หลังจากซูจิ่วเอ๋อร์เจอสวี่อี้ฝานและสวี่อี้หาน เธอก็เงยหน้ามองไปทางพยาบาล พร้อมกับเอ่ยบอกเบาๆ “คุณน้า ขอโทษนะคะ รบกวนคุณน้าออกไปก่อนสักครู่นะคะ ฉันจะเพิ่มค่าแรงให้คุณน้าสองเท่า ตกลงไหม?”
เพื่อเป็นการรับรองว่าเด็กน้อยทั้งสองคนจะไม่ถูกใครคนอื่นจำได้ ซูจิ่วเอ๋อร์ไม่มีทางเลือก ทำได้แค่ต้องให้พยาบาลคนนั้นออกไปก่อนสักครู่
พยาบาลก็มองซูจิ่วเอ๋อร์อย่างแปลกประหลาดใจ และมองไปทางสวี่อี้ฝานและสวี่อี้หานที่สวมหน้ากากอยู่
น่าแปลกใจจริงๆ เด็กสองคนนี้ทำไมต้องใส่หน้ากากมาด้วยล่ะ?
หรือว่าเด็กสองคนนี้มีความลับอะไร? ดังนั้นจึงต้องบอกให้เธอออกไปก่อน?
แต่ในเมื่อเป็นความต้องการของนายจ้าง พยาบาลก็ไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากจัดการเก็บของทุกอย่างเสร็จ เธอก็ออกไปนอกห้องสักพัก
สวี่อี้ฝานและสวี่อี้หานถอดหน้ากากออก วิ่งตรงไปยังที่หน้าเตียงของสวี่รั่วฉิง เด็กน้อยสองคนนี้สูงกว่าเตียงเพียงแค่นิดเดียว พวกเขายืนอยู่ข้างเตียงอย่างเงียบๆจ้องมองไปที่แม่ที่นอนอยู่บนเตียงอย่างไร้ชีวิตชีวา น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมาจากดวงตาทั้งสองนั้น
พวกเขาอยากจะตะโกนเรียกแม่ แต่ว่าที่นี่คือโรงพยาบาล มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ พวกเขาไม่กล้าตะโกน
เพราะว่าตอนนี้พวกเขานั้นไม่สามารถให้ใครรับรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขากับสวี่รั่วฉิงได้
และยิ่งไปกว่านั้นยิ่งไม่สามารถให้ใครรู้ได้ว่าเด็กๆของสวี่รั่วฉิงนั้นมีความเกี่ยวข้องกันกับลี่ถิงเซิ่ง
สวี่อี้ฝานมองสวี่รั่วฉิงที่นอนอยู่บนเตียงอย่างนิ่งเงียบ ดวงตาคู่นั้นของเขาคล้ายกับลี่ถิงเซิ่งเป็นอย่างมาก และก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ
สวี่อี้หานทนไม่ไหวจนต้องแอบร้องไห้ออกมาเงียบๆ เธอนั้นดึงมือของซูจิ่วเอ๋อร์แล้วแอบถามเบาๆ “แม่บุญธรรม ตอนไหนหนูจะสามารถกลับบ้านพร้อมกับแม่ได้คะ?”
ซูจิ่วเอ๋อร์ก็คิดถึงคำพูดที่หมอเพิ่งพูดกับเธอเมื่อครู่ ถ้าหากว่าต้องการให้สวี่รั่วฉิงฟื้นฟูกลับมาได้อย่างถึงที่สุด อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือน
ซูจิ่วเอ๋อร์หนักใจ เธอมองสายตาที่รอคอยของสวี่อี้หาน พร้อมกับถอนหายใจพูดบอก “รอให้แม่ตื่นขึ้นมาก็สามารถกลับบ้านได้แล้วแหละ”
สวี่อี้หานนั้นรู้เรื่องรู้ความมากๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้เธออยากจะตะโกนเรียกแม่ แต่ว่าเธอก็ไม่ทำ
ซูจิ่วเอ๋อร์รู้สึกตื้นตันใจกับความฉลาดเฉียบแหลมของเด็กทั้งสองคนนี้ เธออยู่คุยเป็นเพื่อนกับเด็กทั้งสองอยู่สักพัก ก็พบว่าสวี่อี้หานนั้นเริ่มสัปหงกแล้ว
จึงหันไปคุยกับเลขาของเธอ “อีกสักพักก็พาพวกเขากลับไปส่งนะ อยู่บนถนนก็ระวังหน่อย ระหว่างนี้ก็เรียกให้เชฟมาทำอาหารที่เด็กทั้งสองคนชอบให้พวกเขาไปก่อน”
สวี่อี้หานไม่ค่อยยินยอม เธอมองหญิงที่อยู่บนเตียงด้วยความกระวนกระวายใจ พร้อมกับเบ้ปาก ลากเสื้อของซูจิ่วเอ๋อร์เบาๆ “แม่บุญธรรมคะ หนูไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้จริงๆเหรอ?”
ซูจิ่วเอ๋อร์กลั้นใจไม่ไหว แต่ก็ทำได้เพียงแค่มองสวี่อี้หานแล้วพูด “ลูกรัก ถ้าหากว่ารั่วฉิงยังไม่ได้บอกลี่ถิงเซิ่งว่าพวกหนูคือลูกของเขาแล้วล่ะก็ พวกหนูอยู่ที่นี่ จะถูกเขาพบเจอเอาได้ง่ายๆ”
แม้สวี่อี้หานจะอยากอยู่ต่อ แต่ว่าในใจของเด็กน้อยก็เข้าใจดี พวกเขาอยู่ที่นี่ก็จะทำให้แม่นั้นมีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก
สวี่อี้หานมองสวี่รั่วฉิงที่นอนอยู่บนเตียงนั้นอย่างลึกซึ้งแล้วก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง นั่นทำให้ใจของซูจิ่วเอ๋อร์เหมือนถูกมีดกรีด
เธอไม่เคยรู้สึกไม่พอใจผู้ชายคนไหนขนาดนี้มาก่อน ถ้าหากว่าสวี่รั่วฉิงชอบเขาจริงๆล่ะก็ เธอก็ยังคงจะยินดีที่จะช่วยเหลือให้รั่วฉิงกับลี่ถิงเซิ่งได้อยู่ด้วยกัน
แต่หลังจากที่เห็นสวี่รั่วฉิงผ่าตัดเสร็จ ลี่ถิงเซิ่ก็กลับออกไปโดยตรงเลยทันที ซูจิ่วเอ๋อร์คิดถึงจุดนี้ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ
หรือว่าในใจของลี่ถิงเซิ่ง รั่วฉิงไม่สำคัญเท่ากับกำไรของบริษัทใช่ไหม?
…
เวลาเดียวกันนั้น ในสถานีตำรวจ
หัวหน้าเฉินคิดไม่ถึงว่าลี่ถิงเซิ่งมาด้วยตัวเอง “ประธานลี่ ดึกขนาดนี้แล้วคุณมาได้ยังไงครับ?”
ลี่ถิงเซิ่งไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆกับหัวหน้าเฉิน พร้อมรีบถามเข้าประเด็นโดยตรง “ผู้สมรู้ร่วมคิดของหวังซานยอมรับสารภาพแล้วหรือยัง?”
หัวหน้าเฉินส่ายหัว “เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่รู้จริงๆว่าคนที่สั่งให้หวังซานฆ่าคุณแอนคนนั้นคือใคร? อีกทั้งเรื่องเงินที่โอนเข้าบัญชีธนาคารพวกเขาก็ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังเช่นกัน รู้แค่เพียงว่าก่อนที่หวังซานจะไปนั้นก็ได้ให้เงินพวกเขาไว้คนละหนึ่งแสนหยวน”
พูดจบหัวหน้าเฉินก็ถอนหายใจออกมา แม่นยำเหมือนที่ลี่ถิงเซิ่งพูดทั้งหมด เรื่องนี้เกรงว่าคงจะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปที่สามารถทำได้ และเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นความแค้นของแวดวงตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพลในเมืองหลินชวน
คิดถึงตรงนี้สีหน้าของหัวหน้าเฉินก็ค่อยๆเปลี่ยนไป “คุณแอนน่าจะไม่มีคู่อริอะไรที่ไหนในเมืองหลินชวน เกรงว่าจะเป็นอย่างที่คุณพูดจริงๆ นี่เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นคนระดับเดียวกันกับพวกคุณที่เป็นคนก่อเรื่อง”
ลี่ถิงเซิ่งเหลือบตาลง ตอนที่เขากำลังนิ่งเงียบ จู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือเขาก็ดังขึ้น “พี่ลี่ เรื่องที่พี่ไหว้วานนั้นเริ่มมีเค้าโครงขึ้นมาบ้างแล้ว!”
ตาดำของลี่ถิงเซิ่งหดลงเล็กน้อย “พูด!”
เสิ่นเชียนพูด “ก่อนที่แอนนาจะเกิดอุบัติเหตุ คืนนั้นคุณนายสวี่ก็ได้เคยติดต่อกับบุคคลลึกลับคนหนึ่ง”
“รู้ได้ยังไง?”
