ตอนที่ 1-2 ความตาย
“มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเสียจริง!”
ชางอู๋ซินลุกขึ้นยืน ด้วยท่าทางที่มั่นคงและสง่างาม ราวกับว่ามิได้โดน วางยาพิษ นางนั่งห่างออกไปและหัวเราะออกมาขณะที่กล่าวอีกว่า
“ข้าตั้งใจจะไว้ชีวิตของเจ้าในตอนแรก แต่มาถึงตอนนี้…ข้าได้เปลี่ยนใจแล้ว”
เมื่อเห็นชางอู๋ซินทำท่าทางเช่นนั้น อู๋ซิงเฟยจึงรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เขากำลังจะดึงอาวุธที่ซ่อนอยู่ในเสื้อออกมา
แต่ชางอู๋ซินมีความรวดเร็วกว่ามากนัก นางแทงมีดสั้นเข้าที่บริเวณลำคอ และปลิดชีพเขาในทันที
ดวงตาของอู๋ซิงเฟยยังคงเบิกกว้าง จนกระทั่งเสียชีวิตเขาก็ยังมิทราบว่าผู้ที่โดนพิษรุนแรง มีพละกำลังจากที่ใดมา จึงทำได้ถึงเพียงนี้
“นายหญิงชาง” หญิงผู้หนึ่งรีบวิ่งเข้ามา นางเป็นสาวใช้ที่จงรักภักดีของชางอู๋ซิน และเป็นแม่บ้านดูแลคฤหาสน์หล้งนี้
นางเดินเข้าไปหานายหญิง ผู้ซึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างอ่อนแรง และดวงตาของสาวใช้เต็มไปด้วยน้ำตา
ชางอู๋ซินยิ้มอย่างมิแยแส ผิวของนางเริ่มซีดลง ซึ่งมันดูช่างแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
“อู๋เหว่ย!” ชางอู๋ซินมองไปยังหญิงผู้นั้นและกล่าวอีกว่า
“นำอู๋ซิงเฟยออกไป! เขาทำให้บ้านของข้าสกปรก หลังจากที่ข้าตาย ข้ายกตระกูลชางให้กับเจ้า”
“นายหญิงชาง!” อู๋เหว่ยมองไปยังรอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้าของชางอู๋ซิน และน้ำตาของนางก็ได้ไหลรินลงมาในทันที
นี่คือหญิงสาวที่นางทำงานให้เป็นเวลาหลายปีแล้ว ผู้คนทั้งหลายต่างก็มองว่า ชางอู๋ซินเป็นคนโหดเหี้ยม และน่าหวาดกลัว
แต่ในมุมมองของอู๋เหว่ยแล้ว ชางอู๋ซินได้ผ่านการใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบาก
ชางอู๋ซินกวักมือเรียกอู๋เหว่ย ท่าทางของนางสง่างามและเด็ดเดี่ยว
อู๋เหว่ยจ้องมองไปยังหญิงสาวอย่างทราบซึ้ง จากนั้นจึงลากศพไปตามพื้นออกไปจากห้องนั้นในทันที
นางลากศพนั้นออกมาจากคฤหาสน์ที่เป็นของนายหญิงชางสถานที่ซึ่งมีหลายคนต้องการที่จะเข้ามาครอบครอง
โดยมิทราบเลยว่า ด้านในนั้นว่างเปล่าและน่าหวาดกลัวสักเพียงใด
แต่มินานนัก หลังจากที่อู๋เหว่ย ออกมาจากคฤหาสน์ นางได้สังเกตเห็นว่า เกิดไฟไหม้ขึ้น และกำลังลุกลามอยู่ภายในอาคาร
อู๋เหว่ยยืนดู พร้อมกับน้ำตาไหลอาบบนใบหน้า จากนั้นนางได้ทรุดตัวลงขณะที่คุกเข่า และตะโกนว่า
“ไม่นะ!!!”
ชางอู๋ซินนั่งอยู่ในห้อง และกำลังจ้องมองภาพวาดซึ่งอยู่บนโต๊ะ ภาพที่แสดงให้เห็นถึงลักษณะที่เรียบง่ายของหญิงสาวตัวเล็ก ๆ นั่นคือนางเมื่อตอนที่อายุได้ห้าขวบ
มันมีเพียงภาพเดียวที่มี และนางมิเคยยิ้มเช่นนี้มาก่อนเลย
ผู้คนต่างก็รู้จักตระกูลชางดี มิว่าจะเป็นในเรื่องของความมั่งคั่ง หรืออิทธิพล พวกเขามิเคยเป็นสองรองผู้ใด
แต่ผู้คนมิเคยทราบเลยว่า ตระกูลชางเป็นตระกูลที่มีศิลปะการต่อสู้โบราณที่มีพลังภายใน ซึ่งสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ ตระกูลชางเป็นตระกูลที่โหดเหี้ยม และพวกเขาแก่งแย่งกันเพื่อช่วงชิงอิทธิพลในเมืองหลวง
ชางอู๋ซินเป็นเด็กที่มาจากครอบครัวเล็ก ๆ ในระหว่างการรวบรวมเผ่ามีการตัดสินใจว่า หัวหน้าเผ่าชางจะรับนางเป็นบุตรบุญธรรม
ในตอนแรกนั้น ชางอู๋ซินมีความสุขมากที่ได้เข้ามาอยู่ในครอบครัวของหัวหน้าเผ่า
บิดามารดาผู้ให้กำเนิดยกนางให้เป็นบุตรบุญธรรมของตระกูลชาง
ชางอู๋ซินมิเข้าใจว่าเหตุใดบิดามารดาจึงมีท่าทีแปลกไป แต่หลังจากนั้นมินานนางจึงได้เข้าใจ
ในวันเกิดครบรอบแปดขวบบิดาบุญธรรมของชางอู๋ซินได้พานางออกมาจากสนามฝึกซ้อม เพื่อจัดงานวันเกิดให้โดยมีบิดามารดาของนางอยู่ด้วย
หลังจากงานเลี้ยงชางอู๋ซินถูกบิดาบุญธรรมพาไปที่ห้องหนึ่ง นั่นเป็นความอัปยศอดสูที่นางจะมิมีวันลืมเด็ดขาด
ชางอู๋ซินถูกบิดาบุญธรรมข่มขืน นางมิทราบแน่ชัดว่าเกิดสิ่งใดขึ้น รู้เพียงว่ามันน่าอับอาย
ชางอู๋ซินตะโกนเรียกบิดามาร ดาของตนเองด้วยความเจ็บปวด และโหยหาผู้ใดสักคนที่จะช่วยนางให้รอดพ้นจากวิกฤตในครั้งนี้
แต่บิดามารดาของนางกลับทำเป็นมิรู้มิเห็น เพื่อผลประโยชน์ของพวกเขา
ชางอู๋ซินมีความรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางได้รับบาดเจ็บมากมายหลังจากวันนั้น ในตอนที่คลานออกมาจากเตียง พร้อมกับเลือดที่ไหลออกมา
นางมีความคิดในทันทีว่า จะต้องฆ่าบิดาบุญธรรม และบิดามารดาผู้ให้กำเนิดให้ได้
ชางอู๋ซินต้องการที่จะดูน่าเกรงขาม ตอนนี้นางได้กลายเป็นปีศาจที่ทุกคนต้องหวาดกลัว!
นางใช้เวลาห้าปีในการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ที่เป็นความลับของตระกูลชาง และได้กลายเป็นปรมาจารย์อย่างแท้จริง
ชางอู๋ซินฆ่าบิดาบุญธรรมอย่างเลือดเย็น และยึดอำนาจของตระกูลชางทั้งหมดเอาไว้ในมือของตนเอง
นางไล่บิดามารดาจนพวกเขามิมีทางไป จึงกระโดดลงเขาจนเสียชีวิต ชางอู๋ซินได้กลายร่างเป็นปีศาจที่น่าเกลียดน่ากลัว
ร่างกายของชางอู๋ซินเหี่ยวแห้งลงแม้อายุยังน้อย
เป็นเพราะในตอนนั้น บิดาบุญธรรมกลัวว่า ชางอู๋ซินจะกลายเป็นเสี้ยนหนามในภายหน้า เขาจึงวางยาพิษ เพื่อให้ร่างกายของนางค่อย ๆ เสื่อมสภาพลง
ในเวลาต่อมา เมื่อชางอู๋ซินได้พบกับ
อู๋ซิงเฟย นางหลงรักชายผู้นี้เป็นอย่างมาก
เพราะเขาเป็นชายผู้เดียวที่มิหวาดกลัวนาง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นผู้ที่มีเสน่ห์ และสง่างามยิ่งนัก
สิ่งนี้มันมิใช่ความรัก แต่นางมิสามารถลืมความอบอุ่นที่ได้รับจากเขาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงแอบรักใคร่ชอบพอกัน
เนื่องจากชางอู๋ซินทราบดีว่านางคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกมินาน
จึงวางแผนที่จะแบ่งตระกูลชางออกเป็นสองส่วน
โดยจะแบ่งให้อู๋ซิงเฟยและผู้ใต้บังคับบัญชาของนางอู๋เหว่ยคนละครึ่ง
ในความเป็นจริงอู๋ซิงเฟยมิทราบเรื่องนี้
แม้ว่าเขาจะมิได้ฆ่าชางอู๋ซินในวันนี้ นางก็จะมีชีวิตอยู่ได้อีกมิเกินสองหรือสามเดือนเท่านั้น
เปลวไฟที่นางเป็นผู้จุดขึ้นในตอนนี้ได้ลุกลามไปแล้ว มันแผดเผาเอาความสกปรกทั้งหมดไปพร้อมกับร่างของนาง..
ชางอู๋ซินรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากผิวหนังที่ไหม้เกรียม ซึมผ่านหัวใจที่ทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสของตนเอง
ใบหน้าของชางอู๋ซินมีรอยยิ้มที่งดงาม มันมีความบริสุทธิ์เหมือนที่นางเคยมีเมื่อตอนอายุห้าขวบ …