ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – บทที่ 362 ขัดเคือง

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 362 ขัดเคือง

“ข้าเองก็เห็นด้วยในความคิดนี้”

ผอ.ฉีตอบรับอย่างเย็นชาพร้อมใจที่รับรู้ว่าเจิ้งฮูเชิงนั้นคงจะไม่แยแสหากว่าเรื่องนี้ไม่ใช่น้องชายของหลี่ฉิงที่เขาให้ค่า

แต่ด้วยเรื่องที่ว่าศิษย์ของสองสำนักใหญ่หายตัวไปพร้อมกันแบบนี้ มันก็ช่างมีกลิ่นที่ไม่ดีเอาเลยเสียจริงๆ

แถมดูเหมือนว่าหลี่ฉิงเองก็ไม่ได้โกหก เป็นไปได้ว่าน้องชายของเขาเองก็อาจพบเจอเรื่องไม่คาดฝันเข้าด้วยเหมือนกัน

และหากเป็นอย่างนั้นจริง จะเป็นการดีกว่าหากทั้งสองสำนักร่วมมือกันสืบสวนในเรื่องนี้

นี่นอกจากจะได้ความจริงแล้ว ยังป้องกันไม่ให้ทั้งสองสำนักแค้นฝังลึกไปมากกว่านี้

เมื่อตกลงกันได้แล้ว ผอ.ฉีก็ได้หันหน้าไปหาหยานเสวี่ยแล้วถามออกมา “หยานเสวี่ย เจ้ายังจำสถานที่ที่ได้พบคนของสำนักเต๋าดาวตกได้รึเปล่า”

นอกจากเฉินเฉียงแล้วก็ไม่มีใครที่สามารถร้องขอสิ่งใดจากหยานเสวี่ยได้ นี่จึงทำให้เธอตอบออกมาในทันใด “ข้าขอโทษ ข้าจำไม่ได้”

“ฮื้ม”

เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่น่าฟังของหยานเสวี่ยนี้ เฉิงยี่ก็ได้แสดงออกมาด้วยหน้าตาที่เย็นชา

เขานั้นไม่ปลื้มทั้งท่าทางของหยานเสวี่ยและผอ.ฉี

หยานเสวี่ยและผอ.ฉีนั้นต่างก็เป็นคนของสำนักเต๋าใต้บาดาล ต่อให้ต้องฆ่ากันตายไปเขาก็ไม่ได้แยแส

แต่กับเรื่องนี้แล้วมันเกี่ยวพันกับศิษย์รักของเขา แน่นอนว่าเขาต้องถือสากับท่าทางไม่ร่วมมือนี้

เมื่อเห็นท่าทางไม่เป็นมิตรของเฉิงยี่ เฉินเฉียงก็ไม่มีทางเลือกทำได้เพียงโค้งคำนับไปทีหนึ่งแล้วพูดออกมา “ข้าต้องขอโทษแทนคุณหนูของข้าด้วย พอดีก่อนมานี่คุณหนูของข้ากำลังตั้งมั่นในการฝึกหลอมยาอยู่ คุณหนูของข้าเลยอาจจะอารมณ์เสียไปหน่อย จึงไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้มากนัก”

“แต่ผู้น้อยเองก็ไปที่นั่นกับคุณหนู ข้าขอเป็นคนนำทางให้พวกท่านเองแล้วกัน”

ผอ.ฉีพยักหน้ารับอย่างเข้าใจแล้วพูดออกมา “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเมื่อไปถึงที่เขาม่อกั๋นแล้วเจ้าก็เป็นคนนำทางให้พวกเราไปยังจุดที่เจ้าได้พบเจอก็แล้วกัน”

เฉินเฉียงพยักหน้ารับก่อนที่จะกลับไปยืนอยู่ข้างหยานเสวี่ย

เมื่อทำความตกลงกันได้แล้ว ผอ.ฉีและคนอื่นๆ พร้อมด้วยเจิ้งฮูเชิง เฉิงยี่ และหลี่ฉิงได้มุ่งตรงไปยังเขาม่อกั๋น

เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี ทั้งเจ็ดก็ได้ไปถึงเขาม่อกั๋น

ด้วยการนำของเฉินเฉียง ทุกคนได้ไปถึงยังจุดที่เฉินเฉียงฆ่าหลี่เฟิง

แต่อย่างไรก็ตาม ซากศพของหลี่เฟิงในตอนนี้ได้กลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้วเพราะเมิ่งน้อย

