​ ก็​พบ​ว่า​ทั้งสอง​คน​กำลัง​เรียนรู้​การ​ปรุงยา​ด้วยตัวเอง​อยู่​

ถึงแม้พวกเขา​จะพึ่ง​เข้ามา​ใน​สำนัก​ใน​ฐานะ​ศิษย์​นอก​และ​แทบจะ​โดน​อัปเปหิ​ออก​ไป​ด้วย​เรื่อง​ที่​เกิดขึ้น​ แต่​เมื่อ​เห็น​ความสามารถ​ของ​เฉิน​เฉียง​และ​ห​ยาน​เสวี่ย​แล้วก็​อด​ที่จะ​ทำให้​ผอ.​ฉีรู้สึก​ดีขึ้น​มาไม่ได้ที่​พวกเขา​ได้รับ​ศิษย์​ที่​มีพรสวรรค์​สูงล้ำ​มาแบบนี้​

แม้แต่​หลิว​ฉิงหยุ​น​เอง​ก็​ยัง​แสดงออก​อย่าง​แตกต่าง​จาก​ตัวตน​ของ​เขา​ที่​แสดงให้เห็น​ก่อนหน้า​ นั่น​ก็​เพราะ​เมื่อ​พวกเขา​มาถึง แทนที่จะ​พัง​ประตู​เข้าไป​ เขา​กลับ​เรียก​เฉิน​เฉียง​และ​ห​ยาน​เสวี่ย​ออก​มาจาก​บ้านพัก​แทน​

เมื่อ​เห็น​ทั้งสอง​ออกมา​ ผอ.​ฉีได้​พยักหน้า​รับ​ประหนึ่ง​พึงพอใจ​ใน​ความสามารถ​และ​พูด​ออกมา​ “ศิษย์​แผนก​ปรุงยา​ห​ยาน​เสวี่ย​สินะ​”

“ข้า​ได้​เห็น​เจ้าขยันหมั่นเพียร​แบบนี้​แล้ว​ทำให้​ข้า​นั้น​ไม่อยาก​จะกวน​เจ้าเลย​จริงๆ​”

“แต่​ด้วย​เรื่อง​ของ​ศิษย์​ที่​เป็น​ผู้นำ​ศิษย์​นอก​อย่าง​หลิว​เซียง​ทำให้​ข้า​ไม่มีทางเลือก​จึงต้อง​ขัดจังหวะ​เจ้าเพื่อ​สอบถาม​”

“ข้า​นั้น​หวัง​ว่า​จะให้​พวก​เจ้าทั้งสอง​มากับ​ข้า​และ​ผู้อาวุโส​สูงสุด​ไป​ยัง​สำนัก​เต๋า​ดาวตก​สัก​ครา​ เจ้าพอ​จะให้ความร่วมมือ​กับ​ข้า​ได้​หรือไม่​”

เมื่อ​เผชิญหน้า​กับ​สอง​ผู้อาวุโส​ใหญ่​แห่ง​สำนัก​เต๋า​ใต้​บาดาล​ ห​ยาน​เสวี่ย​นั้น​รู้สึก​โชคดี​ยิ่ง​ที่​มีเฉิน​เฉียง​คอย​อยู่​เคียงข้าง​ หลังจากที่​เธอ​ได้ยิน​เสียง​ผ่าน​จิตวิญญาณ​จาก​เฉิน​เฉียง​ เธอ​ก็ได้​พยักหน้า​อย่าง​หนักแน่น​แล้ว​พูด​ออกมา​ “ข้า​จะทำ​ตามคำสั่ง​ของ​ท่าน​ผอ.​ค่ะ​”

“ถ้าอย่างนั้น​ก็​ไป​กัน​เลย​แล้วกัน​”

หลิว​ฉิงหยุ​น​ที่​กำลัง​บาดเจ็บ​อยู่​นั้น​ได้​สะบัด​ชาย​เสื้อ​ของ​ตน​ไป​รัด​พัน​เฉิน​เฉียง​และ​ห​ยาน​เสวี่ย​เอาไว้​ก่อน​จะทะยาน​ขึ้นไป​บน​อากาศ​

ใน​โลก​ปีศาจ​นั้น​ หลังจากที่​ผู้​บ่ม​เพาะ​เข้าสู่​ระดับ​ขั้น​ราชา​ ผู้​นั้น​จะสามารถ​บิน​ได้​

และ​ด้วย​ระดับ​การบ่ม​เพาะ​ของ​ผอ.​ฉีและ​หลิว​ฉิงหยุ​น​ ย่อม​ไม่ใช่เรื่อง​ยาก​ที่​พวกเขา​จะนำพา​ศิษย์​ภายนอก​เพียง​สอง​คน​ให้​บิน​ไป​ด้วยกัน​

แต่​เมื่อ​ผอ.​ฉีได้​หันมา​มองดู​เฉิน​เฉียง​และ​ห​ยาน​เสวี่ย​ก็​ต้อง​ประหลาดใจ​เมื่อ​พบ​ว่า​ทั้งสอง​ไม่ได้​มีท่าที​หวือหวา​ใน​การ​บิน​นี้​แต่อย่างใด​

หาก​พูด​กัน​ตรงๆ​แล้ว​ สำหรับ​ศิษย์​ภาย​นอกนั้น​ การ​ที่จะ​ได้​บิน​แบบนี้​ก็​ควรจะ​แปลกใจ​หรือ​กระดี๊กระด๊า​อยู่​บ้าง​ แต่​กับ​ศิษย์​สอง​คน​นี้​ ไม่สิ กับ​ห​ยาน​เสวี่ย​ที่​เป็น​ศิษย์​นั้น​กลับ​ไม่มีอาการ​แต่อย่างใด​ ทั้งๆ​ที่​ทั้งสอง​นั้น​ยัง​เทียบ​ไม่ได้​กับ​ศิษย์​คนอื่น​ด้วยซ้ำ​

-ผู้อาวุโส​สูงสุด​ เจ้าสังเกต​รึเปล่า​ว่า​ท่าทาง​ของ​ศิษย์​สอง​คน​นี้​มัน​ปกติ​เกินไป​น่ะ​ มัน​ราวกับว่า​ทั้งสอง​คุ้นเคย​กับ​การ​บิน​ยังไง​ก็​ไม่รู้​- ผอ.​ฉีส่งเสียง​ผ่าน​จิตวิญญาณ​หา​หลิว​ฉิงหยุ​น​

หลิว​ฉิงหยุ​น​แม้จะคิด​เช่นเดียวกัน​ แต่​หลังจาก​ลอง​จินตนาการ​ดู​โดย​นึก​ประสบการณ์​ที่พึ่ง​จะประสบ​ มัน​ก็​ทำให้​เขา​พอ​จะนึก​อะไร​ขึ้น​มาได้​บางอย่าง​ ก่อนที่จะ​ยิ้ม​ออกมา​อย่าง​แหย​ๆ –สงสัย​จะเป็นครั้งแรก​จน​อึ้ง​กิ่ม​กี่​ไป​จน​โง่งมไป​แล้ว​เสีย​กระมัง​-

ผอ.​ฉีเมื่อ​ได้ยิน​ก็​ไม่ได้​ที่จะ​ลอบ​ถอดถอน​ลมหายใจ​

ดูเหมือนว่า​อาการ​บาดเจ็บ​ทางใจ​ที่​เหล่า​ผู้อาวุโส​แห่ง​วิหาร​ศักดิ์สิทธิ์​สร้าง​เอาไว้​คงจะ​ไม่มีทาง​หาย​ไป​ใน​เวลา​อัน​สั้น​เสียแล้ว​

สำนัก​เต๋า​ดาวตก​และ​สำนัก​เต๋า​ใต้​บาดาล​นั้น​ตั้งอยู่​กัน​คนละ​ซีก​เมือง​เฉิน​หลิว​เลย​ก็​ว่า​ได้​ แต่​หากว่า​กัน​ตามตรง​แล้ว​มัน​ก็​ไม่ได้​ตั้ง​ห่าง​กัน​สัก​เท่า​ไหล่​นัก​ และ​ด้วย​การ​บิน​เพียง​ไม่กี่​นาที​ก็​ทำให้​ทั้ง​สี่มาถึงประตู​ทิศตะวันตก​ของ​สำนัก​เต๋า​ดาวตก​

สำนัก​เต๋า​ดาวตก​นั้น​มีผอ.​อยู่​เช่นกัน​ เขา​ชื่อ​เจิ้งฮูเชิง ทั้งสอง​ต่าง​ก็​เป็น​ราชา​ขั้น​กลาง​ และ​ต่าง​ก็​เป็นเลิศ​ด้าน​พลังจิต​ตรวจจับ​

นี่​ทำให้​เมื่อ​พวกเขา​ทั้ง​สี่คน​มาถึงที่​ทางเข้า​สำนัก​เต๋า​ดาวตก​ เจิ้งฮูเชิงก็​สามารถ​รับรู้​ได้​

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

เสียงหัวเราะ​ดังลั่น​ออกมา​จาก​ด้านใน​สำนัก​ พร้อมกับ​ร่าง​ของ​เจิ้งฮูเชิงผู้มีอายุ​ประมาณ​สี่สิบ​ปี​ได้​นำ​ผู้อาวุโส​ของ​สำนัก​ของ​ตน​ออกมา​ต้อนรับขับสู้​

“พี่​ฉี ลม​อะไร​หอบ​ท่าน​และ​ผู้อาวุโส​สูงสุด​หลิว​ให้​มาเยี่ยมเยือน​สำนัก​ของ​ข้า​ได้กัน​”

เจิ้งฮูเชิงถามออกมา​ด้วย​ท่าทาง​ใหญ่โต​ใน​ทันทีที่​ลง​สู่พื้น​ก่อน​จับจ้อง​ไป​ที่​ห​ยาน​เสวี่ย​และ​เฉิน​เฉียง​

ผอ.​ฉีได้​เดิน​ก้าว​ขึ้นหน้า​มาและ​เตรียม​ที่จะ​พูด​ แต่​หลิว​ฉิงหยุ​น​กับ​ตัดหน้า​เขา​เสีย​อย่างนั้น​

“เจิ้งฮูเชิง ไม่ต้อง​เห่าหอน​ให้​มากความ​”

“เรียก​ห​ลี่​เฟิงศิษย์​นอก​ของ​เจ้าออกมา​เดี๋ยวนี้​”

“เอิ้กกกกกก”​

เจิ้งฮูเชิงที่​เห็น​ท่าทาง​โกรธเกรี้ยว​แค้นเคือง​ของ​หลิว​ฉิงหยุ​น​ใน​ตอนนี้​ย่อม​รู้ดี​ว่า​พวกเขา​ไม่ได้มา​ดี​เป็นแน่​ แถมยัง​มาพูด​ให้​ส่งตัว​ศิษย์​ของ​ตน​ออกมา​แบบนี้​นี่​ทำให้​เขา​รู้​แล้ว​ว่า​หลิว​ฉิงหยุ​น​นั้น​มาหาเรื่อง​เอา​ความ​กับ​เขา​อย่าง​แน่นอน​ นี่​จึงทำให้​เขา​พูด​ออกมา​ด้วย​ท่าทาง​ที่​ไม่ค่อย​อยาก​จะเอ่ย​ “ผู้อาวุโส​หลิว​ นี่​มัน​เรื่อง​อะไร​กัน​ท่าน​ถึงได้มา​หาเรื่อง​กับ​ศิษย์​ภายนอก​ของ​ข้า​แบบนี้​น่ะ​”

ผอ.​ฉีได้​จ้องเขม็ง​ไป​ที่​หลิว​ฉิงหยุ​น​ให้​หยุด​การกระทำ​

นับ​จาก​หลิว​ฉิงหยุ​น​ถูก​โจมตี​โดย​วิหาร​ศักดิ์สิทธิ์​ นี่​ทำให้​หลิว​ฉิงหยุ​น​ต้อง​ทน​กับ​ความ​เสียนิสัย​ของ​ผู้อาวุโส​คน​นี้​อยู่​บ่อยครั้ง​ยิ่งกว่า​เดิม​

แต่​ใน​ครั้งนี้​เป็นเรื่อง​ที่​เกี่ยวพัน​ถึงสอง​สำนัก​ จะดีกว่า​หาก​เป็น​ผอ.​ของ​ทั้งสอง​สำนัก​เป็น​ผู้จัดการ​

หากว่า​หลิว​ฉิงหยุ​น​ยัง​ทำ​ตามใจ​ตัวเอง​อยู่​อีก​ นี่​จะทำให้​ผู้คน​ที่​รับรู้​ว่า​สำนัก​เต๋า​ใต้​บาดาล​เป็น​พวก​รัก​สงบ​จะคิด​ยังไง​

หลิว​ฉิงหยุ​น​เอง​ก็​เข้าใจ​เรื่อง​นี้​เป็น​อย่าง​ดี​ เขา​จึงได้​เงียบ​ปาก​ของ​ตน​และ​ไม่คิด​จะโผงผาง​ออก​ไป​อีก​

“พี่​เจิ้ง ผู้อาวุโส​หลิว​ช่วงนี้​อารมณ์​ไม่ค่อย​ดี​น่ะ​ ท่าน​ก็​อย่า​ถือสา​เลย​แล้วกัน​”

เมื่อ​เจิ้งฮูเชิงได้ยิน​แบบนี้​ เขา​ก็​มอง​หลิว​ฉิงหยุ​น​ประหนึ่ง​ดั่ง​เข้าใจ​ใน​อารมณ์​ของ​เขา​ใน​ตอนนี้​ก่อน​จะเผย​รอยยิ้ม​แล้ว​พูด​ออกมา​ “ไม่เป็นไร​ ข้า​เข้าใจ​”

“พี่​ฉี ผู้อาวุโส​หลิว​ หาก​มีเรื่อง​อัน​ใด​เชิญเข้าไป​ก่อน​แล้ว​ค่อย​พูดคุย​กัน​”

หลังจาก​พูด​จบ​ เจิ้งฮูเชิงได้​ผาย​มือ​ของ​ตน​ก่อน​จะนำพา​ผู้อาวุโส​ฉีเข้าไป​

หลิว​ฉิงหยุ​น​ที่​ยืน​อยู่​ข้าง​เฉิน​เฉียง​ได้​มอง​ตามหลัง​หลิว​ฮูเชิงไป​ด้วย​ใบ​หน้าที่​บูดบึ้ง​ประดุจ​อีก​ฝ่าย​ติดเงิน​ตน​ไว้​อย่าง​มากมาย​และ​ยัง​มีหน้า​มาลอยหน้าลอยตา​

ทำไม​สำนัก​เต๋า​ดาวตก​จะไม่รู้เรื่อง​ที่​วิหาร​ศักดิ์สิทธิ์​มาพัง​หลังคา​บ้าน​ของ​คู่แข่ง​ของ​ตน​กัน​ล่ะ​

เพียงแค่​สบตา​กับ​เจิ้งฮูเชิงและ​ผู้อาวุโส​คนอื่น​ที่​ส่งสายตา​สมเพช​ออกมา​นั้น​มัน​ก็​เพียง​พอที่จะ​อธิบาย​ได้​ใน​ทุกสิ่ง​

ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​ถึงผู้อาวุโส​สูงสุด​แห่ง​สำนัก​ใต้​บาดาล​นั้น​ เมื่อ​ถูก​มอง​ด้วย​สายตา​แบบนี้​มัน​เปรียบ​ได้​ดั่ง​การ​ถูก​ดูแคลน​อย่าง​ที่สุด​พอ​ๆตอนที่​วิหาร​ศักดิ์สิทธิ์​มาฆ่าหลาน​ของ​ตน​ และ​นี่​ทำให้​เขา​กลายเป็น​ตัวตลก​ของ​ผู้คน​และ​ถูก​หยาม​เหยียด​เมื่อ​ลับหลัง​

ยังไง​ซะที่นี่​ก็​คือ​สำนัก​เต๋า​ดาวตก​ที่​เป็นที่​นับหน้าถือตา​

เจิ้งฮูเชิงได้​นำพา​ผอ.​ฉีและ​อีก​สามคน​เข้า​ห้อง​รับรอง​ภายนอก​

ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​ผู้มาเยือน​ ใน​ทันทีที่​ได้​นั่งลง​ ผอ.​ฉีก็ได้​พูด​เข้า​ประเด็น​ในทันที​ “พี่​เจิ้ง ไม่กี่​วันก่อน​นั้น​ศิษย์​นอก​ของ​ข้า​สอง​คน​ได้​ไป​เขา​ม่อกั๋น​เพื่อ​ทำ​ภารกิจ​ฆ่าสัตว์​วิญญาณ​ อ้อ​สอง​คน​ที่ว่า​นั่น​คือ​สอง​คน​นี้​”

เมื่อ​พูด​จบ​ ผอ.​ฉีก็​ชี้นิ้ว​ไป​ที่​เฉิน​เฉียง​และ​ห​ยาน​เสวี่ย​

“ด้วยเหตุที่​ข้า​นั้น​เป็นห่วง​ใน​ความปลอดภัย​ของ​ศิษย์​สอง​คน​นี้​ ศิษย์​ภายนอก​ของ​ข้า​อีก​สอง​คน​จึงได้​อาสา​ติดตาม​สอง​คน​นี้​เพื่อ​คอย​เป็นเงา​ระ​วังหลัง​ให้​”

“แต่​ศิษย์​ของ​ข้า​สอง​คน​นี้​ได้​แจ้งต่อ​ข้า​ว่า​หลังจากที่​ทั้งสอง​เข้าไป​ใน​เขา​ได้​ไม่นาน​ พวกเขา​ได้​พบ​กับ​ศิษย์​ภายนอก​ของ​สำนัก​พี่​เจิ้งที่​มีชื่อว่า​ห​ลี่​เฟิง”

“และ​เพื่อ​ไม่ให้​ทั้งสองฝ่าย​ต้อง​ทะเลาะเบาะแว้ง​กัน​ ศิษย์​สอง​คน​นี้​จึงได้​รีบ​กลับ​มายัง​สำนัก​เต๋า​ของ​ข้า​ก่อน​”

“แต่​หลังจาก​ผ่าน​ไป​แล้ว​ ศิษย์​ที่​ข้า​ส่งไป​เป็นเงา​คอย​อารักษ์​เขา​นั้น​ หรือ​ก็​คือ​หลิว​เซียง​และ​จ้าว​เจีย​นั้น​กลับ​ไม่ปรากฏตัว​หรือ​กลับ​มายัง​สำนัก​แต่อย่างใด​”

“นี่​ทำให้​ข้า​นั้น​คิด​จะมาสอบถาม​ห​ลี่​เฟิง ศิษย์​นอก​ของ​ท่าน​ว่า​พอ​จะรับ​รู้เรื่อง​นี้​บ้าง​รึเปล่า​”

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท