ตอนที่ 21-2 วันเกิดสุดพิเศษ
“ ฝ่าบาท พระองค์ทรงคิดว่าการกระทําของมเหสีซินเห มาะสมหรือไม่?”
ชางอู๋ซินเงยหน้าขึ้นมองจักรพรรดิชางโดยที่แววตาของนางไม่มี ความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อยทําให้ผู้คนส่วนใหญ่มองว่าองค์รัชทา ยาทผู้นี้มีความดุร้ายยิ่งกว่าองค์จักรพรรดิเสียอีก
“องค์รัชทายาทอย่าได้ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เลย แค่เจ้ามาร่ วมงานข้าก็รู้สึกพอใจมาก!”
จักรพรรดิชางตอบอย่างไร้ความปรานีและด้วยเหตุนี้เรื่องนี้จึงไม่ มีผู้ใดให้ความสนใจอีกจากนั้นองค์หญิงฉินมีจึงพามเหสีซินกลับไปยังที่นั่งของนาง
ถึงกระนั้นก็ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจเจตนาของจักรพรรดิ ชางหรือสิ่งที่ฝ่าบาททรงคิดต่อองค์รัชทายาทได้
แต่มีจุดหนึ่งที่ผู้คนเห็นอย่างชัดเจนคือ การกระทําขององค์รัชทา ยาทเมื่อก่อนเป็นเพียงการสวมหน้ากาก และตอนนี้หน้ากากนั้นได้ หลุดออกไปแล้ว จึงเปิดเผยให้เห็นธรรมชาติที่แท้จริงของเขาดังนั้นจากนี้ไปพวกเขาคงจะต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น
ตอนนี้บริเวณใจกลางของห้องโถงใหญ่บรรดาสาวน้อยใหญ่ต่าง ก็กําลังตั้งอกตั้งใจแสดงการเต้นรําอย่างเต็มความสามารถขณะที่จะมีนักเต้นหลายคนมักจะส่งสายตาเจ้าชู้ไปยังบรรดาองค์ชายทั้งหลาย
ชางอู๋ซินยิ้มและกําลังดูนักเต้นแสดงอย่างเพลิดเพลิน ทําให้ผู้คน ส่วนใหญ่คิดว่ารัชทายาทกําลังชื่นชมเหล่านักเต้น แต่นั่นดูเหมือน จะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
ตอนนี้ผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็มีความเห็นว่า เมื่อเทียบกับองค์ชาย ทุกพระองค์แล้วความคิดขององค์รัชทายาทนั้นยากที่จะคาดเดาได้
เล้งหยูเฟิงละสายตาจากการแสดงตรงหน้าและมุ่งความสน ใจไปยังการดื่มสุราที่ตั้งอยู่บนโต๊ะต่อหน้าเขาเพียงอย่างเดียว เพราะสําหรับเขาแล้วผู้หญิงไม่ได้น่าสนใจเท่าสุราชั้นดีเช่นนี้
และถ้าไม่ใช่เพราะงานนี้เป็นวันคล้ายวันประสูติของจักรพรรดิ เล้งหยูเฟิงคงจะโยนนักเต้นเหล่านี้ออกไปแล้ว
แต่ฮวนมอเฉอกลับชื่นชมทิวทัศน์ของห้องโถงด้วยสายตาที่อบ อุ่นและอ่อนโยน โดยเขาไม่ได้เหลียวแลไปยังบรรดานักเต้นแม้แต่ น้อย
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่า ไม่ว่าผู้หญิงเหล่านี้จะงดงามมากเพียงใด พวกนางก็ไม่สามารถเทียบกับองค์รัชทายาทได้เลย
ก่อนหน้านี้พระมเหสีซินทําให้ทุกคนที่มารู้สึกลําบากใจ แต่เนื่อง ด้วยการแสดงเต้นรําทําให้บรรยากาศของห้องโถงดีขึ้นอย่างเห็นได้ ชัด ซึ่งนั่นทําให้เกิดบรรยากาศที่รื่นเริงมากขึ้น
“ฝ่าบาท กระหม่อมถวายพระพร ขอให้ฝ่าบาททรงมีพระชนม์ มายุยืนยาวและมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!”
องค์ชายใหญ่ชางเฉิงจ้าวคุกเข่าลงด้วยความเคารพและหยิบภาพ วาดทิวทัศน์ที่บรรจงวาดด้วยตนเองขึ้นมา แม้ภาพวาดนั้นไม่ได้โดดเด่นเป็นพิเศษ แต่ความโดดเด่นของมันอยู่ที่ความจริงที่ว่าเขาวาดมันด้วยมือของเขาเอง
“องค์ชายใหญ่ รูปวาดนี่ช่างงดงามอย่างไร้ที่ติ!” จักรพรรดิชางรู้ สึกพึงพอใจกับของขวัญชิ้นนี้มากและแสดงท่าทางให้ขันที่เสี่ยวเก็บมันไว้
แม้จักรพรรดิชางไม่เคยเรียกพระโอรสหรือพระธิดาด้วย ชื่อของพวกเขา แต่บรรดาขุนนางทั้งหลายต่างก็ทราบดีว่า ฝา บาททรงปฏิบัติต่อทุกพระองค์ด้วยความเมตตา
เมื่อเกิดการแบ่งแยกอํานาจและอิทธิพลเป็นหลายขั้วอํา นาจภายในราชสํานัก ดังนั้นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่จึงต้องวางตัวเป็นกลาง
“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงมีพลานามัยที่แข็งแรง และอายุยืนหมื่น ๆ ปี!” องค์ชายชางหลานไร่กล่าวอย่างเป็นพิธีการ
ร่างของเขาสวมเสื้อคลุมสีฟ้าที่ประดับประดาด้วยทองคํา ขณะที่ กล่าวเช่นนั้นเขาก็ยื่นดอกบัวที่เขาหามาอย่างยากลําบากให้ฝ่าบาท ด้วย โดยสีม่วงอมน้ําเงินของกลีบดอกบัวนี้ทําให้มันเป็นดอกบัวที่ น่าอัศจรรย์ดอกหนึ่งเลยก็ว่าได้
องค์ชายรองเป็นพระโอรสของพระมเหสีหนิง และทุกคนในวัง ต่างก็ทราบดีว่าพระมเหสีหนึ่งเป็นเป็นมเหสีที่รักความสงบ โดยนาง จะไม่ต่อสู้หรือแย่งชิงความสนใจจากจักรพรรดิ
มเหสีหนิงยังคงรักษาความเงียบสงบของนางเอาไว้ทั้งในอดีต และปัจจุบัน ดังนั้นนางจึงแทบจะไม่มีศัตรู
นอกจากนี้มเหสีหนิงยังอุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนา ดังนั้น นางจึงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่อย่างสันโดษภายในพระราชวัง เพื่อสว ดมนต์ โดยมเหสีหนิงมีพระโอรสและพระธิดาอย่างละพระองค์คือองค์ชายรองชางหลานไร่และองค์หญิงสามชางโจวโม
จักรพรรดิชางชื่นชมดอกบัวมหัศจรรย์นั้นและผงกศีรษะด้วย ความยินดี ทําให้หลายคนทราบว่าวันนี้องค์ชายรองดูเหมือนจะได้ รับความพึงพอใจจากพระองค์มากที่สุด
“ฝ่าบาท กระหม่อมขอถวายพระพรให้ฝ่าบาทอายุยืนยาวเหมี อนกับเทือกเขาทางภาคใต้และมีความสุขอันยิ่งใหญ่เสมือนกับเป็น ทะเลทางทิศตะวันออก” องค์ชายสามชางเฉิงหยินกล่าวด้วยความ ยินดี
ของขวัญของเขาคือรูปปั้นที่แกะสลักจากหยกชั้นดี และประกาย แวววาวหลังจากที่ได้เห็นมันเพียงแวบเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะ เยืนยันคุณค่าที่แสนจะพิเศษของมัน
ในบรรดาองค์ชายทั้งห้าของจักรพรรดิชางและองค์หญิงสี่องค์ ชางอู๋ซินเป็นน้องคนสุดท้องซึ่งในความเป็นจริงการมีพระโอรสและ พระธิดาเพียงเก้าพระองค์ในราชวงศ์จักรพรรดินั้นถือได้ว่าเป็นจํานวนที่น้อยเกินไป
จํานวนเล็กน้อยนั้นเป็นผลมาจากความจริงที่ว่าตั้งแต่ปีที่จักรพร รดินีชิวเข้ามาในวังจักรพรรดิชางไม่ได้แตะต้องหญิงผู้อื่นเลยนั่นจึงส่งผลให้จํานวนลูกหลานในราชวงศ์ลดน้อยลง
หลังจากที่องค์ชายและองค์หญิงองค์อื่นนําของขวัญมาถวายแล้ว ตอนนี้มีเพียงชางอู่ซินเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในที่นั่งของนางและลองชิม อาหารบนโต๊ะทุกจานอย่างไม่หยุดหย่อน
เมื่อชางอู๋ซินได้พบกับอาหารที่มีรสชาติดีเช่นนี้ นางก็จะกัดกินอ ย่างเอร็ดอร่อย แต่เมื่อเจอสิ่งที่ไม่ชอบนางก็จะขมวดคิ้วขมวดเข้าหากันและไม่แตะต้องมันอีก
ผู้อื่นอาจไม่ได้สังเกตเห็นการกระทําเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนาง แต่ เล้งหยูเฟิงและฮวนมอเฉอที่นั่งอยู่ด้านข้างสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ในขณะเดียวกันพวกเขาก็คิดว่าพฤติกรรมการเสวยขององค์รัช ทายาทนั้นมีเสน่ห์และน่าหลงใหลมากจนพวกเขาต้องการที่จะรักษาและให้คุณค่ากับภาพที่ได้เห็น
“เออ… ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะยังมิได้ถวายของขวัญ!” มเห สีฉินกล่าวอย่างลังเล
มเหสีฉินได้เห็นความโหดร้ายขององค์รัชทายาทเมื่อครู่ ดังนั้น แม้ว่านางจะต้องการทําลายชื่อเสียงของรัชทายาท แต่ก็ไม่กล้าที่จะ ทําอย่างโจ่งแจ้ง
เมื่อนึกถึงความล้มเหลวของมือสังหารที่มเหสีฉินว่าจ้างมา นางก็ รู้สึกว่าองค์รัชทายาทไม่ได้อ่อนแออย่างที่คิดเอาไว้
ด้วยคํากล่าวของพระมเหสีฉิน ผู้คนจึงหันมาสนใจชางอู๋ซิน แม้ว่าพวกเขาจะไม่กล้าทําตัวหยาบคายอย่างที่พระมเหสีฉินทําแต่พวกเขาก็ยังอยากรู้อยากเห็นของขวัญขององค์รัชทายาท
ที่ผ่านมาในช่วงวันคล้ายวันพระราชสมภพองค์รัชทายาทไม่เคย เข้าเฝ้าและจะเก็บตัวอยู่ในพระตําหนักของพระองค์แทน
ชางอู๋ซินวางขนมที่ตนเองถืออยู่แล้วรับกล่องมาจากมือของ อู่เหว่ย
“ถวายพระพรฝาบาท กระหม่อมขอให้ฝ่าบาทมีพลานามัยที่สม บูรณ์แข็งแรง!”
ช่างเป็นคําอวยพรที่ไม่จริงใจอะไรเช่นนี้!
ผู้คนต่างก็คิดว่าองค์รัชทายาทเป็นคนที่ฉลาด และรู้สึกว่าองค์รัช ทายาทเป็นบุคคลที่น่ายกย่องอย่างแท้จริงเขาไม่ใส่ใจที่จะแสดง การหลอกลวง
จักรพรรดิชางไม่ได้มองไปที่กล่อง แม้ว่าขันที่ซีจะรับมันมาแล้วก็ ตาม แต่ขณะที่กําลังจะนํามันออกไปองค์ชายสี่ก็ส่งเสียงออกมา
“ข้าสงสัยว่า องค์รัชทายาทมอบของขวัญประเภทใดให้ฝ่าบาท? ฝาบาทจะอนุญาตให้พวกเราชื่นชมมันได้หรือไม่?
ดูเหมือนว่าองค์ชายสี่ชางอันดังเพียงแค่ต้องการจะดูสิ่งที่องค์รัช ทายาทเตรียมมา แต่อันที่จริงแล้วเป็นเพราะเขาทราบอย่างชัด เจนว่าองค์รัชทายาทไม่ได้มีสมบัติมากมายอย่างที่ทุกคนเข้าใจ