ดังนั้นเมื่อพวกเขาไปถึง ที่เหลืออยู่ก็เป็นเพียงรอยไหม้บนพื้นดินเท่านั้น

เมื่อเห็นแบบนี้ ใบหน้าของหลี่ฉิงเปลี่ยนเป็นตกตะลึง เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งกับพื้นดินแล้วเกลี่ยกองขี้เถ้ากองนี้ดูก่อนที่จะเรียกชื่อน้องชายของตนออกมาด้วยเสียงดังลั่นและสั่นเครือ

ผอ.ฉีได้มองไปรอบๆแล้วถามออกมา “เฉินเฉียง นี่คือที่ที่เจ้าได้เจอหลิวเซียงงั้นรึ”

เฉินเฉียงพยักหน้ารับแล้วพูดออกมา “ใช่แล้วครับ ในตอนนั้นนอกจากพี่หลิวเซียงกับอีกคนที่สกุลจ้าวแล้วก็ยังมีอีกคนที่ประกาศตนออกมาว่าชื่อหลี่เฟิงแห่งสำนักเต๋าดาวตก”

“หลี่เฟิงผู้นั้นพุ่งเป้าไปที่คุณหนูของข้า พี่หลิวเซียงจึงบอกให้พวกเราวิ่งหนีเอาตัวรอดออกมาในทันที”

“แต่ข้าก็ไม่คิดว่าพี่หลิวเซียงจะตกตายกลายเป็นเถ้าแบบนี้ ดูเหมือนเขาจะถูกโจมตีที่โหดร้ายยิ่งนัก”

“เจ้าโกหก”

เพียงเฉินเฉียงได้พูดจบ หลี่ฉิงที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นก็ได้ผุดลุกขึ้นมาพร้อมพูดออกมาอย่างเดือดดาล “ไอ้หนู นอกจากน้องชายของข้าที่ถูกฆ่าตายที่นี่แล้วมันไม่มีซากของใครอีกเลยนะเว้ย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เฉินเฉียงก็ได้ถามออกมาด้วยความสงสัย “เอ่ออออ ท่านรู้ได้ยังไงว่านี่เป็นซากของน้องชายท่านไม่ใช่เป็นพี่หลิวเซียงกันน่ะ”

“ฮึ่ม ก็ด้วยไอ้นี่ไง”

เมื่อพูดจบ หลี่ฉิงก็ได้หยิบแหวนวงหนึ่งขึ้นมาจากดงหญ้าใกล้ๆ “นี่คือแหวนเก็บของที่ข้าให้กับน้องชายข้าเอาไว้”

“ตอนนี้ของข้างในหายไปหมดแล้ว ต้องเป็นหลิวเซียงกับอีกคนที่นำของไปด้วยหลังจากได้ฆ่าน้องของข้าไปแล้ว”

เมื่อได้เห็นแหวนในมือของหลี่ฉิง เฉินเฉียงก็ได้เข้าใจ

กับหยานเสวี่ยและเขานั้น แหวนเก็บของไม่ใช่สิ่งที่มีประโยชน์อะไรนัก

นั่นก็เพราะพวกเขาต่างก็มีโลกใบเล็กของตน เขาสามารถจะเก็บได้แม้แต่สิ่งมีชีวิตแล้วพวกเขาจะเอาแหวนไปทำไมกัน

แต่ก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่ามันจะเป็นหลักฐานการตายของหลี่เฟิง

“มันก็ไม่แน่ไม่ใช่รึ หากว่าน้องชายของเจ้าตกตายที่นี่จริงแล้วทำไมพี่หลิวเซียงกับอีกคนต้องฆ่าเขาด้วยล่ะ”

“เป็นไปได้ว่าพี่หลิวเซียงจะตกตายที่นี่ด้วยเหมือนกัน”

“ไม่น่าใช่” ผอ.ฉีส่ายหัวไปมาพลางปฏิเสธความคิดของเฉินเฉียง

“ดูจากกองเถ้าที่หลงเหลือ อย่างมากก็เป็นเพียงของคนคนเดียวเท่านั้น”

“นี่หมายความว่าหลี่เฟิงตกตายที่นี่คนเดียว”

“แต่ก็อย่างที่ข้าเคยพูดไว้ว่าทั้งหลี่เฟิงและจ้าวเจียไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะฆ่าผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตได้ ถึงแม้คนคนนั้นจะเป็นเพียงนักรบขั้นกลางก็ตาม”

“และดูจากสภาพของขี้เถ้าแล้ว ผู้ที่ฆ่าหลี่เฟิงนั้นสมควรจะเป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไฟ”

“แต่หลี่เฟิงและจ้าวเจียนั้นต่างก็เป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไม้ ดังนั้นย่อมไม่ใช่หลิวเซียงและจ้าวเจีย”

“และด้วยการที่พวกเรายังไม่พบร่องรอยของทั้งสองคน ข้าเชื่อว่าพวกเขาเองก็น่าจะตายแล้วเช่นกัน”

“นั่นมันก็แค่การพูดเองเออเองของพวกแกนั่นแหละวะ”

หลี่ฉิงชี้หน้าผอ.ฉีแล้วพูดออกมาอย่างแค้นเคือง

“ไอ้เด็กเวร แกกล้าทำตัวกับผอ.ของข้าด้วยท่าทางแบบนี้งั้นรึ คิดจะรนหาที่ตายสินะ”

เมื่อเห็นฉากนี้ หลิวฉิงหยุนที่ยืนอยู่ข้างๆได้ยื่นมือเข้าไปหาหลี่ฉิงในทันที

ยังดีที่เฉิงยี่และเจิ้งฮูเชิงเข้ามาห้ามหลิวฉิงหยุนได้ทัน ไม่อย่างนั้นต่อให้หลี่ฉิงไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส

ถึงแม้หลี่ฉิงจะเป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต แต่ยังไงซะหลิวฉิงหยุนก็ยังเป็นราชา

ต่อให้เขาไม่อาจทำอะไรหุ่นเชิดโลหิตได้จนไม่กล้าแม้แต่เข้าใกล้ แต่ด้วยระดับการบ่มเพาะที่ห่างช่วงชั้นกันอย่างกว้างขวางนี้ ก่อนที่หลี่ฉิงจะได้ปล่อยหุ่นเชิดโลหิตออกมา หลี่ฉิงก็สมควรจะตกตายโดยการถูกตบในครั้งเดียวแบบชั่วพริบตา

มีหรือที่เฉิงยี่จะปล่อยให้ศิษย์รักอย่างหลี่ฉิงต้องตกตายด้วยเรื่องเพียงแค่นี้

“ไอ้แก่หลิว แกจะมากไปแล้วนะเว้ย แกเป็นถึงราชาแต่คิดจะลงมือสู้กับนักรบขั้นสูงเนี่ยนะ”

“หากแกอยากมีเรื่องนักก็มาซัดกับข้าสิมา”

เฉิงยี่พูดจาเชือดเฉือนพร้อมกับท่าทางที่เย็นยะเยียบ

เจิ้งฮูเชิงได้ยกมือขึ้นห้ามปรามแล้วพูดออกมา “ผู้อาวุโสเฉิง ปล่อยไปซะ หลี่ฉิงเป็นฝ่ายเสียมารยาทก่อนเอง”

“เจ้าจะให้ท้ายเพียงเพราะเขาเป็นศิษย์ของเจ้ารึไงกัน”

เมื่อเจิ้งฮูเชิงออกหน้าเองแบบนี้ เฉิงยี่ก็ทำได้เพียงยอมรามือ “เจ้าสำนักสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว ข้าจะสั่งสอนเขาในเรื่องนี้เป็นอย่างดี”

เมื่อพูดจบ เฉิงยี่ได้หันไปหาหลิวฉิงหยุนแล้วพูดออกมา “ยังไงก็ตาม ในตอนนี้พวกเราพิสูจน์ว่าศิษย์ของเรานั้นได้ตายไปแล้ว ส่วนไอ้ศิษย์สำนักเต๋าใต้บาดาลนั่นย่อมต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัย”

เจิ้งฮูเชิงนั้นแม้จะรู้ว่าเฉิงยี่ที่พูดออกมานั้นเพื่อแสดงให้ศิษย์ที่รักของตนประทับใจก็อดไม่ได้ที่จะหน่ายใจ แต่เขาก็ยังต้องเห็นด้วยในเรื่องนี้

เมื่อเห็นว่าผอ.ของตนมีท่าว่าจะเล่นด้วย เฉิงยี่ก็ได้หันไปพูดกับเฉินเฉียงอย่างจองหอง “เฮ้ย ไอ้เด็กเวร ตอนที่เจ้าพบหลี่เฟิงในวันนั้น นอกจากพวกเจ้าทั้งสองแล้วยังมีใครอยู่อีก”

ทั้งเฉินเฉียงและหยานเสวี่ยที่ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ เมื่อถูกเห่าใส่แบบนี้ทั้งสองก็ได้นิ่งอึ้งไปนั่นก็เพราะต่างก็ไม่คิดว่าพวกเขาอยู่ๆจะถูกหมาบ้าตนหนึ่งเห่าใส่อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน