บทที่ 649 อยากมีชีวิตอยู่รึ?
บทที่ 649 อยากมีชีวิตอยู่รึ?
หญิงสาวเอ่ยวาจาอย่างชัดถ้อยชัดคำ ทำเอาวิหารทั้งหลังตกอยู่ในความเงียบสงัด!
สีหน้าของมหาจักรพรรดินีเหยาจีก็พลอยหม่นหมอง ดวงตาฉายแววไม่พอใจ หากเป็นผู้อื่นได้เห็น มหาจักรพรรดินีเหยาจีเป็นเช่นนี้ คงใจคอไม่ดี
ที่นี่คือแดนของมหาจักรพรรดินีเหยาจี ทั้งสวรรค์และมนุษย์ต่างก็เคารพยำเกรงนาง ทว่าวันนี้ กลับมีคนมาพูดกับมหาจักรพรรดินีเหยาจีเช่นนี้!
ช่างบังอาจนัก!
ครู่หนึ่ง สีหน้าของมหาจักรพรรดินีเหยาจีก็ดีขึ้นเล็กน้อยจึงเอ่ยปากเยาะเย้ย “ไร้ค่า? ไร้ค่าแล้วจะลากเจ้าลงจากตำแหน่งมหาจักรพรรดิได้ภายในคืนเดียวเชียวรึ? ขึ้นเป็นถึงมหาจักรพรรดิแล้วยังรักษาตำแหน่งไว้ไม่ได้ เจ้าต่างหากที่ไร้ค่า”
“พี่หญิง ข้าเตือนด้วยความหวังดี อย่าทำเป็นแข็งกร้าวไปเลย อย่าลืมว่า ยังมีคนอยู่ในมือข้า หากอยากให้เขามีชีวิตรอดก็จงเชื่อฟังข้าเสีย”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของนางก็สงบนิ่ง ไม่มีความหวั่นไหวแม้แต่น้อย
“เมื่อใด?”
นางเอ่ยปากน้ำเสียงเย็นชาอย่างที่สุด
มหาจักรพรรดินีเหยาจีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “พรุ่งนี้ ข้ายังต้องเตรียมสิ่งของอีกหน่อย”
สิ้นคำ นางก็หันหลังกลับไป เพียงแค่ก้าวเท้าย่างกราย ร่างทั้งร่างก็หายไปจากตำหนัก
มหาจักรพรรดินีเหยาจีมองตามร่างที่เลือนหายไปของนาง ดวงตาเป็นประกายครุ่นคิดไม่รู้ว่ากำลังใคร่ครวญสิ่งใดอยู่…
…
เกาะสังหารเซียน ณ ใจกลางเมืองไร้ขอบเขต
นับแต่ลู่หยวนได้ช่วงชิงพลังของเทพไร้ขอบเขต ทั้งเมืองก็ตกอยู่ในกำมือของลู่หยวน
ลู่หยวนและพวกเดินออกมาจากหอคอยไร้ขอบเขตที่พังทลายลง ก็พบเจี่ยวหลิ่วเอ่อร์ยืนอยู่ไม่ไกล ท่าทางหวาดหวั่นสายตาจ้องมองมาทางลู่หยวนตลอดเวลา แต่เมื่อสบตากับลู่หยวนนางก็รีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็วราวกับหวาดกลัวสิ่งใดบางอย่าง
ลู่หยวนเพียงแค่ชำเลืองมองเจี่ยวหลิ่วเอ่อร์แล้วก็ยกมือขึ้น เชือกที่พันธนาการเจี่ยวหลิ่วเอ่อร์อยู่ก็กลับคืนสู่มือของลู่หยวน
เชือกเส้นนี้ วิถีโบราณมอบให้เป็นหนึ่งในอาวุธเทพ ในภายภาคหน้าย่อมยังมีประโยชน์จึงต้องเก็บเอาไว้
เมื่อปราศจากการพันธนาการ หลิ่วเอ๋อร์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยืนลังเลอยู่ชั่วครู่ก็ตัดสินใจก้าวฉับ ๆ ไปเบื้องหน้าลู่หยวนแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าลู่หยวน ร่างกายบอบบางอ้อนแอ้นโน้มลงเบื้องหน้า แสร้งทำท่าทางอ่อนหวานน่าทะนุถนอม เอ่ยเสียงหวานว่า “คุณชาย…”
เดิมทีร่างกายของหลิ่วเอ๋อร์ก็ถูกปิดบังไว้เพียงผ้าผืนบาง ๆ ในตอนนี้คุกเข่าลงอย่างอ่อนช้อย เรือนร่างอิ่มเอมน่ามองยิ่งนัก งดงามราวกับสตรีชั้นเลิศ
ลู่หยวนนั่งนิ่งสงบ เมื่อเห็นท่าทางของเจี่ยวหลิ่วเอ่อร์คิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยดูเหมือนจะไม่พอใจ
เจี่ยวหลิ่วเอ่อร์ก็เป็นผู้ที่ช่างสังเกตสีหน้าผู้อื่น คิดว่าลู่หยวนไม่ชอบสตรีเช่นนี้ พลันนึกขึ้นได้ว่าลู่หยวนเพิ่งมาถึงที่แห่งนี้ สตรีข้างกายก็เย็นชาถึงขีดสุด งดงามราวกับภูผาหิมะจึงคิดแผนการได้ทันที
ท่าทางของนางแปรเปลี่ยนอีกครั้ง เอวบางตั้งตรงดุจต้นสนบนภูเขาหิมะ เรือนร่างสง่างาม บริเวณระหว่างคิ้วไม่เหลือความอ่อนหวานอีกต่อไป ดวงตากลมโตที่แฝงไปด้วยแววหยาดเยิ้มก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา แววตาเย่อหยิ่งเย็นยะเยือกก็ปรากฏขึ้น
“ไม่ทราบว่าคุณชายจะไปที่ใดหรือ?”
เจี่ยวหลิ่วเอ่อร์ถาม เสียงที่เปล่งออกมาเย็นเฉียบถึงขีดสุด ต่างจากน้ำเสียงที่อ่อนหวานเมื่อครู่ราวกับเป็นคนละคน!
ฮ่วนซิงไป๋กับเซียวเทียนมองดูอยู่ด้านข้างต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ
สตรีนางนี้ช่างเสแสร้งได้อย่างแนบเนียน เสียงที่เปล่งออกมาก็ยังแตกต่างกันในแต่ละครั้ง!
มุมปากของลู่หยวนยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันคลายออกเล็กน้อย ดวงตาดูอ่อนโยนขึ้น
เจี่ยวหลิ่วเอ่อร์เห็นดังนั้นก็ยิ่งมั่นใจ
นางนั้นสามารถอยู่ในเมืองไร้ขอบแห่งนี้ เป็นมนุษย์ที่ได้รับการแต่งตั้งจากเทพไร้ขอบ มีฐานะเท่าเทียมกับสัตว์ประหลาดเหล่านั้นได้ก็ย่อมต้องมีฝีมืออยู่บ้าง
ตอนนี้นางจึงคิดจะใช้กลอุบายเดิม หวังว่าจะสามารถเอาใจลู่หยวนได้
การลงมือครั้งนี้ สำหรับเจี่ยวหลิ่วเอ่อร์แล้วนับว่าเป็นการเดิมพันชีวิต
นางรู้ดีว่าลู่หยวนในตอนนี้ได้สังหารเทพไร้ขอบไปแล้ว และได้รับพลังของเทพไร้ขอบเขตมาครอบครอง พลังระดับนี้อยู่ในมือลู่หยวนก็ไม่ต่างอะไรกับการเป็นเจ้าเหนือหัวหรือผู้ครองอำนาจคนใหม่!
เดิมทีนางก็ได้รับผลประโยชน์จากเทพไร้ขอบจึงมีที่ยืนอยู่ในเกาะสังหารเซียนแห่งนี้ ผลประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบำเพ็ญเพียรล้วนหาไม่ได้จากโลกภายนอก
หากลู่หยวนไว้ชีวิต นางก็ยังคงใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม แต่หากลู่หยวนไม่ต้องการเก็บนางไว้ ชีวิตของนางก็คงถึงจุดจบ
ลู่หยวนยิ้มน้อย ๆ ก้มลงมองเจี่ยวหลิ่วเอ่อร์ที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า นางดูเชื่อฟัง แต่ระหว่างคิ้วก็ยังคงแฝงไว้ด้วยความเย่อหยิ่งและเย็นชา
“อยากมีชีวิตอยู่รึ?”
ลู่หยวนถามเสียงเรียบ
เจี่ยวหลิ่วเอ่อร์ผงกศีรษะรับ ก่อนเอ่ยความในใจออกมา “หากจะให้ข้ารับใช้ท่าน ข้าก็ยินดีทุ่มเททั้งกายและใจ ไม่เกี่ยงสิ่งใด!”
“จริงหรือ?”
ลู่หยวนหรี่ตาลงเล็กน้อยราวกับกำลังครุ่นคิด นางเจี่ยวหลิ่วเอ่อร์รู้สึกใจเต้นระทึก ชีวิตของนางขึ้นอยู่กับความคิดของบุรุษตรงหน้านี้แล้ว!
ครู่หนึ่งลู่หยวนจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ภายในเกาะสังหารเซียน นอกจากเมืองไร้ขอบเขตแล้วยังมีสถานที่อันยอดเยี่ยมอื่นอีกหรือไม่?”
เมื่อนางเจี่ยวหลิ่วเอ่อร์ได้ยินเช่นนั้น ก็อดหัวเราะในใจไม่ได้ คุณชายผู้นี้กำลังยื่นโอกาสให้กับนาง!
ภายในเกาะสังหารเซียน เมืองไร้ขอบเขตเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยม
หากนอกจากที่นี่แล้วยังมีสถานที่ที่ดีเทียบเท่า ต้องเป็นสถานที่ที่เทียบเคียงได้กับเมืองไร้ขอบเขตเป็นแน่!
ผู้อื่นอาจไม่รู้ แต่เจี่ยวหลิ่วเอ่อร์ผู้นี้อยู่ในเมืองไร้ขอบเขตมานานหลายปี อีกทั้งยังได้รับการแต่งตั้งจากเทพผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองไร้ขอบเขต แน่นอนว่านางรู้เรื่องราวภายในเกาะสังหารเซียนเป็นอย่างดี
“มี!”
เจี่ยวหลิ่วเอ่อร์ไม่คิดเสแสร้งทำเย็นชาอีกต่อไปจึงตอบกลับไปตรง ๆ ว่า “ภายในเกาะสังหารเซียน ยังมีดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่ง!”
ลู่หยวนเผยรอยยิ้มกว้างขึ้น ที่จริงแล้วเทพไร้ขอบเขตได้แอบกระซิบบอกข่าวแก่เขาแล้วว่า ซ่งชิงนั้นยังนั่งจิบชาอยู่ที่จวนอดีตเทพอีกองค์
“จงนำทางข้าไป”
“ได้!”
นางเจียวหลิวผุดลุกขึ้นทันที พร้อมกับส่งยิ้มหวานเยิ้ม กลิ่นหอมกรุ่นลอยฟุ้งไปทั่ว
ลู่หยวนและอีกสองคนไม่ได้ใส่ใจนางแม้แต่น้อย เพียงแต่ฮ่วนซิงไป๋แอบกระซิบข้างหูลู่หยวนว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ พี่สะใภ้ยังไม่กลับมานะขอรับ”
ผู้ที่ฮ่วนซิงไป๋เอ่ยถึงก็คือกู้ชิงหรัน นับตั้งแต่กู้ชิงหรันเอ่ยว่าต้องการออกสำรวจสถานที่แห่งนี้เพียงลำพัง นางก็หายเข้ากลีบเมฆ ไม่ปรากฏให้เห็นอีกเลย ลู่หยวนเองก็ไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย
ตอนนี้ลู่หยวนได้รับสืบทอดพลังเทพแล้ว ทั้งเมืองไร้ขอบเขตล้วนอยู่ในสายตาของเขา ไม่มีทางรอดพ้น ทว่ากวาดตามองไปรอบหนึ่งก็ไม่พบร่องรอยของกู้ชิงหรันราวกับนางจากไปจากที่แห่งนี้แล้ว
“ไม่เป็นไร ปล่อยนางไปเถอะ” ลู่หยวนตัดสินใจ ฮ่วนซิงไป๋จึงไม่มีคำโต้แย้ง
ภายใต้คำสั่งของลู่หยวน เจี่ยวหลิ่วเอ่อร์ก็เคลื่อนกายพุ่งออกจากเมืองไร้ขอบ
ลู่หยวนและพรรคพวกอีกสองคนก็ติดตามไปเบื้องหลังบนท้องฟ้า แสงสีรุ้งสี่สายพุ่งผ่านมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง
ส่วนภายในเมืองไร้ขอบ ยังคงมีมนุษย์จำนวนไม่น้อยที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังของเทพอันผันผวนต่างก็คิดที่จะจากที่แห่งนี้ไป แต่เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณชายขอบเมืองไร้ขอบกลับพบกับกำแพงกั้นที่ผุดขึ้นจากพื้นดินปิดล้อมเมืองไร้ขอบไว้ทั้งหมด ผู้ใดในที่นี้ไม่อาจผ่านเข้าออกได้!