เสิ่นเชียนหัวเราะสักพัก “คนในแก๊งของคนที่เธอติดต่อ ผมต้องรู้จักอย่างดีเป็นธรรมดา แค่…”
เสิ่นเชียนพูด แล้วก็หยุดไป จากนั้นก็พูดอย่างจริงจัง “มีเรื่องลำบากยุ่งยากอยู่เรื่องหนึ่ง คือคุณนายสวี่กับคนคนนั้นทำการติดต่อกันเรื่องเป็นปกติมากๆ จากการวิเคราะห์ลักษณะภายนอกของอุบัติเหตุของแอนนาก็ดูจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับเธอเลย แต่ว่าเรื่องนี้มันก็เกิดขึ้นในคืนวันที่เกิดอุบัติเหตุของแอนนาพอดี ดังนั้นมันก็แปลกประหลาดมาก”
หลังจากลี่ถิงเซิ่งคิดไตร่ตรอง เขาก็พูดนิ่งๆ “ฉันรู้แล้วล่ะ ถ้าหากว่ามีข่าวอะไรอีก ก็ติดต่อบอกฉันทันที”
“ไม่มีปัญหาครับ พี่ลี่”
หลังจากลี่ถิงเซิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จ ก็สั่งกำชับหัวหน้าเฉินอีกไม่กี่ประโยคแล้วก็ออกมาจากสถานีตำรวจ
ในบรรยากาศกลางดึกที่เข้มข้น ลี่ถิงเซิ่งก็กลับมาถึงที่คฤหาสน์ของตัวเองหลังจากอ่อนเพลียจากการหามรุ่งหามค่ำมาอย่างหนัก
เขาไม่ได้พักผ่อนมาสองคืนเต็ม ตานั้นแดงก่ำไปหมด
หลังจากเขานอนไปสองชั่วโมง ก็ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนตีสี่ หลังจากจัดการเรื่องงานของบริษัทสักพัก เขาก็เปิดดูเอกสารที่หัวหน้าเฉินส่งมาให้อีกรอบหนึ่ง อ่านข้อมูลที่เกี่ยวข้องอุบัติเหตุรถชนของสวี่รั่วฉิงอย่างละเอียด
ลี่หน้าของลี่ถิงเซิ่งก็ยิ่งจริงจังขึ้นเรื่อยๆ สวี่รั่วฉิงมาที่เมืองหลินชวนไม่ได้มีคู่อริอะไรที่ไหน คนที่สามารถมีความแค้นกับเธอได้ เกรงว่าคงจะมีเพียงแค่คนตระกูลสวี่เท่านั้น
ที่โทรศัพท์คุยกับเสิ่นเชียนก่อนหน้านี้ก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่าคุณนายสวี่กับแก๊งคนใต้ดินนั้นมีการติดต่อค้าขายกันเป็นการส่วนตัว แต่ประเด็นคือพวกนั้นติดต่อค้าขายกันเรื่องอะไร จุดนี้ไม่มีใครรู้เลย
ลี่ถิงเซิ่งคลึงหน้าผากตัวเองอย่างง่วงนอน วางเอกสารในมือลงข้างๆตัว และเพ่งความสนใจของตัวเองไปที่งานอีกครั้ง
วันต่อมา ลี่ถิงเซิ่งดื่มกาแฟไปหนึ่งแก้ว ถึงขนาดที่ไม่ทานข้าวเช้าแล้วรีบออกจากคฤหาสน์ไปที่บริษัท
พนักงานของบริษัท เมื่อวานได้ยินข่าวซุบซิบมาไม่น้อย พากันเดาว่าระหว่างลี่ถิงเซิ่งกับแอนนานั้นมีความสัมพันธ์อะไรกันจริงๆ อีกทั้งแอนนาได้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์แล้วจริงๆใช่หรือไม่ การเกิดอุบัติเหตุของแอนนานั้นเกี่ยวข้องกับสวี่รั่วยีใช่หรือเปล่า
คนอื่นๆอาจจะไม่รู้ว่าแอนนานั้นเกิดอุบัติเหตุจริงๆหรือเปล่า แต่พนักงานของลี่ซื่อกรุ๊ปทั้งหมดรู้ดี สองวันมานี้แอนนาไม่ได้มาที่บริษัทจริงๆ
ลี่ถิงเซิ่งมาถึงห้องทำงาน และเริ่มพิจารณาเอกสารสัญญา
“ประธานลี่” หลี่อานหอบเอกสารชุดหนึ่งเดินเข้ามา “งานเลี้ยงส่วนตัวเมื่อวานของประธานซวี๋ดาคหวังอยากจะเลื่อนมาจัดเย็นวันนี้ คุณพิจารณาดูสักนิดว่าสามารถหรือไม่”
ลี่ถิงเซิ่งนั้นหยุดมือที่กำลังจะเซ็นเอกสารไว้ “วันนี้กี่โมง?”
หลี่อานตอบ “เย็นวันนี้สองทุ่มค่ะ ที่โรงแรมเซิ่งเทียนหลินชวน”
หลี่อานคิดแล้วก็พูดขึ้นมาอีก “ประธานลี่ คุณไม่สามารถเลื่อนออกไปเพราะเรื่องของแอนนาได้อีกแล้วนะคะ ถึงอย่างไรประธานซวี๋ก็เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจของเรามาโดยตลอดนะ!”