ดาบพิโรธสวรรค์ – ตอนที่ 90

ตอนที่ 90

ตอนที่ 90 กอบกู้หอสมุนไพรร้อยปี

มู่หรงเฉียนหลิงไปยังด้านหลังของหลินเซวียนที่จากไป ดวงตาของนางเปล่งประกาย จากนั้นไม่นานสตรีชุดชาววังก็ถอนหายใจ “ด้วยความแข็งแกร่งของเขา มันคงไม่นานที่เขาจะเข้าทดสอบศิษย์สายตรงต่อ เวลานั้นเขาจะต้องได้เข้าสู่พื้นที่ทดสอบโลหิตด้วยแน่”

“พื้นที่ทดสอบโลหิต!” มู่หรงเฉียนหลิงตกใจ “พื้นที่นั่นจะเปิดแค่ครั้งเดียวในรอบเจ็ดปี!”

สตรีชุดชาววังยิ้ม “เวลานั้นเจ้าจะต้องถูกส่งไปด้วยแน่นอน แม้แต่เจ้าก็มีโอกาสเข้าไปในนั้น เมื่อถึงเวลา เจ้าต้องคว้าโอกาสมาให้ได้!”

“มันอยู่ที่ไหนงั้นหรือ?” มู่หรงเฉียนหลิงเผยแววตาตื่นเต้น

……

หลินเซวียนไม่ทราบเหตุการณ์เหล่านี้หลังจากกลับมา เขาเข้าไปในห้องของตนก่อนจะเริ่มเดินพลังภายใน จากนั้นบาดแผลตามจุดต่าง ๆ ก็เริ่มฟื้นฟู

ในร่างของเขา พลังวิญญาณที่ถูกกดดันโดยผู้อาวุโสเยว่ ทำให้จุดชีพจรที่แปดในร่างกายเขาถูกกระตุ้น หลินเซวียนจึงใช้โอกาสนี้ทะลวงจุดชีพจรที่แปดทันที

บาดแผลรอบตัวของเขาฟื้นฟูอย่างรวดเร็วจากพลังคงกระพัน หลินเซวียนได้หลับตาและมองไปในเมล็ดพันธุ์แห่งดาบ

เวลานี้เมล็ดพันธุ์ได้โตขึ้นกว่าครั้งก่อน อีกทั้งยังมีไอพลังอันน่าสะพรึง หลินเซวียนทราบว่ามันคือเจตนารมณ์แห่งดาบ และไม่ใช่แค่พลังแห่งดาบแล้ว

“ไม่คาดคิดเลยว่า เมล็ดพันธุ์ของเจ้าจะงอกเร็วเช่นนี้” เซียนสุรากล่าวขึ้น “ตอนนี้เจ้ามีคุณสมบัติสายฟ้าและลม เจ้าสามารถลองให้พวกมันผสานกันได้“

“เมื่อเจ้ายังเห็นข้าเป็นอาจารย์ เช่นนั้นข้าจะสอนเจ้าอย่างดี!” เซียนสุรากล่าวจริงจัง

จากนั้นเซียนสุราได้เริ่มถามหลินเซวียนเกี่ยวกับสิ่งที่เขาบรรลุตอนที่ตนหลับใหล รวมถึงวิชาที่ฝึกฝน หลินเซวียนตอบทีละอย่างไปจนถึงการใช้ก้าวอัสนีสร้างร่างเงา วิชาดาบวายุสามวิถีที่ยังขาดอีกหนึ่งกระบวนท่า และปราณดาบคุ้มภัยกำลังอยู่ระดับหนึ่ง

แต่สิ่งที่เขาได้รับมากที่สุดครั้งนี้ก็คือการเติบโตของเมล็ดพันธุ์แห่งดาบ ความเข้าใจในเจตนารมณ์แห่งดาบของเขาสามารถเพิ่มพลังโจมตีได้หลายเท่า ตอนนี้เขาสามารถสู้ได้แม้แต่ยอดฝีมือขั้นเปิดชีพจรระดับเก้า

ยิ่งกว่านั้นเมล็ดพันธุ์แห่งดาบของเขายังมีความสามารถอื่น ๆ อีก อาทิเช่น ทำให้จิตใจมั่นคง และสมาธิแน่วแน่ ซึ่งมันจะทำให้เขาไม่หวั่นไหวกับอาคมและสิ่งลวงตา

ภายใต้คำชี้แนะของเซียนสุรา หลินเซวียนได้ฝึกผสานดาบวายุและดาบอัสนี

เช้าวันต่อมา หลินเซวียนได้ไปยังหอสมุนไพรอีกครั้ง

เขาต้องการจะมองหาภารกิจที่พิเศษอีก ครั้งนี้มันมีภารกิจกอบกู้ภัยหอสมุนไพรร้อยปี รางวัลของภารกิจนี้คือการได้เลือกสมุนไพรชนิดใดก็ได้เช่นกัน

ถึงแม้เซียนสุราจะตื่นแล้ว หลินเซวียนก็ต้องการขอบคุณเขาด้วยสมุนไพรเหล่านี้อีก

อย่างไรก็ตามภารกิจก็ยังมีคนดำเนินการอยู่ แต่ผลที่ได้ก่อนหน้านี้ของพวกเขาไม่ค่อยดีนัก

ผู้ดูแลจึงบอกว่ากลุ่มที่รับภารกิจนี้ล้มเหลว และหลินเซวียนสามารถรับไปทำต่อได้

ดังนั้นเขาจึงรับอย่างไม่ลังเล

แต่ภารกิจนี้เป็นภารกิจระดับหก ความอันตรายของมันนับว่าสูงที่จะทำคนเดียว

มันต้องใช้อย่างน้อยห้าคน หลินเซวียนจึงรับเหรียญภารกิจเป็นคนแรกและกลับไปรอศิษย์คนอื่น

สามวันต่อมา เขาก็ได้รับข่าวจากหอสมุนไพร

หลินเซวียนเตรียมตัวพร้อมสำหรับทุกอย่างขณะมายังหอสมุนไพร แต่ก็ต้องประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อมาถึง ผู้ดูแลยิ้มอย่างขมขื่นและบอกเหตุผลกับหลินเซวียน

“จำนวนคนที่ต้องการจะทำภารกิจนี้มีมากเกินกว่าที่กำหนดไว้”

“ภารกิจนี้อันตรายไม่ใช่หรือ? เหตุใดคนถึงอยากจะทำกันนัก?” หลินเซวียนรู้สึกสงสัย

“เพราะมีศิษย์สายตรงคนหนึ่งมารับภารกิจนี้ ศิษย์มากมายจึงแห่ตามกันไปด้วย” ผู้ดูแลอธิบาย “การมียอดฝีมือสักคนรับภารกิจที่อันตราย มันจะทำให้ผู้อื่นมีโอกาสสำเร็จไปด้วย“

“เป็นเช่นนี้เอง!” หลินเซวียนกระจ่าง เขาก้าวออกไปพร้อมพูดกับกลุ่มคนที่มามุงว่า “ข้าเองก็มีเหรียญภารกิจนี้เช่นกัน ใครที่อยากชิงเหรียญภารกิจนี้สามารถท้าประลองข้าได้!”

ด้วยคำของหลินเซวียน ผู้คนที่กำลังทะเลาะกันถึงกับเงียบสนิท ศิษย์มากมายหันไปมองหลินเซวียนอย่างตื่นตระหนก ดวงตาพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว

พวกเขาเห็นเต็มสองตาว่าหลินเซวียนสังหารจางเฉียน อีกทั้งยังกล้าสู้กับผู้อาวุโสเยว่ แล้วใครจะกล้าไปหาเรื่องคนแบบเขาอีก

“ดูเหมือนศิษย์น้องหลินจะมีอยู่เหรียญแล้ว ในกรณีนี้ พวกเราจะแย่งชิงอีกสามเหรียญที่เหลือเอง” พวกเขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม

ผู้ดูแลเองก็ถึงกับประหลาดใจ เขาคิดว่าคนเหล่านี้จะฉกฉวยโอกาสจากหลินเซวียน

แต่ไม่คาดคิดว่าหลังจากพบหลินเซวียน มันราวกับพวกเขาพบศิษย์สายตรงเสียเอง

“ช่างแปลกดีแท้” ผู้อาวุโสดูแลที่นี่คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลก เพราะเขาไม่ได้เห็นการประลองของหลินเซวียน

เพียงไม่นานก็หายอดฝีมืออีกสามคนได้ คนทั้งสามอยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับแปด มีชายหนุ่มสองคนและสตรีอีกหนึ่ง

ทั้งสามทักทายหลินเซวียนก่อนจะไปยืนด้านข้างเขาเพื่อรอศิษย์สายตรงอีกคน พวกเขาทั้งสี่ได้พูดคุยกันและทราบว่าศิษย์สายตรงคนดังกล่าวชื่อฟานช่ง เขาอยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับเก้า และอยู่อันดับเก้าในเทียบอันดับศิษย์สายตรง

ศิษย์สายตรงนั้นมีฝีมือและร้ายกาจอย่างมาก แต่ละคนกล่าวได้ว่าทรงพลังต่างกันออกไป

ดังนั้นภารกิจระดับหกที่ดูยากนี้จึงเป็นที่ชื่นชอบทันทีที่มีศิษย์สายตรงเลือก

ภารกิจนี้คือการกอบกู้หอสมุนไพรร้อยปี หอสมุนไพรนี้อยู่ในเขตชายแดนของเมืองอวิ๋นโจว เนื่องจากการบุกรุกของสัตว์อสูร หอนี้จึงตกอยู่ในวิกฤต

ผู้คนมากมายในหอสมุนไพรร้อยปีได้หนีออกมาแล้ว แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่ติดอยู่ในนั้น อีกทั้งยังมีสมุนไพรล้ำค่านับร้อยชนิด

ผู้ที่รอดชีวิตจากหอสมุนไพรร้อยปีจึงมาขอความช่วยเหลือจากสำนักซวนเทียน ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งรับภารกิจ

ขณะทำความเข้าใจภารกิจ หลินเซวียนก็รอการมาถึงของศิษย์สายตรง แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป เขาก็ยังไม่ปรากฏตัว อีกครึ่งชั่วยามก็ยังไม่มา

“หรือว่าศิษย์พี่ฟานจะลืมไปแล้ว?” ศิษย์หลายคนสงสัย หลินเซวียนเองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

มันค่อนข้างนานมากกว่าเขาจะปรากฏตัว

ชายหนุ่มผู้นี้มีใบหน้าที่เย่อหยิ่ง ดวงตาของเขาจะมองลงมาที่ผู้คนเสมอ แม้กระทั่งคางยังยกขึ้นสูง เขามองหลินเซวียนและคนอื่น ๆ ก่อนจะกล่าว “ขั้นพลังยังต่ำเกินไป ไปก็มีแค่ตายเท่านั้น!”

ใบหน้าศิษย์สามคนด้านหลังหลินเซวียนเปลี่ยนไปทันที พวกเขาไม่คาดคิดว่าศิษย์สายตรงผู้นี้จะกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า ความเจ็บปวดจึงบังเกิดในหัวใจพวกเขา

หลินเซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อยเช่นกัน เขามองกลุ่มคนด้านหลังของฟานช่ง และทันใดนั้นเขาก็ทราบทันทีว่าศิษย์สายตรงผู้นี้ต้องการเอาคนของตนไป

แต่ภารกิจนี้เขาได้รับเป็นคนแรก มันสำคัญกับเขาอย่างมาก แล้วจะให้ยอมแพ้งั้นหรือ?

ขณะเดียวกันฟานช่งได้กล่าวเย้ยหยันต่อ “รีบส่งเหรียญภารกิจมา หรือจะให้ข้าใช้กำลัง!”

ดาบพิโรธสวรรค์

ดาบพิโรธสวรรค์

Status: Ongoing

ลินเซวียนถูกผนึกจุดชีพจรจากพลังลึกลับ ทำให้เขาไม่สามารถเปิดพลังวิญญาณเข้าสู่การบ่มเพาะพลังได้

ชีวิตที่ต้องทนลำบากจากการถูกดูหมิ่น เย้ยหยัน เหยียดหยาม

ด้วยความมุ่งมั่นพยายาม มันทำให้ชีวิตของเขาได้พบจุดเปลี่ยน!

หนึ่งดาบทะลวงดารา!

หนึ่งดาบสะเทือนฟ้าดิน!

หนึ่งดาบพิโรธสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท